<path d="M18.6514224,10.4604595 C17.3924224,11.9688254 13.9774224,15.4790227 9.46342244,15.5 L9.42442244,15.5 C6.26242244,15.5 3.20842244,13.7938483 0.345422443,10.4264963 C-0.115140814,9.88163847 -0.115140814,9.08439833 0.345422443,8.5395405 C1.60442244,7.03117456 5.01942244,3.52097727 9.53342244,3.5 L9.57342244,3.5 C12.7354224,3.5 15.7894224,5.20615167 18.6524224,8.5735037 C19.1122856,9.11875503 19.1118633,9.91569484 18.6514224,10.4604595 Z M17.8674224,9.2228003 C15.2084224,6.09518855 12.4194224,4.50990594 9.57442244,4.50990594 L9.54042244,4.50990594 C5.46142244,4.52888537 2.30642244,7.78335969 1.14042244,9.18084575 C0.991393136,9.3517953 0.988008897,9.60533857 1.13242244,9.78019645 C3.79142244,12.9078082 6.58142244,14.4920919 9.42542244,14.4920919 L9.46042244,14.4920919 C13.5394224,14.4741114 16.6934224,11.2196371 17.8604224,9.822151 C18.0095734,9.6511131 18.0125381,9.39726759 17.8674224,9.2228003 L17.8674224,9.2228003 Z M9.49942244,13.3932823 C7.35251405,13.3646853 5.63255349,11.6080263 5.65157552,9.46333471 C5.67059754,7.31864313 7.42144652,5.59270141 9.56852513,5.6021069 C11.7156037,5.61151239 13.4512316,7.35272696 13.4514224,9.49750271 C13.4349115,11.6625186 11.6668124,13.4054651 9.49942244,13.3932823 L9.49942244,13.3932823 Z M9.49942244,6.61762258 C7.91092198,6.63961751 6.63891624,7.93990193 6.65354481,9.52676854 C6.66817338,11.1136351 7.96393479,12.3902997 9.55257137,12.3830695 C11.1412079,12.3758393 12.4252698,11.0874333 12.4254224,9.50049946 C12.4127657,7.89797688 11.1037033,6.60820738 9.49942244,6.61762258 L9.49942244,6.61762258 Z" /><path d="M9.5,13 L15,13 C15.5522847,13 16,12.5522847 16,12 L16,12 L16,5 C16,4.44771525 15.5522847,4 15,4 L15,4 L4,4 L4,4 C3.44771525,4 3,4.44771525 3,5 L3,12 C3,12.5522847 3.44771525,13 4,13 L7,13 L7,15.5 L9.5,13 Z M15.0081158,13.973325 L10,13.973325 L7.42191625,16.5445317 C6.63661359,17.3277395 6,17.0667904 6,15.9700713 L6,13.973325 L3.99188419,13.973325 C2.89179693,13.973325 2,13.0706688 2,11.979044 L2,4.994281 C2,3.89287002 2.89339733,3 3.99188419,3 L15.0081158,3 C16.1082031,3 17,3.90265618 17,4.994281 L17,11.979044 C17,13.0804549 16.1066027,13.973325 15.0081158,13.973325 Z" /> การเขียนเชิงวิชาการ (Academic writing) นั้นค่อนข้างยากสำหรับผู้เริ่มต้นหัดเขียนไม่ว่าจะเป็นบทความทางวิชาการ (Academic article) หรือบทความวิจัย (Research article) เนื่องจากผู้เขียนต้องรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษมากพอสมควร เช่น ไวยากรณ์ (Grammar) Tense ทั้งที่อยู่ในรูปของ Active voice และ Passive voice และหลักการในการเขียนแต่ละส่วน (Section) ของบทความ ได้แก่ การเขียนในส่วนของบทคัดย่อ (Abstract) ควรเขียนแบบ Present tense หรือ Present perfect tense ถ้าเป็นการเขียนกล่าวนำ (Introduction) หรือกล่าวถึงข้อมูลพื้นฐาน (Background information) แต่หากเป็นส่วนของผลการทดลอง (Experiment) ควรเขียนเป็น Past tense เป็นต้น Writing academic article and research article seems to be difficult for all beginners. This is due to the fact that academic writing requires fundamental knowledge of English e.g. grammar, tense, and arrangement of sections in an article. For example, present tense is mostly used in an abstract, present perfect tense should be used in an introduction and background information, and past tense is used for reporting experiment results. ผู้เขียนควรรู้จักคำนาม (Noun) กริยา (Verb) คำคุณศัพท์ (Adjective) คำวิเศษณ์ (Adverb) เพื่อที่จะเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้อง เช่นคำว่า “Train” หากเป็นคำนามอาจมีความหมายคือ “รถไฟ” แต่หากเป็นกริยาจะเปลี่ยนความหมายเป็น “อบรม, ฝึกฝน” เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบ ได้แก่ Writer should learn the usage of Noun, Verb, Adjective, and Adverb to be able to use them correctly. For example, the noun “Train” could mean differently when it is used as verb in a sentence. Some websites for checking are listed below.
ในการเขียนเชิงวิชาการ หากต้องเขียนคำศัพท์คำเดิมซ้ำหลาย ๆ รอบ อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกเบื่อกับคำศัพท์นั้น ๆ ดังนั้น ผู้เขียนควรจะใช้คำศัพท์ที่เป็น “ไวพจน์ หรือ คำพ้องความหมาย (Synonym)” เข้ามาช่วยทำให้บทความมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการค้นหาคำที่เป็น synonym ได้แก่ In academic writing, repeating the same word too often could bore your readers. Using synonyms is helpful to replace some repeating words and make your article more attractive to read. The link below is where you can find synonym words. การเขียน Academic Writing ด้วย templates นั้นทำให้เราเขียนทางวิชาการได้เร็วและดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ Writing templates คืออะไร? ครูมองว่า template คล้ายๆสูตรเลข คือ เป็นสูตรแล้วให้เราใส่คำของเราเข้าไป ให้ดูตัวอย่างจะเข้าใจง่ายที่สุดค่ะ By focusing on _____, X overlooks the deeper problem of _____ . (Graff & Birkenstein, 2006, p. 55) ว่าง่ายๆก็คือ phrase หรือ sentence ที่เป็นสูตรมาแล้วให้เรานำไปปรับใช้ได้ ซึ่งการใช้ templates นี้เป็นวิธีง่ายๆที่นำไปใช้ได้ทันที ทำให้เราเขียนได้ดีขึ้น คิดได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาฝึกมาก ทำให้ย่นระยะเวลาได้เยอะ (จะได้ส่งการบ้าน ส่งthesisได้ทัน จริงไหมคะ) วิธีการใช้ templates ให้เป็น model ค่ะ คือ ให้ดู structure ของ template แล้วเปลี่ยนเป็นคำและเนื้อหาที่เหมาะสมกับงานของเรา ว่าง่ายๆคือใช้เป็น inspiration ค่ะ ปกติเราก็จะรู้อยู่บ้างแล้วว่าsynonymsมีอะไรบ้าง เราก็เอามาใช้แทนในtemplateได้ ประโยชน์ของ templates นั้นมีสองข้อใหญ่
ข้อแนะนำเพิ่มเติม (extra credit for go-getters) นอกจากใช้ templates และ models ตามนี้แล้ว ครูม่อนยังแนะนำให้รวบรวม phrases ที่เราอ่านเจอในpaper ของสาขาเราด้วยค่ะ เพราะว่าในแต่ละสาขาจะมีการเขียนที่แตกต่างกันบ้าง ถ้าเราหัดสังเกตและจดphrases จดsentencesที่เราอ่านเจอ เวลาเราจะเขียนเราก็จะได้ style ที่เหมาะกับสาขาเราค่ะ ตัวอย่าง templates ครูได้รวบรวม templates ที่น่าจะได้ใช้บ่อยๆมาไว้ตรงนี้ จะได้ดูกันง่ายๆนะคะ Establishing a research territory เวลาจะเขียนงานวิจัย เราก็ต้องอธิบายก่อนว่าเรื่องที่เราจะเขียนนั้นมีงานวิจัยอะไรมาแล้วบ้าง มีความรู้อะไรแล้วบ้าง ลองใช้ template เหล่านี้เป็น model ในการเขียนได้ค่ะ In recent years, researchers have become increasingly interested in _____ . Describing research gaps เวลาเขียนงานวิจัย เราก็ต้องบอกว่า research gaps คืออะไร เพื่อ justify ว่าทำไมงานวิจัยของเราถึงมีประโยชน์ ลองใช้ templates ต่อไปนี้ค่ะ There is limited research investigating ____ . Stating your objectives ไม่ว่าจะ proposal หรือ thesis เราก็ต้องบอกว่าเป้าหมายของเราคืออะไร และต้องให้ละเอียดด้วย ยิ่งละเอียดยิ่งทำให้เราทำวิจัยง่ายขึ้น เขียนได้ง่ายขึ้นค่ะ This study provides an overview of ___ . Describe the scope and organization of your paper การเขียน paper ให้อ่านง่าย เราต้องให้ overview ว่าpaperเราจะมีอะไรบ้าง และเรียงลำดับอย่างไร เพราะว่างานวิจัยนั้นมักจะซับซ้อนเข้าใจยากอยู่แล้ว เราต้องช่วยให้คนอ่านอ่านได้ง่ายที่สุด (ตอนที่เราเป็นคนอ่านเอง เราก็รู้สึกดีใจเวลาคนเขียนเขียนให้อ่านง่าย จริงไหมคะ) This paper provides an overview of ….. Literature review Literature review สำคัญมาก และมักจะโดนสั่งให้ทำบ่อยด้วยเวลาเรียน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำวิจัย ในวิชาเรียนก็มักจะสั่งให้ทำ เพราะว่าทำให้เราเข้าใจเนื้อหาและความรู้ในสาขาได้ลึกซึ้ง แต่เวลาเราเขียนเราจะเขียนอย่างไรได้บ้าง ลองดูตัวอย่างกันค่ะ Templates ที่พูดถึงภาพรวมของ literature ใน topic นั้นๆ A number of researchers have …… Templates ที่ระบุว่าใครพูด นอกจากการพูดถึง literature ในภาพรวมแล้ว เรายังต้องกล่าวถึงงานเฉพาะของนักวิจัยแต่ละคนแต่ละกลุ่มด้วย ลองใช้ templates ต่อไปนี้ค่ะ ถ้าแบบง่ายที่สุดก็คือบอกว่าใครพูดอะไร แต่ใน academic writing นั้นเราต้องหัดใช้คำที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า say ด้วย แต่ไม่ใช่ว่าใช้ said ไม่ได้นะคะ แต่เราต้องอย่าลืมว่าในหลายๆครั้งเราต้องอธิบายให้ละเอียดกว่าการที่จะบอกว่าเขาพูดอะไรไว้ X (2010) ………………… that ______ จะเห็นได้ว่าการที่จะ reference งานของคนอื่นให้ได้ดีนั้น เราควรจะระบุความสำคัญของงานเขาด้วย เช่น support argument อะไร, draw a connection ระหว่างปัจจัยอะไร เป็นต้น ซึ่งการที่เราต้องเขียนละเอียดแบบนี้ยังเป็นการบังคับให้เราทำความเข้าใจงานของคนอื่นให้มากขึ้น (ถ้าเราไม่เข้าใจก็เขียนไม่ได้) ซึ่งครูม่อนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เหตุผลนี้แหละที่ทำให้ครูคิดว่ายิ่งเขียนเราก็ยิ่งเรียนรู้มากขึ้น คือ write to learn นั่นเอง Discussion and Conclusion เวลาเขียน findings ของงานเราเองนั้น เขียนอย่างไรได้บ้าง มาดูตัวอย่างกันค่ะ The study’s findings ……………….. ____________ จากนั้นเราก็อธิบายให้ลึกขึ้นว่า findings ของเราเกี่ยวข้องอย่างไรกับ literature ที่มีอยู่แล้ว These findings differ from ______ . จะเห็นได้ว่าการใช้ templates พวกนี้จะบังคับให้เราหัดคิดไปโดยอัตโนมัติ ทำให้งานเราดีขึ้น และที่สำคัญคือทำให้เราเขียนได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ ลองไปใช้กันดูนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนค่ะ แนะนำ resources
|