ใบงาน วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพช่างอุตสาหกรรม

พสิ จู นความจริง นาํ มาสรปุ เปนกฏเกณฑและทฤษฏี ซงึ่ เปน การศกึ ษา 2 สวน คอื เชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ

ปริมาณในทางฟสิกสแบง ออกเปน ปรมิ าณสเกลารและเวกเตอร

สมรรถนะอาชีพประจําหนวย (สงิ่ ท่ีตองการใหเ กิดการประยุกตใ ชความรู ทกั ษะ คณุ ธรรม เขา ดวยกนั )
แสดงความรูและปฏิบัติเกยี่ วกบั ปริมาณทางฟส กิ สและเวกเตอร

จุดประสงคการสอน/การเรยี นรู
• จุดประสงคเชิงพฤติกรรม
มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม คานิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงคท่ีผูสอนสามารถสังเกตไดในดาน

ความมีมนุษยสัมพันธ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อม่ันในตนเอง ความสนใจใฝรู ความรักสามัคคี

ความกตญั ูกตเวที
1.อธบิ ายความหมายปรมิ าณทางฟส ิกสไดถูกตอง

2.แยกปรมิ าณสเกลารแ ละเวกเตอรไดถ กู ตอง

3.คํานวณเกี่ยวกับปรมิ าณสเกลารและเวกเตอรไ ดถกู ตอง
4.อธบิ ายหนว ยและการวัดปริมาณไดถ ูกตอ ง
เนอื้ หาสาระการสอน/การเรยี นรู
• ดา นความรู(ทฤษฎี)
1.1 ความหมายของฟส ิกส

ฟส กิ ส (Physics) มรี ากศัพทมาจากภาษากรีกหมายถงึ “ธรรมชาติ” เปน วิทยาศาสตรที่ศึกษา

เก่ยี วของกับสสาร พลงั งาน ความสมั พนั ธระหวา งสสารและพลังงาน รวมท้งั ยังเปนความรูพนื้ ฐานที่นาํ ไปใชในการ
พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและเคร่ืองมือเครื่องใชตาง ๆ เพ่ือชว ยอาํ นวยความสะดวกแกมนุษย

1.2 ธรรมชาตขิ องการวดั

1.2.1 การแสดงผลของการวัด ปจ จุบนั มี 2 ลักษณะคือ แบบขดี สเกลและแบบตัวเลข
1.2.2 ความคลาดเคล่ือนของการวัด การวดั เปน กระบวนการใชห รือการเลือกใชเ คร่ืองมือในการ

วัด ตลอดจนการระบุหนวยของการวดั ขอ มลู พน้ื ฐานที่ไดจ ากการวดั ประกอบดวยตัวเลขและหนวยการวัดเสมอ

ขอมลู ที่ไดถกู ตองและแมนยําเพียงใดขนึ้ อยูกับปจ จยั คือ ผทู ําหนา ที่วดั วธิ กี ารวดั เครื่องมือวัด สภาพแวดลอม
ขณะทําการวดั

1.2.3 การอานและการบนั ทึกผลจากการวดั

1.3 การแปลความหมายของขอ มูล

1.3.1 การบันทึกขอมลู ลงในตาราง
1.3.2 การนาํ เสนอขอมลู
1.3.3 รปู แบบการนําเสนอขอมูล

1.3.4 การเขยี นกราฟระบบพิกดั ฉาก
1.3.5 การวิเคราะหแ ละแปลความหมายกราฟเสน ตรง
1.4 การวดั ปริมาณทางฟส ิกส

1.4.1 หนว ยมูลฐาน (Base Units)
1.4.2 หนว ยเสริม (Supplementary Units)
1.4.3 หนว ยอนุพนั ธ (Derived Units)
1.4.4 หนวยอืน่ ๆ ทีใ่ ชร วมกับหนวยระหวา งชาติ
1.4.5 ตัวพหคุ ูณ (Multiplier) และคาํ อุปสรรค (Prefixes)
1.5 การเปล่ียนหนว ย
1.6 เลขนัยสาํ คญั

1.6.1 หลกั ในการนับจาํ นวนเลขนยั สําคัญ
1.6.2 การบวก และลบเลขนัยสาํ คัญ
1.6.3 การคณู และหารเลขนัยสาํ คญั
• ดานทักษะ(ปฏิบตั )ิ
ศึกษาเกีย่ วกบั ปริมาณทางฟสกิ สและเวกเตอร

• ดา นคุณธรรม จริยธรรม คา นยิ ม/ คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค 3D /ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง/อาเซียน/
คานิยม 12 ประการ/การอนุรกั ษพนั ธุกรรมพชื

แสดงออกดานการตรงตอเวลา ความสนใจใฝรู ความซอื่ สัตย สุจริต ความมีนา้ํ ใจและแบงปน
ความรว มมอื ความมีมารยาท ไมหยดุ น่งิ ที่จะแกปญ หา มคี วามตระหนัก เห็นความสําคัญ ศรัทธา และเชอ่ื มั่น
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ทรงเปนประมุข มีคุณธรรม จริยธรรม ความดีงาม รูผ ดิ
ชอบชวั่ ดี รูจักหลกี เลยี่ งหางไกลยาเสพติด กตัญตู อพอแม ผปู กครอง ครูบาอาจารย ใฝห าความรู หมัน่ ศึกษาเลา
เรยี นท้ังทางตรง และทางออม มีจิตสํานึกในการอนรุ กั ษพ ันธุกรรมพืชตามกจิ กรรมงานสวนพฤกษศาสตรโรงเรียน

• กิจกรรมการเรียนการสอนหรอื การเรยี นรู
ขน้ั นาํ เขา สูบทเรยี น
- ครผู สู อนยกตวั อยางปริมาณทางฟส ิกสและเวกเตอรท ่เี กีย่ วขอ งกบั ชวี ติ ประจําวัน
ข้นั สอน
- ครูอธบิ ายเน้อื หา ตามประเดน็ ดงั ตอ ไปนี้
1. ความหมายของฟสิกส
2. ธรรมชาตขิ องการวดั
3. การแปลความหมายของขอมลู

4. การวัดปริมาณทางฟสิกส
5. การเปล่ียนหนวย
6. เลขนยั สาํ คญั
ขน้ั ขยายความรู
- ครตู ง้ั ประเด็นคําถามเพ่ือนําไปสกู ารอภิปราย วา ปรมิ าณทางฟสกิ สและเวกเตอร สามารถนาํ ไปปรับปรงุ
และประยุกตใชกบั วิชาชีพของตนอยา งไร
ข้นั ประเมนิ
- ใหนักศึกษาทาํ ใบงาน
- ใหน ักศึกษาทําแบบประเมินผลการเรยี นรู หนว ยที่ 1
ขนั้ สรปุ
- ซกั ถามเพิ่มเติมและครอู ธิบายเพม่ิ เติม
- ทาํ แบบฝก หดั

เครอ่ื งมอื การวัดและประเมินผล
1. แบบทดสอบกอนเรียน
2. แบบทดสอบหลังเรยี น
3. ใบความรู
4. แบบประเมนิ ผล

กจิ กรรมเสนอแนะ
ควรมีกิจกรรมใหน ักเรียนไดมีโอกาสศกึ ษาคน ควา จากแหลงเรียนรูอ นื่ ๆเพิ่มเตมิ เชน หอ งสมุด

อนิ เตอรเน็ต

ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาํ เร็จของผเู รียน
1. ผลการทําแบบฝกหัดหนว ยที่ 1
2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test) หนวยท่ี 1

สอื่ การเรยี นการสอน/การเรยี นรู
สือ่ ส่ิงพิมพ
1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน
2. กิจกรรมเสริมการเรยี นรู
สือ่ โสตทัศน (ถามี)
PowerPoint ประกอบการสอน หนว ยที่ 1
สื่อของจรงิ
-

เอกสารแนบ

1. แบบทดสอบกอนเรยี น
2. แบบทดสอบหลงั เรยี น
3. ใบความรู
4. แบบประเมินผล
5. แบบฝก หัดพรอมเฉลย

แผนการสอน/การเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2

ชือ่ วิชา วิทยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาอาชพี ชา่ งอุตสาหกรรม สอนสปั ดาห์ท่ี 3

ชื่อหน่วย เวกเตอร์ คาบรวม 54

ชื่อเรอ่ื ง เวกเตอร์ จานวนคาบ 3

สาระสาคญั

ปรมิ าณเวกเตอร์ (Vector Quantities) เป็นปรมิ าณท่ีมขี นาดและทิศทาง เช่น การกระจัด ความเร็ว

แรง ความเร่ง โมเมนต์ โมเมนตัม ฯลฯ ใชส้ ญั ลกั ษณห์ วั ลกู ศรแสดงทิศทาง และความยาวลกู ศรแทนขนาดหรอื ใช้

อกั ษรตัวพิมพ์ใหญ่ A, B, C ถ้าเปน็ ตวั พมิ พเ์ ล็กจะต้องใส่บาร์ด้านบนอักษร⃑⃑ ⃑ , ⃑ , เวกเตอร์สามารถรวมกันได้

เปน็ เวกเตอรล์ พั ธโ์ ดยการใชห้ ลักการหางต่อหัว (วาดรูป) องคป์ ระกอบของเวกเตอร์

ในแนวพิกดั ฉาก (แกน x, y) และทฤษฎีส่เี หล่ยี มดา้ นขนานและการคณู เวกเตอร์

สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย (ส่งิ ทีต่ ้องการให้เกดิ การประยุกตใ์ ช้ความรู้ ทกั ษะ คุณธรรม เข้าด้วยกนั )
แสดงความรแู้ ละปฏิบตั ิเกีย่ วกับปรมิ าณเวกเตอร์

จุดประสงค์การสอน/การเรยี นรู้
 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีผู้สอนสามารถสังเกตได้ในด้าน

ความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเช่ือมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี
ความกตัญญูกตเวที

1. บอกความหมาย และยกตัวอยา่ งปริมาณทางฟิสิกส์
2. เขียนปริมาณเวกเตอร์
3. หาผลลัพธข์ องการบวกและการคณู เวกเตอร์
4. นาความรู้เรอ่ื งเวกเตอร์ไปประยกุ ตใ์ นการแกป้ ญั หาโจทยป์ รมิ าณทางฟิสกิ ส์และการเรยี นวชิ าชพี
เนือ้ หาสาระการสอน/การเรยี นรู้
• ด้านความรู้(ทฤษฎี)
2.1 ปรมิ าณเวกเตอร์

2.1.1 ปริมาณสเกลาร์ (Scalar Quantities) เป็นปรมิ าณที่มแี ตข่ นาด ไม่มีทศิ ทาง เช่น มวล
ระยะทาง เวลา พ้นื ท่ี ความหนาแน่น ปริมาตร กาลงั ฯลฯ

2.1.2 ปริมาณเวกเตอร์ (Vector Quantities) เปน็ ปริมาณทมี่ ีขนาดและทิศทาง เชน่ การกระจดั
ความเรว็ แรง ความเรง่ โมเมนต์ โมเมนตมั ฯลฯ

2.1.3 สญั ลกั ษณ์และการเขียนรปู แทนปรมิ าณเวกเตอร์
2.1.4 ประเภทของเวกเตอร์
2.2 การรวมเวกเตอร์
2.2.1 การบวกเวกเตอรโ์ ดยการวาดรูป (หางต่อหวั )
2.2.2 การรวมเวกเตอร์โดยการคานวณ

2.3 การคูณเวกเตอร์
2.3.1 การคูณปริมาณเวกเตอรด์ ้วยปรมิ าณสเกลาร์
2.3.2 การคูณปริมาณเวกเตอร์แบบสเกลาร์ (Dot Product)
2.3.3 การคูณปรมิ าณเวกเตอร์แบบเวกเตอร์ (Cross Product)

• ดา้ นทกั ษะ(ปฏบิ ัติ)
ศกึ ษาเกี่ยวกับปรมิ าณเวกเตอร์

• ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม/ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ 3D /ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง/อาเซียน/
ค่านิยม 12 ประการ/การอนุรกั ษ์พนั ธุกรรมพชื

แสดงออกด้านการตรงตอ่ เวลา ความสนใจใฝ่รู้ ความซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ ความมีน้าใจและแบ่งปัน
ความร่วมมือ ความมมี ารยาท ไม่หยุดน่งิ ที่จะแกป้ ญั หา มีความตระหนัก เห็นความสาคัญ ศรัทธา และเชื่อม่ัน
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มคี ุณธรรม จริยธรรม ความดีงาม รู้ผิด
ชอบชว่ั ดี รู้จักหลีกเลีย่ งห่างไกลยาเสพตดิ กตญั ญตู ่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครบู าอาจารย์ ใฝห่ าความรู้ หมัน่ ศึกษาเลา่
เรียนท้ังทางตรง และทางอ้อม มจี ติ สานกึ ในการอนรุ ักษพ์ ันธกุ รรมพชื ตามกจิ กรรมงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

• กิจกรรมการเรียนการสอนหรอื การเรียนรู้
ขั้นนาเข้าสู่บทเรียน
- ครผู ้สู อนบททวนเร่ืองปริมาณทางฟิสกิ ส์และเวกเตอร์ จากบทเรยี นทแ่ี ลว้
ขั้นสอน
- ครูอธิบายเนอื้ หา ตามประเดน็ ดังต่อไปน้ี
1.ปรมิ าณเวกเตอร์
2.การรวมเวกเตอร์
3.การคณู เวกเตอร์
ขั้นขยายความรู้
- ครตู ั้งประเด็นคาถามเพื่อนาไปส่กู ารอภิปราย วา่ ปรมิ าณเวกเตอร์ สามารถนาไปปรบั ปรุงและ

ประยกุ ต์ใช้กบั วชิ าชพี ของตนอย่างไร
ขนั้ ประเมนิ
- ให้นกั ศึกษาทาใบงาน
- ให้นกั ศกึ ษาทาแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2
ขั้นสรุป
- ซกั ถามเพมิ่ เติมและครอู ธิบายเพม่ิ เติม
- ทาแบบฝกึ หัด

เครื่องมอื การวัดและประเมินผล
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. แบบทดสอบหลงั เรียน
3. ใบความรู้
4. แบบประเมินผล

กิจกรรมเสนอแนะ
ควรมีกิจกรรมใหน้ กั เรยี นไดม้ ีโอกาสศกึ ษาคน้ ควา้ จากแหล่งเรียนร้อู น่ื ๆเพ่ิมเตมิ เชน่ หอ้ งสมดุ

อนิ เตอร์เน็ต

ผลงาน/ช้นิ งาน/ความสาเรจ็ ของผเู้ รียน
1. ผลการทาแบบฝึกหัดหนว่ ยที่ 2
2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test) หน่วยที่ 2

สือ่ การเรียนการสอน/การเรยี นรู้
สื่อสิ่งพิมพ์
1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน
2. กจิ กรรมเสริมการเรยี นรู้
สอื่ โสตทัศน์ (ถ้ามี)
PowerPoint ประกอบการสอน หน่วยท่ี 2
สือ่ ของจรงิ
-

เอกสารแนบ

1. แบบทดสอบก่อนเรยี น
2. แบบทดสอบหลังเรยี น
3. ใบความรู้
4. แบบประเมินผล
5. แบบฝกึ หัดพร้อมเฉลย

แผนการสอน/การเรยี นรู้ หน่วยที่ 3

ชอื่ วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื พัฒนาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม สอนสัปดาห์ท่ี 4-5

ชื่อหน่วย แรงและชนิดของแรง คาบรวม 54

ชื่อเรอื่ ง แรงและชนิดของแรง จานวนคาบ 3

สาระสาคัญ

การศึกษา ค้นคว้า การสืบคน้ ข้อมูล การทากจิ กรรม การฝึกทักษะการแกป้ ัญหาโจทย์ ในเร่อื งของแรงท่ี

เกดิ ขนึ้ จะมลี ักษณะแตกตา่ งกันออกไปตามผลของการกระทาที่เกดิ ขน้ึ ซึ่งเราสามารถแบ่งออกเป็นชนดิ ต่าง ๆ ได้

2 ประเภท คือ แรงในธรรมชาติ และแรงที่เกิดขึ้นจากการกระทาจะทาให้ผ้เู รียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั แรง

และชนิดของแรงแลว้ นาไปประยุกตใ์ ช้ได้อย่างเหมาะสม

สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย (สง่ิ ทต่ี ้องการให้เกดิ การประยุกต์ใช้ความรู้ ทกั ษะ คุณธรรม เข้าด้วยกนั )
แสดงความรแู้ ละปฏิบัตเิ ก่ียวกบั แรงและชนิดของแรง

จุดประสงคก์ ารสอน/การเรยี นรู้
 จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถสังเกตได้ในด้าน

ความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเช่ือมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี
ความกตัญญูกตเวที

1. อธิบายการเกดิ แรงชนิดต่าง ๆ
2. คานวณหาค่าของแรงลพั ธ์
3. อธิบายผลของแรงท่ีไปกระทาต่อวัตถุ
4. อธิบายแรงเสยี ดทาน
5. บอกประโยชนข์ องการนาแรงไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั

เน้ือหาสาระการสอน/การเรียนรู้
• ด้านความรู้(ทฤษฎี)

3.1 แรงและชนดิ ของแรง
3.1.1 แรง (Force) คือ อานาจอย่างหน่งึ ที่ทาใหว้ ัตถุมคี วามเร่ง หรือเปล่ียนทิศทางการเคลอ่ื นที่

จากเดิมแรงยังสามารถอธบิ ายไดอ้ ยา่ งหนง่ึ คือ การผลกั หรือการดึง
3.1.2 มวล (Mass) คือ ปริมาณเนื้อธาตุของวัตถุหรือสสาร หรือจานวนอะตอมท่บี รรจอุ ยู่ในวัตถุ

นั้นๆเป็นปรมิ าณสเกลาร์ มีหน่วยเปน็ กโิ ลกรมั (kg) มวลมีสมบตั ิในการตา้ นการเปลีย่ นสภาพการเคล่ือนท่ีไมข่ นึ้ อยู่
ในตาแหน่งใด ๆ ในอวกาศ มวลทีว่ ดั ไดเ้ ท่าไรบนพ้ืนโลกจะเทา่ กับท่ีวัดไดบ้ นดวงจนั ทรห์ รืออวกาศ เพราะจานวน
ของอะตอมเทา่ กันจะเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ “ m ”

3.1.3 นา้ หนกั (Weight) คือ แรงดึงดดู ของโลกท่ีกระทาต่อวัตถุ มีทศิ พงุ่ สู่โลก ถกู เขยี นแทนดว้ ย
สัญลักษณ์ “W” มีหนว่ ยเป็นนิวตนั (N) เปน็ ปรมิ าณเวกเตอรเ์ พราะมีขนาดและทิศทางถ้าวัตถุมวล m ให้ตกอย่าง

เสรีบรเิ วณผวิ โลกมันจะตกดว้ ยความเร่งคงท่ี (g = 9.8 m/s2) โดยไมค่ ดิ แรงตา้ นของอากาศ เม่ือมวลทต่ี กมี
ความเร่งจึงต้องเกดิ แรงลพั ธ์ตามกฎข้อที่ 2 ของนิวตัน

3.1.4 ชนิดของแรง
1. แรงทีเ่ กดิ ขึ้นในธรรมชาติ
2. แรงท่ีเกดิ จากการกระทา

3.2 แรงเสียดทาน
3.2.1 แรงเสยี ดทานจลน์ เปน็ แรงเสียดทานที่เกดิ ขึน้ ในขณะทวี่ ตั ถุกาลังเคลื่อนท่ี ต้องคานึงถงึ

ทศิ ของแรงเสียดทานจลน์ จะมที ิศตรงกนั ขา้ มกับการเคล่ือนท่ขี องวตั ถุ และขนาดของแรงเสยี ดทานจลน์ของวตั ถุ
ขึ้นอยกู่ ับแรงกดพ้ืนผิวสมั ผัสในแนวตัง้ ฉากและสัมประสทิ ธิ์ความเสยี ดทานจลน์ (k) ซงึ่ ระหวา่ งวัตถุ

คหู่ นง่ึ ๆ มีคา่ คงท่ีเสมอ
3.2.2 แรงเสยี ดทานสถติ เป็นแรงเสยี ดทานท่ีเกิดขนึ้ เม่อื วัตถุยังไม่มกี ารเคลือ่ นท่ี ตอ้ งคานึงถึง

ทิศของแรงเสยี ดทานสถิต จะมีทศิ ตรงกันขา้ มกับทศิ ทีว่ ัตถุพยายามจะเคลื่อนที่ และขนาดของแรงเสยี ดทานสถิต
ของวตั ถุทว่ี างอยบู่ นผวิ สัมผสั คูห่ น่งึ ๆ มคี า่ แปรไดต้ ้ังแต่ 0 ไปจนกระทัง่ ถึงคา่ มากที่สุด ซึง่ จะเกดิ ข้ึนเมื่อวัตถุกาลัง
จะเคลอื่ นท่ี (เร่มิ เคลอ่ื นทีห่ รือหยดุ นง่ิ เปน็ คร้งั สุดท้าย)

3.2.3 สัมประสิทธค์ิ วามเสยี ดทาน (Coefficient Friction)

• ด้านทักษะ(ปฏิบัติ)
ศกึ ษาเกย่ี วกับแรงและชนดิ ของแรง

• ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม/ คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ 3D /ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง/อาเซียน/
คา่ นยิ ม 12 ประการ/การอนุรกั ษพ์ นั ธุกรรมพชื

แสดงออกด้านการตรงต่อเวลา ความสนใจใฝ่รู้ ความซอ่ื สัตย์ สุจรติ ความมีนา้ ใจและแบ่งปัน
ความร่วมมือ ความมีมารยาท ไม่หยุดนงิ่ ท่ีจะแก้ปญั หา มคี วามตระหนัก เหน็ ความสาคัญ ศรทั ธา และเชือ่ มัน่
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข มีคุณธรรม จริยธรรม ความดงี าม รู้ผิด
ชอบช่วั ดี รู้จกั หลีกเล่ียงหา่ งไกลยาเสพติด กตญั ญตู ่อพ่อแม่ ผ้ปู กครอง ครบู าอาจารย์ ใฝ่หาความรู้ หมัน่ ศกึ ษาเลา่
เรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม มีจิตสานึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพชื ตามกิจกรรมงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

• กิจกรรมการเรยี นการสอนหรอื การเรยี นรู้
ข้ันนาเข้าสบู่ ทเรียน
- ครผู สู้ อนกลา่ วถึงเรือ่ ง แรงและชนดิ ของแรง ทสี่ ามารถพบได้ในชีวติ ประจาวนั
ขั้นสอน
- ครอู ธบิ ายเน้ือหา ตามประเด็นดังต่อไปน้ี
3.1 แรงและชนดิ ของแรง
3.2 แรงเสียดทาน

ข้ันขยายความรู้
- ครูตง้ั ประเดน็ คาถามเพ่ือนาไปสู่การอภิปราย วา่ แรงและชนิดของแรง สามารถนาไปปรบั ปรงุ และ

ประยกุ ต์ใช้กบั วชิ าชีพของตนอยา่ งไร
ขน้ั ประเมิน
- ใหน้ กั ศึกษาทาใบงาน
- ใหน้ ักศกึ ษาทาแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 3
ข้นั สรปุ
- ซกั ถามเพม่ิ เติมและครูอธบิ ายเพิม่ เติม
- ทาแบบฝึกหดั

เคร่อื งมือการวัดและประเมนิ ผล
1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
2. แบบทดสอบหลังเรยี น
3. ใบความรู้
4. แบบประเมนิ ผล

กจิ กรรมเสนอแนะ
ควรมกี จิ กรรมให้นกั เรียนได้มีโอกาสศกึ ษาคน้ คว้าจากแหล่งเรยี นรูอ้ ่ืนๆเพ่ิมเตมิ เชน่ ห้องสมุด

อินเตอรเ์ น็ต

ผลงาน/ช้นิ งาน/ความสาเรจ็ ของผเู้ รียน
1. ผลการทาแบบฝกึ หัดหนว่ ยที่ 3
2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หนว่ ยที่ 3

สือ่ การเรียนการสอน/การเรยี นรู้
สอ่ื ส่ิงพิมพ์
1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน
2. กจิ กรรมเสริมการเรียนรู้
สอ่ื โสตทศั น์ (ถา้ มี)
PowerPoint ประกอบการสอน หนว่ ยที่ 3
สื่อของจรงิ
-

เอกสารแนบ

1. แบบทดสอบก่อนเรยี น
2. แบบทดสอบหลงั เรยี น
3. ใบความรู้
4. แบบประเมนิ ผล
5. แบบฝึกหัดพร้อมเฉลย

แผนการสอน/การเรยี นรู้ หน่วยที่ 4

ชอ่ื วิชา วทิ ยาศาสตร์เพ่ือพัฒนาอาชพี ช่างอตุ สาหกรรม สอนสัปดาห์ท่ี 6-7

ชือ่ หน่วย การเคล่ือนทใ่ี นแนวเสน้ ตรง คาบรวม 54

ชื่อเรอ่ื ง การเคล่ือนทใ่ี นแนวเส้นตรง จานวนคาบ 3

สาระสาคัญ

การเคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุเป็นผลมาจากการทมี่ แี รงไปกระทาตอ่ วตั ถุ ทาใหว้ ตั ถเุ ปลยี่ นแปลงสภาพ

โดยเปลี่ยนตาแหน่งจากจดุ ท่ี 1 ไปยงั จุดท่ี 2 โดยการเปลี่ยนตาแหน่งของวตั ถุจะทาให้เกิดปรมิ าณ

ท่ีเกีย่ วข้องกับการเคลื่อนที่ เป็นกระบวนการท่ีทาให้เกิดการเปลี่ยนตาแหนง่ อย่างต่อเนื่องตามเวลาท่ผี า่ นไปโดยมี

ทศิ ทาง และระยะทาง มีลักษณะทางการเคลือ่ นที่เปน็ แนวเส้นตรง เปน็ การเคล่ือนท่ขี องวัตถุใน 1 มิติ โดยไมส่ นใจ

ถงึ สาเหตุท่ีทาให้วตั ถเุ คลื่อนที่ ซงึ่ เรียกวา่ จลศาสตร์

สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย (สิง่ ที่ต้องการใหเ้ กดิ การประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม เขา้ ดว้ ยกัน)
แสดงความรูแ้ ละปฏบิ ตั ิเกี่ยวกับการเคล่ือนท่ีในแนวเสน้ ตรง

จดุ ประสงค์การสอน/การเรียนรู้
 จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม
มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีผู้สอนสามารถสังเกตได้ในด้าน

ความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อม่ันในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี
ความกตญั ญูกตเวที

1. บอกความสัมพนั ธร์ ะหว่างปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วข้องกับการเคลือ่ นที่
2. คานวณหาความเรว็ อตั ราเรว็ ความเรง่ ของวัตถุ
3. อธิบายลักษณะของการเคล่อื นทีใ่ นแนวเสน้ ตรง
4. คานวณหาความสัมพนั ธข์ องปริมาณตา่ ง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกบั การเคลอื่ นท่ีในแนวเส้นตรง
5. คานวณหาความสัมพนั ธข์ องปริมาณต่าง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้องกับการเคลื่อนทภี่ ายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก

เน้ือหาสาระการสอน/การเรยี นรู้
• ดา้ นความรู้(ทฤษฎี)

4.1 ความหมายของการเคลื่อนที่
3.1.1 การเคล่ือนที่ (Motion) หมายถึง กระบวนการอยา่ งหนง่ึ ท่ที าใหม้ ีการเปลย่ี นแปลง

ตาแหน่งของวตั ถใุ นชว่ งเวลาหน่ึง โดยมที ิศทางและระยะทางการเปลย่ี นตาแหน่งของวตั ถุในช่วงเวลาหนึง่ นัน้ ซ่ึง
วัดโดยผู้สังเกตทเี่ ปน็ ส่วนหนึ่งของกรอบอ้างอิง

3.1.2 การเคลื่อนท่ีในแนวเสน้ ตรง (Rectilinear Motion) หมายถงึ การเคล่ือนทขี่ องวตั ถุอยใู่ น
แนวเดียวกันตลอดเป็นแนวเส้นตรง แลว้ มีความสัมพันธ์ระหวา่ งความเรว็ เวลา ความเรง่ และระยะทางท่วี ัตถุ
เคลอื่ นท่ีไปได้

4.2 ปริมาณท่เี กี่ยวขอ้ งกับการเคล่อื นที่
4.2.1 เวลา (Time, t)
4.2.2 ระยะทาง (Distance, s)
4.2.3 การกระจดั (Displacement, d)
4.2.4 อัตราเรว็ (Speed, V)
4.2.5 ความเรว็ (Velocity)
4.2.6 ความเร็วเฉล่ยี (Average Velocity)
4.2.7 ความเรว็ ขณะใดขณะหน่งึ (Instantaneous Velocity)
4.2.8 ความเรง่ (Acceleration)

4.3 กฎการเคลื่อนทีข่ องนวิ ตัน
4.3.1 กฎข้อท่ี 1 “วัตถุจะคงสภาพอย่นู ่ิงหรือสภาพการเคลือ่ นท่ีดว้ ยความเร็วคงที่ได้ก็ต่อเม่ือ

ผลรวมของแรง (แรงลพั ธ)์ ที่กระทาต่อวัตถุมีค่าเทา่ กบั ศูนย์”
4.3.2 กฎข้อท่ี 2 “เม่อื มแี รงลัพธ์ซึ่งมีขนาดไมเ่ ปน็ ศูนยม์ ากระทาต่อวตั ถุ จะทาใหว้ ัตถุเกดิ

ความเร่งในทิศเดียวกบั แรงลพั ธท์ ่ีมากระทา และขนาดของความเร่งจะแปรผันตรงกับขนาดของแรงลัพธ์ และจะ
แปรผกผันกบั มวลของวตั ถุ”

4.3.3 กฎข้อท่ี 3 “เมอ่ื มีแรงกิรยิ า (Action Force) จะต้องมีแรงปฏกิ ริ ิยา (Reaction Force)
ขนาดเท่ากันแตม่ ีทิศทางตรงกันขา้ มกระทากบั วตั ถคุ นละก้อน”

4.4 การเคลื่อนทีข่ องวัตถภุ ายใตแ้ รงโน้มถ่วงของโลก
• ดา้ นทกั ษะ(ปฏิบัติ)

ศึกษาเกย่ี วกบั การเคลือ่ นทใี่ นแนวเส้นตรง

• ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม/ คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ 3D /ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง/อาเซียน/
ค่านิยม 12 ประการ/การอนุรักษพ์ ันธกุ รรมพชื

แสดงออกด้านการตรงต่อเวลา ความสนใจใฝร่ ู้ ความซอื่ สตั ย์ สุจริต ความมีนา้ ใจและแบ่งปนั
ความรว่ มมือ ความมมี ารยาท ไม่หยดุ นง่ิ ท่จี ะแก้ปญั หา มคี วามตระหนัก เหน็ ความสาคัญ ศรทั ธา และเชอื่ มัน่
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข มีคุณธรรม จริยธรรม ความดีงาม รผู้ ดิ
ชอบชัว่ ดี รู้จกั หลกี เลีย่ งหา่ งไกลยาเสพติด กตญั ญูต่อพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์ ใฝห่ าความรู้ หมั่นศึกษาเล่า
เรยี นท้งั ทางตรง และทางอ้อม มจี ติ สานึกในการอนรุ ักษพ์ ันธุกรรมพชื ตามกิจกรรมงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น

• กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื การเรียนรู้
ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น
- ครผู ้สู อนกลา่ วถึงเรือ่ ง การเคลอื่ นทใ่ี นแนวเส้นตรงท่สี ามารถพบได้ในชีวติ ประจาวัน
ขัน้ สอน
- ครอู ธิบายเน้ือหา ตามประเดน็ ดังต่อไปน้ี
4.1 ความหมายของการเคล่ือนที่

4.2 ปรมิ าณท่ีเกีย่ วขอ้ งกับการเคล่ือนที่
4.3 กฎการเคล่ือนทีข่ องนิวตัน
4.4 การเคล่อื นทขี่ องวัตถภุ ายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก
ขั้นขยายความรู้
- ครตู ้งั ประเดน็ คาถามเพื่อนาไปสกู่ ารอภิปราย วา่ การเคล่ือนทีใ่ นแนวเสน้ ตรงสามารถนาไปปรบั ปรงุ และ
ประยุกตใ์ ช้กบั วิชาชพี ของตนอยา่ งไร
ข้ันประเมิน
- ใหน้ ักศกึ ษาทาใบงาน
- ใหน้ ักศกึ ษาทาแบบประเมินผลการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 4
ขั้นสรุป
- ซักถามเพ่มิ เติมและครูอธบิ ายเพิ่มเติม
- ทาแบบฝึกหัด

เครอื่ งมือการวดั และประเมินผล
1. แบบทดสอบก่อนเรียน
2. แบบทดสอบหลงั เรยี น
3. ใบความรู้
4. แบบประเมินผล

กจิ กรรมเสนอแนะ
ควรมกี ิจกรรมใหน้ ักเรียนไดม้ ีโอกาสศกึ ษาคน้ คว้าจากแหลง่ เรยี นร้อู ่ืนๆเพิ่มเตมิ เช่น ห้องสมุด

อินเตอร์เน็ต

ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสาเรจ็ ของผเู้ รียน
1. ผลการทาแบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 4
2. คะแนนแบบทดสอบหลงั เรยี น (Post–test) หนว่ ยที่ 4

ส่ือการเรยี นการสอน/การเรียนรู้
สื่อส่ิงพิมพ์
1. เอกสารประกอบการเรยี นการสอน
2. กิจกรรมเสรมิ การเรียนรู้
สื่อโสตทศั น์ (ถา้ มี)
PowerPoint ประกอบการสอน หน่วยที่ 4
สอ่ื ของจรงิ
-

เอกสารแนบ

1. แบบทดสอบก่อนเรยี น
2. แบบทดสอบหลงั เรยี น
3. ใบความรู้
4. แบบประเมนิ ผล
5. แบบฝึกหัดพร้อมเฉลย

แผนการสอน/การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 5

ช่อื วิชา วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชีพชา่ งอุตสาหกรรม สอนสปั ดาห์ท่ี 8-9

ช่ือหน่วย โปรเจคไทล์ คาบรวม 54

ชือ่ เร่อื ง โปรเจคไทล์ จานวนคาบ 3

สาระสาคญั

การเคลือ่ นท่ขี องวตั ถุ นอกจากจะเคลื่อนท่ีเปน็ แนวเส้นตรงซึ่งเป็นการเคลือ่ นท่ีใน 1 มิติ ยังมกี ารเคล่อื นที่

แบบตา่ ง ๆ ซ่งึ เป็นลักษณะของการเคล่ือนที่ใน 2 มิติ โปรเจคไทลเ์ ป็นแบบหนึง่ ของการเคลือ่ นทีท่ ี่เกดิ ขน้ึ จากการที่

วัตถุเคล่ือนท่เี ข้าไปในบรเิ วณท่ีมแี รงกระทาไม่อยู่ในแนวเดยี วกบั การเคล่ือนทีก่ ารเคลื่อนที่แบบวงกลมเป็นรูปแบบ

หน่งึ ของการเคลื่อนทที่ ่ีมลี ักษณะเฉพาะ กล่าวคือ วัตถจุ ะเคลื่อนทีร่ อบจุด ๆ หนึ่ง เปน็ ระยะคงที่ และเคลื่อนท่ี
กลับมาสูจ่ ุดเดมิ ซ้า ๆ กันหลาย ๆ รอบ แตล่ ะรอบจะมลี ักษณะของการเคลื่อนที่เหมือนกัน จงึ ทาให้เราศึกษาเพยี ง

1 รอบแล้วนามาอธิบายรอบอ่ืน ๆ ได้การเคล่ือนท่ีแบบฮาร์มอนกิ อย่างง่าย (Simple Harmonic Motion เป็นการ

เคล่อื นท่แี บบกลบั ไปกลับมาซ้ารอยเดิม เชน่ การสนั่ ของวัตถุหรอื การแกว่งของวตั ถุ อนั เป็นผลจากการกระทาของ

แรงทม่ี ีทิศทางเปล่ยี นไป จงึ ทาใหว้ ัตถุมีการเคล่ือนท่ีเปลย่ี นทศิ ไปตามทิศของแรงท่มี ากระทา

สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย (สงิ่ ทตี่ ้องการให้เกดิ การประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ คุณธรรม เขา้ ด้วยกัน)
แสดงความรู้และปฏบิ ัตเิ กยี่ วกบั โปรเจคไทล์

จดุ ประสงค์การสอน/การเรยี นรู้
 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท่ีผู้สอนสามารถสังเกตได้ในด้าน

ความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อม่ันในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี
ความกตัญญูกตเวที

1. อธบิ ายการเคลือ่ นท่ีแบบโปรเจกไทล์
2. อธิบายการเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม
3. อธิบายการเคลอ่ื นทแี่ บบซมิ เปลิ ฮารโ์ มนิกอย่างง่าย
4. เปรียบเทยี บลักษณะการเคลอื่ นที่แบบตา่ ง ๆ
5. คานวณเก่ยี วกบั ลักษณะการเคล่อื นทีแ่ บบต่าง ๆ
เนอื้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้
• ด้านความรู้(ทฤษฎี)

1. การเคลื่อนท่ีแบบโปรเจคไทล์
1.1 การเคลอื่ นทีแ่ บบโปรเจคไทล์ เป็นการเคลอ่ื นที่ 2 มติ ิ ลักษณะทีเ่ ป็นแนวโค้งแบบพาราโบลา

ทาใหม้ ีการกระจัดเกิดขึ้น 2 แนวพร้อมกันคือ แนวราบและแนวด่ิง มแี รงกระทาในแนวดิ่งเพียงแรงเดียว คือแรง
ดงึ ดดู ของโลก (mg) ในแนวราบไมม่ ีแรงกระทา

1.2 เงอ่ื นไขของการเคล่อื นทว่ี ิถโี ค้ง ประกอบดว้ ยการเคลอ่ื นท่ี 2 แนว พร้อมกัน คือ แนวราบ
และแนวด่งิ

2. การเคล่อื นท่ีแบบวงกลม
2.1 ลักษณะของการเคลือ่ นท่ีเป็นวงกลม คอื การเคล่ือนท่ีของวตั ถุที่มแี รงกระทาตงั้ ฉากกับ

ความเร็วอยตู่ ลอดเวลา
2.2 การเคลือ่ นทใ่ี นแนววงกลม หมายถงึ การเคลอื่ นทท่ี ี่มีการเปล่ยี นแปลงความเรว็ ตลอดเวลา

ถงึ แม้อัตราเรว็ (ขนาดของความเร็ว) จะคงท่ีแต่เวกเตอร์ของความเร็วเปล่ยี นแปลง
2.3 ความเรง่ เข้าสู่ศูนยก์ ลาง หมายถงึ การเคลอื่ นที่เปน็ วงกลมอยา่ งสมา่ เสมอ จะมีความเร่ง

เฉพาะความเรง่ ทม่ี ีทิศเขา้ สู่ศูนยก์ ลางเทา่ นัน้ ซ่ึงเราเรียกความเร่งนี้ว่า ความเรง่ สศู่ นู ย์กลาง
2.4 อัตราเร็วของการเคล่ือนท่ีเป็นวงกลม
2.5 ระยะทาง (s)
2.6 แรงหนีศนู ยก์ ลางและแรงส่ศู นู ยก์ ลาง
2.7 การเคลือ่ นที่ของดาวเทยี ม
2.8 การเลี้ยวโค้งของรถยนต์และรถจักยานยนต์

3. การเคล่ือนทแี่ บบฮารโ์ มนิกอย่างง่าย
3.1 ลักษณะของการเคลื่อนที่แบบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย
3.2 ปริมาณท่เี กีย่ วข้องการเคลอ่ื นทแ่ี บบฮาร์มอนิกอย่างงา่ ย

• ดา้ นทกั ษะ(ปฏบิ ตั ิ)
ศกึ ษาเก่ียวกบั โปรเจคไทล์

• ด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม/ คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ 3D /ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง/อาเซียน/
ค่านยิ ม 12 ประการ/การอนรุ กั ษพ์ นั ธกุ รรมพชื

แสดงออกด้านการตรงต่อเวลา ความสนใจใฝ่รู้ ความซื่อสัตย์ สุจริต ความมีน้าใจและแบ่งปัน
ความร่วมมือ ความมีมารยาท ไม่หยุดน่ิงท่ีจะแก้ปัญหา มีความตระหนัก เห็นความสาคัญ ศรัทธา และเช่ือมั่น
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีคุณธรรม จริยธรรม ความดีงาม รู้ผิด
ชอบช่ัวดี รู้จักหลีกเล่ียงห่างไกลยาเสพติด กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ใฝ่หาความรู้ หม่ันศึกษา
เล่าเรียนท้ังทางตรง และทางอ้อม มีจิตสานึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชตามกิจกรรมงานสวนพฤกษศาสตร์
โรงเรยี น

• กิจกรรมการเรียนการสอนหรอื การเรียนรู้
ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. ครูใหน้ กั เรียนพิจารณาการเคลื่อนท่แี นวโคง้ ของนา้ จากปลายสายยาง การเคล่ือนที่ของรถยนต์บนทาง

โคง้ การเคลือ่ นทข่ี องลกู ตุ้มนาฬกิ า และการเคลื่อนท่ีของตุ๊กตาติดสปริง
2. นักเรยี นทง้ั หมดรว่ มกนั ยกตัวอย่างสง่ิ ของ เคร่ืองใช้ ท่มี ีการเคลอื่ นทแี่ นวโค้ง มีการเคลื่อนที่ซา้ แนวเดิม

กลบั ไปกลับมา และการนาไปใชป้ ระโยชน์
3. นกั เรยี นท้ังหมดรว่ มกนั ตง้ั คาถามเกย่ี วกบั สง่ิ ทต่ี อ้ งการรู้จากเน้ือหาทเี่ กี่ยวข้องกบั การเคลอ่ื นที่แนวโคง้

และการเคลอ่ื นที่แบบฮารม์ อนกิ อย่างงา่ ย

ขนั้ สารวจและคน้ หา (Exploration)
1. ผู้สอนใหผูเรยี นสรปุ แนวการเคล่ือนท่ีของการสาธติ ซ่งึ จะไดขอสรุปดงั นี้
เม่ือขวางวัตถอุ อกไปในแนวระดับ วัตถุจะมีความเร็วตนในแนวระดับ และเคล่ือนท่ีเปนแนวโคงต่าลงจาก

ระดับเริ่มตน จนกระทั่งตกลงบนพ้ืน ดังภาพ ก เมื่อขวางวัตถุในทิศทามุมกับแนวระดับ วัตถุจะเคล่ือนที่เปนแนว
โคง้ เช่นกัน แนวโคงนัน้ จะมีทง้ั สงู กวาตาแหนงเร่ิมตนเคล่อื นท่ี และตา่ กวา ดังภาพ ข

ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
1. นักเรยี นศึกษาการเคลือ่ นท่ีแบบโพรเจคไทลจ์ ากวดิ ีโอต่อไปนี้

2. นักเรียนตอบประเด็นคาถามจากการศึกษาวิดโี อต่อไปน้ี
2.1 การเคล่อื นท่ีแบบวิถโี คง้ อะไรมีค่าไม่คงท่ี มีการเปลีย่ นแปลงอยูต่ ลอดเวลา
2.2 การหาทิศทางการเคล่อื นท่ขี องวัตถเุ ขยี นเปน็ สมการได้อยา่ งไร
2.3 ความเรง่ สูศ่ ูนยก์ ลางมหี น่วยเป็นอะไร
2.4 ให้นักเรียนช่วยกนั ยกตัวอย่างการเคลื่อนที่แบบวงกลม

ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
1. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มแก้ปัญหาโจทย์ตัวอย่างและโจทย์แบบฝึกหัดแลว้ นาเสนอหนา้ ช้ันเรียน
2. นักเรียนทงั้ หมดรว่ มกนั ยกตัวอย่างและอธบิ ายสถานการณ์ ปรากฏการณห์ รือเทคโนโลยที ่เี กีย่ วข้องกับ

การเคลอ่ื นท่ีแนวโคง้ หรอื การนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวัน
3. นักเรยี นแต่ละกลุ่มสรุปเกีย่ วกบั การเคล่ือนท่แี นวโค้ง

ขั้นประเมิน (Evaluation)
- ซกั ถามเพม่ิ เติมและครอู ธบิ ายเพิม่ เติม
- ทาแบบฝกึ หดั

เคร่ืองมอื การวดั และประเมินผล
1. แบบทดสอบก่อนเรยี น
2. แบบทดสอบหลงั เรยี น
3. ใบความรู้
4. แบบประเมินผล

กจิ กรรมเสนอแนะ
ควรมีกจิ กรรมใหน้ ักเรยี นได้มีโอกาสศกึ ษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนร้อู ืน่ ๆเพ่ิมเตมิ เชน่ ห้องสมดุ

อินเตอรเ์ น็ต

ผลงาน/ชนิ้ งาน/ความสาเรจ็ ของผเู้ รียน
1. ผลการทาแบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 5
2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หนว่ ยที่ 5

สอ่ื การเรียนการสอน/การเรียนรู้
สอื่ ส่ิงพิมพ์
1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน
2. กิจกรรมเสรมิ การเรยี นรู้
ส่ือโสตทศั น์ (ถา้ มี)
PowerPoint ประกอบการสอน หนว่ ยท่ี 5
ส่ือของจรงิ
-

เอกสารแนบ

1. แบบทดสอบก่อนเรยี น
2. แบบทดสอบหลังเรยี น
3. ใบความรู้
4. แบบประเมนิ ผล
5. แบบฝกึ หัดพร้อมเฉลย

แผนการสอน/การเรยี นรู้ หน่วยท่ี 6

ชื่อวิชา วทิ ยาศาสตร์เพอื่ พัฒนาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม สอนสปั ดาห์ท่ี 10-11

ชอื่ หน่วย งาน กาลงั และพลังงาน คาบรวม 54

ช่ือเร่อื ง งาน กาลงั และพลังงาน จานวนคาบ 3

สาระสาคัญ

ในการเคลื่อนท่ขี องวัตถุ เปน็ ผลมาจากการที่แรงไปกระทาในชีวติ ประจาวนั ทาให้วัตถเุ คลื่อนท่ี การ

เคลอื่ นท่ีของวตั ถจุ ะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับขนาดของแรงท่ีมากระทา งานจะเกดิ ข้ึนเมอื่ มแี รงมากระทากบั วตั ถุ แลว้

ทาให้วตั ถเุ คล่ือนที่ โดยมีกาลงั เขา้ มาเก่ยี วข้องกับการเคล่ือนที่เป็นความสามารถของวตั ถุทท่ี างานได้ในหนึ่งหนว่ ย

เวลาตามแรงท่ีกระทา จากกระบวนการทางานจะทาให้เกิดพลงั งานตามมา พลงั งานนัน้ สามารถเปลีย่ นจาก

รูปแบบหน่ึงไปเปน็ อีกรปู แบบหน่งึ ได้ แต่พลงั งานไมส่ ามารถสร้างขึ้นใหม่หรอื ทาลายได้ ในหนว่ ยน้จี ะแสดงให้เหน็

หลักของงานและพลงั งาน พร้อมทั้งการประยุกต์เพื่ออธบิ ายระบบทางกลศาสตร์

สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย (สง่ิ ท่ตี ้องการให้เกดิ การประยกุ ต์ใช้ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม เข้าดว้ ยกัน)
แสดงความร้แู ละปฏบิ ตั ิเกยี่ วกับงาน กาลัง และพลังงาน

จดุ ประสงค์การสอน/การเรียนรู้
 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ผู้สอนสามารถสังเกตได้ในด้าน

ความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเช่ือม่ันในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี
ความกตญั ญูกตเวที

1. อธิบายความหมายของงาน กาลงั และพลงั งานทางวทิ ยาศาสตร์
2. เปรียบเทียบงาน กาลงั และพลังงาน
3. อธบิ ายความสัมพนั ธ์ของงาน กาลัง และพลังงาน

เนอ้ื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้
• ดา้ นความรู้(ทฤษฎี)

6.1 งาน
ในทางฟิสิกสถ์ ือว่าจะมีงานเกิดขึ้นเมื่อมีแรงมากระทากบั วัตถุแล้วทาให้วัตถุเคล่ือนที่ ถ้าออกแรง

กระทากับวัตถุแล้ววัตถุไม่เคล่ือนท่ี ถือว่าไม่เกิดงาน ดังนั้น งาน หมายถึง แรงคูณด้วยระยะทางตรงในแนวที่แรง
กระทา งานเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็น นิวตันเมตร (N.m) หรือ จูล (Joule; J) และในกรณีท่ีแรงทามุม 
กบั S จะได้งานที่มีลกั ษณะดังรูป

6.2 กาลัง
กาลัง หมายถึง ความสามารถของวตั ถุที่ทางานได้ในหนึ่งหน่วยเวลา มหี น่วยเป็นวัตต์ (W) 1000 วัตต์ = 1
kW : 1 กโิ ลวัตต์ (kW) = 1.341 กาลังม้า (หนว่ ยอังกฤษ 1 แรงมา้ (hp) = 0.746 kW)
6.3 พลงั งาน

พลงั งาน หมายถงึ ความสามารถในการทางานซึ่งมีอยู่ในตวั ของส่ิงใดสงิ่ หน่ึง ผลการกระทาของแรงท่ี
ทาให้วัตถุเคล่ือนที่ พลังงานสามารถเปล่ียนจากรูปหนึ่งไปเป็นอีกรูปหน่ึงได้ เช่น พลังงานแสงเปลี่ยนเป็นพลังงาน
ไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้าเปล่ียนเป็นพลังงานความร้อน ได้แก่ กาต้มน้า หม้อหุงข้าว เครื่องป้ิงขนมปัง พลังงานมี
หน่วยเป็นจลู (J)

พลังงานสามารถเปลี่ยนรูปแบบหนึ่งไปยังอีกรูปแบบหนึ่งได้ และไม่สามารถจะทาให้สูญสลายไปได้
เว้นแต่มีการเปลี่ยนรูปแบบให้อยู่ในรูปแบบของพลังงานในรูปอื่น เช่น เปล่ียนพลังงานแสงอาทิตย์
ใหเ้ ปน็ พลังงานไฟฟา้ โดยใชโ้ ซลารเ์ ซลล์

• ด้านทักษะ(ปฏบิ ัติ)
ศึกษาเกี่ยวกบั งาน กาลงั และพลังงาน

• ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม/ คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ 3D /ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง/อาเซียน/
คา่ นยิ ม 12 ประการ/การอนรุ กั ษ์พนั ธกุ รรมพชื

แสดงออกด้านการตรงต่อเวลา ความสนใจใฝร่ ู้ ความซือ่ สัตย์ สจุ รติ ความมีนา้ ใจและแบ่งปัน
ความร่วมมือ ความมมี ารยาท ไมห่ ยุดนิ่งทีจ่ ะแกป้ ญั หา มีความตระหนัก เห็นความสาคัญ ศรทั ธา และเชื่อม่ัน
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีคุณธรรม จริยธรรม ความดีงาม ร้ผู ดิ
ชอบชั่วดี รู้จักหลกี เลย่ี งหา่ งไกลยาเสพตดิ กตญั ญตู ่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครบู าอาจารย์ ใฝห่ าความรู้ หม่ันศกึ ษาเล่า
เรียนท้งั ทางตรง และทางอ้อม มีจิตสานึกในการอนรุ ักษพ์ นั ธุกรรมพชื ตามกิจกรรมงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน

• กิจกรรมการเรียนการสอนหรอื การเรียนรู้
ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายถึงความหมายของพลังงานจลน์ โดยใช้สถานการณ์การเตะลกู บอลให้

เคลือ่ นทีว่ ่า เมื่อลูกบอลไปชนกบั ถังที่ตง้ั ไว้อยูน่ ่งิ ถา้ ลกู บอลมีพลังงานมากพอ จะทาให้ถังกระเด็นหรือล้มได้ และ
เรยี กพลังงานของวัตถทุ ่ีกาลงั เคลื่อนท่นี ว้ี ่า พลังงานจลน์

2. ครถู ามนกั เรียนว่า ถ้าลูกบอลอยู่นิง่ ๆ นักเรยี นคดิ ว่าลกู บอลมีพลงั งานหรือไม่ (ไม่มี)
3. ครูถามนักเรียนว่า เราจะทราบไดอ้ ย่างไรวา่ วตั ถุที่กาลังเคลือ่ นท่ีอย่มู ีพลงั งานจลนม์ ากหรือน้อยเพยี งใด
4. ครูอธบิ ายเพิ่มเติมจากตัวอยา่ งการเตะลกู บอลให้เคล่ือนทน่ี น้ั จะทาใหล้ ูกบอลหยดุ การเคลอ่ื นท่ี
ปรมิ าณงานทที่ าต่อลูกบอลจะมากหรอื น้อยข้ึนกับพลังงานจลน์ของวตั ถนุ ้นั
5. จะเหน็ ว่างานกบั พลังงานจลน์มคี วามสมั พนั ธ์กนั นักเรียนทราบไหมว่ามนั สัมพนั ธก์ นั อย่างไร เราจะได้
ศึกษากันต่อไป
ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration)
1. ให้นักเรียนศึกษางานและพลงั งาน จากวดิ ีโอต่อไปนี้

https://www.youtube.com/watch?v=lPEsr8BCUiE

https://www.youtube.com/watch?v=HZUZK_i-iQA

https://www.youtube.com/watch?v=CWjwsgDPeYc
2. ให้นักเรยี นจดั ทาแผนผงั ความคิดเรื่อง งานและพลังงาน พลงั งานศักย์และพลงั งานจลน์
3. ให้นกั เรยี นนาเสนอผลงานของตนเอง

ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
1. นักเรียนสบื ค้นข้อมูลบนอินเตอรเ์ นต็ แล้วสรปุ สาระสาคัญ บันทึกลงในสมดุ จดบนั ทกึ และตอบคาถาม

1.1 งานทางฟสิ กิ สห์ มายถึงอะไร
1.2 พลังงานทางฟสิ ิกส์ หมายถึงอะไร
1.3 ใหน้ กั เรียนยกตัวอยา่ งการเกดิ งาน(ทางฟสิ ิกส์) 3 ตวั อย่าง
1.4 งานของวัตถทุ ี่ตกในแนวดง่ิ เขียนเปน็ สมการได้อยา่ งไร
1.5 การปล่อยหนิ ตกอย่าอิสรเสรีเปน็ พลงั งานแบบใด
ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มแกป้ ัญหาโจทยต์ ัวอยา่ งและโจทย์แบบฝกึ หัดแล้วนาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน
2. นักเรียนท้ังหมดรว่ มกนั ยกตวั อยา่ งและอธบิ ายสถานการณ์ ปรากฏการณห์ รือเทคโนโลยที เ่ี กย่ี วขอ้ ง
กับงาน กาลังและพลังงาน หรือการนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน
3. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มสรุปเก่ียวกบั งาน กาลงั และพลังงาน
ข้นั ประเมิน (Evaluation)
- ซกั ถามเพิ่มเติมและครูอธบิ ายเพ่ิมเติม
- ทาแบบฝึกหัด
เครือ่ งมือการวัดและประเมนิ ผล
1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน
2. แบบทดสอบหลังเรยี น
3. ใบความรู้
4. แบบประเมนิ ผล

กิจกรรมเสนอแนะ
ควรมกี จิ กรรมให้นกั เรยี นไดม้ โี อกาสศกึ ษาค้นคว้าจากแหลง่ เรียนร้อู ืน่ ๆเพิ่มเติม เช่น ห้องสมุด

อินเตอรเ์ น็ต

ผลงาน/ช้ินงาน/ความสาเรจ็ ของผเู้ รียน
1. ผลการทาแบบฝกึ หดั หน่วยที่ 6
2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test) หนว่ ยที่ 6

สอื่ การเรียนการสอน/การเรียนรู้
สอ่ื ส่ิงพิมพ์
1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน
2. กิจกรรมเสริมการเรียนรู้
สื่อโสตทัศน์ (ถ้ามี)

ส่ือของจริง เอกสารแนบ
-

1. แบบทดสอบก่อนเรยี น
2. แบบทดสอบหลงั เรยี น
3. ใบความรู้
4. แบบประเมินผล
5. แบบฝกึ หดั พร้อมเฉลย

แผนการสอน/การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 7

ชอ่ื วิชา วิทยาศาสตร์เพือ่ พัฒนาอาชพี ชา่ งอตุ สาหกรรม สอนสปั ดาห์ท่ี 12-13

ชื่อหน่วย สมดุลของวตั ถุ คาบรวม 54

ชื่อเรอื่ ง สมดลุ ของวตั ถุ จานวนคาบ 3

สาระสาคญั

การทว่ี ตั ถุอยู่น่งิ หรอื เคลือ่ นที่ดว้ ยความเร็วคงท่โี ดยไม่มีความเรว็ เปลี่ยนแปลงรูปการเคลื่อนท่ี (แรง

ลัพธท์ กี่ ระทาเป็นศนู ย์) เรยี กว่า รปู สมดุล หรือเมือ่ มีแรงหลายแรงมากระทาต่อวัตถุ แล้วทาใหว้ ัตถุอยู่ในรปู ที่หยุด

น่งิ หรอื เคลื่อนทด่ี ้วยความเรว็ คงที่ เรยี กวา่ วตั ถุอย่ใู นรปู สมดุลต่อการเคล่อื นท่ี และถา้ วัตถุนัน้ อย่ใู นรปู ท่ีไมห่ มุน

เรียกว่า วตั ถุอยู่ในรปู สมดลุ ต่อการหมนุ และการทมี่ ีแรงมากระทาต่อวัตถุแล้วเกดิ การหมุนผลของแรงทที่ าใหว้ ตั ถุ

หมนุ เรยี กว่า โมเมนต์ หลักสมดลุ ของแรงและโมเมนต์นนั้ มีอยมู่ ากมายในชีวิตประจาวัน เช่น ใช้กบั เคร่อื งผ่อนแรง