กระบวนการควบคุมกลยุทธ์ การควบคุมกลยุทธ์เป็นงานที่ต้องมีการศึกษา วางแผน และดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดจนต้องสามารถบูรณาการเข้ากับกระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม การกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ขององค์การ และการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติอย่างสอดคล้องกัน โดยผู้ควบคุมกลยุทธ์ต้องกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติให้ประสานกับระบบกลยุทธ์ขององค์การโดยที่การควบคุมกลยุทธ์จะมีขั้นตอนการดำเนินงาน 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ ขั้นตอนที่ 1 กำหนดเกณฑ์และมาตราน การที่ผู้บริหารจะสามารถตรวจสอบและประเมินความสำเร็จของกลยุทธ์องค์การได้ จะต้องมีวิธีการและมาตรวัดการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ว่าเป็นไปในทิศทางและมีคุณสมบัติตามที่ต้องการโดยใช้ทรัพยากรการดำเนินงานตามที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งผู้ควบคุมกลยุทธ์ต้องกำหนดเกณฑ์และมาตรฐานในการวัดผลงานที่เหมาะสมโดยแต่ละองค์การจะมีมาตรฐานและเกณฑ์การดำเนินงานของตน ตลอดจนมีความแตกต่างกันตามอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ผู้ควบคุมควรกำหนดมาตรฐานที่สามารถสะท้อนความสำเร็จในการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะกล่าวถึงการกำหนดมาตรฐานในหัวข้อต่อไป ขั้นตอนที่ 2 การวัดผลการดำเนินงาน ผู้ควบคุมกลยุทธ์จะวัดผลการดำเนินงานตามวิธีการที่กำหนดในขั้นตอนที่ 1 ซึ่งสะท้อนภาพรวมของกระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ โดยจะเรียกการวัดผลกระบวนการเชิงกลยุทธ์ว่า“ การตรวจสอบกลยุทธ์ (Strategic Audit) "ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีความละเอียดอ่อนและต้องดำเนินงานด้วยความเข้าใจ เพื่อที่จะสามารถวัดข้อมูลที่ต้องการที่จะสามารถสะท้อนผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะกล่าวถึงรายละเอียดในหัวข้อต่อไป ขั้นตอนที่ 3 การเปรียบเทียบและประเมินผล ผู้ควบคุมกลยุทธ์นำผลลัพธ์จากการวัดผลการดำเนินงานมาเปรียบเทียบกับเป้าหมายและมาตรฐานที่กำหนด โดยที่เป้าหมายขององค์การจะอยู่ในรูปของภารกิจและวัตถุประสงค์ ขณะที่มาตรฐานถูกกำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นระดับของการดำเนินงานหรือผลลัพธ์ที่ยอมรับได้ ขั้นตอนที่ 4 การดำเนินการแก้ไข ผู้ควบคุมควรทำการศึกษาและวิเคราะห์สาเหตุของความแตกต่างระหว่างผลการดำเนินงานกับเป้าหมายและมาตรฐานของการดำเนินงาน เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขหรือปรับปรุงการดำเนินงานให้ได้ตามมาตรฐานและสามารถบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ควบคุมอาจปรับปรุงการดำเนินงานด้วยวิธีการง่ายๆ และไม่ขับซ้อน เช่น การปรับราคา การเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน หรือการเพิ่มหรือลดสาขา เป็นต้น ขณะที่การแก้ไขหรือปรับปรุงการดำเนินงานในบางสถานการณ์อาจมีความซับซ้อนกว่า เช่น การปรับโครงสร้างองค์กา การเปลี่ยนผู้บริหาร หรือการปรับโครงสร้างทางการเงิน เป็นต้น รูปที่ 9.2 ความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมกลยุทธ์กับกระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ จากรูปที่ 9. 2
อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมกลยุทธ์กับการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ขององค์การ จะเห็นว่าการควบคุมเป็นกระบวนการที่มีความต่อเนื่องและเกี่ยวข้องกับทุกขั้นตอนในการจัดการเชิงกลยุทธ์ ดังนั้นผู้มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการควบคุมกลยุทธ์ต้องมีความเข้าใจในกระบวนการควบคุมและความสัมพันธ์ระหว่างขั้นตอนต่างๆ
ในกระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ถ้าการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายและมาตรฐานที่กำหนดผู้ควบคุมก็ไม่ต้องทำการแก้ไขปัญหาแต่อาจกำหนดแนวทางในการพัฒนาให้กลยุทธ์มีประสิทธิภาพขึ้นหรือกำหนดกลยุทธ์ใหม่เพื่อเสริมศักยภาพแก่องค์การ ในทางตรงข้าม ถ้าการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ต้องการ การควบคุมกลยุทธ์ การควบคุมเป็นหน้าที่สำคัญหน้าที่สุดท้ายของ“ หน้าที่ทางการจัดการ (Management Functions)” ซึ่งประกอบด้วย 5 หน้าที่หลักคือ การวางแผน (Planning) การจัดองค์การ
(Organizing) การจัดคนเข้าทำงาน (Staffing) การนำ (Leading) และการควบคุม Controlling) โดยที่การควบคุมจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการติดตาม ตรวจสอบ ประเมิน วิเคราะห์ปัญหาและปรับปรุงการดำเนินงานให้เป็นไปตามที่กำหนด การควบคุมเป็นหน้าที่สำคัญของผู้บริหารในทุกองค์การ
เนื่องจากการควบคุมจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริหารว่าการวางแผน การจัดชั้นตอนการประสานงาน และการดำเนินงานเป็นรูปธรรมและตรงตามเป้าหมายที่ต้องการ ประการสำคัญ รูปที่ 9.1 แบบจำลองกระบวนการควบคุม การควบคุมกลยุทธ์ (Strategy Control)
เป็นการควบคุมทางการจัดการที่มีลักษณะพิเศษที่ให้ความสำคัญกับการติดตาม เพื่อให้กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์ขององค์การประสบความสำเร็จ โดยที่การควบคุมกลยุทธ์มีวัตถุประสงค์สำคัญดังต่อไปนี้ 1. ช่วยให้ผู้บริหารตรวจสอบและประเมินการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติว่าบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการหรือไม่เพียงใด 2. ช่วยผู้บริหารในการกำหนดแนวทางการปรับตัว การแก้ปัญหา และพัฒนาการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพ 3. ช่วยผู้บริหารประเมินความเหมาะสมของกลยุทธ์ เพื่อทำการปรับปรุงให้สอดคล้องกับความเป็นจริงขึ้น ซึ่ง Ram Charan (1982) กล่าว้ถึงเป้าหมายของการควบคุมกลยุทธ์ 7 ประการดังต่อไปนี้ 1. ประเมินความเที่ยงและความเป็นไปได้ของกลยุทธ์ธุรกิจ โดยตรวจสอบกับเป้าหมายขององค์การความสามารถในการจัดหาทรัพยากร และกรอบความคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Framework) 2. เพื่อสร้างความแน่ใจว่าผู้จัดการในทุกระดับมีความเข้าใจในธุรกิจ 3. ประเมินข้อดี-ข้อเสียที่เกิดจากการดำเนินกลยุทธ์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของผู้จัดการ 4. สร้างสัญญาระหว่างผู้บริหารระดับสูงกับผู้จัดการระดับต่างๆ โดยฝ่ายบริหารจะมีข้อผูกพันที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินงานและการจัดสรรทรัพยากรในการดำเนินงาน ขณะที่ผู้จัดการจะดูแลให้การดำเนินงานเป็นไปตามที่ต้องการ 5. เพื่อให้การเจรจาประเด็นเชิงกลยุทธ์ การจัดสรร และการบูรณาการกลยุทธ์ระหว่างหน่วยงานภายในองค์การมีความ 6. เพื่อขยายขอบเขตความเข้าใจและการรับรู้ต่อการดำเนินงานขององค์การแก่พนักงาน 7. เพื่อประเมินความสามารถในด้านความคิด แรงจูงใจ และทัศนคติของผู้บริหาร ถึงแม้การควบคุมกลยุทธ์จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการจัดการเชิงกลยุทธ์ แต่การควบคุมกลยุทธ์ก็เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของกลยุทธ์ เนื่องจากการตรวจสอบและการประเมินกลยุทธ์จะให้ข้อมูลย้อนกลับว่ากระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์มีความเหมาะสมและการดำเนินงานราบรื่นเพียงใด ประการสำคัญการควบคุมกลยุทธ์ช่วยให้ผู้บริหารมั่นใจว่าการนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติสามารถบรรลุผลตามที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ |