สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับเคียในคอลัมน์ How to Draw สำหรับสีน้ำเนอะ Show คราวที่แล้วเราพูดถึง เทคนิคสีน้ำขั้นพื้นฐาน กันไป ใครยังไม่เคยอ่าน อันนี้คงต้องขอให้กลับไปอ่านกันสักหน่อย เพราะเราจะค่อยๆ ไปกันทีละสเต็ปเนอะ เราได้เพ้นท์ของง่ายๆ อย่าง “ส้ม” จากโพสก่อนกันไปแล้ว ก่อนที่จะขยับไปอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้น นุ้งเคียขอลากท่านกลับมาสู่เรื่องเบๆ
ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ หลายคนรู้จนเบื่อแล้ว แต่ยังไงก็ต้องเรียน เพราะมันช่วยได้เยอะน่ะนะ นั่นก็คือ พื้นฐานการผสมสีก่อนอื่น เราเชื่อว่าทุกคนที่เคยเรียนศิลปะย่อมต้องรู้จักคำว่า “แม่สี” …ใช่มั้ยคะ? (คนอ่าน: ถึงรู้ หล่อนก็พูดอยู่ดีเฟ่ย…) แม่สี (Primary Color) คืออะไร?อื้ม … ถ้าเทียบกับคณิตศาสตร์ก็คือ “จำนวนเฉพาะ” นั่นเอง แม่สีคือสีพื้นฐาน 3 สี ที่เป็นรากฐานของสีทั้งหมดจำนวนอนันต์โทน ในโลก และไม่มีสีไหนที่ผสมออกมาได้เป็นตัวมัน 3 สีนี้สามารถผสมกันเองออกมาได้หลายสี แม่สีประกอบด้วย
(ตามภาพ พยายามใช้สีแดง น้ำเงิน เหลือง ที่ตรงกับโทนแม่สีที่สุดแล้วค่ะ ) วงจรสี ( Color Wheel)แม่สีสองสี คลอดลูกออกมาเป็นลูกสี #ทำลายกฏเกณท์ว่าต้องมีทั้งแม่และพ่อถึงจะมีลูกได้ #ความรักก็เช่นกัน ….เดี๋ยว ไม่… ลูก ที่เกิดจากแม่สีสองสีผสมกัน ในอัตราส่วนที่เท่ากัน 50:50 เราเรียกว่า “Secondary Color” หรือ สีขั้นที่ 2น้ำเงิน + เหลือง = สีเขียว Green เหลือง + แดง = สีส้ม Orange แดง + น้ำเงิน =สีม่วง Violet ผสมออกมาได้ดังที่เขียนประกอบไว้ สีม่วงออกมาช้ำเลือดช้ำหนองมาก สีส้มก็หม่นมัวเช่นกัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?!…ขอยกยอดไปอธิบายในหัวข้อต่อไป (aka. อ่านไปก่อนเดี๋ยวบอก) “Tertiary Color”หรือสีขั้นที่3คือการสร้างสีใหม่ 6 สี จากผสมสีขั้นที่ 1 กับสีขั้นที่ 2 หรือดูง่ายๆ จากภาพ คือการเพิ่มสี ไปตามสีข้างๆ ใน Color wheel เช่น
สีผสมเอง VS สีสำเร็จจากหลอดอย่างที่พูดไปว่าแม่สีสามารถผสมสีออกมาได้อนันต์ตามความเข้มของสี 1 สี 2 ที่เราต้องการ …. แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะซื้อสีน้ำแค่ 3 หลอดมาผสมเอง!! นั่นก็เพราะว่า สีน้ำที่ผสมเองจากแม่สีมักจะขาด ความใส ในแบบที่ศิลปินมักจะต้องการ ไป สีของมันมักจะดูหนัก – ข้น- หม่น- ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ อย่างที่เห็นในภาพว่าสีเหลืองนั้นใสแจ๋วก็จริง(เพราะไม่ได้ผสม) แต่สีส้มกลับดูหมองๆ สีม่วงยิ่งแล้วใหญ่ ภาพนี้เปรียบเทียบสีน้ำผสมจากแม่สี กับสีน้ำโทนสีที่ใกล้เคียงจากหลอดสี วงจรสีรอบนอกคือสีผสมเอง ส่วนวงในที่เล็กกว่าคือสีที่บีบออกมาโดยตรงค่ะ เขียนชื่อสีประกอบไว้แล้วเพื่อความเข้าใจง่าย
นอกจากความใสแล้ว ยังมีเรื่องของความ “แจ๊ด” ของสีด้วย ลองสังเกตดูว่าสี Crimson Lake หรือสีม่วงแดงในภาพ ผสมเองเท่าไหร่ก็ไม่ออกมาเป็นสีนี้สักที เพราะสารตั้งต้น หรือแม่สีนั้นไม่สามารถคุมให้ไปทางนั้นได้ ศิลปินเรื่องมากอย่างนุ้งเคียที่นอกจากจะผสมอะไรก็ออกมาไม่ได้ดั่งใจ แล้วยังขี้คร้านจะดีลกับความเน่าของมัน เลยซื้อไปหมดทุกโทนที่ต้องการ ฮ่ะฮ่าาาา แต่ไม่ใช่กับสีเกรดศิลปินแบบ Single Pigment นะ! จริงอยู่ที่ถ้าเราผสมสีเข้ากันหลายๆ สีแล้วจะเกิดอาการสีเน่าสีหม่น แต่ว่าถ้าหากเราใช้สีเกรดศิลปินที่เป็นแบบ single pigment ที่ใช้ผงสีแค่สีเดียว ก็จะทำให้เวลาที่ผสมสีเข้าด้วยกันสีก็จะไม่หม่น เพราะว่าสีที่ได้นั้นเกิดจากการผสม pigment แค่ 2 สีนั่นเอง (รออ่านเรื่อง pigment จากพี่ปอนด์อีกทีนะคะ) ผสมสีนอก Color Wheelถ้าท่านผู้อ่านที่รักเคยเรียนสีโปสเตอร์ สีอะคริลิค หรือสีชนิดอื่นมา… เวลาเราขอให้ท่านผสม สีชมพู ด้วยสีน้ำ ท่านจะทำอย่างไร?
หมดเวลา!!!
เป็นคำตอบที่……… ผิดโฟร้ยยยยยย!!!Technically, (แปลว่าไรง่ะ) …. อืม โดยเทคนิคแล้ว “สีน้ำ ไม่มีสีขาว” ฮั่นแน่ อย่าเพิ่งตกใจ สิ่งใดที่เป็นสีขาว จะถูกแทนที่ด้วยน้ำ หรือการเว้นขาว โดยปริยาย /มาถึงตอนนี้ เชื่อว่าทุกคนจะมีคำถามว่า อ้าว แล้วสีขาวที่ให้มาในกล่องสีน้ำแบบตลับ หรือหลอดแบบที่มันแพ็ครวมมาเลยนี่ยังไง ต้องการอะไรจากสังคม? … อันนี้นุ้งเคียตอบไม่ได้เช่นกันค่ะ ไม่เคยตอบได้เลย เป็นความลึกลับของจักรวาลอันไกลโพ้นจริงๆ ตั้งแต่เปิดกล่องมา มีสีขาวอยู่สีเดียวที่ปล่อยไว้ไม่เคยบีบออกมาใช้ ฮ่าฮ่า นั่นหมายความว่า เราจะไม่ใช้สีขาวผสมสีน้ำเงินเพื่อให้ได้สีฟ้าอ่อน ไม่เอาสีขาวผสมสีแดงให้ได้สีชมพู เพราะถ้ารั้นจะทำแบบนั้นแล้วล่ะก็ สีที่ออกมาจะกลายเป็นความด่างพร้อยของวงตระกูลเป็นอันมาก นอกจากมันจะขุ่นมัว ไม่ใสแล้ว มันยังไม่สามารถ blendตัวเองให้เข้ากับสีอื่นได้อีกด้วย (แต่ถ้าเอาไว้แต้มเป็นจุดๆ เหมือนสีโปสเตอร์ก็อีกเรื่องนะ) อ้าว แล้วคำถามที่พี่นุ้งเคียถามไปตอนแรกล่ะคะ? ไม่ใช่แค่สีชมพูนะ ถ้าเป็นสีเนื้อ หรือสีน้ำตาลล่ะคะ ? ….อันนี้ต้องใช้การพลิกแพลงนิดหน่อยค่ะ ก็ถือว่าได้ใกล้เคียงกับที่ต้องการพอสมควรเลยนะ
สีชมพูกับสีเนื้อ มีขายแบบหลอดเหมือนกันนะ แต่ไม่ใช่ทุกยี่ห้อ ที่เราใช้เป็นของ Holbein จ้ะ สีกลางสีกลาง คือสีที่เข้ากันได้กับทุกสีใน Color Wheel คือสีน้ำตาลกับสีเทา
เหมือนจะเป็นสีดำที่ผสมกับสีขาวอีกน่ะนะ แต่ก็ไม่เชิง ซึ่งสีนี้นุ้งเคียสาธิตให้ดูไม่ได้ เพราะในตลับสีน้ำของนุ้งเคียไม่มีสีดำค่ะ ….สีดำเมื่อผสมน้ำให้จางลงจะดูไม่คล้ายกับสีเทานัก จะเหมือนสีดำที่จางลง แต่ก็ไม่ใช่สีเทาอยู่ดี …เหมือนสีแดงที่ผสมน้ำมากๆ ก็ไม่ใช่สีชมพูอยู่ดีนั่นแหละ สีที่ผสมเองไม่ได้สีน้ำมีจุดอ่อนที่สีในคอมพิวเตอร์ไม่มี … นั่นคือ สีน้ำที่ผสมเองค่อนข้างจะลิมิต ไม่สามารถสร้างเฉดที่เราต้องการได้ในบางเฉด อย่าง สีโทนพาสเทลของ Holbein และสีโทนจี๊ดจ๊าดอลังการงานสร้างมากจนผสมไม่ได้ของ Sennelier ในภาพนั้นมี ม่วงดอกไลแลค ฟ้าอ่อน เขียวมิกุ เขียวมุ้งมิ้ง และชมพูลูกท้อ (นี่แกตั้งชื่อเองหมดเลย….) ผสมยังไงก็ไม่ออกมาเป็นโทนนี้ เชื่อสิ 5555555 วิธีแก้มี 2 ทางเท่านั้น คือ
#จะโดนคนอ่านตบหัวแตกก็วันนี้… นอกจากนั้นยังมีสีเงิน สีทอง สีประกายมุกทั้งหลายที่เขาไม่ขายกันหรือหาซื้อยากมากเวอร์ เราขอไม่พูดถึงมัน นอกจากหาซื้อไม่ได้แล้วยังสแกนไม่ติดอีก 555555 อุณหภูมิของสี (Color Temperature)บ้างก็เรียกว่า “วรรณะของสี” แบ่งเป็น 2 วรรณะ ซึ่งในที่นี้ขอเรียกว่า “โทน” จะคุ้นหูกว่า
จะเรียกหยินหยางก็ได้นะ ดูจากที่มันขีดกลาง color wheel แล้วก็คุ้นๆอยู่ 5555 มีสีม่วงกับสีเหลือง ที่เป็นได้ทั้งสองโทน เพราะสีม่วงเป็นลูกผสมระหว่าง แม่แดงกับแม่น้ำเงิน ผู้เป็นตัวแม่ของร้อนกับเย็น ส่วนแม่เหลืองนี่เรียกว่านางเดินทางสายกลางมาแต่แรกแล้วก็ว่าได้ เป็นสีโทนกลางที่ให้ความสว่างแก่โลกใบนี้ แต่เดี๋ยวก่อน ท่านผู้อ่านที่รัก ถ้าเราแยกแบบดื้อๆ เราอาจจะเห็นสีโทนร้อนกับเย็นเป็นดังภาพข้างบนก็จริงอยู่ เรากำหนดสีแดงเป็นโทนร้อน สีฟ้าเป็นโทนเย็น แต่ครูสอนสีน้ำของนุ้งเคียกล่าวว่า
กรุณาดูภาพด้านล่างประกอบ (เละไปไม่นิด 5555)
ภาพชาร์ตสีที่เห็น นุ้งเคียเริ่มผสมสีจาก Primary หรือแม่สีที่ต่างกัน
สีที่ผสมออกมาอย่างที่เห็น จะให้อารมณ์คนละความรู้สึกกัน แต่ก็สามารถเอาไปค้านคนที่กำหนดสีตายตัวได้แหละน่า ว่าสีแดงที่เย็นก็มีอยู่นะเฟ้ยยย ตัวอย่างการใช้โทนสีร้อนกับเย็นในหัวข้อ “ผู้หญิงผมดำ ใส่เสื้อสีเหลือง” อย่างที่บอกว่าเราไม่มีสีดำในตลับสีของเราเลย สีที่สื่อถึง “สีดำ” ของเรามักเป็นสีคู่ตรงข้ามที่ใช้เบรคโทน อย่างแสงสีส้ม เราใช้เงาผมดำด้วยสีน้ำเงิน / ส่วนภาพแสงฟ้า เราลงเงาผมเป็นสีน้ำตาล สีคู่ตรงข้าม VS สีโทนใกล้เคียงความสัมพันธ์อันซับซ้อนของสีคู่ตรงข้าม สีคู่ตรงข้าม หมายถึงสีที่อยู่ตรงข้ามกันใน Color Wheel …นั่นก็คือ
มีความสัมพันธ์พิเศษที่เรียกว่า Complimentary Pair หรือคู่ที่ต่างกันแต่เติมเต็มซึ่งกันและกัน (เออ ซับซ้อนจริง) เมื่ออยู่ใกล้กัน สีหนึ่งจะขับอีกสีหนึ่งให้เด่นขึ้น รุนแรงขึ้น แดงเป็นแดง เขียวเป็นเขียว ในการใช้งานต้องระมัดระวังสักหน่อย การป้ายสีคู่ตรงข้ามลงไปตรงๆ จะทำให้งานดูโหด ไม่กลมกลึง ไม่เป็นธรรมชาติ ถ้าเป็นไปด้วยควรผสมสีอื่นลงไปในสีใดสีหนึ่ง เช่น ส้ม-น้ำเงิน ให้เติมสีม่วงลงไปในสีส้มนิดหน่อย ก็จะดูตัดกันน้อยลง หรือการเลี่ยงไปใช้สีที่อยู่ข้างๆแทน เช่นเปลี่ยน ส้ม-น้ำเงิน มาใช้ ส้ม-ม่วง ก็จะทำให้ภาพดูซอฟท์ลง เป็นแสงกับเงาที่ธรรมชาติขึ้นได้ค่ะ การสนับสนุนซึ่งกันและกันของโทนที่ใกล้เคียง ความสัมพันธ์แบบ Harmony / Enhance คือการใช้สีที่อยู่ใกล้ๆ กันใน Color Wheel เป็นการใช้คนละอย่างกับสีคู่ตรงข้าม … สีแบบใกล้เคียงกันจะทำให้ภาพลุ่มลึกเป็นโทนเดียวกัน เหมือนเวลาไปร้านกาแฟแบบอังกฤษ แล้วเจอสุภาพบุรุษใส่สูทผูกไท หมวกทรงเตี้ย ถือไม้เท้ามานั่งจิบชา ทานสโคนไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น ภาพที่ใช้สีโทนใกล้เคียงกันจะดูแล้วสบายตาค่ะ แต่ก็ต้องระวังสบายตาเกินไปจนหาจุดเด่นไม่ได้ด้วยล่ะ จบแล้วค่ะ ฮู่ววว นี่ไม่ได้คิดจะเขียนอะไรยาวเหยียดขนาดนี้เลย ไม่รู้ว่าอธิบายให้ง่ายขึ้นหรือยากขึ้นเหมือนกันนะ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้อ่านที่รักจะสามารถเข้าใจวงจรสี การผสมสี และการใช้ความสัมพันธ์ของสีขึ้นมาไม่มากก็น้อยนะคะ ถึงไม่เข้าใจก็อ่านผ่านตาไว้สักครั้งก็ยังดี ให้มันเข้าสู่ส่วนลึกของซับคอนเชียส เผื่อว่าสักวันจะฉุกนึกขึ้นมาและนำมาใช้ประโยชน์ได้ ปิดท้ายด้วยการลองเอางานสีน้ำที่ผ่านๆมาใส่ลงไปใน Color Wheel ดูบ้าง แหะ พบว่าตัวเองลงเป็น Cool Tone มาตลอดเลยค่ะ ชอบสีหม่นๆ ฟีลเย็น-กลางคืนมากกว่า ใครอยากลองเอางานมาใส่ Color Wheel ก็ ดาวน์โหลดcolor wheel template ได้ที่เว็บนี้เลยค่ะ http://sunset.sdbx.jp/pixiv_psd/ เจอกันใหม่ในโพสหน้า เลิฟยอลค่ะ -kia |