20000-1201 ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง 0-2-1 (Real Life English) จุดประสงค์รายวิชา เพื่อให้ 1. รู้และเข้าใจเกี่ยวกับหลักการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน 2. สามารถฟัง-ดูพูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน 3. ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นประโยชน์ของการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน สมรรถนะรายวิชา 1. ฟัง-ดูภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน 2. สนทนาโตต้อบตามสถานการณ์ในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน 3. อ่านข้อความกำหนดการและป้ายประกาศภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน 4. กรอกแบบฟอร์มที่ใช้ในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน 5. เขียนข้อความและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน 6. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน คำอธิบายรายวิชา ปฏิบัติเกี่ยวกับการฟัง-ดูพูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน คำศัพท์ สำนวนภาษาที่ใช้บ่อย ๆ การสนทนาเกี่ยวกับครอบครัว การศึกษางานอดิเรก สุขภาพ เทศกาล ทิศทาง ตำแหน่ง ที่ตั้ง การเดินทาง ขั้นตอนการปฏิบัติงาน การสนทนาทางโทรศัพท์ การอ่านข้อความกำหนดการป้ายประกาศ การกรอกแบบฟอร์ม การเขียนข้อความและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ภาษาตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ คําอธิบายรายวิชา ปฏิบัติ เกี่ยวกับการฟัง-ดู พูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน คําศัพท์ สํานวนภาษาที่ใช้บ่อย ๆ การสนทนาเกี่ยวกับครอบครัว การศึกษา งานอดิเรก สุขภาพ เทศกาล ทิศทาง ตําแหน่ง ที่ตั้ง การเดินทาง ขั้้นตอนการปฏิบัติงาน การสนทนาทางโทรศัพท์ การอ่านข้อความ กําหนดการ ป้ายประกาศ การกรอกแบบฟอร์ม การเขียนข้อความและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ภาษาตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษา และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ สมรรถนะรายวิชา 1. ฟัง-ดู ภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน 2. สนทนาโต้ตอบตามสถานการณ์ในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน 3. อ่านข้อความ กําหนดการและป้ายประกาศภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน 4. กรอกแบบฟอร์มที่ใช้ ในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน 5. เขียนข้อความและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน 6. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน จุดประสงค์รายวิชา เพื่อให้ 1. รู้และเข้าใจเกี่ยวกับหลักการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน 2. สามารถฟัง-ดู พูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน 3. ตระหนักถึงความสําคัญและเห็นประโยชน์ของการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันและในการปฏิบัติงาน ปฏิบัติเกี่ยวกับการฟัง-ดู พูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน คำศัพท์สำนวนภาษาที่ใช้บ่อย ๆ การสนทนาเกี่ยวกับครอบครัว การศึกษา งานอดิเรก สุขภาพ เทศกาล ทิศทาง ตำแหน่งที่ตั้ง การเดินทาง ขั้นตอนการปฏิบัติงาน การสนทนาทางโทรศัพท์ การอ่านข้อความ กำหนดการ ป้ายประกาศการกรอกแบบฟอร์ม การเขียนข้อความและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ภาษาตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษระดบั ช้นั .......... ปวช. .............. สาขาวิชา/กลุ่มวิชา/แผนกวชิ า............ สามัญสัมพนั ธ์ ...... หน่วยกติ ...................... 2 .......หน่วยกติ จำนวนชั่วโมง รวม.......... 36 ..........ชว่ั โมง ภาคเรียนที่................................. 1 ...................................... ปกี ารศกึ ษา......... 2561 ........... จุดประสงค์ สมรรถนะรายวิชา คำอธิบายรายวชิ า สถานการณ์ต่างๆ หรอื ท่ีกำหนดเก่ยี วกับครอบครวั การศึกษา งานอดิเรก สุขภาพ การสนทนาเร่ืองใน หน่วยการสอน รหสั ......... 2000-1201............ วชิ า ............ ภาษาอังกฤษในชวี ติ จรงิ 1 .............. หนว่ ยท่ี ชอ่ื หน่วยการสอน จำนวนชั่วโมง 1 Introduction 2 Final Test ...................... ................................................Total............. ...........36.......... วทิ ยาลยั เทคนคิ นนทบุรี แผนการเรียนรูห้ นว่ ยที่ 1 รหัสวชิ า 2000-1201 วชิ า ภาษาอังกฤษในชีวิตจรงิ 1 หนว่ ยที่ 1 ชื่อหน่วย Introduction สาระสำคัญ การทักทาย แนะนำตนเองและผ้อู ื่น และการกลา่ วลา เป็นเรอ่ื งจำเปน็ สำหรบั การเตรยี มความพร้อมผูเ้ รียนเพ่ือ เนอ้ื หาสาระ 1. คำศัพท์เก่ยี วกับช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน คำนำหนา้ ช่ือบคุ คล จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. พดู ทกั ทาย และแนะนำตวั เองเมือ่ พบกนั เป็นครงั้ แรกไดถ้ ูกตอ้ งตามกาลเทศะ และบคุ คล กจิ กรรมการเรียนรู้ • ศึกษาใบความรู้ : คำศัพท์ สำนวน โครงสร้างภาษา เกย่ี วกับการทกั ทาย แนะนำตวั เองและ • ปฏิบตั ิตามใบงาน สอ่ื การเรยี น ใบความรหู้ นว่ ยท่ี 1 การทกั ทาย แนะนำตนเองและผู้อืน่ และการกลา่ วลา เป็นเรือ่ งจำเป็นสำหรับการเตรยี มความพร้อมของผเู้ รียน Greeting (การทักทาย) ใชท้ ักทายบคุ คลที่อายุใกล้เคียงกัน เพอื่ น หรอื เพอ่ื นร่วมงาน หรอื ใช้ในสถานการณ์ทเ่ี ป็นกันเอง โดยใช้ช่วงเวลา Good morning. ใช้ทกั ทายตอนเช้า ถึงเทยี่ ง มากกว่า หรอื อาวโุ สกวา่ ในหนา้ ทีก่ ารงาน ใช้ตามชว่ งเวลาของวัน และกลางคนื ขอ้ ความน้ีเป็นรปู คำถามทีม่ คี วามหมายว่า “สวัสดี” ซ่ึงไมต่ อ้ งการคำตอบ ดังนนั้ ผูต้ อบจงึ ต้องกลา่ วตอบโดย A : “How do you do? Introduction (การแนะนำตัว) เมือ่ พบกันเป็นคร้งั แรกเป็นมารยาททีด่ ใี นการแนะนำตวั เองกอ่ น Hi / Hello. My name is Charuwan Patcharoros. you do? Giving some personal information (การให้ขอ้ มลู สว่ นตัว) เมอ่ื แนะนำตัวเองอาจตอ้ งมกี ารใหข้ ้อมูลส่วนตวั บา้ ง เชน่ บอกสถานะต่าง ๆ Hello. My name is Charuwan Patcharoros. I am a teacher here. เม่ือมีผู้มาทกั ทาย เราควรทักทายและแนะนำตวั เองกลบั โดยสามารถใช้โครงสรา้ งประโยคเดียวกนั ได้ Hi / Hello. My name is Rattana Malai. I am a new student. Nice to meet ใช้สำนวน Nice to meet you. / It’s nice to meet you. เพื่อการโตต้ อบและแสดงความยินดที ี่ได้รู้จัก สำนวนทีใ่ ช้พูดเพอื่ แสดงความยินดีท่รี ู้จกั It’s nice to meet you. Nice to meet you. I’m pleased to meet you. Pleased to meet you. เมื่อโต้ตอบการสนทนาใหใ้ ช้สำนวนข้างตน้ และเพิ่มคำว่า ‘too’ B: Hi. I’m David White I’m a teacher here. A: It’s nice to meet you, Mr. White. B: Nice to meet you too, Rattana. Welcome to the class. A: Thank you. เมอื่ ผู้มอี าวโุ สมากกว่าสนทนากับผมู้ ีอาวโุ สน้อยกว่าอาจเรียกช่ือเพยี งช่ือตน้ กไ็ ดเ้ พือ่ แสดงความเปน็ กันเองเมอ่ื สนทนากับผมู้ อี าวุโสมากกวา่ ควรใชส้ ำนวนทเ่ี ป็นทางการ เช่น ทกั ทายดว้ ย Good morning. Mr. /mister/ คำนำหนา้ ชอ่ื บคุ คลที่เป็นเพศชาย ผ้หู ญิง ซ่งึ ผู้หญิงจำนวนมากชอบทีจ่ ะให้ใช้คำนำหนา้ ชอื่ แบบน้ี Example: Mr. David White. / Mr.White. ใชค้ ำวา่ ‘Sir’ กบั ผ้ชู าย และคำว่า ‘Madam’ หรือ ‘Miss’ กบั ผู้หญิงในสำนวนทสี่ ุภาพ หรือแสดงความนบั ถือ การถามเกี่ยวกบั ทกุ ขส์ ุข(How are you?) ถามทกุ ข์สุขของอีกฝา่ ยหนึง่ ติดตามมา โดยกล่าวขอ้ ความต่อไปน้ี How are you…………………? (today, this morning, this afternoon, this evening) ประโยคทม่ี คี วามหมายเหมือน How are you? ได้แก่ How are you doing? How are things? Giving response (สำนวนทีใ่ ชใ้ นการตอบ) I’m fine, thank you. I’m very well, thank you. Fine, thanks. I’m doing very well. I’m okay. I’m great. Not bad. ในบางครงั้ ผู้ตอบอาจไมส่ บาย กค็ วรตอบดว้ ยขอ้ ความตอ่ ไปนี้ ไม่ค่อยสบาย ผูต้ อบอาจบอกเหตุผลหรอื อาการเจบ็ ปว่ ยเพิม่ เตมิ เช่น เม่อื อีกฝา่ ยหน่งึ ทราบวา่ ผูท้ ี่เราคนุ้ เคยดว้ ยไมส่ บาย ควรแสดงน้ำใจดว้ ยการพดู ใหก้ ำลงั ใจดังนี้ ตวั อย่างที่ 1 ตัวอย่างที่ 2 Leave-taking (การกลา่ วลา) เมื่อจบการสนทนาแลว้ ตามมารยาทควรมีการกล่าวลากัน โดยใชส้ ำนวน Good bye. Bye. Bye-bye. การใช้ Verb to be (is / am / are) I ใช้ am Plural Noun (นามพหูพจน์) You / We / They ใช้ are Singular Noun (นามเอกพจน)์ He / She / It ใช้ is ใบงาน Example: My name is Charuwan Patcharoros. I am a teacher at Nonthaburi I teach English.I live in Nonthaburi……………………………………………………………… Choose the correct answer. บนั ทกึ หลงั การสอน ............................................................................................................................. ................................... แผนการเรียนรหู้ นว่ ยท่ี 2 รหัสวชิ า 2000-1201 วิชา ภาษาอังกฤษในชวี ิตจริง 1 สาระสำคัญ การศึกษาเกย่ี วกบั การถามและการใหข้ อ้ มลู ส่วนตัว ทัง้ โดยการพดู และการเขียน ซงึ่ เป็นสิ่งทจี่ ำเป็นตอ่ การใช้ เน้อื หาสาระ 1. รายละเอียดเก่ียวกับข้อมลู ส่วนตัว 3. โครงสร้างภาษา การใช้ Verb to have และ Verb to be 4. การอา่ น เลขที่บ้าน สำนักงาน และหมายเลขโทรศพั ท์ จุดประสงค์การเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ • ศกึ ษาใบความรู้ ส่ือการเรียน 1. ใบความรู้ ใบความร้หู น่วยที่ 2 การแนะนำตวั แนะนำตวั หน้าช้ันเรียน แนะนำตวั เมื่อถกู สัมภาษณเ์ ป็นภาษาอังกฤษ เชน่ เมื่อสมัครงาน สมัครเข้ารบั ทนุ หรอื สมคั รเข้า Hi. My name’s Wipa Chandi. My nick-name is Pa. I was born on 31 October Business Cards / Name cards นามบัตร ข้อมูลส่วนตัว (personal information) ดงั นี้ 1. Workplace / Company / Office ทท่ี ำงาน การกรอกข้อมลู ส่วนตวั ลงในแบบฟอร์มต่าง ๆ ทใ่ี ชใ้ นชวี ิตประจำวนั เป็นสิ่งจำเปน็ ท่นี กั เรียน นักศกึ ษา ต้องร้แู ละ สามารถเขียนขอ้ มูลของตนเองอย่างถกู ต้อง เพราะตอ้ งใชภ้ าษาท่ีเปน็ ทางการ Example : First name: Anusorn Last name: Dornrak Nickname: Sorn Date of birth: October 31, 1998 Place of birth: Ratchaburi Address: 143 Mu. 13, Tambon Chedihak, Ampher Muang, Ratchaburi 70000 Tel. No: 032-325257 Sex: Male Nationality: Thai Religion: Buddhist Marital status: Single No. of brothers: 1 Mother's name: Prapa Occupation: Housewife School/ College/ University: Ratchaburi Technical College Year of study: 1 Hobbies/ Interests: Reading and playing computer games Favorite food: Favorite colors: Blue Main ambition: I want to be an engineer คำศพั ทท์ ีร่ ะบใุ นขอ้ มลู สว่ นตัว Countries ชอ่ื Nationality เชอื้ ชาติ Countries ชอ่ื Nationality เชอ้ื ประเทศ Japanese ประเทศ ชาติ Religion ศาสนา Marital Status สถานภาพทางการสมรส แตง่ งานแลว้ Christian ชาวครสิ ต์ Married Islam ศาสนาอิสลาม Moslem ชาวอสิ ลาม Divorced หย่า Educational qualification วฒุ กิ ารศึกษา ประกาศนียบตั รวชิ าชพี Master’s degree ปรญิ ญาโท อินเทอร์เน็ต Occupation อาชีพ chatting on the internet a farmer ชาวนา ชาวไร่ ของตวั เอง an agriculturalist เกษตรกร อนิ เทอร์เน็ต an employee ลกู จ้าง listening to music ฟงั เพลง an auto mechanic ชา่ งซ่อมรถยนต์ คยุ ทาง self-employed มกี ิจการ an electrician ชา่ งไฟฟ้า company employee / officer ลูกจา้ งบรษิ ัท singing ร้องเพลง a government collecting stamps สะสมแสตมป์ เจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐ playing computer games เลน่ เกม an architect นักเขียนโปรแกรม คำถามข้อมลู ส่วนตัว การถามตอบข้อมลู ส่วนตัวทใี่ ชใ้ นชวี ติ ประจำวนั เชน่ ใช้ในการสมั ภาษณ์งาน สมัครเป็นสมาชิกชมรม สโมสร ตา่ ง ๆ หรือใชใ้ นการพดู คยุ เม่ือพบปะกันเปน็ ครงั้ แรก ศกึ ษาตัวอย่างคำถามและคำตอบทีม่ กั ใช้บ่อย ๆ Ambition (ความใฝ่ฝัน) What do you want to be in the future ? I want to be an engineer. Date of birth (วนั เดือนปเี กิด) When were you born ? I was born on the second of August. Nationality (สัญชาติ) What nationality are you ?/ What’s your nationality? I’m Thai. Hobbies, (งานอดิเรก) What do you like to do in your free time ? I like to read when I have free time. School / College (โรงเรยี น/วิทยาลยั )Where do you study ? / Where do you go to school? I study at Ratchaburi Technical College. Name (ช่ือ) May I know your name, please ? My name’s Kornika Puttip. Occupation (อาชีพ) What do you do ? I’m a student. Marital Status (สถานภาพทางการสมรส ) Are you married ? No, I’m single. Favorite color (สที ช่ี อบ) What is your favorite color ? I like blue. Year of study (ปที ีเ่ รียน) What year are you in ? I study in the first year. Field of study (สาขา/วิชาเอก) What do you study ? I study marketing. ( marketing การตลาด ) No. of brothers and sisters (จำนวนพี่นอ้ ง) How many brothers and sisters have you got ? I’ve got two sisters. Present address (ที่อยปู่ จั จบุ ัน) What’s your address, please ? I live at 20 Sukhumvit Street, Bangkok. How to say number of homes วิธีบอกเลขทีบ่ ้าน สำนักงาน ห้องและตู้ ปณ. 1. 24 = twenty-four 2. 711 = seven eleven 3. 143 = one, forty-three 4. 7112 = seventy, one twelve 5. 1505 = fifteen o five 6. 20/120 = twenty slash/ over one hundred twenty How to say a zip code/postal code/postal zone วธิ ีพูดรหัสไปรษณยี ์ 1. 70120 = seven oh one two oh 2. 70000 = seventy thousand How tell your birthday January 21,1989 : I was born on the twenty-first ใบงาน Read and complete the form below 22 years old. I was born on 13 July 1983. I come from London in England. I live with my First name____________________________Surname_____________________________ Complete the sentences. Use the words in the box am, am not, are, are not, is, is not 1. Sue’s new dress is pink. บนั ทกึ หลงั การสอน ............................................................................................................................. ................................... แผนการเรยี นร้หู นว่ ยท่ี 3 รหสั วชิ า 2000-1201 วชิ า ภาษาองั กฤษในชวี ติ จรงิ 1 สาระสำคัญ การศกึ ษาเกย่ี วกับศัพท์ครอบครัว ความสมั พันธ์ในครอบครัว บอกรายละเอยี ดเก่ยี วกับอาชีพหรือลกั ษณะคนใน เน้ือหาสาระ 1. โครงสรา้ งความสมั พนั ธใ์ นครอบครัว ( Family tree ) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ตอบ รายละเอียดของครอบครวั ส่อื การเรยี น ใบความรหู้ น่วยท่ี 3 และศพั ทท์ บี่ อกความสมั พนั ธ์ในครอบครวั ได้อยา่ งละเอียด ดังตัวอย่าง Family Tree 1 : พอ่ แม่ ลกู สาว ลกู ชาย Peter Jane Robert Ann Tom Son Daughter Son Listen and Repeat Family Tree 2 บอกความสมั พนั ธท์ างเครือญาติ เมอ่ื มกี ารแตง่ งานขยายครอบครัวออกไปโดยมีลูกเขย ลูกสะใภ้ นอ้ งเขย Natalee Ann Greg Tom Mary Charle Kathy Zuzy Jack Jenny Listen and Repeat Jin Family Tree 3 บอกความสัมพนั ธ์ทางเครือญาติ ร่นุ หลานซง่ึ เปน็ ลกู ของ พี่ชาย น้องชาย พีส่ าว นอ้ งสาว ซึง่ บคุ คลเหล่านี้จะมี COUSINS Kathy Zuzy Charle Jack Jenny Charle,Kathy, Zuzy,Jack, and Jin are cousins. Jenny Vocabulary ศัพท์ที่บอกความสัมพันธใ์ นครอบครวั Listen and Repeat: 1. husband and wife สามี และ ภรรยา 2. father and mother พ่อ และ แม่ 3. daughKtear tahnyd son ลูกสาว และ ลูกชาย 4. daughter-in-law and son-in-law ลกู สะใภ้ และ ลกู เขย 5. father-in-law and mother-in-law พอ่ ตา และ แมย่ าย 6. brother and sister พช่ี าย และพี่สาว 7. brother-in-law and sister-in-law พ/ี่ นอ้ ง เขย และ พ/่ี นอ้ งสะใภ้ 8. grand father and grand mother ตาและยาย 9. grand son and grand daughter หลานชาย และ หลานสาว (ลูกของลกู ) 10. uncle and aunt ลงุ และ ป้า 11. niece and nephew หลานสาว และ หลานสาว 12. cousins ลูกพลี่ ูกน้อง 13. parents พ่อ แม่ 14. relatives ญาติ การถามและตอบเกย่ี วกบั ครอบครวั A : Have you got any brothers? B : No, I haven’t A : Have you got any sisters? B : Yes, I have A : Have you got any children? B : Yes, I’ve got 2 children A : How many brothers have you got? B : I’ve got a brother A : How old is your brother? B : He is twenty – four A : What does your sister do? B : She is a teacher A : How old is your father? B : He is forty – five years old A : What color is his hair? B : His hair is black A : What color are his eyes? B : His eyes are brown A : How tall is he? B : He is 175 centimeters tall A : What does he do? B : He is a farmer A : Is he fat? B : No. he isn’t Question Words Question word คอื คำทีใ่ ชแ้ สดงคำถาม เช่น What, Which, When, Where, Who, Whom, Whose, Why, How, etc. ซึ่งคำเหล่านจี้ ะอยู่หนา้ ประโยคคำถาม และถามเพอื่ ตอ้ งการทราบขอ้ มลู หรอื รายละเอียดตา่ งๆ Wh - Questions Answers What What does your father do? He is a farmer. Where Where do you live? I live in Bangkok. How How old is your brother? He is 18. How many How many people are there in your There are 5 people. family? I have got 2 sisters. How many How many sisters have you got? Example: A: What does your mother do? B: She is a housewife. A: Where do you live? B: I live in Phrae. A: How old is your grandmother? B: She is 80 years old. A: How tall is your brother? B: He is 180 centimeters tall. A: How many brothers and sisters have you got? B: I have got 2 brothers and 3 sisters. ใบงาน Jack Marth Julia Gareth Tom Magarita Clyde Gwen Albert Gregory Jennifer Paddy Mike Lorrai 2. Mark the sentences T (true) or F (false) การประเมินผลตนเองหลังเรียน 1. Answer the following questions. (10 point) 2. Write what, where, when, why, which, who, whom, how, how much, how many. บนั ทกึ หลงั การสอน ............................................................................................................................. ................................... แผนการเรียนรูห้ นว่ ยที่ 4 รหสั วิชา 2000-1201 วิชา ภาษาองั กฤษในชวี ิตจริง 1 สาระสำคญั การจดั ประเภท หมวดหมู่ของอาหาร การแสดงความคิดเห็น/ใหเ้ หตผุ ล แสดงความชอบ ไม่ชอบ ของอาหารต่างๆ เนือ้ หาสาระ 1. คำศพั ท์เก่ียวกับประเภทของอาหาร 2. การพดู เกี่ยวกบั อาหารที่ชอบและไม่ชอบ / การแสดงความคิดเหน็ และใหเ้ หตผุ ล /การส่งั อาหาร จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อ่านออกเสียง อธิบายความหมาย จัดประเภท หมวดหมู่ของอาหารได้ กจิ กรรมการเรียนรู้ การแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับอาหาร และการส่ังอาหาร • ปฏิบตั ิตามใบงาน สอ่ื การเรียน 1. ใบความรู้ ใบความรูห้ น่วยท่ี 4 • Vegetables อาหารประเภทผกั หน้าที่ทางภาษา (Language Functions) - I like chocolates, because I love sweet things. รูปประโยคแสดงความไมช่ อบ (Talking about dislikes) - I don’t like lemons. การแสดงความคดิ เห็น / ให้เหตผุ ล - I like fruit salad ice cream. I think it is delicious. การส่งั อาหาร (Ordering food) พนกั งานบริการ (waiter /waitress) ถามลกู คา้ วา่ ตอ้ งการสงั่ อาหารอะไร (ใช้ some ในการขอสงิ่ ทต่ี อ้ งการ) ภาษาท่ีใชใ้ นบทเรยี นนี้ (Target Language) เนื้อหาทางไวยากรณ์ (Grammar focus) I want one apple. การใช้รปู ประโยค There is, There are หมายความว่า “มี” ประโยคปฏเิ สธ (Negative) ประโยคคำถาม (Interrogative) 2. คำนามทนี่ บั ไมไ่ ด้ (uncountable nouns) ใช้ในรูปเอกพจนเ์ ท่านัน้ เชน่ ประโยคบอกเลา่ (Affirmative) ประโยคปฏิเสธ (Negative) ประโยคคำถาม (Interrogative) - Is there any Coke? ขอ้ ควรจำ a an ใชใ้ นประโยคบอกเลา่ , คาถาม และ ปฏเิ สธ กบั คานามเอกพจน์ทน่ี บั ได้ คานามทน่ี ับไม่ได้ คำคณุ ศพั ท์ (Adjectives) แสดงรสชาติ (Taste) และลกั ษณะของเน้ืออาหาร (Texture) Tastes Textures - Lemons are sour. ใบงาน Exercise Look at the pictures. Which are hot and spicy, sweet, sour or salty and crunchy. Then 1. Sour: passion fruit, ……………………………………………………. การประเมนิ ผลตนเองหลังเรียน - What do you usually eat and drink? บันทึกหลงั การสอน ............................................................................................................................. ................................... แผนการเรยี นรูห้ น่วยที่ 5 รหัสวิชา 2000-1201 วิชา ภาษาองั กฤษในชวี ิตจรงิ 1 หน่วยท่ี 5 ชอ่ื หนว่ ย Locations สาระสำคญั การถามหรือให้คำอธบิ ายเกีย่ วกบั ตำแหนง่ หรอื สถานที่ของวตั ถุมกั จะพบในการสนทนาในชวี ติ ประจำวันอย่เู สมอ ผู้เรียนจึงควรได้รบั การฝกึ ฝนการถามและการให้รายละเอยี ดเก่ยี วกบั เรือ่ งดงั กลา่ ว โดยเฉพาะการเลอื กใช้คำบุพบท (Prepositions) ให้ถูกต้องเหมาะสม เนือ่ งจากคำบุพบทแตล่ ะคำมกี ารใชท้ แ่ี ตกตา่ งกัน จะได้นำไปใชไ้ ดอ้ ย่างถกู ต้องและชว่ ย ใหก้ ารสอ่ื สารมคี วามชดั เจนย่ิงข้นึ เน้อื หาสาระ 1. คำบพุ บท (Prepositions) เก่ียวกบั การบอกตำแหน่งหรือสถานทข่ี องวตั ถุ จุดประสงค์การเรียนรู้ ตำแหน่งหรือสถานทีข่ องวัตถไุ ดถ้ ูกตอ้ ง 2. เขยี นขอ้ ความหรอื ประโยคโดยเลือกใชค้ ำบุพบทและการใช้เลขเรยี งลำดับในการตอบคำถาม หรืออธบิ ายได้ เหมาะสม 3. อ่านข้อความแล้วเติมบุพบทใหส้ มบูรณไ์ ด้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรียงลำดบั และ การใชป้ ระโยคคำถามเพือ่ ถามตำแหน่งของวตั ถุ • ปฏิบตั ิตามใบงาน สอื่ การเรยี น 1. ใบความรู้ ใบความรู้หนว่ ยท่ี 5 การถามหรอื ใหค้ ำอธิบายเกยี่ วกบั ตำแหน่งหรือสถานที่ของวัตถมุ ักจะพบในการสนทนาในชวี ิตประจำวันอย่เู สมอ ผเู้ รยี นจงึ ควรได้รับการฝกึ ฝนการถามและการให้รายละเอยี ดเก่ียวกบั เรอื่ งดงั กล่าว โดยเฉพาะการเลอื กใชค้ ำบพุ บท (Prepositions) ใหถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม เนอื่ งจากคำบพุ บทแตล่ ะคำมกี ารใชท้ ี่แตกต่างกนั จะได้นำไปใชไ้ ดอ้ ย่างถกู ต้องและ ชว่ ยให้การส่อื สารมคี วามชดั เจนย่ิงขึ้น คำบพุ บท (Prepositions) in = ใน in a room in a garden in a shop in a town Φ Wilai is in the library./ in the kitchen./ in the garden. Φ A ring is in the drawer./ in the box./ in my bag. on = บน on the ceiling on a shelf on a wall on a plate on a door Φ There are some books on the shelf and some pictures on the wall. Φ There is a stamp on the envelope. under = ใต้ under the table under the tree Φ A cat is under the table. Φ A girl is under the tree. at = ท่ี at the bus stop at the door at the traffic lights at her desk Φ Suchada is working at her desk. Φ The guest is at the door. at the top / at the bottom / at the end (of..) Φ Write your name at the top of the page. Φ My house is at the end of the street. at the top ( of the page) at the bottom (of the page) near = ใกล้ She is sitting near the window. above = เหนือ below = ตำ่ กวา่ among = ท่ามกลาง opposite / across from = ตรงข้าม / in front of = ขา้ งหนา้ next to / beside = ข้างๆ ตดิ กบั หรือ ถัดไป A is next to/beside B. หรือ B is next to/beside B. Φ The television is in the corner of the room. Φ I was sitting in the back (of the car) when we crashed. at the front / at the back of a building/ cinema / group of people Φ The garden is at the back of the house. Φ Let’s sit at the front of the cinema. on the front / on the back of a letter / piece of paper / etc. Φ Write your name on the back of this envelope. หากกล่าวถงึ ชั้นสูงสุด หรอื ชัน้ ลา่ งสดุ อาจใชค้ ำวา่ the top หรือ the bottom แทน on the top shelf วางอยู่บนช้นั สูงสดุ shelf มลี ักษณะเป็นผวิ ระนาบ on the bottom shelf วางอย่บู นชั้นลา่ งสดุ วัตถุหรือส่ิงของจะวางด้านบน in the top drawer วางอยู่ในลิ้นชักบนสดุ drawer ล้นิ ชักมลี ักษณะเป็น 3 มติ ิ คอื มี in the bottom drawer วางอยู่ในล้ินชกั ลา่ งสดุ ความลึกวัตถุ/ส่งิ ของทวี่ างจะอยู่ภายใน Cardinal and ordinal numbers ในการอธิบายตำแหนง่ หรือทีต่ ้งั อาจจะมกี ารกลา่ วถึงลำดบั ช้ัน เช่น ช้นั บนสดุ ช้ันลา่ งสุด ชนั้ ทห่ี น่ึง ชั้นทสี่ อง เป็นตน้ ซึ่งการบอกลำดบั ชัน้ จำเป็นทจ่ี ะตอ้ งใชเ้ ลขเรยี งลำดบั ดังน้ี Cardinal Number Ordinal Number 1 = one 1st = first 2 = two 2nd = second 3 = three 3rd = third 4 = four 4th = fourth 5 = five 5th = fifth ภ1 Unit 5 Where ….? Do you know where ….? Where ………....? Pattern 1 Where + is/are + noun? Where is my book? Where are the scissors? Pattern 2 Where do/does/can + subject + verb? Where does she/he go? Where can I put this typewriter? Do you know where ………….? Pattern 1 Can you tell me + where + subject + is/are? Do you know/Can you tell me where my book is? Do you know where the scissors are? Pattern 2 Can you tell me + where + subject + verb(s)? Do you know ใบงาน ___ 1. My room’s got a big bed, with a nice yellow bedspread. My bed is in front of the บนั ทกึ หลงั การสอน ............................................................................................................................. ................................... แผนการเรยี นรหู้ น่วยที่ 6 รหัสวชิ า 2000-1201 วิชา ภาษาองั กฤษในชวี ิตจริง 1 หนว่ ยท่ี 6 ชอ่ื หนว่ ย Directions สาระสำคญั ในชวี ิตประจำวนั เราอาจจำเปน็ ต้องเดนิ ทางไปสถานทีท่ ไี่ มค่ ุน้ เคยหรอื ไม่รู้จกั ทาง และในบางโอกาสเราอาจพบ เน้อื หาสาระ 1. ขอ้ ความหรอื สำนวนท่ใี ชใ้ นกลา่ วในการอธบิ ายเส้นทางหรอื วธิ ีการเดินทาง จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อา่ นออกเสียง อธิบายความหมาย และใชค้ ำศพั ท์ สำนวนและบุพบททใ่ี ชใ้ นการอธบิ ายเส้นทางหรือวิธีการ 2. เลือกใชศ้ ัพท์ สำนวน และบุพบทแตง่ ประโยคทใี่ ช้ในการอธบิ ายเสน้ ทางหรือวิธกี ารเดินทางไดถ้ ูกต้องเหมาะสม กิจกรรมการเรยี นรู้ • ศกึ ษาใบความรู้ : คำศพั ท์ สำนวน โครงสร้างภาษา เกย่ี วกับการสอบถามหรืออธิบาย • ปฏิบตั ติ ามใบงาน ส่ือการเรยี น 1. ใบความรู้ ใบความรหู้ นว่ ยท่ี 6 ในชีวิตประจำวนั เราอาจจำเป็นต้องเดนิ ทางไปสถานท่ีทไี่ มค่ ุ้นเคยหรือไมร่ ู้จักทาง และในบางโอกาสเราอาจพบ บคุ คลหรือชาวต่างประเทศมาสอบถามเก่ยี วกบั เส้นทางไปยงั สถานทตี่ า่ งๆ นกั เรียนจึงควรเรียนรวู้ ิธีการอธบิ ายทิศทางจาก |