ซากดึกดำบรรพ์ “ซากดึกดำบรรพ์”เป็นร่องรอยของพืชและสัตว์ที่ปรากฏอยู่ในหิน ส่วนมากจะพบในหินตะกอนมากกว่าหินชนิดอื่น อาจพบในหินภูเขาไฟบ้างแต่น้อยมากซากดึกดำบรรพ์ในหินจะบ่งถึงสภาพแวดล้อม และชนิดของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ ณ ที่นั้นในขณะเวลาที่เกิดการสะสมตะกอน จึงนำเสนอเรื่องซากดึกดำบรรพ์ เพื่อแสดงถึงการเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และสูญพันธุ์ไปของสิ่งมีชีวิตในอดีต ในมุมมองที่เป็นวิทยาศาสตร์ ข้อมูลเหล่านี้นอกจากจะเป็นบทเรียนในการเรียนรู้อดีตของโลกและแผ่นดินเกิดแล้ว ยังเป็นแบบอย่างให้กับการดำรงชีวิตของมนุษย์เราในปัจจุบันที่จะมีชีวิตร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างมีความสุขมีความรับผิดชอบต่อชีวิตในอนาคตด้วยส่วนใครจะนำข้อมูลซากดึกดำบรรพ์เป็นอุทาหรณ์ในการดำรงชีวิตด้วยเล็งเห็นถึงการเกิดดับของชีวิต ซึ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาก็เป็นสิ่งที่ควรอนุโมทนา กระบวนการเกิดซากดึกดำบรรพ์ การเกิดซากดึกดำบรรพ์ส่วนมากจะมีปัจจัยสำคัญสองประการ คือ โครงร่างส่วนที่เป็นของแข็งของสิ่งมีชีวิต กับกระบวนการเก็บรักษาซากเหล่านั้น เมื่อสิ่งมีชีวิตล้มตายลง โครงร่างส่วนที่เป็นของแข็ง เช่น กระดูก ฟัน กะโหลก กิ่งก้าน ใบไม้ และเปลือกหอย เป็นต้น จะเหลืออยู่เป็นซาก ซากเหล่านี้จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นซากดึกดำบรรพ์ ด้วยกระบวนการสองอย่าง คือการตกตะกอนทับถมลงบนซาก และการที่สารละลายของแร่ธาตุเข้าแทนที่ซากอย่างรวดเร็ว ทำให้แบคทีเรียไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เมื่อแข็งตัวจึงกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ให้ศึกษาได้ ส่วนมากซากของสิ่งมีชีวิตจะถูกเก็บรักษาไว้ได้ดีบริเวณริมฝั่งแม่น้ำทะเลสาบและท้องทะเล ทั้งนี้เพราะบริเวณเหล่านั้นมีตะกอนเม็ดเล็กสะสมตัวมาก สภาพแวดล้อมค่อนข้างสงบ ซากไม่ถูกทำลายให้แตกหักมาก ซากดึกดำบรรพ์ที่ถูกเก็บรักษาอยู่ในชั้นหินเมื่อถูกกัดเซาะผุพังโดยตัวการต่างๆ เช่น น้ำ ลม หรือฝน จะปรากฏให้เห็นตามธรรมชาติ นอกจากนั้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหว หรือการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกลักษณะต่างๆ จะทำให้ชั้นหินเอียงเทและบางครั้งชั้นหินตอนบนถูกชะล้างออกไป จนซากดึกดำบรรพ์นั้นปรากฏให้เห็นได้ชัดเจน รอยพิมพ์กับรูปพิมพ์มักจะสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะการสะสมตะกอน ณ ที่นั้น และการแทรกซึมเข้าไปของสารละลายแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นสารละลายของแร่แคลไซต์ เหล็ก และซิลิกา เป็นต้น สารละลายเหล่านี้จะแทรกซึมเข้าไปในกระดูก หรือเนื้อเยื่อของซาก ซึ่งต่อมาจะทำให้กระดูกหรือเนื้อเยื่อของซากนั้นถูกแทนที่ด้วยแร่ธาตุอย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่เหลือกระดูกให้เห็นเลย เมื่อตะกอนและซากนั้นแข็งตัวเป็นหินเป็นลักษณะของรูปพิมพ์ และบางครั้งถ้าการแทรกซึมเข้าไปของตะกอนและสารละลายของแร่ธาตุเข้าไปแทนที่ส่วนแข็งไม่หมด ก็จะเหลือส่วนที่เป็นของแข็งของซากเดิมปรากฏให้เห็นได้ ซากชิ้นนั้นก็จะเป็นรูปพิมพ์อีกเช่นกัน แต่ถ้าในขณะที่มีการสะสมตะกอนซากนั้นผุพังไปหมด เหลือแต่โพรงที่เป็นเค้าโครงของซากเดิมประทับอยู่ในชั้นตะกอน ซากเหล่านั้นก็จะมีลักษณะเป็นรอยพิมพ์ นอกจากนั้นในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จะมีกระบวนการเกิดซากดึกดำบรรพ์สมบูรณ์เหมือน “มัมมี่” ซึ่งจะเป็นการเก็บรักษาร่างของสัตว์ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งร่าง โดยทั้งเนื้อ หนัง กระดูก และเส้นผม ยังคงเหลือให้เห็น โดยผ่านกระบวนการฝังกลบ หรือทับถมตะกอนลงในตัวกลางที่เหมาะสมอย่างรวดเร็วเช่นช้างที่เก็บรักษาอยู่ในธารน้ำแข็ง อายุ 10,000 – 9,000 ปี ซากดึกดำบรรพ์ที่เป็นมัมมี่ จึงมักเป็นซากที่มีอายุน้อย รูปแบบและชนิดของซากดึกดำบรรพ์ โบราณชีววิทยาซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของธรณีวิทยาได้จัดแบ่งซากดึกดำบรรพ์ออกเป็นหมวดหมู่คล้ายคลึงกับชีววิทยา แต่รายงานฉบับนี้ได้จัดแบ่งชนิดของซากดึกดำบรรพ์ออกเป็นกลุ่มใหญ่ ตามรูปแบบของซากที่ได้สำรวจพบในประเทศไทย โดยจะไม่ลงรายละเอียดในการจำแนกชื่อตระกูล หมายถึง ซากที่เกิดจากกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตในอดีตที่อาศัยอยู่ ณ บริเวณนั้น ส่วนมากจะเห็นเป็นร่องรอย ไม่ได้เป็นกระดูก หรือโครงร่าง เช่น ทางเดิน หรือรอยเท้า (tracks) ของสิ่งมีชีวิต หรืออาจเป็นร่องรอยอย่างอื่นจากการดำรงชีวิตของสัตว์ในอดีต เช่น รอยกัดแทะ ช่องหรือรูที่อยู่อาศัย รัง และไข่ของสัตว์ รูหากิน (feeding burrow) เป็นต้น นอกจากนั้นมูลของสัตว์ (coprolites) รวมทั้งหินที่สัตว์กินเข้าไปเพื่อช่วยย่อยอาหาร (gastroliths) ก็จัดเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่เป็นร่องรอยเช่นกัน ในประเทศไทย พบร่องรอยของซากดึกดำบรรพ์ดังกล่าวในหินชั้นหลายชนิด ร่องรอยเหล่านี้ต้องใช้การแปลความหมายว่าเป็นของสัตว์ชนิดใด บางชนิดจึงไม่สามารถที่จะใช้กำหนดอายุ แต่สามารถที่จะบอกสภาพแวดล้อมในอดีตได้ดี เช่น รูหนอนทะเล และรูหากินของหอยบางชนิด เป็นต้น 2. ซากดึกดำบรรพ์ที่เป็นรูปร่าง แบ่งออกเป็นหลายชนิด ดังนี้ ซากดึกดำบรรพ์ของพืชที่พบในหิน มีเกือบทุกส่วนของพืช ตั้งแต่ลำต้น กิ่งก้าน ใบ และมักพบในหินที่สะสมตัวในสภาพแวดล้อมเป็นกรด เช่น ในหินโคลน และหินดินดาน และมักจะมีกระบวนการเกิดที่สัมพันธ์กับการเกิดถ่านหิน ซึ่งในเหมืองถ่านหินของประเทศไทย ก็เป็นแหล่งที่จะหาซากดึกดำบรรพ์ของพืชได้ดีเช่นกัน นอกจากนั้นก็อาจพบซากพืชในหินทราย และมักจะพบส่วนที่เป็นลำต้นซึ่งเกิดจากการที่สารละลายของแร่แทรกซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อของต้นไม้ ที่ล้มตายลงอย่างช้า ๆ จนในที่สุดก็แทรกซึมไปทั่วทั้งต้น เมื่อแข็งตัวกลายเป็นหิน
ก็เรียกว่า ไม้กลายเป็นหิน (petrified wood) ซึ่งอายุของไม้กลายเป็นหินในประเทศไทยจะพบมากในช่วง 200 – 65 ล้านปี (ยุคมีโซโซอิก) ในบริเวณที่ราบสูงโคราช และภาคใต้ของไทย 2.3 ซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่พบมากที่สุด ทั้งนี้เพราะสัตว์พวกนี้มีเปลือกแข็ง อยู่กันเป็นกลุ่มหนาแน่น และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเกิดซากดึกดำบรรพ์ในขณะเสียชีวิต นอกจากนั้นซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่สำคัญซึ่งพบในไทย เป็นพวก “อาร์โทรพอด” ซึ่งได้แก่สัตว์ที่มีกระดอง เช่น ปู กุ้ง แมลง และไทรโลไบท์(ลักษณะคล้ายแมงดาทะเล) บางชนิดเป็นซากดึกดำบรรพ์ดัชนีของยุคแคมเบรียน เช่น ไทรโลไบต์ที่พบในหินทรายที่เกาะตรุเตา ซากดึกดำบรรพ์ชนิดนี้มีอายุจนถึงยุคเพอร์เมียนแล้วก็สูญพันธุ์ไป นอกจากนั้น “หอย” (mollusks) เป็นสัตว์อีกกลุ่มหนึ่งที่พบซากดึกดำบรรพ์มาก ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในทะเล และเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่คงสภาพได้ดี ซึ่งแบ่งแยกได้หลายชนิด ที่พบมากในไทยเป็นพวกแกสโทรพอด (Gastropods) พบมากทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม ซากดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ซากหอยน้ำจืดที่สุสานหอยแหลมโพธิ์ จังหวัดกระบี่เป็นหอยฝาเดียวที่ขดซ้อนกันเป็นวงเรียวขึ้นไป ส่วนพวกที่ขดม้วนเป็นวงคล้ายเลขหนึ่งไทยจัดเป็นพวกเซฟาโรพอด (cepharopod) เช่น หอยงวงช้าง ซึ่งพบอยู่หลายยุคในไทย นอกจากนั้นก็เป็นพวกหอย 2 ฝา ที่มีฝาประกบเท่ากัน เรียกว่า พิริไซพอด เช่นที่พบอยู่ในหินดินดาน และเป็นซากดึกดำบรรพ์ดัชนีของหินยุคไทรแอสซิก ที่ลำปาง
เอคิโนเดิร์ม (Echinoderms) เป็นกลุ่มสัตว์ที่พบเห็นเป็นซากดึกดำบรรพ์มากอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีวิวัฒนาการมายาวนาน บางชนิดสูญพันธุ์ไปแล้วแต่ส่วนใหญ่จะดำรงพันธุ์อยู่จนถึงปัจจุบัน เช่น ปลาดาว ปลิงทะเล พลับพลึงทะเล หอยเม่น เป็นต้น นอกจากนั้นก็เป็นพวกแกรปโทไลต์ ซึ่งเป็นสัตว์ที่ลอยน้ำ มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนที่ประกอบด้วยอวัยวะหลายส่วน จัดเป็นซากดึกดำบรรพ์ดัชนีในยุคไซลูเรียนถึงคาร์บอนิเฟอรัส ในประเทศไทยซากชนิดนี้พบมากที่ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และที่อำเภอละงู
จังหวัดสตูล ส่วนพลับพลึงทะเล (crinoids) ได้ชื่อเช่นนี้ เพราะเป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายพืช พบเป็นซากดึกดำบรรพ์ตั้งแต่ยุคโอโดวิเชียนจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นซากที่บ่งบอกอายุได้ไม่ดี แต่บ่งบอกสภาพแวดล้อมที่เคยเป็นทะเลน้ำลึกมาก่อน สัตว์ในกลุ่มเอคิโนเดิร์มนี้มีวิวัฒนาการคล้ายสัตว์ชั้นสูง มีโครงร่างที่ค่อนข้างแข็งแรง ประกอบด้วยแคลไซต์ และมีระบบท่อลำเลียง ซากดึกดำบรรพ์ที่พบส่วนมากจะเป็นสัตว์ทะเล บางชนิดเกาะติดกับพื้นทะเล และบางชนิดก็มุดรูอยู่
2.4 ซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลัง สัตว์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่ ประกอบด้วยปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันหลายอย่าง เช่น การมีสมองและไขสันหลัง กระดูกสันหลัง โครงร่างที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่ากัน และมีกล้ามเนื้อในร่างกายเป็นรูปตัววี การสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์เมื่อ 65 ล้านปีก่อนก่อให้เกิดทฤษฎีหลายเรื่องที่จะอธิบายปรากฏการณ์นี้ เช่นทฤษฎีว่าด้วยอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งชนโลก ทำให้เกิดเมฆฝนหนาปกคลุมโลกปิดกั้นแสงอาทิตย์ ความหนาวเย็นและอากาศที่แปรปรวน ทำให้แหล่งอาหารขาดแคลนและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงจนในที่สุดไดโนเสาร์ก็สูญพันธุ์ เหลือแต่สัตว์ขนาดเล็กที่สามารถปรับตัวได้เท่านั้นที่ดำรงพันธุ์ต่อมาได้ ประโยชน์ของซากดึกดำบรรพ์ ซากดึกดำบรรพ์ที่ได้จากการสำรวจ มีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ทั้งในส่วนที่เป็นวิชาการ เศรษฐกิจ ตลอดจนการนำมาประยุกต์ใช้กับปัญหาอันหลากหลายที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ความสำคัญของซากดึกดำบรรพ์จึงมีมากกว่าการเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเก็บไว้โชว์หรือแสดงในพิพิธภัณฑ์ ข้อมูลส่วนหนึ่งของซากดึกดำบรรพ์ที่ได้เสนอมาจะเป็นเหมือนแนวทางในการสืบค้นศึกษาหารายละเอียดต่อไป สำหรับผู้ที่สนใจในวิชาการแขนงนี้
ความจริงแล้วซากดึกดำบรรพ์เป็นสิ่งที่หายาก มีซากดึกดำบรรพ์ไม่กี่ชนิดที่หาได้ง่าย และพบเป็นจำนวนมาก ซากดึกดำบรรพ์จึงควรเป็นสมบัติของชาติของแผ่นดิน ไม่ควรที่จะเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว เพราะซากเหล่านี้บอกกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของแผ่นดินที่เราอาศัยอยู่และซากหนึ่งชิ้นก็เป็นหนึ่งเดียวในโลก การอนุรักษ์ การเก็บรักษา จึงควรอยู่ในความดูแลของผู้รู้ที่มีจริยธรรม มีความสำนึกเล็งเห็นถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมืองมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น
รวมทั้งสถาบันและหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ก็ควรจะตื่นตัวและให้ความสนใจต่อเรื่องเหล่านี้มากขึ้น |