เกาะ ที่ ดี ที่สุด ใน ไทย

ซัมเมอร์มาถึงครั้งใด ร่างกายก็ต้องการทะเลทุกคราวไป วันๆ ก็นั่งคิดที่จะไปนั่งชิลๆ ริมทะเล ให้เสียงคลื่นกระทบโสตประสาทเล่น ตั้งใจจริงไรจริงขนาดนี้ แม้ยังเดินทางไม่ได้ไกลไปถึงมัลดีฟ แต่เชื่อหรือไม่ เมืองไทยเราก็มีเกาะสวยๆ ติดอันดับ “มัลดีฟส์เมืองไทย” อยู่มากมาย กระจายอยู่จังหวัดนั้นจังหวัดนี้ แพคกระเป๋าให้พร้อม จองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวกันกับ Traveloka พร้อมจองรถเช่าสำหรับใครที่ต้องการเช่ารถขับเที่ยว แบบที่ไม่ต้องเสียเวลา บินไปลงสนามบินแล้วรับรถขับเที่ยวกันได้เลย แล้วหนีร้อนไปนอนเกาะกันดีกว่า

จองรถเช่า และเช่ารถกับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/car-rental

มาดูกันว่า 20 เกาะในไทย สวยเหมือนมัลดีฟส์ มีที่ไหนกันบ้าง

1. เกาะขาม จังหวัดชลบุรี

เกาะขาม (Kham Island) เป็นอุทยานใต้ทะเลในพื้นที่สัตหีบ ตั้งอยู่ห่างออกไปจากฝั่งประมาณ 9 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยหาดทรายขาวสะอาด ท้องทะเลสีเขียวใส ไม่แพ้มัลดีฟส์ มีกิจกรรมมากมายให้เพลิดเพลิน ทั้งดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น นั่งเรือท้องกระจกชมฝูงปลาหลากสีสัน พายคายัคชมทัศนียภาพของเกาะ สามารถเที่ยวได้แบบไปเช้าเย็นกลับ ไม่สามารถค้างคืนได้ เนื่องจากเป็นเกาะที่อนุรักษ์ไว้โดยกองทัพเรือ สามารถเข้าไปดูรอบเรือ ราคาตั๋ว และเบอร์โทรจองตั๋ว ได้ที่  https://www.kohkham.com/

2. เกาะช้าง จังหวัดตราด

เกาะช้าง (Chang Island)  เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะทะเลอ่าวไทย และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตแหลมงอบ จังหวัดตราด บนเกาะมีเที่ยวครบทั้งป่าเขา ทาดทราย น้ำตก และป่าชายเลน 5 หาดสวยของเกาะ  ได้แก่ หาดคลองพร้าว หาดทรายขาว หาดมุกแก้ว หาดไก่แบ้ หาดท่าน้ำ และหาดบางเบ้า นอกจากเล่นน้ำทะเลสวยใสราวกระจก นอนอาบแดดบนหาดทรายขาวละเอียด บนเกาะยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกเช่น ขี่ข้าง  เดินป่า พายเรือ เล่นน้ำตก และดำน้ำขมโลกใต้น้ำอันสวยงาม

3. เกาะกูด จังหวัดตราด

เกาะกูด (Kood Island) เจ้าของสมญา “อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” เป็นเกาะใหญ่อันดับ 2 ของจังหวัดตราด รองจากเกาะช้าง ธรรมชาติบนเกาะยังคงความสมบูรณ์สุดๆ หาดทรายขาวสะอาดสวยงาม ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาด บรรยากาศเงียบสงบ มีที่เที่ยวหลายแห่ง เช่น   อ่าวคลองยายกี๋ อ่าวตะเภา อ่าวคลองเจ้า อ่าวง่ามโข่ อ่าวคลองหิน คลองยายกี๋ อ่าวคลองตาติ้น อ่าวพร้าว อ่าวจาก อ่าวยายเกิด อ่าวสลัด อ่าวกล้วย และยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพายเรือคายัก ดำน้ำ เล่นน้ำตกคลองเจ้า และนั่งเรือเที่ยวเกาะแรดและเกาะไม้ชี้

4. เกาะเหลายา จังหวัดตราด

เกาะเหลายา (Laoya Island) อีกหนึ่งเกาะที่สวยงามและสงบของจังหวัดตราด ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เป็นเกาะเล็กๆ 3 เกาะ กลางอ่าวสลักเพชร ตั้งเรียงกันอยู่ใกล้กับเกาะช้าง ได้แก่ เกาะเหลายาใน เกาะเหลายากลาง และเกาะเหลายานอก  เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส และมีจุดดำน้ำที่สมบูรณ์ไปด้วยปะการังมากมายหลายชนิด จุดไฮไลท์ของเกาะเหลายาอยู่ตรงที่สะพานเชื่อมระหว่างเกาะทั้ง 3   ซึ่งเป็นจุดชมวิว และจุดถ่ายภาพที่สวยที่สุดของเกาะ ใครไม่ได้ถ่ายรูปที่กลางสะพาน ถือว่ายังมาไม่ถึงเกาะเหลายา

5. เกาะพยาม จังหวัดระนอง

เกาะพยาม (Phayam Island) เกาะเล็กๆ กลางทะเลอันดามันในจังหวัดระนอง ที่ถูกเรียกขานว่า “มัลดีฟส์เมืองไทย” น้ำทะเลใสราวกระจก มีแหล่งท่องเที่ยวทั่วเกาะ อาทิ หินทะลุรูปหัวใจ อ่าวเขาควาย อ่าวใหญ่ อ่าวแม่ม่าย อ่าวกวางปีบ มีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งเล่นน้ำทะเล นอนอาบแดด พักผ่อนรับลมทะเล ปั่นจักรยานเที่ยว พายเรือคายัก และชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น บนเกาะสะดวกครบครันด้วยที่พักหลากสไตล์ ร้านอาหารและร้านค้าท้องถิ่น สำหรับสายปาร์ตี้ก็มีร้านเก๋ๆ ริมหาดให้นั่งจิบเครื่องดื่มชิลๆ อีกด้วย

6. เกาะลังกาจิว จังหวัดชุมพร

เกาะลังกาจิว (Koh Langka Jew Island) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นเกาะเล็กๆ ที่สวยงามสุดๆ เป็นจุดดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นที่ขึ้นชื่อ และในอตีตพระบาทสมเด็จฯ รัชกาลที่ 5 เคยทรงเสด็จประพาส ฯ ถึง 3 ครั้ง ยังคงเหลือทิ้งไว้ซึ่งลายฝีพระหัตถ์จารึก จปร. และ ร.ศ. จำหลักอยู่บนแผ่นหิน บริเวณด้านหน้าปากทางเข้าถ้ำนกนางแอ่น แม้เกาะแห่งนี้จะเป็นแหล่งรังนกนางแอ่น แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถขึ้นไปเดินเที่ยวชายหาด หรือดำน้ำ ชมปะการัง และดูฝูงปลานานาชนิดได้

7. เกาะหลักแรด จังหวัดชุมพร

เกาะหลักแรด (Lak Rad Island) หรือเกาะอีแรด แห่งน่านน้ำของทะเลชุมพร อยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 3.7 กิโลเมตร  เป็นเกาะหินปูนที่มีลักษณะคล้ายแรด อันเป็นมาของชื่อเกาะ ไม่ไกลจากตัวเกาะ มีภูเขาหินปูนน้อยใหญ่เรียงกัน 3 ก้อน เชื่อว่าเป็นที่ผูกแรด จึงเรียกกันว่า “หินหลักแรด” เป็นเกาะที่อุดมสมบูรณด้วยแนวปะการัง เหมาะสำหรับดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น จุดเด่นของเกาะนี้อยู่ที่ “ปะการังครก” ที่หาดูได้ยาก และยังมี “ปลิงทะเลสร้อยไข่มุก” ให้ได้ชมแบบตัวเป็นๆ อีกด้วย

8. เกาะง่ามใหญ่ – เกาะง่ามน้อย จังหวัดชุมพร

เกาะง่ามใหญ่ (Ngam Yai  Island) และ เกาะง่ามน้อย (Ngam Noi Island) เป็นเกาะแฝดที่ตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 300 เมตร เป็นเกาะสัมปทานรังนกในหมู่เกาะชุมพร  บริเวณรอบเกาะเป็นเกาะหินซ้อนกันเป็นชั้นขนาดใหญ่ ไม่สามารถขึ้นไปบนเกาะได้  ใต้โตรกหินมีแนวปะการังและดอกไม้ทะเลที่งดงาม ทั้งปะการังเขากวาง ปะการังจาน ปะการังสมอง  รวมถึงฝูงปลาหลากหลาย ทั้งปลาไหลมอร์เรย์ ปลาหูช้าง ปลาผีเสื้อ และปลาการ์ตูนอินเดียนแดง หากโชคดีอาจได้เห็น “ฉลามวาฬ” ใจดี และทางตอนใต้ของเกาะง่ามน้อยเป็นจุดดำน้ำลึก โดยมี “เรือหลวงปราบ 741” จมอยู่ใต้ท้องทะเล

9. เกาะนุ้ยนอก จังหวัดนครศรีธรรมราช

เกาะนุ้ยนอก (Nui Nok Island) เกาะเล็กๆ กลางทะเลในอำเภอขนอม อยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ สามารถเดินข้ามระหว่างเกาะได้ในช่วงน้ำลง สุดอันซีนบนเกาะคือบ่อน้ำจืดกลางทะเลอ่าวไทย ที่เชื่อกันว่าเกิดจากรอยเท้าของหลวงปู่ทวด กิจกรรมยอดนิยมของเกาะนุ้ยนอกคือ ชมเขาหินพับผ้า หรือ “แพนเค้กร็อก”ที่เกาะถ้ำหรือเกาะท่าไร่ ล่องเรือชมโลมาสีชมพู หากโชคดีอาจได้เห็นโลมาปากขวด และโลมาอิรวดีอีกด้วย

10. เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เกาะสมุย (Samui Island) เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของไทย  เป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังที่ขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ มีหาดทรายชื่อดังหลายแห่ง เช่น หาดเฉวง หาดละไม หาดท้องตะเคียน หาดลิปะน้อย หาดบางปอ หาดหน้าทอน หาดเชิงมน หาดบางรักษ์ หาดบางผุด และหาดแม่น้ำ  และยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีกเช่น วัดพระใหญ่ หมู่บ้านชาวประมงบ่อผุด น้ำตกหน้าเมือง ศาลเจ้ากวนอู จุดชมวิวเกาะลาด หินตาหินยาย และถนนคนเดินบ่อผุด ใกล้ๆ กันยังมีเกาะมัดสุมหรือเกาะหมู ที่สามารถเดินเท้าจากด้านหนึ่งของเกาะไปยังอีกด้านหนึ่งได้

11. หมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

หมู่เกาะอ่างทอง (Mu Ko Ang Thong) ตั้งอยู่บริเวณอ่าวคา ในทะเลอ่าวไทย อยู่ห่างจากเกาะสมุยประมาณ 32 กิโลเมตร ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ ทะเลสีเขียวมรกต หาดทรายขาวสะอาด ประกอบด้วยหมู่เกาะต่าง ๆ มากกว่า 40 เกาะ ได้แก่ เกาะท้ายเพลา เกาะวัวกันตัง เกาะหินดับ เกาะวัวตาหลับ เกาะสามเส้า และเกาะว่าว ซึ่งเป็นเกาะยอดนิยมสำหรับการดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น บนเกาะยังมีถ้ำบัวโบกที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม และมีจุดชมวิวผาจันทร์จรัส ซึ่งจะมองเห็นหมู่เกาะอ่างทอง  เกาะพะงัน และเกาะเต่าได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว

12.หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา

หมู่เกาะสิมิลัน (Similan Islands) หรืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา “สิมิลัน” เป็นภาษายาวี หมายถึงเกาะน้อยใหญ่ทั้ง 9 เกาะ ได้แก่ เกาะหนึ่ง(หูหยง) เกาะสอง(ปายัง) เกาะสาม(ปาหยัน) เกาะสี่(เมียง) เกาะห้า เกาะหก(ปายู) เกาะเจ็ด(หินปูซาร์) เกาะแปด(สิมิลัน) และเกาะเก้า(บางู) และยังมีเพิ่มเติมอีก 2 เกาะ ที่อยู่ในน่านน้ำละแวกเดียวกัน คือ เกาะบอนและเกาะตาชัย หมู่เกาะสิมิลันได้รับการยกย่องว่า เป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ มีปะการังที่สวยงามหลายชนิด สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเลยทีเดียว

13. หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา

หมู่เกาะสุรินทร์ (Surin Islands) อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ในพื้นที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา นับเป็นหนึ่่งในแแหล่งดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดของไทย ประกอบด้วยเกาะสุรินทร์เหนือและเกาะสุรินทร์ใต้ เกาะคู่แฝดที่มีพื้นน้ำตื้นๆ กั้นเรียกว่า “อ่าวช่องขาด” และเกาะเล็กๆ อีก 3 เกาะ คือ เกาะรี (เกาะสตอร์ก)  เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) และเกาะกลาง (เกาะปาจุมบา) หมู่เกาะสุรินทร์นับเป็นแหล่งกำเนิดของแนวปะการังน้ำตื้นขนาดใหญ่ ทั้งปะการังผักกาก ปะการังโต๊ะ ปะการังสมอง ปะการังนิ้วมือ ปะการังเขากวาง ปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และกัลปังหา

14. เกาะเต่า – เกาะนางยวน จังหวัดสุราษฏร์ธานี

เกาะเต่า (Tao Island) และเกาะนางยวน (Nangyuan Island) อยู่ห่างจากเกาะพะงันประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นแหล่งดำน้ำระดับโลกที่อุดมสมบูรณ์ด้วยปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก และปลาหลากสีสัน โดยไม่ต้องไปไกลถึงมัลดีฟส์  อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการสอนดำน้ำที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของภาคพื้นเอเชียแฟซิฟิก และมีหาดทรายขาวสวยสงบน่าพักผ่อนหลายหาด ไฮไลท์ห้ามพลาดคือ “สะพานทราย” สันทรายขาวสะอาด เชื่อมต่อเกาะเล็กๆ 3 เกาะ เข้าด้วยกัน สวยงามโดดเด่นติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก เลยทีเดียว

15. เกาะราชา จังหวัดภูเก็ต

เกาะราชา (Racha Island) หรือ เกาะรายา อยู่ห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นเกาะคู่แฝด คือ เกาะราชาใหญ่และเกาะราชาน้อย โดยเกาะราชาใหญ่ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากมีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลสวยใส มีทั้งหมด 5 อ่าว คือ อ่าวตะวันตกหรืออ่าวปะตก อ่าวสยาม อ่าวทือ อ่าวหลา และอ่าวขอนแค มีจุดดำน้ำชมปะการังที่สวยงามทั้งจุดดำน้ำตื้นและจุดดำน้ำลึก ส่วนเกาะราชาน้อยเป็นจุดดำน้ำลึกที่อุดมสมบูรณ์ไปดัวย มีปะการังและกัลปังหา โขดหินรอบเกาะมีปลาชุกชุม จึงเป็นแหล่งตกปลาที่ขึ้นชื่อ

16. เกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต

เกาะเฮ (He Island) หรือ คอรัลไอแลนด์ (Coral Island) เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ห่างจากชายฝั่งภูเก็ตประมาณ 10 กิโลเมตร นั่งเรือสปีดโบ๊ทจากท่าเรืออ่าวฉลองเพียง 15 นาที เท่านั้น ไฮไลท์ของที่นี่คือ “บานานาบีช” หาดทรายขาวเนื้อละเอียดที่ทอดตัวยาวไปตามแนวชายฝั่ง นำ้ทะเลใสราวกระจก จุดดำน้ำตื้นอยู่ทางตะวันตกของเกาะ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการังโขด ปะการังกิ่ง และปะการังจาน รวมทั้งปลาสีสันสวยงาม พลาดไม่ได้กับการพายเรือคายัค ที่โดดเด่นตรงท้องเรือเป็นพลาสติกใส ระหว่างพายเรือสามารถมองเห็นความสวยงามใต้ท้องทะเลได้ด้วย

17. หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

หมู่เกาะพีพี (Phi Phi Islands) เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 40 กิโลเมตร มี 6 เกาะน่าเที่ยว คือ เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล  เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะใน โดยมี  เกาะพีพีดอนเป็นศูนย์กลางของหมู่เกาะพีพี มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นเวิ้งอ่าวใหญ่ 2 อ่าว คืออ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัม ที่มีที่ราบคั่นตรงกลาง ส่วนเกาะพีพีเลมี “อ่าวมาหยา” เป็นแลนด์มาร์กสำคัญ และยังมีอ่าวปิเละทีี่บรรยากาศสงบเงียบ และถ้ำไวกิ้ง ให้นักท่องเที่ยวล่องเรือชมทัศนียภาพรอบๅ ถ้ำอีกด้วย

18. เกาะไก่ จังหวัดกระบี่

เกาะไก่ (Kai Island) หรือเกาะปอดะนอก เป็นเกาะที่รูปร่างหน้าตาละม้ายคล้าย “ไก่” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ห่างจากฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร อยู่ใกล้อ่าวนางและเกาะปอดะ เป็น 1 ใน 3 เกาะ ที่มีสันทรายเชื่อมถึงกัน หรือที่เรียกว่า “ทะเลแหวก” สุดอันซีนของกระบี่ ได้แก่ เกาะไก่ เกาะหม้อ และเกาะทับ ในเวลาน้ำลด หาดทรายด้านหน้าเกาะไก่จะเกิดเป็นปรากฏการณ์ทะเลแหวก ส่วนด้านหลังของเกาะไก่นั้นยังเป็นแหล่งดำน้ำตื้นอีกด้วย

19. เกาะกระดาน จังหวัดตรัง

เกาะกระดาน (Kradan Island) เป็น 1 ใน 7 เกาะ ที่อยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม  อยู่ห่างจากฝั่งราว 10 กิโลเมตร ไม่ไกลจากเกาะลิบงหรือเกาะมุกมากนัก เป็นเกาะที่ใช้จัดวิวาห์ใต้สมุทร เพราะมีชายหาดที่สวยที่สุดในทะเลตรัง ทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสแจ๋ว มีจุดชมพระอาทิตย์ตกอยู่ที่ “อ่าวช่องลม” ซึ่งมองเห็นเกาะรอกอยู่เบื้องหน้า ส่วนจุดดำน้ำตื้นอยู่ที่ “อ่าวเนียง” ที่มีแนวปะการังน้ำตื้นทั้งปะการังสมอง ปะการังเขากวาง ปะการังอ่อนหนามแดง บนเกาะมีรีสอร์ทและเต็นท์ให้นอนพักค้างคืน ฟังเสียงคลื่น นั่งชิลจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ริมชายหาด

20. เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล

เกาะหลีเป๊ะ (Lipe Island) เพชรเม็ดงามแห่งทะเลอันดามัน อยู่ห่างจากท่าเรือปากบารา 62 กิโลเมตร จุดเด่นอยู่ที่น้ำทะเลสีมรกตสวยงามดังสมญา “มัลดีฟเมืองไทย” มีชายหาดหลักๆ อยู่ 3 หาดได้แก่ หาดซันไรส์ (หาดชาวเล) หาดซันเซต (หาดประมง) และ หาดพัทยา (หาดบันดาหยา) รอบๆ เกาะหลีเป๊ะยังเป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียง เช่นเกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหินซ้อน เกาะหินงาม เกาะไม้ไผ่ และเกาะดง บนเกาะหลีเป๊ะครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งรีสอร์ท ร้านสะดวกซื้อ ทัวร์ดำน้ำ ร้านอาหาร แถมยังมีถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะให้เดินเล่นเพลินๆ กัน

ทะเลไทยมีดีตรงที่ ไม่ว่าจะฤดูไหนก็เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะทะเลอ่าวไทย หรือทะเลอันดามัน เมื่อร่างกายต้องการทะเลก็อย่ารอช้า เลือกจุดหมายปลายทางที่โดนใจ แล้วเดินทางกันเลยดีกว่า

เกาะไหนน่าเที่ยวในไทย

เกาะไหนไปง่าย

เที่ยวเกาะไหนดี 2023

ในประเทศไทยมีเกาะอะไรบ้าง