📌 ใช้โปรแกรมครั้งแรก บริการหลังการขาย ลง Windows ใหม่ & เปลี่ยนฮาร์ดดิส ใช้สิทธิ์เปลี่ยนคอม ทดสอบเครื่องพิมพ์ การสำรองข้อมูล การเรียกคืนข้อมูล ทำข้อมูลตั้งต้น เงื่อนไขข้อตกลง ลืมรหัส admin Show ตัวอย่างรายงานเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการพิมพ์เอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ สำหรับร้านยาที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) เท่านั้น ร้านยาทั่วไปที่ยังไม่ได้จดทะเบียนไม่มีสิทธิ์ทำเอกสารหรือออกใบกำกับภาษีได้ ตัวอย่างรายงาน และ บิลต่าง ๆ เอกสารหลักที่พิมพ์ได้จากโปรแกรมไฮเจีย บิลใบกำกับภาษี และ รายงานภาษีซื้อ (จากการทำรับสินค้าที่ระบุ vat) และ รายงานภาษีขาย (จากการทำขายหน้าร้าน) ตามตัวอย่างต่อไปนี้ตัวอย่างรายงานภาษีขาย | เมนูรายงาน -> บัญชี และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตัวอย่างรายงานภาษีซื้อ | เมนูรายงาน -> บัญชี และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตัวอย่างใบกำกับภาษี เต็มรูปแบบ | สั่งพิมพ์ได้ในเมนูขาย (ตั้งค่าได้ทั้งแบบ A4 และ กระดาษต่อเนื่อง 9x11") ตัวอย่างใบกำกับภาษีอย่างย่อ ในรูปแบบสลิป ทั้งขนาด 80mm และ 58mm หมายเหตุ : การพิมพ์ใบกำกับภาษีอย่างย่อ ในรูปแบบสลิป ทั้งขนาด 80mm และ 58mm จะต้องจดทะเบียนอุปกรณ์ในร้านของท่านด้านกับกรมสรรพากร เพื่อขออนุญาตพิมพ์ และจะได้เลขประจำเครื่อง (แสดงด้านบลนสุดของสลิปใบกำกับภาษีตามตัวอย่างในภาพ) หากไม่ได้จดทะเบียนดังกล่าวจะไม่มีสิทธิ์พิมพ์ใบกำกับภาษีอย่างย่อได้ แต่จะพิมพ์ได้เฉพาะใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ (A4)
เนื้อหาหน้านี้ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ : 10/10/2562 | หน้าแรก | การสั่งซื้อ
MOST RECENTรายงาน ข.ย.9, ข.ย.10, ข.ย.11, ข.ย.12, ข.ย.13 | GPP การแจ้งเตือนวันหมดอายุ/รายงาน | GPP สร้าง / พิมพ์ สติกเกอร์ฉลากยา | GPP การใช้งานใบสั่งยาออนไลน์ โครงการรับยาที่ร้านยา (สปสช.) การติดตั้งไดรเวอร์เครื่องพิมพ์สลิป EPSON TM Receipt ลองทำข้อความบนฉลาก | GPP ตั้งค่าเครื่องพิมพ์ฉลาก 2 เครื่อง พิมพ์ได้ 2 ขนาด บันทึกคืนยา กลับไปยังผู้จำหน่าย | GPP ตัวอย่างใบเสร็จรับเงิน A4, A5, Slip กรณีต่อสายลิ้นชักเก็บเงิน เข้าเครื่องพิมพ์สลิปโดยตรง ➡ คำแนะนำการใช้งานทั้งหมดเมื่อใดที่กิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จำเป็นต้องยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) พร้อมกับแนบเอกสารที่ขาดไม่ได้คือ รายงานภาษีซื้อภาษีขาย และถ้าหากมีภาษีขายมากกว่าภาษีซื้อ จะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย ทั้งนี้ วิธีการทำรายงานภาษีซื้อภาษีขาย สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการรวบรวมเก็บเอกสาร ใบกำกับภาษีซื้อตัวจริง และสำเนาใบกำกับภาษีขายในแต่ละเดือน นำมาทำรายงานภาษีซื้อภาษีขาย ส่งพร้อมกับเอกสาร ภ.พ.30 แก่สรรพากรภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน
รายงานภาษีซื้อภาษีขาย คืออะไรรายงานภาษีซื้อภาษีขาย คือรายละเอียดภาษีซื้อและภาษีขายที่เกิดขึ้นในรอบเดือนนั้น ทำรายงานเพื่อส่งคู่กับเอกสาร ภ.พ.30 ซึ่งผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม นอกจากจะมีหน้าที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อหรือผู้รับบริการและออกใบกำกับภาษีแล้ว ยังต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อภาษีขายด้วย ซึ่งสามารถอธิบายแยกย่อยได้ดังนี้ 1.รายงานภาษีซื้อ เป็นรายงานที่กิจการจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกรายละเอียดรายการภาษีซื้อ แสดงมูลค่าสินค้าหรือบริการและภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนอื่น โดยรายงานภาษีซื้อต้องมีรายการและข้อความตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ภาษีซื้อที่เกิดขึ้นในเดือนใดให้บันทึกเป็นรายการภาษีซื้อในเดือนนั้น โดยพิจารณาจากวันที่ที่ปรากฏในใบกำกับภาษีที่ได้รับจากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนอื่น แต่ถ้าหากภาษีซื้อที่เกิดขึ้นในเดือนนั้นๆ ไม่ได้นำไปลงในรายงานภาษีของเดือนนั้น เนื่องจากมีเหตุจำเป็นตามที่อธิบดีกำหนด ให้มีสิทธิ์นำไปลงรายงานภาษีซื้อของเดือนหลังจากนั้นได้ แต่ต้องไม่เกิน 6 เดือน นับแต่เดือนถัดจากเดือนที่ออกใบกำกับภาษี 2.รายงานภาษีขาย เป็นรายงานที่กิจการจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกรายละเอียดรายการภาษีขาย แสดงมูลค่าสินค้าหรือบริการและภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนได้ออกใบกำกับภาษีจากการขายสินค้าหรือให้บริการ โดยรายงานภาษีขายต้องมีรายการและข้อความตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ภาษีขายที่เกิดขึ้นในเดือนใดกิจการต้องบันทึกรายการตามหลักฐานสำเนาใบกำกับภาษีขายที่ออกให้ลูกค้าในเดือนนั้น โดยพิจารณาจากวันที่ที่ปรากฏในสำเนาใบกำกับภาษีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนออกให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ แบบของรายงานภาษีขายมีลักษณะคล้ายบัญชีแยกประเภทร้านจากการประกอบกิจการตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชี และมีช่อง “จำนวนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม” เพิ่มขึ้นมา
รายการที่ลงใน รายงานภาษีซื้อภาษีขาย มาจากไหนได้บ้างการลงบันทึกรายงานภาษีซื้อภาษีขาย ที่ใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ จะต้องมาจากใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยการลงรายละเอียดในรายงานภาษีซื้อภาษีขายต้องเป็นภาษีซื้อและภาษีขายที่เกิดขึ้นเนื่องจากสาเหตุต่อไปนี้ 1.รายงานภาษีซื้อ จะสามารถลงรายงานภาษีซื้อได้เฉพาะรายการซื้อที่มีหลักฐานใบกำกับภาษี หรือใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ หรือใบเสร็จรับเงินอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งลงรายการเพิ่มและลดยอดภาษีซื้อที่เกิดขึ้นเนื่องจาก ลงรายการเพิ่มภาษีซื้อที่เกิดขึ้นเนื่องจาก – การซื้อหรือการนำเข้าซึ่งสินค้าหรือวัตถุดิบ – การซื้อ หรือเช่าซื้อ หรือนำเข้าซึ่งทรัพย์สิน – การรับฝากขายสินค้า – การรับบริการหรือการจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ – การเพิ่มราคาสินค้าหรือบริการ – ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนนำส่งตามแบบแสดงรายการ ภ.พ.36 เนื่องจากจ่ายบริการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศ และได้มีการใช้บริการนั้นในประเทศไทย หรือรับโอนสินค้าหรือการที่เคยได้สิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ลงรายการเพื่อลดภาษีซื้อให้ลดลงที่เกิดขึ้นเนื่องจาก – การส่งคืนสินค้าหรือยกเลิกสัญญาการให้บริการ – การลดราคาสินค้าหรือค่าบริการที่ผิดข้อกำหนดที่ตกลงกัน 2.รายการภาษีขาย จะต้องนำไปลงรายงานภาษีขายในเดือนที่มีรายการเกิดขึ้น เพิ่มสูงหรือลดลงที่เกิดขึ้นเนื่องจาก… ลงรายการเพิ่มภาษีขายเกิดขึ้นเนื่องจาก – การขายสินค้าหรือให้บริการในประเทศไทย (กรณีการส่งออกภาษีขาย = 0) – การให้เช่าซื้อ – การส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนเพื่อขาย (ฝากขาย) – การนำสินค้าหรือบริการไปใช้เพื่อการอื่นใด ที่ไม่ใช่เพื่อการประกอบกิจการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม – หนี้สูญที่ได้รับคืน – มีสินค้าขาดจากรายงานสินค้าและวัตถุดิบ – มีสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการ ณ วันเลิกกิจการ แต่ไม่รวมถึงสินค้าคงเหลือ และทรัพย์สินของผู้ประกอบการที่ได้ควบรวมเข้าด้วยกัน หรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน การลงรายการลดภาษีขายเกิดขึ้นเนื่องจาก – การรับคืนสินค้าที่ชำรุดบกพร่อง ไม่ตรงตามตัวอย่างหรือที่เสนอขาย – การลดราคาสินค้าหรือค่าบริการซึ่งผิดข้อกำหนดที่ตกลงกัน – หนี้สูญที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย รายละเอียดในรายงานภาษีซื้อภาษีขายต้องมีอะไรบ้างรูปแบบของรายงานภาษีซื้อภาษีขายที่สรรพากรกำหนด ต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้ 1.รายงานภาษีซื้อ จำเป็นต้องมีรายละเอียดในรายงานดังนี้ – ชื่อที่แสดงว่าเป็นรายงานภาษีซื้อ – เดือนภาษีและปีภาษี – ชื่อสถานประกอบการ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษี – ที่อยู่ของสถานประกอบการตามที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม – สำนักงานใหญ่หรือสาขาที่ยื่นรายงานภาษีซื้อ – รายละเอียดของใบกำกับภาษีซื้อที่เกิดขึ้นในเดือนภาษีนั้น ได้แก่ วัน-เดือน-ปี เลขที่ใบกำกับภาษี ชื่อผู้ขายสินค้า/ผู้ให้บริการ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ขายสินค้า/ผู้ให้บริการ สำนักงานใหญ่/สาขาของผู้ขายสินค้าหรือให้บริการ มูลค่าสินค้า/บริการ และจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.รายงานภาษีขาย จำเป็นต้องมีรายละเอียดในรายงานดังนี้ – ชื่อที่แสดงว่าเป็นรายงานภาษีขาย – เดือนภาษีและปีภาษี – ชื่อสถานประกอบการ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษี – ที่อยู่ของสถานประกอบการตามที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม – สำนักงานใหญ่หรือสาขาที่ยื่นรายงานภาษีขาย – รายละเอียดของใบกำกับภาษีขายที่เกิดขึ้นในเดือนภาษีนั้น ได้แก่ วัน-เดือน-ปี เลขที่ใบกำกับภาษี ชื่อผู้ซื้อสินค้า/ผู้รับบริการ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อสินค้า/ผู้รับบริการ สำนักงานใหญ่/สาขาของผู้ขายสินค้าหรือผู้รับบริการ มูลค่าสินค้า/บริการ และจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเมื่อครบกำหนดที่ต้องยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้กิจการรวบรวมรายงานภาษีซื้อภาษีขาย พร้อมใบกำกับภาษีทั้งในส่วนของภาษีซื้อและภาษีขายแยกไว้เป็น 2 ส่วน จากนั้นสามารถคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มและยื่นแบบ ภ.พ.30 พร้อมแนบรายงานภาษีซื้อภาษีขายเองได้ แต่ถ้าหากไม่มั่นใจว่าภาษีซื้อภาษีขายแบบไหนใช้ได้บ้าง อาจจะส่งให้สำนักงานบัญชีจัดการบัญชีให้ได้เช่นกัน เพื่อให้รายงานภาษีซื้อภาษีขายเป็นไปอย่างถูกต้องที่สุด PrevPreviousรายงานสินค้าและวัตถุดิบ ไม่ต้องส่ง(สรรพากร) แต่ต้องทำ? Next“บริษัทจำกัด – ห้างหุ้นส่วนจำกัด – ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” ต่างกัน! จดทะเบียนนิติบุคคล แบบไหนดีNext OUR STORYเรามีชื่อในการช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจในเรื่องบัญชีและภาษีเพื่อให้เจ้าของธุรกิจมั่นใจว่าบัญชีและภาษีที่ทำออกมานั้นถูกต้องอีกทั้งเรายังให้คำแนะนำกับเจ้าของธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจที่กำลังเติบโต ซึ่งต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องจำนวนคนหรือเวลาที่มีน้อยกว่าบริษัทระดับ Corporate หรือความรู้ในการบริหารจัดการภาษีซึ่งเราก็มีผู้ตรวจสอบบัญชี CPA คอยให้คำแนะนำกับเจ้าของธุรกิจทุกท่าน |