ผมอายุ 48 ปี ภรรยาอายุ 45 ปี เริ่มมีปัญหาคือแข็งตัวไม่เต็มที่และหลั่งไวมากขึ้น ผมจึงมีคำถาม ดังนี้ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมีปัญหามาจากอะไร ผมกลุ้มใจมาก ก่อนนี้เรามีความสุขกันเกือบทุกวัน เดี๋ยวนี้ 6-7 เดือน มีอะไรกันแค่ 1-2 ครั้ง ใจอยากแต่อ่อนตัวเร็ว พฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2563 เวลา 00.15 น. บอกต่อ : 3815 13 10 กราบเรียน คุณหมอ ดร.โอ ที่นับถือ ย้อนกลับ พบได้ประมาณ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วย และเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ • เส้นเลือดแดงที่เข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศอุดตัน ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ 2. ความผิดปกติที่ระบบประสาท ผู้ป่วยอาจจะมีความผิดปกติได้ตั้งแต่ระดับสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาทในอุ้งเชิงกราน เส้นประสาทที่อวัยวะเพศ เป็นต้น 3. ความผิดปกติของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย อาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ความรู้สึกทางเพศลดลง ความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวลดลงโดยเฉพาะในตอนเช้า รู้สึกไม่มีแรง อ่อนเพลีย ความตั้งใจในการทำงานลดลง หรืออาจจะพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงหรือต่ำกว่าปกติ 4. ความผิดปกติของภาวะทางจิตใจ ในอดีตมีความเชื่อว่า 90 % ของผู้ป่วยที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดจากภาวะทางจิตใจ แต่ปัจจุบันพบว่า เกิดจากโรคทางกายมากกว่าโรคทางจิตใจ การตรวจและการวินิจฉัย เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ แพทย์จะทำการซักประวัติ เรื่องลักษณะการแข็งตัว ความต้องการทางเพศ ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ ประวัติการเจ็บป่วย การผ่าตัดในอดีต โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ 1. แพทย์อาจจะตรวจเลือดเพื่อดูโรคประจำตัว เช่น น้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด การทำงานของตับและไต ตรวจคัดกรองหามะเร็งต่อมลูกหมาก และตรวจหาระดับฮอร์โมนเพศชาย ในผู้ป่วยที่มีความต้องการทางเพศลดลงด้วย
เริ่มด้วยการที่ต้องรักษาโรคประจำตัว เช่น ควบคุมน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด และความดันโลหิต งดสูบบุหรี่ งดดื่มสุรา นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการลดน้ำหนัก 1. การรักษาโดยการใช้ยา 2. การใช้กระบอกสุญญากาศ (Vacuum device) 3. การใช้คลื่นเสียงความถี่ต่ำ (Shockwave therapy) ใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศไม่เพียงพอ เช่น ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือในผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการทานยาเพื่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ แล้วไม่ต้องการทานยาประจำ ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้พบว่าไม่มีอาการปวดขณะที่ทำ และไม่พบผลข้างเคียงในระหว่างและหลังการรักษาแต่อย่างใด |