Six flying dragons 6 ม งกร กำเน ดโชซอน ซ บไทย

สปีชก่อนตายของกิลแทมี ยอดนักดาบแห่งเกาหลีในช่วงปลายยุคอาณาจักรโครยอ (ในเรื่องเรียกว่า ยอดนักดาบแห่งซัมฮัน) จากซีรีส์เกาหลีเรื่อง Six Flying Dragons ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่จริง

สุนทรพจน์เปิดใจครั้งสุดท้ายที่กล่าวถึงสัจธรรมข้อนี้อธิบายเหตุผลความเป็นตัวเขาได้ดี กินใจ และชวนเศร้า ถึงขนาดที่คู่ต่อสู้และชาวบ้านที่มายืนรุมสาปแช่งก็ยังต้องหยุดฟังและน้ำตาคลอเบ้าตามไปด้วย

กิลแทมีเป็นตัวละครสำคัญฝ่ายตัวร้ายที่คนดูน่าจะเกลียดไม่ลง เขาเป็นเด็กชายบ้านนอกฐานะทางบ้านก็คือชาวบ้านทั่วไป เขามีบุคลิกตุ้งติ้งมาตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาให้เขาไปเรียนดาบ เพราะอยากให้ลูกมีความแมนและได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งหนทางของคนที่ไม่ได้มาจากตระกูลขุนนางก็คือต้องเป็นนักดาบที่เก่งกล้าไปรับใช้เจ้านายแล้วเจ้านายผลักดันเท่านั้น จึงจะมีโอกาสได้ไต่เต้าขึ้นไประดับสูง

ด้วยฝีมือดาบระดับตัวท็อปของอาณาจักรทำให้เขาได้รับใช้อัครมหาเสนาบดีอีอินกยอม ผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดในราชสำนักมาเป็นเวลา 10 กว่าปี

จากเด็กบ้านนอก แทมีก็ได้เลื่อนชนชั้นขึ้นเป็นขุนนางระดับสูง จนกระทั่งหลังจากที่อีอินกยอมโดนขั้วอำนาจใหม่จัดการให้พ้นตำแหน่ง กิลแทมีก็ได้ขึ้นถึงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี แต่ในทางปฏิบัติเขาไม่ใช่คนที่มีอำนาจสูงสุด เพราะว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้ฝักใฝ่การเมืองเท่าไหร่ และไม่ใช่คนฉลาดหลักแหลมเจ้าแผนการอะไร เขาสนใจแค่การรักษาความมั่งคั่งและความสำราญของตัวเอง

แม้ว่ากิลแทมีอยู่ในต่ำแหน่งที่สูงมาก แต่ด้วยความที่เขาไม่ได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์ ไม่มีผู้สนับสนุน เขาก็เลยอยู่อย่างเจียมตัว ไม่กล้ามีเรื่องกับขุนนางที่อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าตัวเองด้วยซ้ำ เวลาที่เขาเข้าร่วมแผนการอะไรก็เป็นผู้ตามตลอด ไม่เคยเป็นต้นคิดในการสู้รบตบมือกับใคร

กิลแทมีเป็นตัวละครที่สะท้อนภาพของข้าราชการระดับกลางๆ ขึ้นไปถึงกลางตอนบนได้ดี พวกเขาคือคนระดับกลางที่ชนชั้นบนไม่ได้จัดสรรทรัพยากรมาให้มากเท่าที่พวกเขาต้องการ อยากได้ก็ต้องไปหาเอาเองจะด้วยวิธีไหนก็ได้แต่อย่าให้เดือดร้อนมาถึงนาย เพราะจะไม่ได้รับการปกป้องช่วยเหลืออะไร แถมยังจะโดนเก็บด้วย พวกเขาทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อความอยู่รอดและความหวังที่จะได้ยกระดับ แน่นอนว่าพวกนี้ไม่คิดถึงการต่อสู้เปลี่ยนแปลงอะไร ในทางตรงข้าม พวกเขาเห็นว่าหนทางง่ายที่สุดที่จะทำให้ชีวิตตัวเองและครอบครัวดีขึ้นก็คือการกดขี่ขูดรีดเอาจากคนที่อยู่ต่ำกว่า คนที่อ่อนแอไม่มีทางสู้

Six Flying Dragons หรือชื่อไทยว่า “6 มังกร กำเนิดโชซอน” เป็นซีรีส์ที่มีตัวละครดีๆ อัดแน่นเต็มเรื่อง แต่ที่พูดถึงกิลแทมีเพราะรู้สึกว่าตัวละครนี้น่าสนใจ เป็นมนุษย์สีเทาที่เราพบเห็นได้ในสังคมทั่วไป เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ สร้างสีสันในเรื่อง เป็นตัวร้ายที่คนดูรัก และฉากการตายของเขามันตราตรึงใจแบบลืมไม่ลงจริงๆ

ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ (มาก) เรื่องนี้ออกฉายเมื่อปี 2015 เป็นโปรเจ็กต์ฉลอง 25 ปีของช่อง SBS เนื้อเรื่องอิงประวัติศาสตร์แบบอิงมากๆ ซีรีส์เรื่องอื่นจะเอาชื่อตัวละครและยุคสมัยมาเติมแต่งเรื่องราวให้เป็นเรื่องแต่งไปเลย แต่เรื่องนี้เค้าโครงเรื่อง ตัวละครสำคัญ ไทม์ไลน์ และเหตุการณ์สำคัญตรงตามที่มีข้อมูลประวัติศาสตร์ แบบชนิดที่ว่าเราเปิดหนังสือประวัติศาสตร์เกาหลีอ่านแล้วเห็นภาพในซีรีส์เลย ส่วนที่ว่าประวัติศาสตร์บันทึกไว้ตรงตามความจริงแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คิดว่าน่าจะจริงพอสมควร เพราะในราชสำนักเกาหลีมีอาลักษณ์คอยจดบันทึกตลอด และมีกฎราชสำนักห้ามกษัตริย์และราชวงศ์อ่าน เพื่อป้องกันการแทรกแซงการบันทึกประวัติศาสตร์ด้วย

ความดีงามของ Six Flying Dragons มีครบทั้งด้านบท นักแสดง การแสดง ภาพสวย และงานสร้างที่สมจริง พูดได้เลยว่านี่คือซีรีส์ย้อนยุคที่ดีที่สุดของเกาหลีเท่าที่เคยมีมา คุณภาพเกินค่าเฉลี่ยที่เรื่องอื่นทำไว้ในทุกด้าน เทียบแค่กองทัพ เวลาพูดว่าทหาร 50,000 นาย เรื่องนี้ใช้คนจำนวนมากให้ภาพกองทัพจริงๆ ขณะที่เรื่องอื่นมีคนอยู่หลักร้อย

บทละครที่ยอดเยี่ยมเรื่องนี้เป็นผลงานของนักเขียนบทชื่อดัง Kim Young-hyun และ Park Sang-yeon สองคนนี้เขาร่วมกันเขียนบทเรื่อง Deep Rooted Tree (จอมบัลลังก์ตำนานอักษร) มาก่อน ซึ่ง Six Flying Dragons เป็นเรื่องราวก่อนหน้าของเรื่อง Deep Rooted Tree แต่ Six Flying Dragons มีความเป็นเอกเทศของตัวมันเอง ไม่ได้สร้างมาในฐานะ prequel

Six Flying Dragons เป็นซีรีส์ที่พล็อตเรื่องใหญ่มาก กว้างมาก ตัวละครเยอะมาก เนื้อเรื่องเป็นเรื่องการปฏิวัติ การสร้างอาณาจักรและตั้งราชวงศ์ใหม่ กินระยะเวลานานหลายสิบปี โดยนำเสนอรายละเอียดของปฏิบัติการให้เห็นชัดๆ

จุดเริ่มต้นเรื่องคร่าวๆ คือ ในช่วงปลายราชวงศ์โครยอ (ตรงกับยุคการต่อสู้ของหมิงกับหยวนในจีน) อาณาจักรโครยอที่เน่าเฟะมานาน ไม่มีความหวังจะทำให้ดีขึ้นได้แล้ว ทั้งกษัตริย์ไม่เอาไหน ขุนนางระดับสูงแตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเข้ากับหยวน ฝ่ายหนึ่งเข้ากับหมิง ซึ่งถ้าเลือกข้างผิดคือจบเห่กันทั้งอาณาจักร ไหนจะมีเรื่องความฉ้อฉลเอาแต่ประโยชน์ตัวเอง ขูดรีดประชาชน และยังมีภัยจากญี่ปุ่นที่เข้ามารุกรานไม่หยุด

บัณฑิตหลวงชื่อ “จองโดนจอน” หรือ “ช็องโดจอน” (มังกรตัวที่ 2) ซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาดและศึกษาปรัชญาขงจื๊อย่างแตกฉานได้ซุ่มคิดแผนการปฏิวัติ และออกแบบโลกใหม่ในอุดมคติของเขาขึ้นมา จองโดจอนคือมันสมองของคณะปฏิวัติ (ชวนให้นึกถึง อ.ปรีดี ในคณะราษฎร) เป็นผู้ออกแบบ เป็นผู้วางแผน เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

จองโดนจอนมีบุคคลเป้าหมายที่เขาเลือกให้มาเป็นผู้นำการปฏิวัติและวางตัวจะให้เป็นกษัตริย์องค์ใหม่คือ นายพลอีซองกเย (มังกรตัวที่ 1) ที่มีอำนาจทางการทหารและมีคุณสมบัติดีงามเพียบพร้อมมาก สู้รบเก่ง เป็นวีรบุรุษกอบกู้ประเทศ เป็นที่เกรงขาม มีความรู้ มีคุณธรรม ไม่เคยเข้ายุ่งการเมือง ไม่เคยเสื่อมเสีย รักเกียรติศักดิ์ศรีมาก และเป็นคนที่เห็นอกเป็นใจประชาชนที่ทุกข์ยาก (ประมาณเน็ด สตาร์ก ใน GOT แถมยังเป็นผู้ครองดินแดนทางเหนือเหมือนกันด้วย)

ในระหว่างที่การเจรจาเชิญชวนยังไม่ทันเริ่ม มังกรตัวที่ 3 อีบังวอน (รับบทโดยยูอาอิน) ลูกชายสุดฉลาดปราดเปรื่องของนายพลอีซองกเยแอบไปรู้แผนการปฏิวัติของจองโดจอน โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิด โลกใหม่ที่จองโดจอนจะสร้างทำให้คนที่หมดหวังกับโลกอย่างเขากลับมีความหวังขึ้นมา อีบังวอนอยากเข้าร่วมขบวนการปฏิวัติ โดยที่ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าพ่อตัวเองถูกวางให้เป็นผู้นำ พูดได้ว่าในตอนแรกเขาไม่ได้คิดหรอกว่าตัวเองจะได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้ เขาแค่มีความหวังอยากให้สังคมดีขึ้น

พออีบังวอนรู้ว่าพ่อของตัวเองถูกเชิญให้เป็นผู้นำการปฏิวัติ แต่นายพลอีไม่ตอบตกลงด้วยความที่ไม่อยากยุ่งเรื่องการเมืองให้ตัวเองเสื่อมเสียเกียรติ บังวอนจึงพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อและทำทุกทางเพื่อให้แผนการปฏิวัติเกิดขึ้น

ในที่สุดก็มีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้นายพลอีตัดสินใจเลือกปฏิวัติเพื่อประชาชน แล้วหลังจากนั้นเรื่องก็ดำเนินไปแบบลงรายละเอียดมาก ขบวนการปฏิวัติต้องต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามหลายก๊กหลายกลุ่ม ปราบกลุ่มหนึ่งได้ก็มีกลุ่มใหม่มาให้สู้ต่อไม่จบสิ้น การต่อสู้ดุเดือดเข้มข้นมากทั้งทางกำลังและสมอง หักเหลี่ยมเฉือนคม แก้เกมกันไปมาอย่างฉลาดมาก

ความดีงามอย่างหนึ่งในส่วนของบทคือ ตัวละครทุกตัวมีความกลม ๆ เทา ๆ คนเขียนบทเขียนแบบไม่ลำเอียง มีอยู่บ้างบางตัวที่ดีบริสุทธิ์อย่างนายพลอี แต่สำหรับตัวที่เป็นตัวร้ายต่อให้ร้ายแค่ไหน บทก็ถูกเขียนมาแบบมีเหตุผลรองรับ ทำให้คนดูเข้าใจได้ว่าทำไมร้าย ไม่มีตัวละครที่ถูกเขียนบทมาให้ร้ายกาจแบบไร้เหตุผล

อีกแง่หนึ่งที่ทำให้ชอบบทเรื่องนี้มากคือ มันเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจที่เชื่อมโยงกับสามัญชน ให้พื้นที่กับสามัญชนเยอะ นำเสนอให้เห็นว่าชาวบ้านเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติในระดับที่มีความสำคัญ ไม่ได้เอาเข้ามาแค่พอประกอบฉาก อย่าง 3 ใน 6 ตัวละครหลักก็มาจากครอบครัวชาวบ้านธรรมดา (แต่ตัวละคร 3 ตัวนี้ไม่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ หรืออาจมีตัวตนแต่ไม่มีบทบาทจึงไม่มีการบันทึกไว้) ด้วยความที่นำเสนอเรื่องราวของสามัญชนนี่แหละที่ชวนให้มีอารมณ์ร่วมมาก น้ำตาไหลทุกฉากที่เห็นประชาชนโดนกดขี่

พาร์ตนักแสดงและการแสดง แต่ละตัวละครเลือกนักแสดงมาเหมาะสมกับคาแรกเตอร์ในเรื่อง ยูอาอินในบทอีบังวอนคือที่สุดของความคุ้มค่าเวลาในการดูซีรีส์ความยาว 50 ตอนเรื่องนี้ ยูอาอินรับบทตัวละครที่เป็นคนฉลาด มีมิติ ซับซ้อน เดาไม่ออก และเล่นซีนอารมณ์เยอะมาก ซึ่งเขาก็ทำได้ดีมาก ณ ปัจจุบันเราอาจไม่แปลกใจ เพราะเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงฝีมือเยี่ยมคนหนึ่ง แต่ถ้ามองย้อนกลับไปดูไทม์ไลน์ผลงานของเขา คิดว่าการแสดงเรื่องนี้น่าจะมีส่วนในพัฒนาการการแสดงของเขามาก

เขียนมายาวมากขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากบันทึกความประทับใจที่มีต่อซีรีส์ที่รักมาก อีกส่วนหนึ่งคืออยากชวนดูซีรีส์เรื่องนี้

นี่คือเรื่องราวของคนที่มีความฝันอยากจะเปลี่ยนแปลงโลกที่พวกเขาอยู่ให้ดีขึ้น บางคนขับเคลื่อนด้วยความหวังที่พลิกคืนจากความหมดหวัง ชีวิตเขาไม่มีอะไรต้องดิ้นรนเลย เป็นคนชั้นสูงอยู่แล้ว แต่เขาอยากทำเพื่อให้บ้านเมืองโดยรวมดีขึ้น บางคนขับเคลื่อนด้วยความแค้นความเจ็บปวดที่เคยโดนกดขี่ข่มเหง บางคนขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกผิดที่ปกป้องดูแลคนที่อยู่ในความดูแลไม่ได้

พลังความมุ่งมาดปรารถนาอันแรงกล้าของคนทุกคนร่วมกันทำให้การปฏิวัติสำเร็จ เกิดเป็นอาณาจักรใหม่ ราชวงศ์ใหม่ ก่อนจะพบความจริงที่ว่า แม้ทำสำเร็จแล้วก็จะใช่ว่าจะเป็นอย่างที่ฝันไว้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยนั่นคือจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเรื่อยมาหลายร้อยปี กว่าจะเป็นเกาหลี (ใต้) ที่เจริญรุ่งเรือง ศิวิไลซ์ และเป็นประชาธิปไตยอย่างในทุกวันนี้

6 มังกรกําเนิดโชซอน ดูได้ที่ไหน

ชมย้อนหลังง่ายๆ กด SUBSCRIBE TV3 OFFICIAL และอีกหนึ่งช่องทาง http://www.thaitv3.com หรือดูสดแบบ Real Time 24 ชม. โหลด 3LIVE Application ได้ง่ายๆ ฟรี!