มลพิษทางอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยได้หลายประการ ระบบทางเดินหายใจเป็นส่วนแรกที่สัมผัสกับมลพิษ และรับผลโดยตรง สารมลพิษหลายอย่างทำให้เนื้อเยื่อของอวัยวะเกิดระคายเคือง เนื่องจากขนาดหรือรูปร่าง ประกอบกับสมบัติทางเคมี ซึ่งอาจเสริมพิษภัยให้รุนแรงมากขึ้น ฝุ่นละอองขนาดเล็กพอควร จะผ่านขนจมูก และระบบป้องกันของร่างกาย เข้าสู่ชั้นในสุด คือ ถุงลมในปอด ส่วนที่มีขนาดใหญ่เกินไป ถูกจับ และขับออก จากร่างกายตั้งแต่ต้น สมรรถนะของระบบหายใจจึงอาจลดและเสื่อมลงมากน้อยเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของฝุ่น เพราะฝุ่นบางชนิด เป็นพิษมากกว่าชนิดอื่น เช่น ตะกั่ว แอสเบสทอส หรือบางกรณีฝุ่นทำหน้าที่เป็นแกนกลางให้ก๊าซจับ แล้วชักนำเอาก๊าซ ซึ่งปกติจะฟุ้งกระจายไม่มีทิศทางให้เข้าถึงปอด นอกจากนี้ฝุ่นบางชนิด เช่น วาเนเดียม และแมงกานีส ยังสามารถเร่งปฏิกิริยาก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ให้เป็นกรดกำมะถัน ฤทธิ์กรดจึงทำอันตรายระบบหายใจได้มากยิ่งขึ้นผลต่อผู้สูดหายใจเอาสารมลพิษเข้าไป จึงมีอย่างสลับซับซ้อน ทั้งยังอาจเกิดขึ้นได้อย่างฉับพลันทันที หรือค่อยสะสมทีละเล็กทีละน้อย แล้วจึงปรากฏอาการในภายหลัง นอกจากนี้คนบางกลุ่มยังรับอันตรายเร็วและมากกว่าคนทั่วไปเป็นพิเศษอีกด้วย ดังเช่น ในกรณีวิกฤติการณ์ในกรุงลอนดอน ในปี ค.ศ. ๑๙๕๒ และ ๑๙๖๒ (พ.ศ. ๒๔๙๕ และ ๒๕๐๕) นั้น เชื่อกันว่าสม็อกและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ปกคลุมกรุงลอนดอนอยู่อย่างหนาทึบ เป็นระยะเวลา ๕ วัน เป็นเหตุให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวน ๔,๐๐๐ คน และ ๓๔๐ คนตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เด็ก และผู้เป็นโรคทางเดินหายใจ ปศุสัตว์ต่างๆ ในบริเวณนั้นก็ได้รับผลเช่นเดียวกัน พิษแบบเฉียบพลัน ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ปวดท้อง กล้ามเนื้ออ่อนแรง หมดสติ สารเคมีบางชนิดมีอันตรายมาก กินเข้าไปเพียง 1 ช้อน ก็ทำให้เสียชีวิตได้ เช่น ยาฆ่าหญ้าพาราควอต ยาฆ่าแมลงเมโทมิล สารเคมี คือ ธาตุหรือสารประกอบที่รวมกันด้วยพันธะทางเคมีซึ่งอาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือมนุษย์สังเคราะห์ขึ้น โดยองค์ประกอบที่เล็กที่สุดของสสารก็คือสารเคมี สารเคมีอันตราย หมายถึง ธาตุ หรือสาร ประกอบ ที่มีคุณสมบัติเป็นพิษหรือเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และทำให้ทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม สามารถจำแนกได้ 9 ประเภท ดังนี้ ประเภทที่ 1 วัตถุระเบิด ตัวอย่างสัญลักษณ์และความหมายที่แสดงถึงคุณสมบัติความเป็นพิษหรือเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ความอันตรายของสารเคมีสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ความอันตรายทางกายภาพ เช่น การระเบิด การติดไฟ เป็นต้น ความเป็นพิษของสารเคมี แบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้ สารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง คัน แสบ ร้อน พุพอง เช่น กรด ต่างๆ ก๊าซคลอรีน แอมโมเนีย ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ สารที่ทำให้หมดสติได้ สารเคมีนี้ไปแทนที่ออกซิเจน เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน ไซยาไนด์ สารที่เป็นอันตรายต่อระบบการสร้างโลหิต เช่น ตะกั่วจะไปกดไขกระดูก ซึ่งทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแดง สารที่เป็นอันตรายต่อกระดูก ทำให้กระดูกเสียรูปร่าง หรือทำให้กระดูกเปราะ ฟอสฟอรัส แคลเซียม สารที่ทำอันตรายต่อระบบการหายใจ เช่น ปอด ทำให้เกิดเยื่อพังผืด ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับออกซิเจนได ความจุอากาศในปอดจะน้อยลงทำให้หอบง่าย เช่น ฝุ่นทราย ฝุ่นถ่านหิน สารก่อกลายพันธ์ ทำอันตรายต่อโครโมโซม ซึ่งความผิดปกติจะปรากฏให้เห็นในลูกหรือ ชั้นหลาน เช่น สารกัมมันตภาพรังสี สารฆ่าแมลง โลหะบางชนิด ยาบางชนิด สารก่อมะเร็ง ทำให้สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ มากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดเนื้องอกชนิดที่ไม่จำเป็น เช่น สารกัมมันตภาพรังสี สารหนู แอสแบสตอสนิเกิ้ล เวนิลคลอไรด์ เบนซิน สารเคมีที่ทำให้ทารกเกิดความพิการ คลอดออกมามีอวัยวะไม่ครบ เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ แขนด้วน ขาด้วน ตัวอย่างของสารในกลุ่มนี้ ได้แก่ ยาธาลิโดไมด์ สารตัวทำละลายบางชนิด ยาปราบศัตรูพืชบางชนิด วิธีที่สารเคมีสามารถเข้าสู่ร่างกาย 1. การหายใจ : การหายใจเป็นการเข้าสู่ร่างกายที่สำคัญของสารเคมีที่อยู่ในรูปของไอระเหย ก๊าซ ละออง หรือ อนุภาค เมื่อสารเคมีเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ อาจทำลายระบบทางเดินหายใจ หรือเข้าสู่ปอด กระแสเลือดแล้วทำลายอวัยวะภายใน องค์ประกอบของความพิษที่เกิดจากสารเคมีขึ้นอยู่กับ ความไวรับของแต่ละบุคคล ลักษณะความเป็นพิษของสารเคมี แบบเฉียบพลัน : เป็นการสัมผัสที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้น เช่น หนึ่งนาทีถึงสองสามวัน อาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ เกิดผลผื่นคันระคายเคือง ผิวหนังไหม้ อักเสบ ขาดอากาศ หน้ามืด วิงเวียน แบบเรื้อรัง : เป็นการสัมผัสสารที่ระดับค่อนข้างต่ำในระยะเวลานานตั้งแต่เป็นเดือนถึงเป็นปี อาการที่เกิดขึ้นได้แก่ การเกิดความพิการในทารก (Teratogenic) การเกิดความผิดปกติทางสายพันธ์ในตัวอ่อน หรือการผ่าเหล่า (Uutagenic) การผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น การเปลี่ยนแปลงของ DNA การเกิดมะเร็ง (Carcinogenic) วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผู้ที่สัมผัสสารเคมี 1. การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางปาก การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางปาก ทำให้สารพิษเจือจางลง ในกรณีรู้สึกตัวและไม่มีอาการชัก โดยการดื่มน้ำชาซึ่งหาได้ง่าย แต่ถ้าได้นมจะดีกว่า เพราะว่าจะช่วยเจือจางสารพิษแล้ว ยังช่วยเคลือบและป้องกันอันตรายต่อเยื่อบุทางเดินอาหารแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการล้างท้องเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร ทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร ในกรณีที่ต้องใช้เวลานานในการนำส่งผู้ป่วย ข้อห้ามในการทำให้ ผู้ป่วยอาเจียน การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางการหายใจ ก๊าซที่ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน เกิดอาการ วิงเวียน หน้ามืด เป็นลมหมดสติ ถึงแก่ความตายได้ เช่น คาร์บอนมอนนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ไนโตรเจน ปัจจุบันพบว่าก๊าซที่ทำให้เกิดปัญหาค่อนข้างบ่อย ได้แก่ คาร์บอนมอนนอกไซด์ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ ที่มีปัญหาการจราจรคับคั่ง อากาศเป็นพิษ คาร์บอนมอนนอกไซด์ เป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อหายใจเข้าไปในร่างกาย ก๊าซนี้จะแย่งที่กับออกซิเจนในการจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถไปยังเนื้อเยื่อทั่วร่างกายได้ ร่างกายจึงมีอาการของการขาดออกซิเจน ซึ่งถ้าช่วยเหลือไม่ทันจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เช่น ในกรณีที่มีผู้เสียชีวิตในรถยนต์ ก๊าซที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ คอ หลอดลม และปอด ถ้าได้รับในปริมาณมากอาจทำให้ตายได้ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไม่มีสีแต่มีกลิ่นฉุน พบได้ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ทำกรดกำมะถัน ก๊าซที่ทำให้อันตรายทั่วร่างกาย ได้แก่ ก๊าซอาร์ซีน ไม่มีสีกลิ่นคล้ายกระเทียม พบได้ในโรงงานอุตสาหกรรมใช้ทำแบตเตอรี่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ปัสสาวะเป็นเลือด ดีซ่าน ตาเหลือง ตัวเหลือง |