War of the planet of the apes เต ม

เมื่อ 15 ปีที่แล้วการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ผิดพลาดได้ให้กำเนิดสายพันธุ์วานรสติปัญญาสูงขึ้นมา พร้อมกับไวรัสที่เกือบทำลายล้างมนุษยชาติ ไวรัสไข้หวัดลิง (Simian Flu) ได้นำมนุษย์มาเกือบถึงกาลอวสาน ผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่รายซึ่งมีภูมิต้านทานไวรัสต้องใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้น ขณะที่เหล่าวานรครองความยิ่งใหญ่ในพื้นที่ป่าอันปลอดภัยทางตอนเหนือของซานฟรานซิสโก

กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--MMM Digital Asset ส่งภาพจากหนังแบบจัดเต็มมาเรียกน้ำย่อยกันแล้วกับมหากาพย์ภาพยนตร์ War for the Planet of the Apes – มหาสงครามพิภพวานร จากผลงานการกำกับของ แม็ตต์ รีฟส์ กับเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้วการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ผิดพลาดได้ให้กำเนิดสายพันธุ์วานรสติปัญญาสูงขึ้นมา...พร้อมกับไวรัสที่เกือบทำลายล้างมนุษยชาติ ไวรัสไข้หวัดลิง (Simian Flu) ได้นำมนุษย์มาเกือบถึงกาลอวสาน ผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่รายซึ่งมีภูมิต้านทานไวรัสต้องใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้น... ขณะที่เหล่าวานรครองความยิ่งใหญ่ในพื้นที่ป่าอันปลอดภัยทางตอนเหนือของซานฟรานซิสโก… ในรุ่งอรุณของความเจริญทางอารยธรรม ชุมชนวานรรุ่งเรืองขึ้นโดยปราศจากการติดต่อกับมนุษย์... จนกระทั่งพวกมันถูกค้นพบโดยผู้รอดชีวิตกลุ่มเล็กๆ ที่กำลังดิ้นรนสร้างอาณานิคมใหม่ของตัวเอง ชาวอาณานิคมและเหล่าวานรต่างพยายามอยู่ร่วมกันให้ได้ แต่สันติภาพอันเปราะบางระหว่างสองฝ่ายก็ได้ถูกทำลายลงโดยโคบา วานรซึ่งต้องการแก้แค้นมนุษย์ที่เคยคุมขังมันเอาไว้ ซีซาร์ จ่าฝูงของพวกวานร พยายามนำเอาความสงบกลับคืนมา แต่ไม่มีทางให้หวนกลับเมื่อการต่อสู้อันโหดเหี้ยมได้เปิดฉากไปแล้ว ชาวอาณานิคมซึ่งถูกล้อมเอาไว้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป โดยไม่แน่ใจว่ามีมนุษย์อยู่ภายนอกที่จะได้ยินสัญญาณบ้างหรือเปล่า สัญญาณนี้ไปถึงฐานลูอิส-แม็คคอร์ดที่ซึ่งทหารหลายร้อยนายมาลี้ภัยอยู่หลังเกิดเหตุไวรัสระบาด ทหารชายหญิงเหล่านี้เป็นกำลังพลทั้งหมดที่เหลืออยู่ของกองทัพสหรัฐ เมื่อได้รับสัญญาณ กองทหารที่แข็งแกร่งของผู้พันเหรียญกล้าหาญแห่งกองกำลังพิเศษจึงถูกส่งมาร่วมการต่อสู้ด้วย ซีซาร์และเหล่าวานรถอนกำลังกลับไปยังเขตป่า แต่กองกำลังฝ่ายมนุษย์ก็ติดตามไปด้วยหวังจะกำจัดเหล่าวานรให้สิ้นซาก ตลอดสองปีเหล่าทหารคว้าน้ำเหลวในการออกค้นหาซีซาร์ โดยมีข่าวลือว่าซีซาร์บัญชาการฝูงวานรอยู่ในฐานลับที่ซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในป่า สงครามยังคงลุกลามต่อไป… War for the Planet of the Apes - มหาสงครามพิภพวานร เข้าฉาย 13 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/WarforthePlanetoftheApesTH/

เบื้องต้น ภาค War..2017 นี้ ขอรีวิวแค่ย่อๆ(แบบไม่สปอย) ... แฝงแง่มุมจิตวิทยาพอควรเลย (ทั้งลิงและคน) และแง่มุมของระบบธรรมชาติ-การทดลองวิทยาศาสตร์-เชื้อโรค!! ... และที่สำคัญภาคนี้ได้ทำหน้าที่สื่อนัยย้อนไปตอบข้อสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับมนุษยชาติ ถึงได้ลงเอยที่โลกตกเป็นของวานรสปีชีส์ใหม่นี้ได้ ตามที่เห็นในภาคคลาสสิกเดิม(1968-1973) (แม้เรื่องราวมันอาจไม่เชื่อมกันโดยตรงซะทีเดียวก็ตาม)

* ชุด Bluray Boxet ภาพยนตร์ Planet of the apes ทั้งหมดที่เคยมีมา 7 ภาค: ส่วนรูปซ้าย (ใบหน้าของวานรจ่าฝูง "ซีซาร์") โปสเตอร์ Dawn of the planet of the apes 2014 ก็นับเป็นภาคที่ 8 ถ้ารวมภาค War for the Planet of the Apes (2017) ก็เข้าสู่ภาค 9 แล้ว

Planet of the Apes (1968) ต้นฉบับเริ่มแรกสุด เป็นฝีมือกำกับของ "แฟรงคลิน เจ แชฟฟ์เนอร์" ออกฉายปี 1968 ใช้ทุนสร้าง $5.8 ล้านดอลล่าร์ และทำเงินไปถึง $32.5 ล้านดอลล่าร์ ความสำเร็จของหนัง ทำให้มีการสร้างภาคต่อออกมาอีกถึง 4 ภาค ตามลำดับดังนี้

Beneath the Planet of the Apes (1970), - Escape from the Planet of the Apes (1971), - Conquest of the Planet of the Apes (1972), และสุดท้ายจบที่ Battle for the Planet of the Apes (1973)

หลังจากทิ้งช่วงไปนานนับสิบๆปี ในที่สุด Planet of the Apes ก็ถูกนำขึ้นมาสร้างอีกครั้งในเวอร์ชั่นรีบูทยุคใหม่ ของผู้กำกับชื่อดัง "ทิม เบอร์ตัน" ออกฉายในปี 2001 ...และภาคใหม่ตามมาอีกในชื่อ Rise of the Planet of the Apes 2011 คราวนี้ไม่ใช่หนังภาคต่อแต่ประการใด แต่เป็นหนังรีบูทแบบ Prequel อันนำไปสู่เรื่องราวต้นกำเนิดเริ่มแรกสุดของที่มาวานรกลายพันธุ์ ฝีมือกำกับโดย "รูเพิร์ต ไวแอ็ทท์" ผู้กำกับที่สร้างชื่อมาจากหนังทริลเลอร์แหกคุกเรื่อง The Escapist (2008)

และก็มาถึงภาคใหม่ที่เพิ่งผ่านไปก่อนนี้ Dawn of the planet of the apes (2014) กำกับโดย "แมต รีฟส์" ผู้กำกับ Cloverfield (2008) ... " กลุ่มของวานรที่วิวัฒนาการขึ้นมาทางพันธุกรรม(จากภาค 2011) และกำลังเติบโตเป็นชนชาติภายใต้การนำของซีซาร์ กำลังถูกคุกคามโดยกลุ่มมนุษย์ที่รอดตายจากไวรัสร้ายที่ถูกแพร่ออกไปก่อนหน้านี้ (เหตุการณ์นี้แอบสื่ออยู่ในตอนท้าย EndCredit ภาค 2011 ไม่ได้บอกในหนังตรงๆ) ทั้งสองฝ่ายเจรจาสงบศึกกันได้ แต่ก็เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ และใกล้เปิดฉากสงครามใส่กันเพื่อตัดสินว่าเผ่าพันธุ์ไหนจะเป็นผู้ได้ครองโลก! "

* และก็ภาคถัดไปออกมาใหม่สุด "War for the Planet of the Apes (2017)" อันเป็นภาคต่อของ Dawn of the planet of the apes (2014) นั่นเอง

* Dawn of The Planet of The Apes 2014 Trailer

" I need to speak to caesar. I want you to know, it's not just about power. It's about giving us the hope to rebuild and reclaim the world we lost. " / " ผมต้องการเจรจากับซีซาร์ ผมอยากให้คุณรู้ว่า มันไม่เกี่ยวกับอำนาจ มันเกี่ยวกับการให้ความหวังในการจะสร้าง และกอบกู้โลกที่เราสูญเสีย"

* ต่อมายังมีภาคการ์ตูน Comic ออกมาสมทบเสริมเนื้อหา-ขยายความ มากมายหลายซีรี่ส์อีกต่างหาก

" พระเจ้าสร้างวานรในรูปลักษณ์ของพระองค์เอง ท่านประทานชีวิตและจิตใจ ท่านจัดแยกออกจากพวกเดรัจฉานในป่า และตั้งให้เป็นเจ้าแห่งโลก ความจริงอันล่วงละเมิดมิได้นี้แหละ คือ หลักฐานในตัวมันเอง..."

"...ระวังพวกมนุษย์โฉดช้า มันคือตัวแทนของซาตาน มันโดดเดี่ยวท่ามกลางสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลายของพระเจ้า มันฆ่า! เพื่อความบันเทิง เพื่อตัณหา เพื่อความละโมบ ใช่ มันฆาตกรรมแม้พี่น้องกันเอง ก็ด้วยจะยึดครองสมบัติแผ่นดินของพี่น้อง อย่าปล่อยให้มันแพร่พันธุ์ เพราะมันจะทำให้แผ่นดินของท่าน และแม้แผ่นดินของมันเอง ให้กลายเป็นทะเลทราย จงหลีกเลี่ยงมัน จงขับไล่มันให้ไปสู่ป่าที่ซ่อนซะ เพราะมันคือผู้นำไปสู่แห่งความดับสูญ "

---จากคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวานร : Planet of the apes (1968)

เรื่องย่อสังเขป และวิเคราะห์ความเชื่อมโยงสอดคล้องของภาพยนตร์ชุด Planet of the apes ภาคต่างๆ ตามลำดับเวลาก่อนหลัง (สปอยเล็กๆพองาม โดยเฉพาะ 5 ภาคฉบับคลาสสิกดั้งเดิม อันเป็นหนังเก่ามาก ซึ่งตอนนี้ในไทยเราอาจหาดูยากหน่อย *เครดิต: ข้อมูลสบทบจากคุณ "brawatcher"

- เริ่มกันที่

Rise of the planet of the apes (2011) : จัดว่าคือช่วงเวลาจุดเริ่มต้นแรกสุด ของเหตุการณ์พิภพวานร ถ้ามองในแง่เนื้อหาความเชื่อมโยงกับภาคคลาสิค 5 ภาคในอดีต ก็ถือว่าพอจะมีความเชื่อมโยงเฉพาะกับ Planet of the apes (1968) เท่านั้น โดยภาค 2011 เป็นการเล่าที่มาที่ไปของพิภพวานรด้วยทฤษฎีใหม่ให้กับภาค 1968 ไปในตัว (ถ้าได้ดูหนังทั้งสองภาคนี้ ใน 2011 จะพบมี Easter egg สื่อไปยังภาค 1968 หลายประเด็น โดยเฉพาะกรณียานอวกาศ) ... แต่ส่วนในภาคคลาสิคภาคต่อทั้งหมด 4 ภาคที่ตามมานั้น แม้จะเป็นภาคต่อของภาค 1968 โดยตรง และต่อมาจะมีตัวละครวานรตัวเอกที่ชื่อ "ซีซาร์" เป็นแก่นของพล็อตเหมือนกันก็ตาม แต่ชัดเจนว่าเป็นคนละคนกันกับภาค 2011 อย่างแน่นอน และต้นกำเนิดวานรก็เหมือนจะคนละทฤษฎีกันเลย (ก็ธรรมดาของหนังรีบูทใหม่นะครับ) ... แต่ถ้าใครจะมองว่า แค่ชื่อ ซีซาร์ เหมือนกันเป็นการเคารพบรรพบุรุษ ก็พอได้กระมัง

มาดู Planet of the apes คลาสิค 5 ภาค เนื้อเรื่องย่อต่อเนื่องกันตามลำดับดังนี้- 1. Planet of the apes (1968) ภาคต้นฉบับ เล่าเหตุการณ์ นักบินอวกาศกลุ่มหนึ่ง กำลังเดินทางปฏิบัติภารกิจท่องอวกาศ (มีภาพข่าวเรื่องการปล่อยยานอวกาศลำนี้ ในภาค 2011 ) ได้เกิดประสบอุบัติเหตุ ไปตกลงที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ซึ่งปกครองโดยเผ่าวานรมีอารยธรรม แต่มนุษย์เรากลับเป็นชนเผ่าคนป่าพูดไม่ได้ พระเอกของเรื่องถูกจับไปเป็นทาส และได้รับการช่วยเหลือโดยวานรฝ่ายดีที่เห็นใจเขา ก่อนที่เขาจะได้พบกับหลักฐานอันน่าตกใจ เศษซากเทพีเสรีภาพ!

- 2. Beneath the planet of the apes (1970) ยานอวกาศลำที่สอง ถูกส่งมาตามหายานลำแรกที่สูญหายขาดการติดต่อ(ในภาคแรก) ก่อนที่จะพบกับพระเอกในภาคแรกนั้น ในเวลาต่อมา และก็ได้พบกลุ่มมนุษย์ที่หลงเหลืออยู่อีกกลุ่ม (ไม่ใช่คนป่า แต่เป็นพวกกลายพันธุ์!) สุดท้ายสถานะการณ์ขัดแย้งเกิดการสู้รบ ลงเอยที่มรการกดปุ่มขีปนาวุธทำลายโลกที่ปกครองโดยวานรนี้เสีย เป็นอันว่าตายเรียบ-โลกแตกระเบิดแหลกเป็นจุน! แต่เผยภายหลัง(ในภาคถัดไป) ก่อนหน้าโลกแตกนั้น วานรคู่สามีภรรยาอันเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เคยช่วยเหลือมนุษย์พระเอกของเรื่อง กลับได้หนีขึ้นยานอวกาศหวุดหวิดเพื่อย้อนกลับไปยังโลกยุคปัจจุบัน (ยานอวกาศนั้น เป็นยานที่เดินทางข้ามเวลาได้..และเมื่อมาถึงโลกก็ตั้งใจจะเตือนชาวโลก ถึงความผิดพลาดของมนุษย์ ที่อาจลงเอยประวัติศาสตร์ซ้ำรอย มนุษย์จะถูกปฏิวัติโดยวานร และเกิดสงครามล้างโลกจนโลกแตก)

- 3. Escape from the planet of the apes (1971) วานรหลงเหลือ 3 คนสุดท้าย(ต่อจากภาคที่แล้ว) ก็เดินทางมาที่โลกมนุษย์ในยุคปัจจุบันและได้ตักเตือนมนุษย์ เป็นที่ฮือฮาด้วยเป็นลิงพูดได้ แต่มนุษย์กลุ่มมีอำนาจก็ไม่เชื่อฟัง หนำซ้ำกลับนำวานรไปทำการทดลองต่อไป ทั้งหมายกำจัดวานรคู่สามีภรรยาที่เดินทางมานั่นอีกต่างหาก ... สุดท้ายโชคดี ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนมนุษย์ผู้เห็นใจ วานรคู่สามีภรรยาก็ได้ให้กำเนิดลูก ตั้งชื่อว่า "ซีซาร์"(ภาค2011 ก็ตั้งชื่อลิงตามวานรตัวนี้เช่นกัน) แต่พ่อแม่คู่สามีภรรยานั้นก็ถูกฆ่าตาย!ในที่สุด จึงเหลือแต่ทยาท ซีซาร์ ผู้กำพร้า ได้รับการเลี้ยงดูอย่างลับๆ

- 4. Conquest of the planet of the apes (1972) เหล่าวานรถูกทำการทดลองพันธุกรรมและฝึกฝนจนฉลาดขึ้น ได้ถูกฝึกและแปรสภาพกลายเป็นสัตว์เลี้ยง-เป็นทาสรับใช้ใกล้ชิดของมนุษย์ ซีซาร์จึงเป็นทายาทวานรที่ฉลาดที่สุดในบรรดาวานรทั้งหมด ก็จำต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ก่อนที่จะจำต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำการปฏิวัติต่อสู้กับมนุษย์เพราะทนการถูกกดขี่ไม่ไหว ก่อนที่โลกจะลงเอยด้วยการถูกปกครองโดยเหล่าวานร เหตุการณ์จึงกลับตาลปัตร มวลมนุษย์ที่เหลือรอดถูกจับไปเป็นทาสรับใช้เหล่าวานรแทน

- 5. Battle for the planet of the apes (1973) ยังคงมีสงครามต่อสู้กันระหว่างวานรและมนุษย์ที่หลงเหลืออีกต่อไป รวมทั้งมนุษย์รบกับมนุษย์กันเอง ลงเอยด้วยการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งทำให้มนุษย์ที่ถูกรังสีกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์หน้าตาผิวหนังผิดเพี้ยน(ผิวหนังเริ่มเละ!) เกิดเป็นสงครามระหว่างวานรและมนุษย์กลายพันธุ์ขึ้นอีกหลายครั้ง ทั้งฝ่ายวานรเองก็ยังมีความขัดแย้ง-การหักหลังด้วยกันเองอีกต่างหาก(เริ่มมีพฤติกรรมการเมืองแย่งอำนาจเหมือนมนุษย์) แต่ลงท้ายที่สุดแล้ว วานรนำโดย ซีซาร์ ก็เป็นฝ่ายชนะมนุษย์ แต่ก็เต็มไปด้วยความสูญเสีย ซีซาร์สลดใจจึงประกาศเลิกทาส สร้างสันติภาพใหม่โดยมุ่งหมายให้วานรและมนุษย์เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขให้ได้ (แต่โลกก็ยังถูกปกครองโดยวานรเป็นหลัก เพราะยุคนี้ความก้าวหน้าของมนุษย์ที่หลงเหลือดูจะเสื่อมถดถอยลงไปมาก)

- ส่วน Planet of the apes (2001) ถือเป็นการรีบูทภาค 1968 โดยยังคงยึดเค้าโครงแก่นพล็อตทำนองเดิมเป็นการคารวะ แต่ก็ดัดแปลงรายละเอียดเรื่องราวไปเป็นเนื้อเรื่องใหม่ จึงถือว่าเป็นภาคที่มีเนื้อหากแยกตัวออกไปต่างหาก ไม่มีความเกี่ยวโยงกับภาคอื่นๆทั้งหมดที่เคยมีมา แม้แต่กับภาค Rise of the Planet of the Apes 2011 เองที่ออกต่อมาภายหลังก็ตาม (ก็ถือเป็นจักรวาลคู่ขนานไป) (* ดูเหตุผลเสริมขยายความ ด้านล่างต่อเลย )

*เสริมขยายความ เหตุที่มองว่า Rise of the Planet of the Apes 2011 ไม่สามารถจัดให้เชื่อมโยงเรื่องราวกับ Planet of the Apes 2001 ก็เพราะ เนื้อหาในหนังไม่สอดคล้องกันนั่นเอง ? วิเคราะห์สังเขปได้ดังนี้ ...

1. เหตุการณ์ใน Rise of the Planet of the Apes เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ในขณะที่ Planet of the Apes เกิดขึ้นในปี 2029 ซึ่งเป็นยุคโลกอนาคต

2. พิภพวานรใน Rise of the Planet of the Apes คือโลกใบนี้ ณ ช่วงปัจจุบันนี้ วานรในภาคนี้คือลิงทึ่ถูกจับมาทดลองโดยบริษัทยายักษ์ใหญ่และก็เป็นลิงมากจากสวนสัตว์-สถานกักกันสัตว์ ได้วิวัฒนาการมีสติปัญญาขึ้น ก็เพราะสารตัวยาเซรุ่มรักษาโรคอัลไซเมอร์ของตัวละครพระเอกที่แสดงโดย James Franco ... ในขณะที่พิภพวานรใน Planet of the Apes 2001 คือดาวเคราะห์ในอีกมิติหนึ่งที่ตัวละครพระเอก Mark Walhberg หลุดเขาไปทางผ่านประมาณหลุมดำ โดยหนังสื่อนัยว่า วานรในหนังภาค 2001 มีบรรบุรุษเป็นลิงนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศ วานรในหนังภาคนี้จึงประหนึ่งวิวัฒนาการเพราะสภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์ต่างมิติดวงนั้นเอง หาใช่ สารตัวยาดังเช่นในภาค 2011

3. ฉากข่าวทางทีวีเกี่ยวกับการส่งทีมนักบิวอวกาศไปสำรวจอวกาศ และข่าวทางหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับกลุ่มนักบินอวกาศกลุ่มเดียวกันนั้นได้หายไปลึกลับในห้วงอวกาศ อันเป็น Easter egg ของ Rise of the Planet of the Apes 2011 นั้น สามารถเชื่อมเนื้อเรื่องของ Rise of the Planet of the Apes เข้ากับ Planet of the Apes 1968 ภาคต้นฉบับได้โดยตรง ด้วยสื่อว่าตัวละครพระเอก Charlton Heston ในหนังภาคต้นฉบับนั้น เป็นหนึ่งในสมาชิกทีมนักบินอวกาศที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจสำรวจอวกาศ ก่อนที่ยานจะหลงพิกัดกับทางโลกนั้นเอง ... แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่สามารถเชื่อมเนื้อเรื่องภาคนี้เข้ากับ Planet of the Apes 2001 ได้แต่ประการใด ตามเหตุผลที่ได้อธิบายไปแล้ว (ด้วยเหตุการณ์ในภาคนี้เกิดขึ้นในอนาคต/โลกคู่ขนาน ?, ตัวละครพระเอก Mark Walhberg เป็นนักบินอวกาศที่ทำหน้าที่เป็นครูฝึกลิงนักบินอวกาศอยู่บนสถานีอวกาศ ไม่ได้เป็นนักบินอวกาศที่ถูกส่งออกนอกโลกเพื่อภารกิจไปสำรวจอวกาศอย่างภาค 1968)

* มีโอกาสก็ลองดูหนังเก็บรายละเอียด ทั้งสองภาค 2001-2011 อีกรอบนะครับ เพราะที่วิเคราะห์ทั้งหมด ณ ที่นี้เป็นการวิเคราะห์ มุมมอง-เหตุผลส่วนตัวกว้างๆเท่านั้น ... ส่วนใครยังไม่เคยดูเลย ด้วยหนังสองภาคนี้ยังไม่เก่าเกินไป(แบบภาคคลาสสิกดั้งเดิม) จึงน่าจะยังหาซื้อ-หาดูได้ไม่ยากเกินไป (ส่วนถ้าสามารถหาดูภาคเก่าคลาสสิกทั้งหมดได้ ก็แน่แหละว่าย่อมเป็นการดียิ่งอยู่แล้ว โดยเฉพาะภาค 1968 ถือเป็นหนังดีขึ้นหึ้งไม่ควรพลาดเลยเชียว

สรุปได้ว่า ภาค 2011 เป็นการย้อนเล่าถึงจุดกำเนิดของ planet of the apes (1968) ในทฤษฎีใหม่ ดังนั้นหากจะเชื่อมโยงกันแล้ว คงจะพอเชื่อมกันได้เฉพาะภาคต้นฉบับดั้งเดิม 1968 นี้เท่านั้น ส่วนภาคคลาสสิกอีก 4 ภาคที่เหลือ และภาค 2001 แทบจะไม่สามารถเชื่อมโยงอ้างอิงกันได้เลย

ส่วนภาคใหม่ Dawn of the planet of the apes 2014 ก็คือเรื่องราวต่อเนื่องจาก ภาค 2011 โดยตรงนั่นเองดังได้เกริ่น ... จึงพอกล่าวได้ว่าเหตุการณ์อันเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมดของภาพยนตร์ชุด Planet of the apes นี้ ถ้าเรานับตั้งหลักเริ่มต้นกันที่ Rise of the planet of the apes 2011 หลังจากนั้นก็แตกเป็นจักรวาลคู่ขนานสองสายหลัก คือ

- สายแรกในชุดคลาสสิก Planet of the apes 1968 ... แล้วทำไมไม่นับ 4 ภาคต่อด้วยก็เพราะหลังจากนั้นเกิด โลกแตก แถมมีย้อนเวลากลับไปสู่โลกอดีตอีกที จึงอาจจัดว่า 4 ภาคหลัง 1968 ไปนั้น โดยเฉพาะภาค 3-4 ก่อให้เกิดเส้น Timeline ใหม่อีกเส้น กลายเป็นคู่ขนานอีกมิติใหม่แยกไปต่างหาก ไม่สามารถอิงเชื่อมโยงกับทฤษฏีกำเนิดวานรใน ภาค 2011 ได้นั่นเอง

- ส่วนสายที่สองก็คือ Dawn of the planet of the apes 2014 อันต่อตรงด้วย ภาค War.. 2017 ล่าสุดอีกที

และสำหรับ Planet of the apes (2001) ก็คงต้องถือว่าเป็นภาคพิเศษแถมไป เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นและจบในตัวเองโดดๆ ไม่สามารถนำไปอ้างอิงทฤษฎีเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับภาคอื่นๆได้ ดังกล่าวแสดงแล้วข้างต้นนั่นเอง (แต่ถ้าจะปรับให้เชื่อมโยงกันได้กับภาค 2011 ก็คงต้องจัดให้เป็นอีกมิติเวลาคู่ขนาน Timeline เส้นใหม่อีกเส้นตามระเบียบ ก็สุดแต่ผู้ชมจะตีความหาเหตุผล ว่ากันไป สนุกๆ :)

ปล. แถมล่างนี้ 3 คลิปหนังสั้นพิเศษอันเป็น official Prequel ช่วงเวลาตามลำดับ ... แสดงบรรยากาศ เชื้อโรค Simian Flu! ระบาด : ก็คือช่วงเหตุการณ์ต่อจากภาคที่แล้ว Rise of the planet of the apes (2011) ก่อนที่จะต่อด้วยเหตุการณ์ชุดใหม่ Dawn of the planet of the apes (2014) ยัน War for the Planet of the Apes (2017) ต่อไปนั่นเอง