500 ไมโครล ตรเท าก บก ม ลล ล ตร

“บรรยิน” บุกร้อง ผบ.ตร.ไม่ให้กองปราบฯ ทำคดี ชี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม

เผยแพร่: 27 ส.ค. 2558 12:53 ปรับปรุง: 27 ส.ค. 2558 15:32 โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“พ.ต.ท.บรรยิน” ร้อง ผบ.ตร.ไม่เอาตำรวจกองปราบปรามทำคดีการตาย “ชูวงษ์” อ้างเป็นคู่กรณี พาทหารค้นบ้านลูกสาวมิชอบ ไม่ไว้วางใจในพฤติกรรมที่ผ่านมา ย้ำหากให้กองปราบฯ ทำคดี ตนต้องโดนข้อหาเป็นฆาตกร พร้อมยินดีให้ตำรวจหน่วยใดก็ได้ทำคดี

วันนี้ (27 ส.ค) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.560/2558 ลงวันที่ 24 ส.ค. 2558 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน และรับของโจร ในคดีโอนหุ้นที่พบความผิดปกติของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เดินทางยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรม และคัดค้านการโอนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ให้กองปราบปรามรับผิดชอบ โดยมี พล.ต.ต.เสน่ห์ อรุณพันธุ์ รอง ผบช.สพฐ.ในฐานะนายตำรวจเวรอำนวยการเป็นผู้รับหนังสือแทน

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ตนตั้งใจมาขอความเป็นธรรม และมาใช้สิทธิในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ขอหนังสือคำสั่งของ ผบ.ตร.ที่ให้โอนสำนวนการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ไปให้กองปราบปรามรับผิดชอบ ตนทราบข่าวจากสื่อมวลชนจึงอยากทราบความชัดเจนตรงนี้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ มาตรา 11

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงอยากเรียกร้องต่อ ผบ.ตร.ว่าคดีนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ความเป็นธรรมฝ่ายเดียว โดยขณะนี้ตนกับกองปราบปรามถือเป็นคู่กรณีกันแล้ว โดยเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมาตำรวจกองปราบปรามร่วมกับทหารกองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ไปตรวจค้นที่บ้านพักลูกสาวของตนย่านเลียบด่วนรามอินทรา โดยวันที่ตนไปมอบตัวได้สอบถามเหตุผลการเข้าตรวจค้นดังกล่าวกับ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.ซึ่งอ้างว่าได้รับคำสั่งจากฝ่ายความมั่นคงให้ไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว เพราะมีข้อมูลว่ามีการตั้งพรรคการเมือง ตนจึงได้สอบถาม พล.ต.ต.อัคราเดชว่าใครสั่ง ท่านตอบว่าเป็นฝ่ายทหาร จึงไปตรวจสอบ ตนจึงขอใช้โอกาสนี้แจ้งไปยังฝ่ายความมั่นคง ทหารและ คสช.ว่าได้มีคำสั่งร่วมกับตำรวจกองปราบปรามให้ไปค้นบ้านหลังนี้ด้วยเหตุผลการตั้งพรรคการเมืองจริงหรือไม่ เพราะหลังจากการตรวจค้นในบันทึกการตรวจค้นระบุว่าไม่พบบุคคลและสิ่งผิดกฎหมายใดๆ คือ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล

“ผมอยากถามว่านี่เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ ที่บอกว่าเหตุผลที่ตรวจค้นเรื่องการตั้งพรรคการเมือง ลูกสาวผมเกี่ยวข้องกับการตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ แล้วทำไมในบันทึกการตรวจค้นไประบุว่าการตรวจค้นไม่พบตัว น.ส.กัญฐณา ตรงนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่ ผมจึงอยากสอบถามไปถึงฝ่ายความมั่นคงว่าใครเป็นคนสั่ง ได้มอบหมายให้มีการตรวจค้นจริงหรือไม่ ตอนนี้ผมถือเป็นคู่กรณีกับตำรวจกองปราบฯ ไปแล้วหาก ผบ.ตร.โอนคดีให้กองปราบฯ รับผิดชอบ ผมจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่” พ.ต.ท.บรรยินกล่าว

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ตนมาเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง หากยังยืนยันที่จะให้ตำรวจกองปราบปรามทำคดีจะถือว่าท่านไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ตน เป็นการให้ความเป็นธรรมฝ่ายเดียว บอกได้เลยว่าหากให้กองปราบปรามทำคดี ตนต้องโดนข้อหาเป็นฆาตกร ทั้งนี้ตนยินดีให้ตำรวจหน่วยใดก็ได้ทำคดีแต่ไม่เอากองปราบฯ เพราะไม่ไว้วางใจในพฤติกรรมที่ผ่านมา

พ.ต.ท.บรรยินกล่าวต่อไปว่า ตนได้รับทราบจากสื่อมวลชนอ้างแหล่งข่าวจากกองปราบปรามว่ามีประเด็นข้อสงสัย 3 ประเด็น โดยประเด็นแรกระบุว่าวันเวลาเกิดเหตุได้ออกจากสนามกอล์ฟหายไป 1 ชั่วโมงครึ่ง ตนบอกเลยว่าข้อมูลนี้โกหก เพราะมีพยานยืนยันว่าตนออกมาตอน 21.30 น.ซึ่งพยานเป็นถึงอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ และมีพยานที่ออกมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับตน วันนี้กองปราบปรามตั้งธงเลยว่าเวลาคลาดเคลื่อน ขณะที่ประเด็นต่อมาก่อนเกิดเหตุ 700 เมตร มีกล้องวงจรปิดจับภาพรถได้เทียบเวลาแล้วคำนวณความเร็ว 30 กม./ชม. ท่านบอกว่านี่คือข้อพิรุธ ตนอยากถามว่าโดยปกติคนเราขับรถด้วยความเร็วคงที่เลยหรือไม่ และประเด็นสุดท้ายมีบาดแผลอยู่ด้านหลังศพ ทั้งที่แพทย์นิติเวชที่ชันสูตรศพยืนยันว่าบาดแผลดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการประทุษร้าย วันนี้กองปราบปรามเก่งกว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่าได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบจริง จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีอีกหรือไม่ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ตรงนี้ตนอยากถามว่าที่ว่าให้ไปตรวจสอบจริงนั้น เป็นการตรวจสอบในประเด็นใด เรื่องการตั้งพรรคการเมืองตนไม่เคยคิด เรื่องการเมืองเกี่ยวอะไรกับ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล ที่ระบุในบันทึกการตรวจค้น ซึ่งในขณะนั้น น.ส.กัญฐณายังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา

เมื่อถามถึงการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ตนจะไม่ฟ้องเองแต่ จะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. แต่ขอดูคำสั่ง ผบ.ตร.ก่อน ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับทุกคน มั้งนี้ การเข้าตรวจค้นบ้านของลูกสาวเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไปตรวจค้นบ้านของลูกสาวที่มีบ้านของคนอื่นที่อยู่ในรั้วเดียวกันทั้งหมด 6 หลัง ที่ยินยอมให้ตรวจค้นมีเพียงหลังเดียว แต่ในบันทึกตรวจค้นระบุว่าได้ค้นเพียง 4 หลัง แต่ตามข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ค้นทั้งหมด 6 หลัง

เมื่อถามว่าหากเรามีความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้กระทำความผิด ต่อให้ตำรวจกองปราบฯ หรือหน่วยอื่นมาทำคดีก็ไม่มีหลักฐานดำเนินคดีไม่ได้ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ตนไม่ได้กลัว เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร แต่สิ่งที่เขาทำคือการทำผิดกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่าหมายถึงให้กองปราบฯทำคดี พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ก็จัให้เขารับผิดชอบทำคดีได้อย่างไรเพราะตนจะดำเนินคดีกับเขาอยู่ อย่างถ้าคุณทะเลาะกับผม คุณจะฆ่าผมหรือคุณจะดีกับผม ถามย้ำว่าที่บอกจะดำเนินคดีต่อตำรวจกองปราบปรามเป็นการแก้เกี้ยวหรือไม่ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า มีการออกคำสั่งโอนคดีมาก่อน ตนมาทีหลัง เขาไปทำผิดกฎหมายก่อนตนจึงต้องมาดำเนินการ