อัมพาต ครึ่งซีก หน้า เกิดจาก

3.               ทำกายภาพฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้า (facial exercise) โดยควรทำหน้ากระจกเสมอ จนกว่าใบหน้าจะกลับเป็นปกติ เพื่อได้สังเกตอาการตนเอง เป็นการติดตาม และเพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า

จากเหตุการณ์ที่ ‘จัสติน บีเบอร์’ ป๊อปสตาร์ชื่อดังออกมาเผยเผยว่า เขาป่วยเป็นโรคแรมเซย์ ฮันต์ ซินโดรม ทำให้ไม่สามารถขยับใบหน้าซีกขวาได้ จำเป็นต้องเลื่อนทัวร์คอนเสิร์ตกะทันหัน โดยบีเบอร์บอกว่าอาการป่วยที่เกิดขึ้นเนื่องจาก “ไวรัสเข้ามาโจมตีเส้นประสาทของหน้าและใบหู ทำให้ใบหน้าเป็นอัมพาตไปครึ่งซีก”

ความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า คลายกับโรคเส้นประสาทใบหน้าหรือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ (Bell’s palsy) คือ ภาวะที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเกิดอัมพาตชั่วขณะ สามารถพบได้ทุกช่วงอายุ

สาเหตุของโรคมาจากเส้นประสาทบนใบหน้าที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้าเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้ใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก มักจะเป็นข้างใดข้างหนึ่ง หลับตาไม่สนิท มุมปากขยับได้ลดลง ดูดน้ำจากหลอดไม่ได้ มีน้ำรั่วที่มุมปาก หรือมีอาการเลิกคิ้วไม่ได้ การรับรสที่ปลายลิ้นผิดปกติ น้ำลายแห้ง น้ำตาแห้ง การได้ยินของหูข้างที่มีอาการลดลง หรือได้ยินเสียงก้อง และมีอาการปวดบริเวณหลังใบหูร่วมด้วย บางรายเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น โรคอีสุกอีไส, เชื้อเริม, งูสวัด ที่แฝงอยู่ในปมประสาท หากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลงจะทำให้เกิดโรคนี้ได้ ถือเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นทันที และมักจะเกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง

นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า ในผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ควรปิดตาข้างที่มีอาการ หรือ ใส่แว่นกันแดด ร่วมกับใช้น้ำตาเทียม และปิดตาเวลานอนเพื่อลดอาการเคืองตา ตาแดง หรือมีแผลที่แก้วตา อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ป่วยมีอาการใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการ เพราะผลของการรักษาจะได้ผลดีถ้าได้เริ่มรักษาได้เร็ว

โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกแบบ Bell หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Bell’s Palsy เป็นโรคที่มีการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 โดยภาวะปกติ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 จะมาเลี้ยงกล้ามเนื้อของใบหน้าทั้งด้านบนและด้านล่าง เพราะฉะนั้น เมื่อเวลามีความผิดปกติของเส้นประสาทสมองเส้นนี้ มันจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงไป อย่างเช่นกรณีของคุณโอ อนุชิต หลับตาไม่สนิทข้างหนึ่ง ยักคิ้วไม่ได้ มุมปากตก เวลาดื่มน้ำแล้วน้ำไหลออกจากมุมปากด้านหนึ่ง เส้นประสาทเส้นนี้มันเกี่ยวข้องกับการรับรสด้วย เพราะฉะนั้นคนไข้อาจจะมีการสูญเสียการรับรสของลิ้นด้านเดียวกับของใบหน้าที่อ่อนแรงไป อีกอันหนึ่งก็คือ คนไข้อาจจะได้ยินเสียงดังกว่าปกติจากหูข้างนั้น เนื่องจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 มันไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ช่วยลดความดังของเสียงที่จะเข้ามาในหูข้างนั้นด้วย

ความผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 มันเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน บางทีอาจจะเป็นจากอุบัติเหตุหรือจากเนื้องอก หรือจากสาเหตุอื่น ๆ สิ่งที่เรารู้แน่ก็คือ มีการอักเสบของตัวเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 และมีการบวมของเส้นประสาท สมมุติฐานที่เป็นที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในปัจจุบันคือ คิดว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัส จากการศึกษาก็มีไวรัสหลายตัว เช่น ไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคเริม ไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส แล้วก็มีไวรัสตัวอื่น ๆ อีก

เจอกันบ่อย ๆ ไหมไวรัสพวกนี้ แล้วปัจจัยอะไรที่ทำให้กลายเป็นโรค

ในกรณีที่เป็นการติดเชื้อไวรัส ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าใน 100 คนมีการติดเชื้อไวรัสสรุปทั้งหมดกี่คน ถ้าเราคิดว่าเกิดจากเชื้อไวรัส ยกตัวอย่างเช่น ไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส ตัวนี้หลังจากการติดเชื้อครั้งแรก มันก็จะเข้าไปซ่อนที่ปมประสาท ซึ่งเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 มันก็มีปมประสาทอยู่ด้วยเหมือนกัน มันก็ไปซ่อนอยู่ แล้ววันดีคืนร้ายถ้าเกิดร่างกายเราอ่อนแอ ภูมิต้านทานลดลง มันก็ออกมาแผลงฤทธิ์ได้

อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนไข้ส่วนใหญ่ที่มาหาแพทย์ก็ภูมิต้านทานแข็งแรงดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่มีติดเชื้อไวรัส เราถึงบอกยาก คือปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่สรุปได้ชัดเจน 100%

เชื้อไวรัสตัวนี้มันไม่ได้แค่มีผลกระทบต่อเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เท่านั้น มันก็เป็นที่เส้นประสาทเส้นอื่น ๆ ได้ อาจจะเป็นที่เส้นประสาทไขสันหลังก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็เป็นโรคอย่างที่เราเรียกว่าเป็นโรคงูสวัด คนไข้ก็จะมาด้วยตุ่มน้ำใส อาจจะมีผื่นที่ผิวหนังตามแนวของผิวหนังที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทเส้นนั้น ๆ

มันแยกจากอัมพฤกษ์อย่างไร

คนไข้ส่วนใหญ่ที่มาหาคือเขามีใบหน้าที่อ่อนแรงครึ่งซีกอย่างฉับพลัน คำถามแรกที่ทุกคนกลัวคือ จะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตหรือเปล่า เป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือเปล่า ก่อนอื่นต้องพูดให้ชัดเจนว่า ในโรค Bell นี้ ความผิดปกติมันอยู่ที่ตัวเส้นประสาทเอง ไม่ได้อยู่ในเนื้อสมอง ในขณะที่ถ้าเราพูดถึงโรคหลอดเลือดสมอง พวกนั้นจะเป็นความผิดปกติภายในเนื้อสมองเอง แล้วก็คนไข้ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง มักจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย นอกจากใบหน้าอ่อนแรงแล้ว อาจจะมีแขนขาอ่อนแรง มีอาการชาที่แขนขา มีอาการพูดไม่ชัด อาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ทีนี้ถ้าคนไข้มาพบแพทย์ แล้วแพทย์ตรวจร่างกายทางระบบประสาทโดยละเอียดแล้ว เราก็จะมีวิธีที่สามารถแยกได้ว่าคนไข้เป็นโรค Bell หรือว่าโรคหลอดเลือดสมอง

การไปฝังเข็มช่วยทำให้ดีขึ้นหรือไม่

ก็เคยมีคนพูดถึงว่าอาจจะช่วยได้ในคนไข้บางราย แต่ว่าถ้าเราพิจารณาตามหลักฐานโดยรวมทางการแพทย์แล้วก็ยังไม่ได้มีข้อสนับสนุนชัดเจนว่าจะมีประโยชน์หรือว่าไม่มีประโยชน์กันแน่

เรื่องกายภาพบำบัด คนที่เป็นแล้วต้องทำอะไรบ้างที่จะช่วยให้มันกลับมาคืนไม่เบี้ยวเหมือนเดิม

ในแง่ของกายภาพบำบัดก็จะมีการออกกำลังกล้ามเนื้อที่ใบหน้า บางคนก็อาจจะใช้ไฟฟ้ากระตุ้น ใช้ความร้อน

โรคนี้เป็นกันเยอะไหม เรามีวิธีการป้องกัน ดูแลสุขภาพตัวเองอย่างไรบ้าง

โรคนี้เป็นกันเยอะ ตามข้อมูลที่เราทราบกันก็คือ ประมาณ 1 ใน 5,000 คนต่อปี ส่วนการป้องกัน ถ้าเราเชื่อว่าไวรัสมันจะออกมาตอนที่ร่างกายอ่อนแอ ถ้าเราเชื่อตามนั้น เราก็ต้องสร้างภูมิต้านทานที่แข็งแรง

 

ข้อมูลโดย
อ. นพ.พิเชษ เติมสารทรัพย์
สาขาวิชาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก Bell’s Palsy หายได้แต่ควรป้องกัน : พบหมอรามาฯ” ได้ที่นี่

YouTube: https://youtu.be/btdvy71R_V4

หน้าเบี้ยวครึ่งซีก Bell's Palsy ใบหน้าที่อ่อนแรงครึ่งซีกอย่างฉับพลัน โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง

อัมพาตครึ่งหน้าเกิดจากอะไร

โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หรืออัมพาตเบลล์ (Bell's Pasly) คือ อาการที่เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีก ทำให้ไม่สามารถขยับใบหน้าซีกนั้นได้ เป็นผลมาจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแสดงสีหน้าไม่ทำงาน ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่เชื้อว่าเป็นอาการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ภายหลังการ ...

Bell's palsy เกิดจากอะไร

โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกแบบ Bell หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Bell's Palsy เป็นโรคที่มีการอักเสบของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 โดยภาวะปกติ เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 จะมาเลี้ยงกล้ามเนื้อของใบหน้าทั้งด้านบนและด้านล่าง เพราะฉะนั้น เมื่อเวลามีความผิดปกติของเส้นประสาทสมองเส้นนี้ มันจะทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงไป อย่างเช่นกรณีของคุณโอ ...

อัมพาตครึ่งหน้า หายได้ไหม

โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกเป็นแล้วรักษาได้หรือไม่ โรคนี้จะดีขึ้น และสามารถหายได้เองโดยใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน หากไม่ได้รับการรักษาจะมีโอกาสหายเป็นปกติประมาณ 65 % แต่หากได้รับการรักษาจะมีโอกาสหายเป็นปกติสูงถึง 97 % โดยโรคนี้จะมีวิธีการรักษา ดังนี้

อัมพาตครึ่งซีกเป็นยังไง

อัมพาตครึ่งซีกคือภาวะที่ร่างกายมีการสูญเสียการทำงานของแขนและขาในด้านเดียวกัน ของลำตัวสาเหตุมีหลายอย่างแต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ สาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมองซึ่งจำแนกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือ 1. หลอดเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน 2. หลอดเลือดสมองแตก