คอลัมนิสต์
ในปัจจุบัน อินเทอร์เน็ต มีบทบาทสำคัญและมีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การทำธุรกรรม การติดต่อสื่อสาร ค้นคว้าหาข้อมูล รวมถึงใช้เป็นฐานเก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ
การใช้อินเทอร์เน็ตซึ่งเป็น เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งโลกมีความสำคัญและมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การใช้โซเชียลมีเดีย (Social Media) ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค (Facebook) อินสตาแกรม (Instagram) ทวิตเตอร์ (Twitter) ยูทูป (Youtube) ติ๊กต็อก (TIK-TOK) ฯลฯ จึงเข้ามามีบทบาทและได้รับความนิยม เป็นเสมือนอีกสังคมหนึ่ง ซึ่งทำให้ทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นคนมีชื่อเสียงในโลกโซเชียลมีเดีย เป็นเน็ตไอดอล (Net Idol) ทำให้คนธรรมดาได้ใกล้ชิดกับคนมีชื่อเสียงหรือบุคคลสาธารณะ
ทั้งยังเป็นช่องทางการทำธุรกิจ หรือการตลาดของผู้ประกอบการออนไลน์ด้วย โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ปกครองสร้างเฟซบุ๊ค หรืออินสตาแกรมของลูก หรือนำภาพ ไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวของเด็กมาลงในโซเชียลมีเดีย สิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญซึ่งมีในรัฐธรรมนูญทุกฉบับนั้น มีหลักการที่สำคัญว่า มนุษย์ทุกคนจะมีสิทธิในชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน ฯลฯ และกฎหมายให้ความสำคัญกับ “การคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล” รวมถึงการให้ข้อมูลส่วนบุคคลด้วย สิทธิส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญต่อเด็กเพราะช่วยในการควบคุมการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวเด็ก ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาตามธรรมชาติของเด็กเนื่องจากความเป็นส่วนตัวถูกนำมาเชื่อมโยงกับการสร้างอัตลักษณ์และความสามารถที่จะเข้าไปในความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น เด็กๆเหล่านี้ ยังไม่สามารถใช้โซเชียลมีเดียได้ด้วยตัวเอง เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ไม่สามารถเล่นเฟซบุ๊ค ลงภาพในอินสตาแกรมเองได้ดังนั้น ความเคลื่อนไหวต่างๆของเด็กที่เราเห็นบนโลกออนไลน์ จึงเป็นการโพสโดยพ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็ก ซึ่งการแชร์รูปหรือวีดีโอของเด็กๆเหล่านี้นั้น อาจมีบุคคลเข้ามาชื่นชมและแชร์รูปหรือคลิปดังกล่าวในความน่ารักและความไร้เดียงสาของเด็ก แต่ในขณะเดียวกันอีกแง่มุมหนึ่งนั้น อาจเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็กในแง่ของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็น ชื่อ อายุ เพศ ที่อยู่ ฯลฯ หรือถูกนำไปใช้ในการทำการตลาดบนโลกออนไลน์รวมถึงการนำภัยมาสู่เด็กโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเครือข่ายสังคมต่างๆบนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น การสนทนาออนไลน์ กระดานข่าว หรือเว็บไซต์ต่างๆมีผู้ใช้เป็นจำนวนมากที่เป็นเด็ก
ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเด็กมากขึ้นหากนำไปใช้ในทางที่ผิดจะทำให้เกิดภยันตรายต่อเด็กตามมา เช่น กระทำการแสวงหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์จากเด็กออนไลน์ การล่อลวงเด็ก เป็นต้น สาเหตุที่สำคัญสาเหตุหนึ่งของปัญหาเหล่านี้ เกิดจากการละเมิดความเป็นส่วนตัวของเด็ก โดยมีการเปิดเผยข้อมูลอันเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยมีลักษณะที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อเด็กได้
ในส่วนของประเทศไทยนั้น ควรมีบทบัญญัติของกฎหมายหรือกำหนดเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัวออนไลน์ที่ชัดเจน ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลออนไลน์ของเด็ก อีกทั้งมาตรฐานในการสร้างและรักษาฐานข้อมูลที่เหมาะสม เพื่อปกป้องความลับการรักษาความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของข้อมูลส่วนบุคคลของเด็ก ที่สำคัญคือ ควรกำหนด "มิให้" ผู้ใช้อำนาจปกครองใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กทางโซเชียลมีเดีย โดยไม่คำนึงถึงสิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็ก ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดของเด็กทั้งในปัจจุบันและในอนาคต.