‘เทคโนโลยีชีวภาพ’ คือ การนำองค์ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต , กระบวนการทางปฏิกิริยาชีวเคมี ซึ่งเกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิตมาประยุกต์ใช้กับทางอุตสาหกรรม โดยมีจุดประสงค์ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์สามารถสร้างประโยชน์กับมนุษย์ได้ เช่น การผลิตขนมปัง , การผลิตยาปฏิชีวนะ , การสร้างพันธุ์พืชเพื่อต้านทานโรค , การใช้จุลินทรีย์ , บำบัดน้ำเสีย รวมทั้งการใช้จุลินทรีย์ผลิตก๊าซไฮโดรเจน เป็นต้น นอกจากนี้ เทคโนโลยีชีวภาพตามคำนิยามของ องค์กร OECD เป็นองค์กรระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ การประยุกต์ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อผลิต ผลิตภัณฑ์ ด้วยการใช้สารชีวภาพเป็นสารตั้งต้น เป็นต้น ‘เทคโนโลยีชีวภาพ’ เกิดขึ้นมาบนโลกของเรานับพันปีมาแล้ว โดยมนุษย์ได้ใช้เทคโนโลยีชีวภาพนี้ ทางการเกษตร, การผลิตอาหาร, และการทำยารักษาโรค ในช่วงปลายทศวรรษ 20 ไปจนถึงต้นศตวรรษ 21 , เทคโนโลยีชีวภาพได้แพร่กระจายความรวมไปถึงวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ ที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น Genomics , เทคโนโลยียีน , ภูมิคุ้มกันประยุกต์ รวมทั้งการพัฒนาวิธีการรักษาและการตรวจวินิจฉัยทางเภสัชกรรม เป็นต้น เทคโนโลยีชีวภาพ สามารถนำมาผสมผสานกับการใช้งานในพื้นที่อุตสาหกรรมที่สำคัญๆได้มากมาย เช่น การดูแลสุขภาพ , การผลิตพืชทางการเกษตร , การใช้พืชหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหาร รวมทั้ง การใช้งานด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ‘เทคโนโลยีชีวภาพ’ มีกี่ประเภท ?โดย ‘เทคโนโลยีชีวภาพ’ ไม่มีจำนวนประเภทที่แน่นอน อีกทั้งสิ่งที่มีความสำคัญ คือ ไม่ควรระบุจำนวนประเภทที่แน่นอนลงไป เนื่องจากมันจะเป็นการจำกัดการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ ในสาขาต่างๆที่ควรมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งต่อเนื่องไปอีก ในอนาคต เพราะเมื่อเกิดการระบุจำนวน , ประเภท ที่มีความชัดเจนลงไปแล้ว ก็จะเปรียบเสมือน เป็นการตีกรอบขอบเขตของการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ ให้อยู่ในจำนวนประเภทที่ได้ระบุไว้เท่านั้น จึงทำให้เกิดการจำกัดการเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพลงไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น… ถ้าจำกัดว่าเทคโนโลยีชีวภาพมี 4 ประเภท ได้แก่…
โดยประเภทการจำแนกเหล่านี้ จัดเป็นการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาผสมผสานใช้กับสิ่งมีชีวิต โดยถ้าเทคโนโลยีชีวภาพถูกจำกัดด้วย ข้อจำกัดประเภทดังกล่าวนี้ การนำเทคโนโลยีชีวภาพมาผสมผสานใช้ กับเทคโนโลยีอื่นๆที่นอกเหนือไปจากนี้ ก็ไม่เกิดขึ้นได้ ซึ่งส่งผลเสียทำให้ไม่เกิดการพัฒนาใหม่ๆ ขึ้นมา เป็นต้น ยกตัวอย่าง เช่น…
เพราะฉะนั้น การแบ่งประเภทของเทคโนโลยีชีวภาพ ควรทำให้มีความหลากหลายจะดีกว่า ไม่ต้องไปให้การจำกัด อะไรมากมายนัก โดยมีความคล้ายคลึงกับความหลากหลายทางชีวภาพในธรรมชาติมากกว่านั่นเอง 3.1 ความหมายของเทคโนโลยีชีวภาพ 3.2 ประโยชน์ของเทคโนโลยีชีวภาพ การนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และโดยเฉพาะทางด้านการแพทย์ใช้ประโยชน์มากที่สุดในการผลิตยาชนิดใหม่ และวิธีการรักษาพยาบาลแบบใหม่ ดังต่อไปนี้ 3.2.1 ด้านการเกษตร 1) การผสมเทียมและการถ่ายฝากตัวอ่อน กรมปศุสัตว์ได้ปรับปรุงพันธุ์โคนมด้วยเทคโนโลยีชีวภาพการผสมเทียม และการ ถ่ายฝากตัวอ่อน ทำให้ลดการนำเข้าพันธุ์โคจากต่างประเทศได้ และได้ปรับปรุงพันธุ์ด้วยการผลิตโคลูกผสม โคเนื้อ และ โคนม 3
สายเลือด 3.2.2 ด้านอุตสาหกรรม 1) พันธุวิศวกรรม เป็นการตัดต่อสายพันธุ์พันธุกรรมที่มีลักษณะดีตามที่ต้องการและคัดเลือกมาแล้วเพื่อการปรับปรุงสิ่งมีชีวิต สายพันธุ์ใหม่ เพื่อเพิ่มผลผลิต ยารักษาโรค วัคซีน ยาต่อต้านเนื้องอก น้ำยาสำหรับตรวจวินิจฉัยโรคและฮอร์โมนเร่งการ
เจริญเติบโตของสัตว์ 3.2.3 ด้านอาหาร 1) ข้าวที่มียีนต้านทานแมลง 2) มะเขือเทศซึ่งมียีนที่ทำให้ยืดอายุการเก็บได้นานขึ้น 3) ถั่วเหลืองที่มียีนต้านสารปราบวัชพืช 4) ข้าวโพดที่มียีนต้านทานแมลง นอกจากนี้ได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากผลผลิตจากสัตว์ เข่น เนย นมเปรี้ยว โยเกิร์ต 3.2.4 ด้านการแพทย์ ในด้านการแพทย์จะใช้เทคโนโลยีชีวภาพด้านพันธุวิศวกรรมเป็นส่วนใหญ่
ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 3.3 พันธุวิศวกรรม (Genetic Engineering) พันธุวิศวกรรม (genetic engineering) คือ กระบวนการที่ได้นำความรู้ต่างๆที่ได้จากการศึกษาชีววิทยาระดับโมเลกุล 3.3.1 ประโยชน์ของพันธุวิศวกรรม มีดังนี้ 3.4 การผสมเทียม (Artificial Insemination) การผสมเทียม (Artificial insemination) เป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ด้วยหลักการที่ให้ตัวอสุจิกับไข่ได้ผสมกันโดยไม่ต้องมีการร่วมเพศกันตามธรรมชาติ วิธีนี้ทำได้โดยให้มนุษย์เป็นผู้ฉีดเชื้ออสุจิของสัตว์เพศผู้เข้าไปในอวัยวะสืบพันธุ์ของสัตว์เพศเมีย ในระยะที่กำลังเป็นสัด เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิเป็นผลให้เกิดการตั้งท้องในสัตว์เพศเมียได้ ข้อดีของการผสมเทียมสัตว์ มีดังนี้ 1) ได้สัตว์พันธุ์ดีตามความต้องการ 2) ประหยัดน้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ เพราะสามารถใช้น้ำยาละลายน้ำเชื้อเพื่อเพิ่มปริมาณได้ 3) ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงพ่อพันธุ์ หรือการสั่งซื้อพ่อพันธุ์จากต่างประเทศ และการขนส่งพ่อพันธุ์ไปผสมพันธุ์เป็นระยะทาง ไกลๆ 4) เป็นการแก้ปัญหาการติดลูกยากและตกลูกผิดฤดูกาล 3.5 การถ่ายฝากตัวอ่อน (Embryo Transfer) การถ่ายฝากตัวอ่อน เป็นการพัฒนาจากการผสมเทียม เพื่อให้ได้ปริมาณสัตว์พันธุ์ดีเพิ่มขึ้นในระยะเวลาเท่าเดิม หลังการถ่ายฝากตัวอ่อนนั้น จะต้องมีแม่พันธุ์ดีเป็นแม่ตัวให้ กับแม่ที่อุ้มท้องเป็นแม่ตัวรับ
ซึ่งมีได้หลายตัวและไม่จำเป็นต้องเป็นพันธุ์ดี แม่ตัวรับจะมีหน้าที่รับตัวอ่อนจากแม่ตัวให้มาเจริญเติบโตภายในมดลูกจนคลอด 3.6 การโคลนนิ่ง (Cloning) การโคลนนิ่ง (Cloning) คือ กระบวนการสืบพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศชนิดหนึ่ง โดยสิ่งมีชีวิตที่ถูกโคลนออกมาจะมีลักษณะทางพันธุกรรม โดยรวมถึงมีลักษณะทางกายภาพ เหมือนกับสิ่งมีชีวิตต้นแบบ หรือ สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ก่อนแล้วทุกประการ 3.6.1 ประโยชน์ของการโคลนนิ่ง 3.7 ผลของเทคโนโลยีชีวภาพต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จีโนมมนุษย์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์ ทำให้สังคมเริ่มตระหนักและหวั่นเกรงผลเสียที่อาจเนื่องมา จากเทคโนโลยีนี้ เพราะมนุษย์ได้รับบทเรียนจากเทคโนโลยีต่างๆ ที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น มักมีผลกระทบอื่นๆ ตามมาภายหลัง ไม่ว่า จะเป็นบทเรียนที่ได้จากการปฏิวัติอุตสาหกรรม มาจนถึงการปฏิวัติทางการเกษตรกรรม ที่ส่งเสริมให้มีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพราะการปฏิวัติดังกล่าวส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างมากมายในเวลาต่อมา -ขอบคุณข้อมูลจาก https://sites.google.com/site/fonbee22/home Author: Tuemaster Adminทีมงานจากเว็บไซต์ติวกวดวิชาออนไลน์ที่ดีที่สุด !! สำหรับ การเรียนออนไลน์ ม.ปลาย (ม.4, ม.5, ม.6) |