ประสบการณ์จากการฝึกงานทำให้เราได้รับความรู้ และ ความเข้าใจ ใหม่ๆนอกชั้นเรียน นอกสถานศึกษา ได้เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรกับเรา และสามารถนำความรู้และประสบการณ์ครั้งนี้มาใช้ในการทำงานจริงๆ และส่งเสริมให้เรามีความอดทน ขยันขันแข็งมากขึ้น ตรงต่อเวลา เนื่องจากการทำงานกับการเรียนนั้นแตกต่างกัน แต่สามารถนำมาเกื้อหนุนกันได้ จากการฝึกงานในครั้งนี้สอนให้เราเก่งขึ้น ทำงานกับคนย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันออกไป ขอให้ใช้ความอดทนยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การทำงานก็จะประสบความสำเร็จ ในการฝึกงานใช้เวลาเท่าไหร่ ? สถานที่ฝึกงานอยู่ที่ไหน ? มีค่าลงทะเบียนเท่าไหร่ ? และ สามารถนำมาเทียบหน่วยกิจได้กี่หน่วยกิจครับ ? (ผมเรียนคณะนิติศาสตร์) ขอขอบพระคุณมากครับ สำหรับ ผู้ที่มี ประสบการณ์การทำงานให้หา งานที่เราเคยทำแล้ว ประสบความสำเร็จ ได้ผลประโยชน์ ที่ดีต่อ บริษัท ทั้งด้าน การเงินทอง เพิ่มชื่อเสียงที่ดีขึ้นของบริษัท การเพิ่มยอดขาย คำชมจากลูกค้า ผ่าน หน้าที่การทำงานของเรา ที่ได้รับมอบหมาย ในตำแหน่งงานนั้นๆ โดยเราสามารถ เขียน อธิบาย และ บรรยาย ว่า ใน เหตุการณ์ดีๆ เหล่านั้น ตอนนั้น เราทำอะไรไปบ้าง โดยให้เน้น ใช้คำศัพท์ ที่แสดงผลของการกระทำ ในเชิงบวก คำศัพท์ ที่นิยม นำมาเขียน บรรยาย และ อธิบาย ประสบการณ์การทำงาน ในเรซูเม่ ภาษาอังกฤษ จะเน้น คำศัพท์ที่ แสดงให้เกิดผลของของการกระทำ ตัวอย่างคำศัพท์ ที่ใช้เขียน บรรยาย ประสบการณ์การทำงาน
อะไรที่เรียกว่า เป็น Feedback ที่ดี ได้รับคำชม จาก เจ้านาย ลูกค้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมทีม ในบริษัท ให้ดึงออกมา เขียน อธิบาย ตรงจุดนั้น เพราะเป็น การแสดง ความสามารถ ที่คุณมี ด้วยผลงาน ที่เป็นหลักฐาน ไม่ได้พูดออกมา ลอยๆ สำหรับ ผู้ที่ไม่มี ประสบการณ์การทำงาน (นักศึกษาจบใหม่)สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์การทำงาน เวลาเขียน เรซูเม่ ให้นำ ประสบการณ์การทำงานร่วมกันกับผู้อื่น เช่น โปรเจคงานกลุ่ม งานอาสาสมัคร การฝึกงาน ที่อาจจะไม่ได้รับค่าจ้าง แต่ได้ทำงานเป็นกลุ่ม เป็นทีม มาเขียน แทน และแนะนำให้เลือก เทมเพลต เรซูเม่ ที่โชว์ ทักษะด้านอื่นๆ ด้วยการใช้ infographic มาช่วย อาทิเช่น
ซึ่งจะช่วยให้ เราได้นำเสนอ จุดเด่น ด้านอื่นๆ ของเราออกมา
อื่นๆ สวัสดีคะ วันนี่จะมาเราประสบการณ์ทำงานครั้งแรกนะคะ เป็นงานเกี่ยวกับการขายรองเท้า ทำไมถึงอยากทำงาน เพราะว่า ปิดเทอม 3 เดือน เคยอยู่บ้าน ดูหนัง ฟังเพลง จนเบื่อแล้ว เลยอยากหางานทำคะ แต่ที่นี่เขาไม่ค่อยรับคนที่เรียนอยู่หรอก รับแต่คนมีประสบการณ์ ไม่ก็ คนที่ไม่ได้เรียน เราหามาหลายที่มากๆ แต่ไม่มีที่ไหนรับเลยคะ เพราะว่ายังเรียนอยู่ วันหนึ่งลูกน้องแม่บอกว่าตรงนี้รับสมัครนะ ไปสมัครดูสิ เราก็ถามว่าเขาจะไม่เอาคนเรียนหรอก ซึ่งลูกน้องแม่เราบอกว่า ก็บอกเขาไปสิว่าไม่เรียนหรอก เอ่อ ซึ่งมันน่าคิดดีมากๆ เพราะเราก็ปิด 3 เดือนด้วยเลยไปลองหน่อย พอไปสมัครก็ได้รู้ว่าคนสมัครเยอะมากๆ เราก็ไม่ได้อะไรหรอกเพราะเราคิดว่าอาจจะไม่ติด ไม่รับ อยู่มาวันหนึ่ง เขาโทรมาว่าเลือกเราและให้ไปสัมภาษณ์ เราก็ไปคะ แล้วก็ใช้มุขเดิมของว่าเราไม่ได้เรียนหนังสือ พอทำวันเเรกคือทำหมดทุกอย่างกลับบ้านมาคือนอนจะเป็นจะตายเลย เพราะมันเหนื่อยมากๆ ทำงาน ทำอะไรบ้าง -ทำหมดทุกอย่างเลยคะ ทั้ง ปัด กวาด เช็ด ถู ถูกระจกตากแดด จัดรองเท้า -ทำบัญชี -หนักสุดคือหาไซน์รองเท้าคะ เพราะในโกดังมีเป็นพันๆ คู่ หาไม่ถูกใจลูกค้าก็โดนติ ไม่ซื้อบ้าง คือมันยากมากคะ -ต้องเชียร์ขายของคะ ให้ลูกค้าคะ ผู้จัดการบอกว่า ลูกคนคือพระเจ้า เพื่อนร่วมงาน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิดที่จะทำงานร่วมกับคนอื่นเลยคะ เพราะเราไปทำงานใหม่ๆ คือโดนเอาเปรียบทุกอย่าง โดนชี้นิวสั่งๆ ไม่ช่วยกัน โดนใช้นอกงาน ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ธุระของเรา โดนแย่งรองเท้าที่คู่ราคาดีกว่า เอาง่ายๆคือ เอาอะไรที่ดีๆ สบายๆ ให้กับตัวเขาเอง ส่วนอะไรที่เล็กๆน้อยๆ เเย่ๆเอามาให้เราคะ มันเลยทำให้เรากล้ายเป็นคนที่เกลียดการทำงานร่วมกับคนอื่น ที่อื่นเป็นไงไม่รู้แต่ที่นี้คือเป็นแบบนี่คะ เราไม่อยากทำงานร่วมกับใคร พยามเลี่ยงพวก Toxic relationship คะ ผู้จัดการ ผู้ตัดการที่อื่นเป็นยังไงไม่ทราบนะคะ แต่คนนี้ใจดี แต่ไม่ชอบอย่างหนึ่งคือไม่ช่วยงาน มาทำงานสาย มีอะไรก็โยนๆให้เรากับอื่นคนทำคะ ซึ่งอีกคนก็โยนให้เรามาทำคะ แค่แกก็ดีตรงที่แกจ่ายค่านอกให้เพราะจริงๆแล้วทุกคนต้องทำงานวันละ 8 ชม ซึ่งเราทำ 12 ชม คะ ถ้าไม่จ่ายนอกเวลาให้นั้นเข้าข่ายแรงงานต่างด้าวคะ ผู้ตรวจงาน BM ความรู้สึกทั้งหมดต่อทั้ง 1 เดือนที่ทำ ก็รู้สึกว่าชีวิตจริงๆ ในชีวิตทำงานมันไม่ได้ง่ายเหมือนกับการแค่ขี่รถไปโรงเรียนรอค่าขนมพ่อแม่ ซึ่งตอนทำงานต้องเจอแต่ภาวะกดดัน ทั้งโดนด่า ดูถูก เหยียบหยาบ โดนทั้งหมด เพราะเราทำงานร่วมกับคน ใจเค้าใจเราด้วย ได้เงินเดือน 13,000 บาทคะ บรรยายกาศในร้านคะ ความคิดเห็น กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์ |