การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review) หมายถึง การค้นคว้าศึกษา รวบรวมและประมวลผลงานทางวิชาการ เช่น ผลงานวิจัย บทความเอกสารทางวิชาการ และตำราที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหรือประเด็นที่ทำการวิจัย ความสำคัญ บทนี้สำคัญมาก เพราะจะใช้ในการวิเคราะห์และอภิปรายผลการวิจัย เช่น ใช้อภิปรายสาเหตุที่อาจจะเป็นไปได้ในการเกิดผลวิจัยรูปแบบนี้ หรือ ใช้เขียนสนับสนุนผลการวิจัย ทำให้งานวิจัยเราดูหนักแน่นยิ่งขึ้น 1. หลีกเลี่ยงการทำซ้ำซ้อน 2. เพื่อหาข้อเท็จจริง 3. เป็นการสร้างคุณภาพและมาตรฐานทางวิชาการให้แก่งานวิจัยนั้น วัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรมการแสวงหาพื้นฐานทางทฤษฎีหรือแนวคิดรองรับการวิจัยใหม่ การแสวงหาสถานภาพทางการวิจัยในเรื่องหรือหัวข้อนั้น การทบทวนวรรณกรรมจะช่วยให้เราทราบทิศทางของการวิจัย และสถานภาพขององค์ความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ในขณะที่เราทำวิจัย การแสวงหาแนวทางการวิจัย 1.ขั้นค้นหา 1. แหล่งศึกษาค้นคว้าที่สำคัญคือ ห้องสมุด เพราะเป็นที่รวมของหนังสือ ตำรา วรรณกรรมต่างๆ รวมถึง วารสาร รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ รายงานสถิติต่างๆ
ผู้วิจัยสามารถค้นหาความรู้เกี่ยวข้องกับปัญหาการวิจัยจากแหล่งย่อยๆ ต่อไปนี้ แหล่งที่มาของการทบทวนวรรณกรรม 1. บทความทางวิชาการสาขาวิชานั้นและสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้อง 2. งานวิจัย วิทยานิพนธ์ แหล่งศึกษาค้นคว้าสามารถค้นคว้าหาข้อมูลได้จากแหล่งต่างๆ เช่น 1. ปฐมภูมิ (primary source) ศึกษาจากบทความ รายงานจากผู้ต้นคิดเขียนเอง เจ้าของทฤษฎี เจ้าของงานวิจัย 2. ทุติยภูมิ (secondary source) ได้แก่ ข้อความที่อ้างจากของผู้อื่นมาอีกครั้ง ในการทำวิจัยพยายามเลี่ยงข้อมูลทุติยภูมิ เพราะผู้อ้างจะมีความคิดเห็นของเขาปนเข้ามา การตีความของผู้อ้างอาจมีการบิดเบือนหรือตีความผิด แต่ อาจใช้ได้กรณีไม่สามารถหาข้อมูลปฐมภูมิได้ หรือ ผู้เขียนคนที่สอง มีข้อแสดงความคิดเห็นสามารถอ้างอิงได้และจะกลายเป็นข้อมูลปฐมภูมิ วิธีการเขียน เวลามีใครถามถึงวิธีการเขียน Literature review ผมจึงบอกเพียงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของการเขียน ส่วนวิธีการเขียนผมให้เป็นหน้าที่ของเขา แน่นอนครับผมก็มี Style ของผม ผมจะพยายามไม่ให้กรอบแก่เขา ผมว่ามันเป็นศิลปะ และผมก็เห็นความสวยงามของความแตกต่างครับ พี่น้อง รูปแบบที่ดีที่สุดของการเขียน Literature review ก็คืออย่าไปติดกับรูปแบบ แต่ควรเป็นการ"เล่าเรื่อง" ว่าเรา (และคนก่อนหน้าเรา) กำลังมายืนที่ทางแพร่งตรงนี้ได้อย่างไร โดยทุกคำล้วนมีหลักฐานหรือแจกแจงระบบคิดให้ชัด ควรเขียนแบ่งหัวข้อตามกลุ่มเนื้อหาที่เราได้วางกรอบแนววิจัยเอาไว้แล้ว และในแต่ละหัวข้อหลักๆ เนื้อหาจะต้องเขียนโดยการอ้างทฤษฎีและประกอบด้วยหลักฐานทางงานวิจัยที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นข้อสนับสนุนหรือข้อโต้แย้ง นอกจากนี้ ในแต่ละย่อหน้าก็ต้องมีการเชื่อมประโยคเพื่อให้เห็นแนวการไหลของกระบวนการคิดอย่างสอดคล้อง การทบทวนวรรณกรรมนี้ผู้ทำวิจัยควรสรุปงานวิจัยที่ตนกำลังทบทวน (Review) ด้วยถ้อยคำของตนเอง (Rewrite) ไม่ควรตัดตอน หรือคัดลอกข้อความมาจากต้นฉบับทั้งดุ้น หรือคัดลอกการทบทวนวรรณกรรมของคนอื่นมาเป็นการทบทวนของตนเองซึ่งถือว่าเป็นการขโมยผลงานหรือความคิดของผู้อื่น (Plagiarism) วิธีการเขียนเสนอการทบทวนวรรณกรรม1. รูปแบบการเสนอเอกสาร อาจกล่าวว่าเป็นรูปสามเหลี่ยม คือ เริ่มจากฐานที่กว้างก่อน แล้วค่อยตีวงให้แคบ จนท้ายสุดมาหยุดตรงปัญหาทางการวิจัยของผู้วิจัยซึ่งเป็นยอดของรูปสามเหลี่ยม 2. การทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องควรจะวางไว้ตอนต้นของเค้าโครงการวิจัยเพราะการประมวลเอกสารจะช่วยให้ผู้วิจัยเขียนส่วนอื่นๆของเค้าโครงการวิจัยต่อไปได้ 3. ถ้าผู้วิจัยต้องการให้ทราบถึงพัฒนาการของแนวคิดหรือผลการวิจัย สามารถทำได้โดยเรียบเรียงปีพ.ศ.จากปีต้นๆ เรื่อยมาถึงปัจจุบันเพื่อดูพัฒนาการทางวิชาการ และตัวแปรที่สำคัญว่าเป็นเช่นไร และมีผลเป็นอย่างไร 2.ขั้นเขียนเรียบเรียง ข้อมูลที่วิเคราะห์ออกมาได้ทั้งหมดจากการอ่าน ผู้วิจัยต้องนำมาเรียบเรียงเชื่อมโยงประสานเข้าด้วยกัน เนื้อหาการเขียน แต่จะต้องมีโครงสร้างหลักในการเขียนเป็นของผู้วิจัยเอง ที่กำหนดโดยใช้ความคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้ที่ได้จากการอ่าน ค้นคว้า ให้เข้าประเด็นปัญหาวิจัยของตน และเรียบเรียงเนื้อหาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ในเชิงวิเคราะห์ วิจารณ์ มิใช่เป็นการนำข้อค้นพบที่บันทึกไว้ของแต่ละส่วนมาเรียงต่อกัน ความยากของการเขียนเรียบเรียงสิ่งที่อ่านและวิเคราะห์ออกมาได้ทั้งหมดอยู่ที่การวางโครงสร้างของเรื่อง และการเชื่อมโยงให้เห็นประเด็นปัญหาการวิจัยอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเทคนิคและศิลปะที่ผู้วิจัยต้องฝึกฝนเอง หลักสำคัญในการเขียน คือ ผู้วิจัยจะต้องแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่ได้ศึกษามามีอะไรบ้าง ค้นพบความรู้ใหม่ๆอะไร สิ่งไหนเป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่แล้ว สิ่งไหนค้นพบใหม่ ยังมีช่องว่างตรงจุดไหนอีกในส่วนข้อมูลที่เป็นการแสดงความคิดเห็น การชี้จุดประเด็นสำคัญ และการสรุปผลของการวิจัย ต้องมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลกำกับไว้ด้วยเสมอ การเขียนเรียบเรียง ผู้วิจัยต้องเขียนด้วยใจเป็นกลาง ไม่มีอคติ เสนอข้อมูลทั้ง 2 ด้าน ทั้งสนับสนุนและคัดค้าน รูปแบบการเขียน ในส่วนของการศึกษาวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่จะเขียนเป็นการเชื่อมโยงผลการวิจัยที่ค้นพบอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีการวิเคราะห์วิจารณ์เพิ่มเติม ทั้งนี้เพราะการเขียนเรียบเรียงในลักษณะที่มีการวิเคราะห์วิจารณ์เป็นเรื่องยาก ต้องยึดหลักทางวิชาการไว้เสมอ ไม่ใช้ความคิดส่วนตัวสอดแทรกเข้าไปในการวิจารณ์ ผู้ที่จะเขียนได้ในลักษณะนี้จึงเป็นผู้รู้หรือเกี่ยวข้องกับปัญหาการวิจัยนั้นมานานและมีประสบการณ์ในการทำงานวิจัยมากพอควร แค่นี้ก่อนนะครับ พี่น้อง ง่วงแล้วครับ |