ตัวอย่าง ประโยค correlative conjunction

Correlative conjunction คำสันธานคู่ภาษาอังกฤษ หลักไวยกรณ์ที่ช่วยให้เราสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ พลิกการเขียน Essay เราให้โดดเด่นถูกใจกรรมการครับ

วันนี้ Jasper & Reader จะมาเล่าเกี่ยวกับหนึ่งใน Conjunction ที่เรียกว่า Correlative conjunction ซึ่งเรามักจะเห็นเป็นคำที่มาเป็นคู่ๆ

แล้วเจ้า Conjunction ตัวนี้จะช่วยให้การเขียนของเราดีขึ้นได้อย่างไร? มาเข้าใจถึงหลักการใช้ Correlative conjunction อย่างถูกหลักไวยากรณ์ พร้อมตัวอย่างที่จะช่วยให้เราเข้าใจคำสันธานคู่มากขึ้น ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

Correlative conjunction คือ ?

Correlative conjunction คือ คำสันธานที่ใช้เชื่อมคำสองคำ หรือ วลีสองสลี ที่มีความสำคัญเท่าๆ กัน เข้าด้วยกันเป็นประโยคเดียว โดย Correlative conjunction มักจะถูกเรียกว่า Paired conjunction หรือ คำสันธานคู่

แม้ว่าจะถูกเรียกว่าคำสันธานคู่ แต่ Correlative conjunction ไม่จำเป็นต้องใช้เป็นคู่ก็ได้นะครับ ตัวอย่างของ Correlative conjunction เช่น

  • Either or neither nor
  • Whether or
  • Both and
  • Not only but also
  • As many as
  • Rather than

Correlative conjunction หลักการใช้ คำสันธานคู่

1) Correlative conjunction ต้องใช้โครงสร้างคู่ขนาน

หลักการสำคัญที่สุดของการใช้ Correlative conjunction คือ โครงสร้างคู่ขนาน หรือ Parallel structure ครับ

Parallel structure คือ โครงสร้างประโยคคู่ขนาน ซึ่งกำหนดให้องค์ประกอบในประโยคมีแนวทางการใช้ Grammar ไปในทิศทางเดียวกัน มีหน้าที่เดียวกัน และมีความสำคัญที่เท่าๆ กันครับ ซึ่งการใช้ Correlative conjunction เป็นหนึ่งในบริบทที่เราต้องทำตามไวยากรณ์ของโครงสร้างคู่ขนานในภาษาอังกฤษครับ

อย่างไรก็ดี Correlative conjunction ยังมีความสามารถในการเชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกันได้ผ่านการใช้ comma ครับ เพราะ Correlative conjunction เป็นคำสันธานคู่ที่ไปจับคู่กับคำสันธานอีกประเภทที่ชื่อว่า Coordinating conjunction เช่น or, and ที่มีความสามารถในการเชื่อม dependent clause กับ independent clause เข้าด้วยกันได้ครับ

2) Correlative conjunction ใช้เพื่อเชื่อมสองสิ่งที่เหมือนจะแตกต่าง แต่กลับเหมือนกันเข้าด้วยกัน

หลักการใช้ Correlative conjunction ที่สำคัญมากๆ คือ ความสามารถในการเชื่อมคำหรือประโยคที่มีความสำคัญเท่ากัน มีความหมายในทิศทางเดียวกันเข้าด้วยกันครับ

เราจะใช้ Correlative conjunction เพื่อสื่อสารไปถึงผู้อ่านว่า X และ Y เหมือนกันนะ ซึ่งสถานการณ์ในการใช้ Correlative conjunction ในลักษณะนี้คือ คนอ่านไม่รู้มาก่อนเลยว่า X และ Y เหมือนกัน หรือ เหตุการณ์ที่เราต้องการเน้นย้ำว่า X และ Y เหมือนกันนะ แม้ว่าผู้อ่านจะรู้อยู่แล้ว เราลองมาดูตัวอย่างกันครับ

Correlative conjunction ตัวอย่าง คำสันธานคู่

Both setting goals and tracking progress can help to stay motivated and on track in self-studying English

สำหรับใครหลายๆ คน ที่ยังคงติดปัญหากับการใช้ “คําเชื่อมในภาษาอังกฤษ” ไม่รู้จะใช้คำไหนดี? วันนี้ เอ็ด ดู เฟิร์สท์ จะมาอธิบายการใช้คําเชื่อมประโยคง่ายๆ ให้ลองได้นำไปฝึกใช้กัน โดยเริ่มแรกเรามารู้จักกันก่อน ว่าคําเชื่อมในภาษาอังกฤษ เรียนว่าอะไร…

การใช้ Conjunction คำเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ

ตัวอย่าง ประโยค correlative conjunction

1. Coordinating Conjunctions

เป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมคำ หรือสองประโยคเข้าด้วยกัน โดยทั้ง 2 ประโยค ที่ถูกเชื่อมกันนั้นจะต้องมีความสำคัญเท่ากันหรือมีความหมายไปในทางเดียวกัน คำที่ถูกนำมาใช้ในการเชื่อมประโยค ได้แก่ and, yet, but, for, so, nor, neither, or

การใช้ Coordinating Conjunctions

And แปลว่า และ

เป็นการเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ ที่ไปในแนวเดียวกัน

ตัวอย่าง I love you and you love me too. ฉันรักเธอและเธอก็รักฉัน

Yet, But แปลว่า แต่

เป็นคำเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ ที่ขัดแย้งกัน

ตัวอย่าง My brother worked hard but he did not succeed. พี่ชายของฉันทำงานหนัก แต่เขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

For แปลว่า เพราะว่า

เป็นคำเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ เป็นเหตุเป็นผลกัน โดย for จะแสดงเหตุ *for จะนำหน้าประโยคที่เป็นเหตุ

ตัวอย่าง He went in, for the door was open. เขาเข้าไป เพราะประตูเปิดอยู่

So แปลว่า ดังนั้น

เป็นการเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ ที่เป็นเหตุเป็นผลกัน

ตัวอย่าง The door was open so he went in. ประตูเปิดอยู่ ดังนั้นเข้าจึงเข้าไป

Or แปลว่า หรือ

คําเชื่อมในภาษาอังกฤษ ที่แสดงทางเลือก

ตัวอย่าง She wants to watch TV or (to) listen to some music. เธอไปดูทีวี หรือไปฟังเพลง

Nor, neither แปลว่า ไม่ทั้งสอง

คําเชื่อมในภาษาอังกฤษ ที่เป็นไปในเชิงปฏิเสธทั้งคู่

ตัวอย่าง He nor I was there. เขาและฉัน ไม่ได้อยู่ที่นี่

2. Correlative Conjunctions

เป็นคําสันธานภาษาอังกฤษ เชื่อมประโยคที่ต้องใช้คู่กันเสมอ โดยจะทำหน้าที่คล้าย ๆ กับ Coordinating Conjunctions คือใช้ในการเชื่อมประโยคที่มีความสำคัญเท่ากัน สำหรับคำที่ถูกนำมาใช้ในการเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ ได้แก่ not only…..but also, either…..or, as…..as, so as to, both … and,

การใช้ Correlative Conjunctions

not only…..but also แปลว่า ไม่เท่านั้น…แต่อีกด้วย

ตัวอย่าง Man needs not only food but also shelter. มนุษย์ไม่เพียงแต่ต้องการอาหารเท่านั้นยังต้องการที่พักอาศัยอีกด้วย

either…..or แปลว่า ไม่…หรือ/ก็

ตัวอย่าง You can either sleep or eat. คุณไม่นอนหลับก็กิน

as…..as แปลว่า เป็นการใช้เชื่อมประโยคที่แสดงอะไรที่เท่ากัน

ตัวอย่าง She runs as fast as I do. เธอวิ่งเร็วเท่าฉัน (นำคำที่เราต้องการเปรียบเทียบใส่ไปในระหว่าง as กับ as จากตัวอย่างใส่คำว่า fast เป็นการเปรียบเทียบความเร็ว)

so as to แปลว่า เพื่อที่จะ

ตัวอย่าง I study hard so as to pass the exam. ฉันเรียนหนัก เพื่อที่จะ ได้สอบผ่าน (to ตามด้วยกริยาช่องที่ 1 ไม่เติม s)

both … and แปลว่า ทั้ง…และ

ตัวอย่าง I enjoy both singing and dancing. ฉันมีความสุขกับการร้องเพลงและการเต้น

3. Subordinating Conjunctions

เป็นคำสันธานที่ใช้ในการเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ ใจความรองให้เข้ากับประโยคใจความหลัก สำหรับคำที่นำมาใช้ในการเชื่อม ได้แก่ after, because, if, although, before, since, that, unless, until, when, as soon as