ตรวจสายตา อายุ 60 – 64 ปี ตรวจทุก 2 – 4 ปี อายุ 65 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 1-2 ปี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการมองไม่เห็น
– ตรวจปัสสาวะ ควรตรวจทุกปี เพื่อคัดกรองความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ – ตรวจหาภาวะซีด ควรตรวจทุกปี เมื่ออายุ 70 ปีขึ้นไป – ตรวจหาไขมันในเลือด ควรตรวจทุก 5 ปี – ตรวจหาเบาหวาน ควรตรวจทุกปี – ตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไต ควรตรวจทุกปี เพื่อตรวจคัดกรองความผิดปกติของไต – มะเร็งปากมดลูก ตรวจทุก 3 ปีจนถึงอายุ 65 ปี หลังจากนั้นตรวจตามความเหมาะสม – มะเร็งเต้านม ตรวจ mammogram ทุก 1-2 ปี – มะเร็งลำไส้ใหญ่ ตรวจเม็ดเลือดแดงในอุจจาระทุกปี
– ภาวะโภชนาการ เพื่อลดภาวะทุพโภชนาการ และได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสม – ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต – ความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน เพื่อป้องกันการเกิดกระดูกหัก – ภาวะสมองเสื่อม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่เหมาะสมในการดำรงชีวิต – ภาวะซึมเศร้า เพื่อคัดกรองภาวะซึมเศร้า และได้รับการวินิจฉัยช่วยเหลือที่ถูกต้องและเหมาะสม เพราะพื้นฐานสำคัญของ “การมีสุขภาพดี” เริ่มต้นจากการดูแลสุขภาพด้วยตัวคุณเองการหมั่น “ตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย” เป็นประจำทุกปีอย่างน้อยปีละครั้งถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการระวังรักษา และถนอมสุขภาพให้ดีตลอดไปด้วยสภาพร่างกายและปัจจัยเสี่ยงของแต่ละเพศแต่ละวัยของแต่และคนนั้นมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน การเลือกรายการตรวจสุขภาพให้เหมาะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ และเราทุกคนก็ควรได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงวัยชราเลยทีเดียว แล้วแต่ละช่วงวัยควรตรวจอะไรบ้าง? กลุ่มเด็กแรกเกิด จนถึงวัยรุ่นไม่เกิน 20 ปี
กลุ่มวัยรุ่นตอนปลาย ผู้ใหญ่ตอนต้น อายุ 20-30 ปี ช่วงปลายวัยรุ่นวัยเรียนและเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน หลายคนอาจละเลยการดูแลสุขภาพ เพราะคนในวัยนี้ส่วนใหญ่ยังแข็งแรง ไม่ค่อยมีการเจ็บป่วยจากความเสื่อมของร่างกาย แต่อย่างน้อยควรได้รับการตรวจสุขภาพพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอปีละ 1 ครั้ง เพราะบางคนอาจมีรอยโรคบางอย่างที่เป็นมาแต่กำเนิดแต่ยังไม่เคยตรวจพบ หรือบางรายอาจมีโรคที่เกิดจากความเสี่ยงทางพันธุกรรมยางอย่าง หรือโรคอื่นๆ ที่สามารถตรวจได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้มีการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หลักเลี่ยงการเพิ่มความเสี่ยง รักษาหรือชะลอโรคไม่ให้ลุกลาม กลุ่มผู้ใหญ่ตอนต้น อายุ 30-40 ปี คนในวัยทำงานส่วนมากมักมีรูปแบบการใช้ชีวิตซ้ำๆ การรับประทานอาหารแบบเดิมๆ ที่เน้นความรวดเร็ว ดื่มน้ำน้อย ยิ่งหากขาดการออกกำลังกาย มีความเครียดสะสม นอนดึก คุณภาพการนอนไม่ดี จึงมักมีภาวะน้ำหนักตัวเกินและไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นต้นเหตุของหลายโรค ดังนั้นจึงควรตรวจสุขภาพพื้นฐานให้ครบถ้วน ดังนี้
กลุ่มอายุ 40-50 ปี ตรวจพื้นฐานเหมือนกับอายุ 30-40 ปี และตรวจเพิ่มเติมละเอียดมากขึ้น เช่น ตรวจคัดกรองมะเร็ง ตรวจฮอร์โมน การทำงานของปอด ภาวะไขมันพอกตับที่นำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับ ตรวจการทำงานหัวใจให้ละเอียดขึ้น เพราะโรคร้ายหรือภัยแฝงสุขภาพในช่วงวัยนี้พี่พบบ่อยขึ้น คือภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน อันมีสาเหตุมาจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ หลอดเลือดหัวใจตีบ และจากการมีคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ดังนั้นจึงควรตรวจสมรรถภาพหัวใจด้วยการวิ่งสายพาน (EXERCISE STRESS TEST : EST) กับตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram : Echo) เพิ่มเติม ทั้งนี้สำหรับเพศชายและเพศหญิงยังมีสิ่งที่ควรตรวจเพิ่มเติมที่แตกต่างกัน คือ
กลุ่มอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป นอกจากรายการตรวจพื้นฐานและการตรวจเพิ่มเติมในช่วงวัย 40-50 ปี แล้ว ในวัย 50 ปีขึ้นไปควรตรวจเพิ่มเติมเพื่อเน้นการค้นหาโรคแฝง โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดห้วใจ มะเร็ง ตรวจภูมิคุ้มกันที่มักลดลงตามวัย ดังนั้นควรพิจารณาเพิ่มรายการตรวจต่างๆ เหล่านี้ เช่น
นอกจากนี้ยังมีการตรวจยีน (Gene Testing) เพื่อหาความเสี่ยงการเกิดโรคก็มีความสำคัญ สามารถบอกความเสี่ยงการเกิดโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอให้ผลเลือดผิดปกติ ช่วยวางแผนดูแลสุขภาพทั้งการออกกำลังกาย อาหาร การตรวจทางการแพทย์ที่เหมาะสมตามความเสี่ยงทางพันธุกรรม กลุ่มผู้สูงอายุ วัย 60 ปีขึ้นไป
การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่จำเป็น
จะเห็นได้ว่า รายการตรวจสุขภาพของแต่ละวัยจะมีทั้งเหมือนและแตกต่างกัน หากยังเลือกไม่ถูกว่าควรตรวจอะไรบ้างดี เราสามารถปรึกษาแพทย์หรือเลือกแพ็กเกจตรวจสุขภาพตามช่วงอายุไว้ก่อน แล้วค่อยเลือกตรวจรายการอื่นๆ เพิ่มเติมตามความเสี่ยงของตนเอง ก็จะช่วยให้เรารู้ถึงสภาพร่างกาย เพื่อการดูแล หรือได้รับการรักษาที่เหมาะสม จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถดูแลตนเอง และใช้ชีวิตได้อย่างใจปรารถนาในทุกช่วงอายุ |