...ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เกดิ วกิ ฤตการณท์ ง้ั ภายในและภายนอกประเทศ เร่ืองสามัคคีเภทคาฉันท์ เป็นนิทานสุภาษิต ในมหา สามัคคีเภทคาฉันท์ ถือเป็นวรรณคดีท่ีทันสมัยเรื่องหน่ึง -๑- สามัคคีเภทคาฉนั ท์ แตง่ ด้วยคาประพันธ์ (๑) สทั ทลุ วกิ กฬี ิตฉนั ท์ ๑๙ (๙) มาลนิ ีฉันท์ ๑๕ -๒- โดยในบทเรยี นประกอบดว้ ยฉันท์ ๑๐ ชนิด ได้แก่ ๑. ภุชงคประยาต ฉันท์ ๑๒ ตวั อยา่ งบทประพันธ์ ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนงึ การ กษตั รยิ ล์ ิจฉวีวาร ระวงั เหอื ดระแวงหาย ๒. มาณวก ฉันท์ ๘ กาลอนุกรม ๓. อเุ ปนทรวเิ ชยี ร ฉันท์ ๑๑ ตวั อย่างบทประพนั ธ์ ทชิ งค์เจาะจงเจตน์ กลห์เหตยุ ยุ งเสรมิ กระหนา่ และซา้ เติม นฤพัทธกอ่ การณ์ - ๓- ๔. สัทธรา ฉันท์ ๒๑ ๕. สาลนิ ี ฉันท์ ๑๑ ตระหนักเหตุถนัดครัน ๖. อุปฏั ฐติ า ฉนั ท์ ๑๑ ชนะคล่องประสบสม ๗. อนิ ทรวิเชยี ร ฉนั ท์ ๑๑ ตวั อยา่ งบทประพันธ์ ปน่ิ เขตมคธขัต ตยิ รชั ธารง ย้ังทัพประทับตรง นคเรศวสิ าลี - ๔- ๘. วชิ
ชมุ มาลาฉันท์ ๘ ทราบถงึ บัดดล ๙. จติ รปทา ฉันท์ ๘ นิวิสาลี ๑๐. สทั ทูลวกิ กฬี ติ ฉันท์ ๑๙ ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยุหกรี ธาสวู่ ิสาลี นคร โดยทางอันพระทวารเปิดนรนิกร ฤๅรอตอ่ รอน อะไร - ๕- ประวัตผิ ้แู ตง่ นายชิต บรุ ทตั เข้าศกึ ษาเบอ้ื งต้นทโ่ี รงเรยี นวัดราชบพิธ และเข้าศึกษาจนจบ ช้ันมัธยมบริบูรณ์ ท่ีโรงเรียนวัดสุทัศน์ เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี บิดาจึงให้บวชเป็น สามเณร ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวง ชนิ วรสริ วิ ัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจา้ นายชิตมีความสนใจการอ่านเขียน และ นายชิต บุรทัตได้สร้างผลงาน เม่ืออายุได้ ๑๘ ปี โดยได้รับอาราธนา นิตยสาร ข้อความโฆษณาเป็น จากองค์สภานายกหอสมุดวชิรญาณ ร้อยกรอง และท่านยังมีช่ือเสียง ใ ห้ ร่ ว ม แ ต่ ง ค า ฉั น ท์ ส ม โ ภ ช ม ห า ในการแตง่ ร้อยแก้วซง่ึ สามารถ เศวตฉัตร ในงานพระราชพิธีฉัตร อ่านอย่างรอ้ ยกรองไวใ้ น ไทยแม้จนปจั จุบนั น้ี -๖- วัสสการพราหมณ์ : เป็นผู้มีสติปญั ญาดี รอบรู้ พระเจ้าอชาตศตั รู : มคี วามคดิ ตรติ รอง เลือกผทู้
เ่ี หมาะสม เหล่ากษัตริย์ลิจฉวี : เป็นกลุ่มคนที่มีความ เหลา่ พระโอรสของกษัตริย์ลิจฉวี : แม้เคยเป็นมิตรกัน แต่กลับถูกยุยงให้แตก กันไดง้ า่ ย - ๗- ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ ถอดความได้วา่ พราหมณค์ ดิ วา่ กษตั รยิ ์ลจิ ฉววี างใจ จึงเป็นโอกาสเหมาะทีจ่ ะเรม่ิ ทา - ๘- ณ วันหนึ่งลุถงึ กา ลศกึ ษาพชิ ากร
จะถูกผิดกระไรอยู่ กร็ ับอรรถอออือ ก็เทา่ นัน้ ธ เชญิ ให้ ถอดความได้ว่า วันหน่ึงเม่ือถึงโอกาสท่จี ะสอนวิชา กุมารลิจฉวีกเ็ สด็จมา ทันใดนั้นวัสสการพ - ๙- อุรสลจิ ฉวีสรร พชวนกนั เสดจ็ มา และตา่ งซักกมุ ารรา ชองค์น้ันจะเอาความ พระอาจารย์สิเรียกไป ณ ขา้ งใน ธ ไต่ถาม อะไรเธอเสนอตาม วจีสตั ยก์ ะสา่ เรา เฉลยพจน์กะครเู สา วภาพโดยคดมี า กุมารอื่นก็สงสัย มิเช่ือในพระวาจา สหายราช ธ พรรณนา และต่างองค์ก็พาที เลอะเหลวนักละลว้ นนี รผลเหน็ บ เปน็ ไป เถอะถึงถ้าจะจรงิ แม้ ธ พูดแทก้ ท็ าไม แนะชวนเขา้ ณ ข้างใน จะถามนอก บ ยากเยน็ ถอดความได้ว่า เหล่าโอรสลิจฉวีก็พากนั มารมุ ถามพระกุมารว่าพระอาจารย์เรียกเข้าไป ขา้ งใน ไดค้ ยุ อะไรกันบา้ ง บอกมาตามความจรงิ พระกุมารก็เล่าใหฟ้ ัง แต่เหล่ากุมาร ไม่เชอ่ื จึงพากันวจิ ารณ์วา่ พระอาจารย์ไมพ่ ูดเร่ืองเหลวไหลแบบน้ันหรอก และหากว่าจะ พดู จรงิ ทาไมจะตอ้ งเรียกเขา้ ไปถามข้างในห้อง ถามกนั ข้างนอกห้องก็ได้ - ๑๐- ชะรอยวา่
ทชิ าจารย์ คิดอา่ นกะท่านเปน็ พพิ ิธพนั ธไมตรี ถอดความได้ว่า พระกุมารองค์อ่ืนๆจึงสงสัยว่าท่านอาจารย์กับพระกุมารต้องมีความลับ - ๑๑- ลว่ งลปุ ระมาณ กาลอนกุ รม ถอดความไดว้ า่ เม่ือถงึ เวลาท่ีจะสอนกเ็ ชิญพระกมุ ารพระองคห์ นงึ่ เขา้ ไปในห้อง พราหมณจ์ งึ - ๑๒- อยา่ ติและหลู่ ครจู ะเฉลย ถอดความได้ว่า อย่าหาว่าตาหนิหรือลบหลู่เลย อยากรู้ว่าวันน้ีพระกุมารเสวยพระกระยาหารอะไร - ๑๓- เธอกแ็ ถลง แจง้ ระบมุ วล ถอดความได้ว่า พระกุมารก็ตอบตามความจริง แต่เหล่ากุมารต่างไม่เช่ือ เพราะคิดแล้วไม่ -- ๑๓๔-- ทิชงคเ์ จาะจงเจตน์ กลห์เหตุยยุ งเสรมิ จะแน่มแิ น่เหลอื ถอดความได้ว่า พราหมณ์เจตนาหาเหตุยุแหย่ซ้าเติมอยู่เสมอ ๆ เมื่อเห็นโอกาสเหมาะก็จะเชิญ พระกมุ ารเสด็จไป แล้วก็แกล้งทูลถาม บางครั้งก็พูดว่า ขา้ พระองค์ได้ยินขา่ วเล่าลอื เขานินทาพระ กุมารว่าพระองค์ยากจนและขดั สน เป็นแบบนั้นจริงเหรอ ดูแล้วไม่น่าเชื่อ ตรงน้ีไม่มีใคร ขอให้ ทรงเล่ามาเถดิ - ๑๕- และบา้ งกก็ ล่าวว่า นะ่ แน่ะขา้ จะขอถาม กุมารองค์เสา คุรทุ า่ นจะถามไย ทวชิ แถลงวา่ ถอดความได้ว่า บางคร้ังก็พูดว่าข้าพระองค์ขอทูลถามพระกุมาร
เพราะได้ยินเขาลือกันว่าท่านมี - ๑๖- กุมารพระองค์น้ัน ธ มทิ ันจะไตร่ตรอง พิโรธกมุ ารองค์ เหมาะเจาะจงพยายาม ทะนงชนกตน ถอดความได้ว่า กุมารพระองค์นั้นไม่ทันได้คิดก็เช่ือในคาพูดของอาจารย์ ด้วยความวู่วามก็ - ๑๗- ลาดับนนั้ วัสสการพราหมณ์ ธ กย็ ศุ ษิ ยตาม ต่างองค์นาความมงิ ามทลู ลวุ รบิดรลาม ฟั่นเฝอื เชื่อนัยดนยั ตน ถอดความได้ว่า ในขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ก็คอยยุลูกศิษย์ ให้เกิดความผิดใจกนั พระโอรส - ๑๘- แท้ทา่ นวสั สการใน กษณะตริเหมาะไฉน ตา่ งองค์ทรงแคลงระแวงใน ถอดความได้ว่า
ฝ่ายวัสสการพราหมณ์เห็นโอกาสเหมาะสมก็คอยยุแยง ทากลอุบาย - ๑๙- พราหมณค์ รูรสู้ ังเกต ตระหนักเหตุถนดั ครัน วชั ชภี ูมีผอง ถอดความได้ว่า พราหมณ์เห็นดังนั้น ก็รู้ว่าเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีกาลังจะประสบความพินาศ จึง - ๒๐- เห็นเชงิ พเิ คราะห์ช่อง
ชนะคล่องประสบสม ขอเชญิ วรบาท ถอดความไดว้ า่ เมอื่ พจิ ารณาเห็นชอ่ งทางทจี่ ะได้ชยั ชนะอย่างง่ายดาย
พราหมณ์ผู้รอบรู้พระเวทก็ - ๒๑- ขา่ วเศกิ เอิกอึง ทราบถงึ บัดดล ซุกครอกซอกครวั ถอดความได้ว่า ข่าวศึกแพร่ไปจนรู้ถึงชาวเมืองเวสาลี แทบทุกคนในเมืองต่างตกใจและ - ๒๒- เหลอื จักหา้ มปราม ชาวคามล่าลาด ตา่ งองค์ดารสั ถอดความได้ว่า ไม่สามารถห้ามปรามชาวบ้านได้ หัวหน้าราษฎรและนายด่านตาบลต่าง ๆ - ๒๓- เชญิ เทอญท่านต้อง ขดั ขอ้ งขอ้ ไหน ภมู ิศลิจฉวี ถอดความไดว้
่า เหน็ ดปี ระการใดก็เชิญเถิด จะปรึกษาหารืออย่างไรก็ตามใจ ตัวของเราน้ันไม่ได้มี - ๒๔- ปิ่นเขตมคธขตั ติยรชั ธารง ภินท์พัทธสามัค ถอดความได้ว่า จอมกษัตริย์แห่งแคว้นมคธหยุดทัพตรงหน้าเมืองเวสาลี พระองค์ทรงสังเกต - ๒๕- ลูกข่างประดาทา รกกาลขว้างไป เรง่ ทาอุฬุมป์เว ถอดความได้ว่า เหมือนกับลูกข่างท่ีเด็กขว้างเล่นได้สนุกฉันใด วัสสการพราหมณ์ก็สามารถยุแหย่ให้ - ๒๖- เขารับพระบณั ฑูร อดศิ ูรบดีศร ถอดความได้ว่า ในตอนเชา้ งานนั้นก็เสร็จทนั ที จอมกษัตริย์เคลอ่ื นกองทพั ลงในแพ - ๒๗- นาครธา นวิ สิ าลี ถอดความได้ว่า
ฝ่ายเมืองเวสาลีมองเห็นข้าศึกจานวนมากข้ามแม่น้ามาเพ่ือจะทาลายล้าง - ๒๘- สรรพสกล มุขมนตรี ถอดความได้ว่า ข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ต่างหวาดกลัวภัย บางพวกก็พูดว่าขณะนี้ยังไม่ - ๒๙- ทรงตริไฉน ก็จะได้ทา ถอดความไดว้ า่ แล้วก็ได้ดาเนนิ การตามพระบญั ชาของพระองค์เหลา่ ข้าราชการท้งั
หลายก็ตีกลอง - ๓๐- จอมทัพมาคธราษฎร์ ธ ยาตรพยหุ กรี นคร เข้าปราบลิจฉวขิ ตั ติย์รฐั ชนบท ไป่พักต้องจะกะเกณฑ์นกิ ายพหลโรย ราบคาบเสร็จ ธ เสด็จลุราชคฤหอตุ ถอดความได้ว่า จอมทัพแห่งแคว้นมคธกรีธาทัพเข้าเมืองเวสาลีทางประตูเมืองที่เปิดอยู่โดยไม่มีผู้คน -- ๓๓-๑- เร่ืองต้นยุกตกิ
็แต่จะตอ่ พจนเตมิ ประสงค์ ปรงุ โสตเปน็ คตสิ ุนทราภรณจง ถอดความได้ว่า เนื้อเร่ืองแต่เดิมจบลงเพียงน้ี แต่ประสงค์จะแต่งสุภาษิตเพิ่มเติมให้ได้รับ - ๓๒- อันภบู ดีรา ชอชาตศตั รู จง่ึ ดาลประการหา ถอดความได้ว่า พระเจ้าอชาตศตั รูได้แผ่นดินวัชชีอย่างง่ายดาย และกษัตริย์ลจิ ฉวีทัง้ หลายกถ็ ึง - ๓๓- ควรชมนิยมจดั ครุ ุวัสสการพราหมณ์
หมู่ใดผิสามคั ถอดความได้ว่า ส่วนวัสสการพราหมณ์น้ันน่าชื่นชมอย่างย่ิงเพราะเป็นเลิศในการกระทากล - ๓๔- พร้อมเพรยี งประเสรฐิ ครัน เพราะฉะน้นั แหละบคุ คล ผู้หวงั เจรญิ ตน ธุระเกย่ี วกะหมเู่ ขา พงึ หมายสมคั รเป็น มุขเป็นประธานเอา ธรู ท่วั ณ ตัวเรา บ มเิ หน็ ณ ฝา่ ยเดยี ว ควรยกประโยชน์ย่ืน นรอ่นื กแ็ ลเหลยี ว ดบู ้างและกลมเกลยี ว มติ รภาพผดุงครอง ยง้ั ทฐิ ิมานหยอ่ น ทมผอ่ นผจงจอง อารมี มิ หี มอง มนเมอ่ื จะทาใด ลาภผลสกลบรร ลุกป็ ันกแ็ บง่ ไป ตามน้อยและมากใจ สุจรติ นยิ มธรรม์ พึงมรรยาทยึด สุประพฤติสงวนพรรค์ รอ้ื รษิ ยาอัน อปุ เฉทไมตรี ถอดความได้ว่า เมื่อมีความพร้อมเพรียงกนั บุคคลใดหวังท่ีจะได้รับความเจรญิ
แห่งตนและมีกิจ - ๓๕- ด่ังนั้น ณ หมู่ใด ผิ
บ ไรส้ มคั รมี เหล่าไหนผไิ มตรี ถอดความได้วา่ ดงั นั้นถ้าหมคู่
ณะใดไมข่ าดความสามัคคี มีความพร้อมเพรียงกันอยู่เสมอ - ๓๖- อย่าปรารถนาหวัง
สุขท้ังเจรญิ อัน ไป่มีกใ็ ห้มี ถอดความได้ว่า ก็อย่าได้หวังเลยความสุขความเจริญจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความทุกข์อันตราย - ๓๗- เน้ือเร่อื ง รูปแบบ โครงเร่อื ง - ๓๘- ละคร ฉาก : แคว้นวชั ชี กลวิธกี ารแต่ง - ๓๙- การเลอื กใช้คาโดยคานึงถึงเสยี ง การเล่นสมั ผัสสระ สัมผัสพยัญชนะ การเลอื กใชค้ าให้ถูกต้องตามความหมายท๋ี การเลือกใชค้ าทเ่ี หมาะสมแก่เน้อื เรือ่ งและ แทบทกุ ถน่ิ หมด ชนบทบรู ี - ๔๐- การหลากคา เช่น ใช้คางา่ ย ทาให้ผอู้ ่านเข้าใจไดง้ ่าย เชน่ เลา่ เรือ่ งเคืองขนุ่ ว้าวนุ่ วายใจ จาเปน็ มาใน ดา้ วตา่ งแดนตน การเล่นเสียงหนักเบา เชน่ อันภบู ดรี า ได้ลิจฉวีภู แลสรรพบรรดา ถึงซ่ึงพบิ ตั บิ ี ชอชาตศัตรู วประเทศสะดวกดี วรราชวัชชี ฑอนตั ถ์พนิ าศหนา มกี ารเลน่ เสยี งหนักเบา เชน่ “อนั ” เป็นเสยี งหนกั “รา” เป็นเสียงเบา ใชค้ าที่กอ่ ให้เกิดความรสู้ ึก เชน่ แรงหัตถ์กวัดแกวง่ ซึง่ สรรพ์ ศัสตราวุธอัน - ๔๑- สมั ผสั สระ เช่น สัมผสั พยญั ชนะ เชน่ ล่วงลุประมาณ กาลอนกุ รม ทิชงค์ชาติฉลาดยล คะเนกลคะนึงการ หนึ่ง ณ นิยม ทา่ นทวชิ งค์ กษตั รยิ ล์ จิ วีวาร ระวังเหอื ดระแวงหาย มกี ารเลน่ เสียงสระคาวา่ “ประมาณ - มกี ารเล่นเสียงพยญั ชนะคาว่า “คะเนกล - คะนงึ กาล” การ” กบั “อนุกรม -นิยม” กับ “ระวงั เหอื ด - ระแวงหาย” การเพิ่มสัมผัส มีการเพม่ิ สัมผสั นอกเขา้ ไปเพอ่ื ใหไ้ พเราะย่งิ ขึ้น นอกจากนีย้ ังเพ่ิมครุ ลหุเข้าไปในกาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘ ทาใหเ้ กิด ลีลาคกึ คกั เหมาะสมกับทอ้ งเรื่อง เช่น ตอนบรรยายการจดั กองทัพของ พระเจา้ อชาตศัตรู สะพรึบสะพรั่ง ณหนา้ และหลัง ณซ้ายและขวา ละหมู่ละหมวด ก็ตรวจกต็ รา ประมวลกะมา สมิ ากประมาณ - ๔๒- พรรณนาโวหาร เช่น คุรวุ ัสสการพราหมณ์ สาธกโวหาร เช่น นรอื่นกแ็ ลเหลียว - ๔๓- อปุ ลักษณ์ เชน่ ตอนพระเจ้าอชาตศตั รทู รงเปรยี บเทียบการ หมุนเล่นสนุกไฉน ดจุ กนั ฉะน้นั หนอ เทศนาโวหาร เชน่ สอนให้ทุกหมู่ความสามคั คี ควรชนประชมุ เชน่ คณะเปน็ สมาคม สามคั คิปรารม ภนพิ ทั ธราพึง ไป่มกี ใ็ หม้ ี ผิวมกี ็คานึง เนือ่ งเพื่อภิยโยจงึ จะประสบสขุ าลัย ตอนวัสสการพราหมณเ์ ปรยี บนา้ พระราชหฤทยั - ๔๔- ๑. เป็นวรรณคดที ่ีถกู แต่งขึ้นในยามทบี่ ้านเมืองน้นั เกิด ๒. ในบทชมเมืองราชคฤห์ในแควน้ มคธ ของพระเจา้ อชาตศตั รู - ๔๕- ๓. ให้ความเข้าใจธรรมชาติของมนษุ ย์ สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ มคี นรักกย็ อ่ มมีคนเกลียดเป็นธรรมดา เพราะถา้ ไม่พจิ ารณาไตรต่ รองให้ดีแลว้ กจ็ ะเป็นดังเช่น - ๔๖- ๔. ให้ความรใู้ นดา้ นต่าง ๆ การแตกความสามัคคี ๔.๒) ความร้ใู นเร่ืองหลกั ธรรม
โดยสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงหลกั ธรรมประการหนึง่ ๔.๓) ความรู้ในดา้ นอรรถพพิ ากษาคดแี ละการลงโทษในสมยั กอ่ น ๔.๔) ความร้เู ร่อื งการปกครองสมยั โบราณของอนิ เดยี มกี ารปกครอง - ๔๗- |