หลายคนเวลาเริ่มเรียนภาษาอังกฤษนั้นอาจจะรู้สึกว่าตัวเองช่างมีปัญหาเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะ Skill การเขียน ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ไม่รู้ว่าจะต้องต่อคำต่อประโยคอย่างไรให้สวยงาม หรือบางคนอาจจะพาลไม่รู้เลยด้วยว่าควรจะจบ Paragraph แบบไหน วันนี้เราขออาสาพามาดู 5 ทริคเด็ดฉบับย่อที่รับรองว่าอ่านแล้วการเขียน Paragraph ของคุณจะดูง่ายขึ้นทันตาเห็นเชียวล่ะ Show 1. เขียนหัวข้อให้ถูกแบบฟอร์มถึงแม้ว่าจะมีคำบอกว่า “อย่าตัดสินหนังสือจากปก” แต่สุดท้ายแล้วเราก็มองปกก่อนอยู่ดี การเขียน Paragraph นี้ก็เช่นกัน เราจะต้องเลือกหัวข้อให้น่าสนใจและกระชับ อาจจะเป็นเพียงคำไม่กี่คำ วลีสั้นๆ หรือประโยคเต็มที่ไม่ยาวเกินไปก็ได้ แต่ว่าการขึ้นต้นหัวข้อน่ะ มีข้อแม้อยู่ว่าเราจะขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่ก่อนทุกครั้งยกเว้น a/an/the, Verb to be และ preposition ที่ไม่ได้อยู่หน้าประโยค อาทิเช่น My Husband and His Characteristics หรือ Loneliness is Everyone’s Experiences เป็นต้น ในการเขียน Paragraph นั้นเราก็จะต้องมีประโยค Hook เสียก่อน ซึ่งมันก็คือเจ้าประโยคที่ทำให้คนอ่านสนใจงานเขียนของเรานั่นเอง ทำหน้าที่คล้ายๆ กับคำนำเวลาเราเปิดหนังสืออ่านไงล่ะ เราอาจจะเริ่มต้นด้วยคำถามเช่น Have you ever been lonely before? (เคยรู้สึกเหงาบ้างรึเปล่า?) เห็นไหมว่าถ้าเราตั้ง Hook ขึ้นมาแบบนี้คนอ่านก็จะรู้ทันทีเลยว่าเราจะมาพูดถึงความเหงากันนะ หรืออาจจะขึ้นด้วยการเล่าเรื่องก็ได้ เช่น I was seven years old when I first met my husband. ประโยคประมาณนี้ก็ทำให้ทราบเช่นกันว่าเราจะเล่าประสบการณ์ที่เราอยากจะแชร์ เป็น Hook แบบที่น่าสนใจไม่แพ้คำถามเลย หรืออาจจะขึ้นด้วย Opinion ก็ไม่ผิดนะ เช่น Dogs are cuter than cats. คนอ่านก็จะทราบทันทีว่าเราจะเปรียบเทียบหมาและแมวใน Paragraph ของเรา 3. ใช้ประโยคชี้ชัดให้เห็นแนวทางไปเลยว่าเราจะพูดถึงเรื่องอะไรใน Paragraph นี้สำหรับ Paragraph ในภาษาอังกฤษนั้นมักจะมีประโยคชี้แจงหรือ Topic Sentence แฝงอยู่เสมอ ซึ่งเจ้าประโยคนี้มีประโยชน์มากๆ เลยทีเดียวล่ะ ถ้าเปรียบกับหนังสือเจ้าประโยคนี้ก็คล้ายๆ กับสารบัญที่จะมาแนะแนวทางว่าในเราจะพูดเกี่ยวกับอะไรและกี่หัวข้อ ขอยกตัวอย่างจากสามประโยคด้านบนก็แล้วกันนะ จะได้เห็นกันชัดๆ เช่น
และหลังจากประโยคชี้แจงเหล่านี้เราก็จะเขียนคร่าวๆ เกี่ยวกับเนื้อหาค่ะ เป็นเหมือนกับ Intro ที่บอกคนอ่านว่าในบทความของเราจะมีเรื่องราวดังนี้นะ ตัวอย่างก็…
นั่นแปลว่าในบทความที่เราจะเขียนนั้นเราจะไม่ออกนอกกรอบของสี่หัวข้อนี้ ซึ่งมันก็จะทำให้เราเขียนได้ Get to the point และครอบคลุมนั่นเอง 4. ใช้หลักการเดียวกับป้ายบอกทางเป็นวิธีที่ดีเลยล่ะอะไรคือหลักการเดียวกับป้ายบอกทางน่ะเหรอ? มันหมายความว่าเราในฐานะคนเขียนต้องบอกคนอ่านทุกครั้งว่าเราจะเปลี่ยนหัวข้อแล้วนะ ซึ่งคำจำพวกนี้ก็เรียกว่า Signal Word นั่นเอง ทำหน้าที่เหมือนกับป้ายบอกทางที่บอกให้รู้ว่าทางต่อไปที่เราจะไปคืออะไรอย่างไร ไม่รอช้ามาดูตัวอย่างกันเลย
เรามักจะใช้คำว่า First สำหรับการกล่าวถึงประเด็นแรก แต่จริงๆ แล้วเราก็สามารถใช้คำอื่นหรือประโยคอื่นก็ได้เช่น Firstly, First of all, Let’s start with… หรือ Begin with… ก็แล้วแต่ชอบเลยนะ ต่อมาเมื่อเราจะกล่าวถึงประเด็นต่อไปก็มีอีกหลายคำให้เลือกสรรนะ มาลองดูจากตัวอย่างกันเถอะ
ซึ่งคำว่า Next นั้นก็ใช้สำหรับเมื่อเราจะกล่าวถึงประเด็นต่อไปที่ไม่ใช่ประโยคแรก ซึ่งบางทีเราก็อาจจะเลือกใช้ Then, Moreover, In addition หรือ The second ก็ไม่เลวเหมือนกัน แต่ถ้าเราจะกล่าวถึงประเด็นสุดท้ายเราก็อาจจะใช้คำว่า Last, Lastly, Finally หรือ The last one ในตำแหน่งเดียวกับคำว่า Next ได้เลยนะ ตัวอย่างเช่น
หลังจากเราเขียนประโยคที่มีป้ายบอกทางหรือ Signal Words เรียบร้อยแล้วก็สามารถบรรยายรายละเอียดเพิ่มได้อีก 3-5 ประโยคนะ ซึ่งพอเขียนเสร็จเราก็จะได้เป็น Paragraph ที่มีความยาวกำลังดีเลยล่ะ 5. ทุกบทความจะต้องมีบทสรุป!และสุดท้ายก็ขาดไม่ได้เลยสำหรับบทสรุปของบทความ ซึ่งการสรุปอย่างง่ายนั้นก็มีอยู่เช่นกัน เราจะเรียกวิธีนี้ว่าการ Restatement นั่นเอง วิธีการที่ว่านั้นก็คือแบบนี้
วิธีการนี้ก็คือการนำเอาสิ่งที่เราเขียนใน Topic sentence มาเขียนซ้ำอีกครั้งเป็นการสรุปนั่นเอง เป็นไงล่ะ? การเขียน Paragraph นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมล่ะ แค่จำทริคแบบนี้เอาไว้และฝึกฝนเรื่อยๆ วันหนึ่งเราก็จะสามารถเขียนได้ flow แน่นอน! paragraph คือ กลุ่มของประโยคที่เขียนขึ้นภายใต้หัวเรื่องเดียวกัน (Single Topic) โดยทั่วไปประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
เทคนิคสุดเวิร์ค การทำ paragraph organizationถ้าหา main idea เจอและแยก supporting ideas ของเรื่องได้ เราก็จะเห็น โครงสร้างของ paragraph ชัดเจนมากขึ้น ➡️พยายามหา topic sentence หรือ main idea ให้เจอ ส่วนใหญ่มักซ่อนอยู่ใน “ประโยคแรก” ของ paragraph (ความจริงแล้ว main idea จะอยู่ตอนต้น ตอนกลาง หรือตอนท้ายของ paragraph ก็ได้) ลักษณะของประโยคแรก
💡จำให้แม่น💡 main idea เป็นส่วนที่่สำคัญที่สุด ครอบคลุมเนื้อหาในพารากราฟ และมีแค่ประโยคเดียวเท่านั้น ➡️ หา supporting ideas และ supporting details ที่ทำหน้าที่ขยายรายละเอียดของ main idea ให้เข้าใจง่ายขึ้น ➡️1 พารากราฟ ต้องพูดแค่เรื่องเดียว (ไม่ออกนอกเรื่อง) เช่น พูดถึง "ประโยชน์ของไข่ไก่" ก็ต้องพูดถึงเรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่ควรมีเรื่องแม่ไก่ หรือการทำฟาร์มไก่มาอยู่ในพารากราฟ ➡️สังเกต conjunctions/ transition words/ pronouns คำศัพท์ที่ช่วยลำดับเนื้อหาอย่างเป็นเหตุเป็นผล 💡มี “เหตุ” ก็ต้องมี “ผล” ตามมา💡 Conjunctions คือ คำสันธาน หรือคำที่ใช้เชื่อม “คำกับคำ” หรือ “ประโยคกับประโยค” เข้าด้วยกันเพื่อให้ประโยคสละสลวยมากขึ้น 💡เทคนิคช่วยจำ คือคำว่า “fanboys” f \= for สำหรับ, เพื่อ a \= and และ n \= nor ไม่ทั้งสองอย่าง b \= but แต่ b \= or (หรือ) ใช้เชื่อมประโยคที่แสดงทางเลือก y \= yet (แต่) ใช้เชื่อมประโยคที่ขัดแย้งกัน s \= so (ดังนั้น) ใช้เชื่อมประโยคที่เป็นเหตุผลเป็นผลกัน Transition words คือ คำหรือวลีที่ใช้เชื่อมส่วนต่าง ๆ ของบทความ เช่น ระหว่างประโยคหนึ่งไปอีกประโยคหนึ่ง หรือจากย่อหน้าหนึ่งไปยังอีกย่อหน้าหนึ่ง ช่วยให้เกิดความเชื่อมโยงกันมากขึ้น 💡กลุ่มคำเชื่อม transition words ที่แบ่งตามความหมาย เพิ่มเติม and then = แล้วก็ again = อีก besides, furthermore, in addition, moreover = นอกเหนือจากนี้, ยิ่งไปกว่านั้น equally important = สำคัญไม่แพ้กัน 🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸 เปรียบเทียบ (บอกความแตกต่าง) on the other hand, in contrast = ในทางกลับกัน, ในทางตรงกันข้าม however, yet, nevertheless, nonetheless = อย่างไรก็ตาม, แต่ถึงอย่างไร, แต่กระนั้น at the same time, meanwhile = ในเวลาเดียวกัน, ในขณะเดียวกัน similar to = คล้ายกับ, ราวกับ just as = เช่นเดียวกับ although = แม้ว่า 🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸 บอกลำดับ first, second, third = ขั้นตอนที่ 1 2 3 and so forth = และอื่น ๆ ต่อไป next = ต่อจากนั้น then = แล้วก็, อีกประการหนึ่ง at this time = ในตอนนี้ now = ตอนนี้, บัดนี้ simultaneously = พร้อมกัน after = หลังจาก, ภายหลัง previously = ก่อนหน้านี้ finally = ในที่สุด, ในตอนท้าย 🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸 เพื่อเน้นย้ำ extremely = อย่างยิ่ง obviously = อย่างชัดเจน certainly, absolutely = อย่างแน่นอน in fact = ในความเป็นจริง indeed = โดยแท้จริง in any case = ไม่ว่ากรณีใด ๆ 🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸 เพื่อสรุป so, therefore, hence, thus, = ดังนั้น as a result = ด้วยเหตุนั้น, ดังนั้น consequently = จึงเป็นเหตุ accordingly = ตามนั้น in brief = โดยสังเขป Pronoun คือ คำสรรพนาม ใช้แทนคำนาม คน สัตว์ สิ่งของ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำนามซ้ำซาก ใช้แทนสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร และให้ประโยคกระชับ เข้าใจง่าย Pronoun มี 8 ประเภท ดังนี้
➡️ เมื่อหาประโยคแรกได้แล้ว ก็เริ่มตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออก จากนั้นก็มองภาพทุกอย่างให้เป็นจิ๊กซอว์ แล้วจึงเรียงลำดับประโยคให้สมเหตุสมผล สมมติประโยคแรกเป็น D ประโยคต่อไปก็จะเป็น supporting ideas > ประโยคสรุปจบ สิ่งสำคัญของการทำข้อสอบ "Paragraph Organization" คือการฝึกทำโจทย์บ่อย ๆ จนชำนาญ จากนั้นทักษะต่าง ๆ และความมั่นใจก็จะตามมาเอง ติดตามสรุปเนื้อหา เคล็ดลับ และเทคนิคพิชิตคะแนนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ใน "ห้องเรียนติวเข้ม ม.ปลาย TCAS66" (คลิก) |