ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพ อายุเท่าไหร่

ชาย48แข็งตัวไม่เต็มที่-หลั่งไว กลัดกลุ้มใจกลัวเซ็กส์เลื่อม

ผมอายุ 48 ปี ภรรยาอายุ 45 ปี เริ่มมีปัญหาคือแข็งตัวไม่เต็มที่และหลั่งไวมากขึ้น ผมจึงมีคำถาม ดังนี้ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมีปัญหามาจากอะไร ผมกลุ้มใจมาก ก่อนนี้เรามีความสุขกันเกือบทุกวัน เดี๋ยวนี้ 6-7 เดือน มีอะไรกันแค่ 1-2 ครั้ง ใจอยากแต่อ่อนตัวเร็ว พฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2563 เวลา 00.15 น.

บอกต่อ : 38

15

13

10

ผู้ชายเสื่อมสมรรถภาพ อายุเท่าไหร่

กราบเรียน คุณหมอ ดร.โอ ที่นับถือ
        
ผมอายุ 48 ปี น้ำหนัก 75 กก. สูง 175 ซม. ภรรยาอายุ 45 ปี ครอบครัวมีความสุขมาตลอด เรื่องบนเตียงไม่เคยมีปัญหาจนมาเมื่อช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา เริ่มมีปัญหาคือแข็งตัวไม่เต็มที่และหลั่งไวมากขึ้น ผมจึงมีคำถาม ดังนี้ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมีปัญหามาจากอะไร เริ่มจากอายุเท่าไหร่ มียาแก้หรือไม่ มียาช่วยอาการหลั่งเร็วหรือไม่ การที่อวัยวะไม่แข็งตัวเกิดจากอะไร มียาช่วยหรือไม่ ผมกลุ้มใจมากเลย ก่อนนี้เรามีความสุขกันเกือบทุกวัน เดี๋ยวนี้ 6-7 เดือน มีอะไรกันแค่ 1-2 ครั้ง เท่านั้น เพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัว ใจอยากแต่อ่อนตัวเร็ว

ด้วยความนับถือ
มิ่ง 48

ตอบ มิ่ง 48
        
คำถามหลายข้อเกี่ยวกับยาที่รักษาสมรรถภาพทางเพศในวัย 48 ปี เป็นวัยที่ไม่มีปัญหาการอ่อนตัว (อีดี) และปัญหาการหลั่งเร็ว (พีอี) แต่โชคร้ายหากเมื่อเป็นกับใครแล้วก็ย่อมเกิดทุกข์ทางกายและใจ ความเป็นจริงแล้ว ยาก็คือยา คือจะมีผลดีและผลของอาการข้างเคียงที่จะทำให้กังวลและเป็นทุกข์ แต่อาการอ่อนตัวและหลั่งไวนั้นเป็นปัญหาปลายเหตุทุกคนที่เป็นอีดีและพีอีจะเกิดจากปัญหาต้นเหตุที่ต้องการรักษาจากแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและตัวอย่างเช่นเวลาพบว่ามีไข้สูงแต่รักษาแค่ยากินลดไข้ ก็คือพบว่าไข้ลดเป็นการเปลี่ยนแปลงอาการปลายเหตุเช่นกันไม่ได้รักษาต้นเหตุ พอไข้ลดก็ดีใจโดยไม่ได้รักษาต้นเหตุ ทำให้ซ้ำเติมกับอาการอักเสบเป็นมากขึ้นจนมีอาการรุนแรงแบบเรื้อรัง
        
การรักษาอีดีพบว่าการตรวจร่างกายโดยเฉพาะตรวจอวัยวะเพศ ตรวจเลือดเป็นตัวร่วมสำคัญที่จะหาสาเหตุของอีดีและพีอีใครที่ขอยาเพื่อนกิน บ้างก็ซื้อยากินเอง ก็มีอันตรายเปรียบเช่นกับกรณีเป็นไข้แล้วกินยาลดไข้สูงซ้ำซากเป็นบ่อย ๆ โดยไม่ตรวจหาสาเหตุต้นเหตุ อีดีมักพบปัญหาของการเผาผลาญของอาหารไม่หมด จนมีอาการพอกพูนส่วนเกินของอาหารทอด อาหารเนื้อหมูไก่ สะสมในเส้นเลือด จนพบว่ามีการลดลงของการแข็งตัวมีการลดลงของการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยน้อยลง จนเกิดเส้นเลือดตีบทำให้เกิดความดันสูง เส้นเลือดหัวใจตีบตามมาทั้งหมดจะแสดงอาการง่าย ๆ คือชายมีอาการแข็งตัวไม่เต็มที่อ่อนตัวลงมากจนกล้ามเนื้อเป็นพังผืดลดขนาดลงห่อเหี่ยวลงเดือนก่อน สองถึงสามปีล่วงหน้า ตรวจอวัยวะเพศพบกล้ามเนื้อเพศมีก้อน หัวอวัยวะเพศซีดขาว บีบดูจะเขียวคล้ำ และตรวจเลือดหากระดับไขมันตัวไม่ดีพบค่าแอลดีแอลสูง พร้อมกับพบค่าน้ำตาลสะสมสูง จึงเป็นการย้ำให้ระวังอันตรายของการกินยาโดยไม่ได้ตรวจจากแพทย์ ทำให้อันตรายถึงชีวิตอย่างไม่คาดฝัน วัย 48 ปียังมีไฟแรงอยู่หากความถี่ในการร่วมลดลงเหลือ 2 ครั้งต่อ 6 เดือนก็ฟ้องว่าสุขภาพกำลังแย่สุด ๆ
        
การแก้ปัญหาคือการไปพบแพทย์นั่นเอง วัยของคุณเมื่อตรวจรักษาแล้ว หากไม่มีเบาหวานหลบซ่อนอยู่และฮอร์โมนชายพบว่ามีค่าปกติก็มีโอกาสฟื้นฟูสู่สภาพเดิมได้ และถ้าเริ่มรู้ตัวโดยเริ่มจากเสริมฮอร์โมนในกรณีตรวจเลือดแล้วพบว่าขาดก็ต้องรักษาควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ ก็สามารถฟื้นการแข็งตัวได้ดีจนอาการหลั่งไวกลายเป็นหลั่งช้า จะได้ผลดีคือแข็งตัวได้นาน 30 นาทีขึ้นไป จนพอใจทั้งสองฝ่าย.

...............................................
ดร.โอ สุขุมวิท 51

ย้อนกลับ

พบได้ประมาณ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วย และเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

• เส้นเลือดแดงที่เข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศอุดตัน ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ
• ความผิดปกติกลไกของการกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้เลือดไม่สามารถกักเก็บในอวัยวะเพศได้
• มีความผิดปกติร่วมกันระหว่างเส้นเลือดแดงอุดตัน และกลไกการกดทับเล้นเลือดดำผิดปกติ

2. ความผิดปกติที่ระบบประสาท

ผู้ป่วยอาจจะมีความผิดปกติได้ตั้งแต่ระดับสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาทในอุ้งเชิงกราน เส้นประสาทที่อวัยวะเพศ เป็นต้น

3. ความผิดปกติของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย

ผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย อาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ความรู้สึกทางเพศลดลง ความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวลดลงโดยเฉพาะในตอนเช้า รู้สึกไม่มีแรง อ่อนเพลีย ความตั้งใจในการทำงานลดลง หรืออาจจะพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงหรือต่ำกว่าปกติ

4. ความผิดปกติของภาวะทางจิตใจ

ในอดีตมีความเชื่อว่า 90 % ของผู้ป่วยที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดจากภาวะทางจิตใจ แต่ปัจจุบันพบว่า เกิดจากโรคทางกายมากกว่าโรคทางจิตใจ
แต่ภาวะทางจิตใจที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ สามารถพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะความเครียด โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท หรืออาจจะเกิดจากยาทางด้านจิตเวชได้เช่นเดียวกัน

การตรวจและการวินิจฉัย

เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ แพทย์จะทำการซักประวัติ เรื่องลักษณะการแข็งตัว ความต้องการทางเพศ ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ ประวัติการเจ็บป่วย การผ่าตัดในอดีต โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ
ตรวจร่างกาย เพื่อประเมินความผิดปกติที่อวัยวะเพศ ขนาดของลูกอัณฑะ และตรวจดูต่อมลูกหมากในบางราย
การวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ

1. แพทย์อาจจะตรวจเลือดเพื่อดูโรคประจำตัว เช่น น้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด การทำงานของตับและไต ตรวจคัดกรองหามะเร็งต่อมลูกหมาก และตรวจหาระดับฮอร์โมนเพศชาย ในผู้ป่วยที่มีความต้องการทางเพศลดลงด้วย
2. การตรวจหาความผิดปกติในเส้นเลือดของอวัยวะเพศ (Penile Doppler ultrasound) ซึ่งจะตรวจในผู้ป่วยบางกรณีที่มีปัญหาขั้นรุนแรง โดยเป็นการตรวจวัดการทำงานของเส้นเลือดแดง และเส้นเลือดดำในอวัยวะเพศ เพื่อหาสาเหตุและทางเลือกในการรักษาอื่นๆ


การรักษา

เริ่มด้วยการที่ต้องรักษาโรคประจำตัว เช่น ควบคุมน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และความดันโลหิต งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการลดน้ำหนัก
ปรับเปลี่ยนยาบางตัวที่มีผลต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ถ้าผู้ป่วยมีความผิดปกติทางภาวะจิตใจ ให้ผู้ป่วยไปพบจิตแพทย์ ในผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ให้รักษาโดยการให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทน

1. การรักษาโดยการใช้ยา
โดยการใช้ยาในกลุ่ม PDE-5 Inhibitor เช่น Viagra, Levitra, Cialis โดยจะต้องรับประทานก่อนมีเพศสัมพันธ์ ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง ซึ่งยาในกลุ่มนี้จะไม่สามารถใช้ร่วมกับยาในกลุ่ม Nitrate ได้ และยาในกลุ่มนี้ผลข้างเคียง เช่น ใจสั่น ปวดศรีษะ เห็นแสงวูบวาบ คัดจมูก เป็นต้น

2. การใช้กระบอกสุญญากาศ (Vacuum device)
โดยการใช้กระบอกสุญญากาศครอบที่อวัยวะเพศ หลังจากนั้นก็สูบอากาศออกจากท่อ ทำให้เลือดเข้าไปในอวัยวะเพศจนอวัยวะเพศแข็งตัวได้ดี หลังจากนั้นจึงใช้ยางรัดเพื่อไม่ให้เลือดไหลออก

3. การใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำ (Shockwave therapy)
เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำกระแทกในเนื้อเยื่อของอวัยวะเพศ เป็นเทคโนโลยีและทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นในอวัยวะเพศ ทำให้เกิดการฟื้นฟูและรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ วิธีการคือ ใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำแบบแรงกระแทกจากภายนอกไปบนอวัยวะเพศ ให้ได้รับการรักษาดังกล่าว 1 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลาติดต่อกัน 5 สัปดาห์ พบว่าช่วยให้มีการสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นในอวัยวะเพศ ทำให้เกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ดีขึ้น

ใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศไม่เพียงพอ เช่น ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือในผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการทานยาเพื่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ แล้วไม่ต้องการทานยาประจำ ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้พบว่าไม่มีอาการปวดขณะที่ทำ และไม่พบผลข้างเคียงในระหว่างและหลังการรักษาแต่อย่างใด