บทคัดย่อ:Indicator/อินดิเคเตอร์ หรือที่คนชอบเรียกกันว่า ‘อินดี้’ คือดัชนีชี้วัดหรือตัวบ่งชี้ ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ 7 อินดี้ การันตีความปัง! Indicator/อินดิเคเตอร์ หรือที่คนชอบเรียกกันว่า ‘อินดี้’ คือดัชนีชี้วัดหรือตัวบ่งชี้ เป็นเครื่องมือที่เกิดจากการนำตัวเลขข้อมูลดิบของราคาหรือปริมาณการซื้อขาย มาคำนวณด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์ เทรดเดอร์สายเทคนิคจะนำอินดี้มาใช้ในการวิเคราะห์ทิศทางของราคาและใช้การตัดสินใจซื้อขาย ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ 7 อินดี้ การันตีความปัง! 1. Moving Averages (MA) ธนาคารกลางและบริษัทข้ามชาติเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาด Forex ดังนั้นเทรดเดอร์จำเป็นต้องเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในระดับมหภาค ซึ่งอินดี้ตัวนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญ MA คำนวณมากจากการนำราคาย้อนหลังมาหาค่าเฉลี่ยและพล็อตออกมาเป็นเส้น ซึ่งเส้นนี้จะช่วยตัดราคาที่เหวี่ยงมาก-น้อยเกินจริงออกไป MA จะบอกความผันผวนที่ผ่านมา ใช้คาดการณ์แนวโน้มในอนาคต บอกแนวรับ-แนวต้าน และจุดควรเข้าซื้อขายเบื้องต้น 2. Relative Strength Index (RSI) RSI เป็นตัวบ่งชี้ Forex ที่อยู่ในหมวดออสซิลเลเตอร์ เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นอินดี้ Forex ที่ใช้กันมากที่สุด แสดงสภาวะขายเกินหรือซื้อเกินในตลาดที่เป็นแบบชั่วคราว โดยมีค่าตั้งแต่ 0-100 โดยค่ามาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปนั้นจะอยู่ที่ 30 และ 70 โดยหาก RSI อยู่ในระดับที่ตํ่ากว่า 30 จะถือว่าราคาอยู่ในภาวะ “ขายมากเกินไป” (Oversold) และหากมากกว่า 70 จะถือว่าราคาอยู่ในภาวะ “ซื้อมากเกินไป” (Overbought) 3. Moving Average Convergence & Divergence (MACD) MACD เป็นตัวบ่งชี้การซื้อขายที่ประกอบด้วยฮิสโตแกรมและ moving average แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล วัตถุประสงค์หลักของตัวบ่งชี้นี้คือใช้บอกแนวโน้มของราคาที่เกิดขึ้น บอกจุดที่ควรซื้อหรือขายทั้งระยะกลางและระยะสั้น บอก Momentum ของราคา 4. Bollinger Bands Bollinger Bands เป็นอีกหนึ่งอินดี้สุดฮิตที่หลายคนจะรู้จักว่าเป็นเครื่องมือที่ไว้วัดความผันผวนของราคา ใช้เพื่อดูสภาวแนวโน้ม หรือหาการกลับตัวของกราฟราคา และยังบ่งบอกถึงความสามารถการไปต่อของราคาได้อีกด้วย สามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบการเทรด ในหลากหลายสินทรัพย์ 5. Stochastic Stochastic คือ Indicator ที่จะบอกโมเมนตั้มของราคาว่าเปลี่ยนแปลงคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งความอ่อนไหวของ Stochastic จะเป็นตัวแสดงความอ่อนไหวของตลาดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่เรากำหนด ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุโมเมนตัมและโซนซื้อ-ขายที่มากเกินไป 6. Ichimoku Kinko Hyo Ichimoku Kinko Hyo หรือ Ichimoku Cloud เป็นหนึ่งในตัวอินดี้ Forex ที่มีองค์ประกอบในการสร้างกลยุทธ์การเทรดที่สมบูรณ์ องค์ประกอบหลายอย่างในอินดี้นี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุทุกด้านของตลาด จุดชื้อ-ขาย ยืนยันการเกิดเทรนด์ใหญ่ ๆ แนว-รับแนวต้าน หรือจุดสวิงตัวแรงๆ 7. Fibonacci Fibonacci เป็นเครื่องมือที่แสดงทิศทางตลาดที่แม่นยำที่สุด เนื่องจากเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในจักรวาล ส่วนที่สำคัญที่สุดของเครื่องมือ Fibonacci คืออัตราส่วนทองคำที่ 1.618 ในตลาด Forex นักเทรดใช้อัตราส่วนนี้เพื่อระบุการกลับตัวของตลาดและพื้นที่ขายทำกำไร บอกแนวรับ-แนวต้าน จุดเข้า-จุดออก จุดกลับตัว เป้าหมายราคา และความแข็งแกร่งของราคา Indicator Forex เป็นเครื่องมือการซื้อขายที่สำคัญที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ควรรู้ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของตัวอินดี้แต่ละตัวนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้งานยังไง โดยเทรดเดอร์หลายคนมักใช้อินดี้หลายตัวพร้อมพารามิเตอร์ที่ต่างกันเพื่อเพิ่มความน่าจะเป็นของการเคลื่อนไหวของตลาด ใครชอบความรู้ในโลก Forex แบบนี้ เราขอแนะนำให้โหลดแอป WikiFX ติดมือถือไว้ด่วน ๆ นี่คือแอปเดียวที่จะพาไปเรียนรู้ เจาะลึกทุกเรื่องราวการลงทุน โดยเฉพาะตลาด Forex ที่มีบทความเทคนิคร้อยแปดพันเก้า บทวิเคราะห์แนวโน้มตลาด แล้วยังมีปฏิทินข่าวให้อ่านแบบฟรี ๆ แถมยังสามารถตรวจสอบข้อมูลโบรกเกอร์ Forex ได้ทั่วโลกเลยนะ! มีรึยัง? ถ้าไม่มี โหลดเลย โหลดฟรี! ๑) เขาบอกว่า swing trading เป็นแนวทางที่เหมาะสมกับคนส่วนใหญ่ เพราะถ้าให้ซื้อแล้วถือระยะยาวก็อึดอัด แต่หากจะเล่นสั้นก็ไม่ทันชาวบ้านที่เขาเซียนๆ ดังนั้นซื้อแล้วถือระยะกลางๆ เหมาะสำหรับคนทุกประเภท โดยเฉพาะพนักงานประจำ ๒) สวิงเทรด เป็นแนวทางที่เล่นตามโมเมนตัมครับ - เพราะเชื่อว่าเมื่อราคาหุ้นมีการเคลื่อนที่ ออกตัวได้แล้ว มันจะมีแรงเฉื่อย วิ่งต่อได้อีก - หุ้นที่ถูกเทรดในระดับราคาไกล้ๆ 52 week high นั้น จะมีแรงต้านเหนือจากนั้นน้อยมาก - ไม่เล่นหุ้นราคาถูกๆ (เศษสลึง) เพราะเพราะมันมีเหตุผลที่โดนขายหนักขนาดนั้น - เราจะซื้อที่ราคาแพง เพื่อขายแพงกว่า ไม่ซื้อราคาต่ำๆ เพื่อขายราคาสูง - มนุษย์ทั่วไปมักไม่ให้ความสำคัญกับการดำรงอยู่ของแนวโน้ม จึงมักจะซื้อไว ขายไวเกินไป ๓) การควบคุมความเสี่ยง คือหัวใจสำคัญที่สุดครับ เพราะทุกการเทรดคือความเสี่ยง ถ้าท่านไม่ให้ความสำคัญกับมัน พอร์ตท่านเละแน่ ๔) ส่วนประกอบหลักของการสวิงเทรดคือ - ฐานราคา - การ breakout และการย่อ(pullback) นี่คือพลังของโมเมนตัม คือเริ่มต้นจากราคาสร้างแนวโน้มขาขึ้นมาได้แล้ว (วิ่งจาก 10 บาท ไปถึง 25) แล้วพักตัวสร้างฐาน หยุดขึ้นทำให้คนทั่วไปอึดอัด มองว่าหมเแนวโน้ม แต่หลังจากนั้นเมื่อมัน breakout ฐานราคาขึ้นไปได้ ก็ซิ่งแหลก จาก 25 ไปถึง 60 กว่าเลยทีเดียว นี่เป็นกราฟรายวัน ขั้นตอนการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ ๑) ต้องระบุแนวโน้มได้ (ดูกราฟรายวัน และสัปดาห์) ๒) สามารถระบุจุดเข้าซื้อที่ดีเยี่ยมได้ ๓) สามารถระบุจุดออกได้อย่างชัดเจน ๔) มีวินัยในการบริหารเงินทุนอย่างมีกลยุทธ์ ๕) เข้าใจจิตวิทยาการเทรด ๑) วิธีการระบุแนวโน้มขาขึ้น - เล้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ต้องอยู่เหนือเส้น 200 วัน - ทั้งเส้น 50 และ 200 วัน ต้องเฉียงชันขึ้น - เส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน สามารถวิ่งนัวเนียกับเส้น 50 วัน ได้(ในช่วงที่ราคาสร้างฐาน) - เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ต้องยกตัวเฉียงขึ้นต่อเนื่องหลายเดือนติดต่อกัน แนวโน้มขาขึ้นสำหรับกราฟวีค การดูกราฟวีค ทำให้เราเห็นภาพใหญ่ได้ดีกว่า - ดูเส้นค่าเฉลี่ย 10 วีค ที่อยู่เหนือเส้น 40 วีค โดยทั้งคู่เฉียงชันขึ้น - ช่วงที่ราคาสร้างฐาน แท่งราคาจะแกว่งพัวพันกับเส้นค่าเฉลี่ย 10 วีค ๒) ระบุจุดเข้าซื้อที่ยอดเยี่ยม ให้เน้นเข้าช่วงที่ราคาทะลุจากฐานราคาครับ ลักษณะของฐานราคามันเป็นแบบนี้ - ฐานราคาทั่วๆไป ราคาจะมีการบีบตัวเป็นเวลานับเดือนขึ้นไป - ราคาจะย่อจากยอดลงได้ 15-30% - การสร้างฐานคือหัวใจสำคั เพราะมันเป็นการพักเหนื่อย เพื่อสะสมกำลังก่อนไปต่อ - การ breakout จากฐานราคา คือจุดเริ่มต้นเพื่อออกตัวทำขาขึ้นรอบใหม่ หลังจากราคา breakout ได้แล้ว มันต้องมีการย่อ (pullback) เพื่อ - take profit ของคนเล่นรอบ - ทดสอบแนวรับ เช่น เส้นค่าเฉลี่ย, fibonacci, ฯลฯ ๓) การขายทำกำไร : Take Profit นักสวิงเทรดระยะสั้น ควรหาทางขายทำกำไรในขณะที่ราคาวิ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (exit into strength) อย่าได้ไปรอขายตอนราคาอ่อนแอเด็ดขาด เพราะกำไรหายหมดแน่ แต่ถ้าเป็นสวิงเทรดระยะกลาง สามารถรอขายตอนราคาอ่อนแอ(selling weakness)ได้ เพราะถ้าหากแนวโน้มขาขึ้นยังคงอยู่ ราคาสามารถขึ้นต่อได้อีกเยอะเลย แนวทางการขายหุ้นแบบ selling into strength กับ selling weakness ท่านสามารถหาอ่านได้จากหนังสือ "หุ้นซิ่ง สวิงเทรดได้" นะครับ แต่ใช่ว่า การเทรดทุกครั้งมันจะทำกำไรให้คุณแบบงามๆนะครับ บางตัวราคาเบรคจากฐานเสียดิบดี สวยงาม แต่ขึ้นไปได้ไม่เท่าไหร่ดันร่วงแรง ถ้าเจอแบบนี้ ให้ขายตอนที่ราคาเท่าทุนไปก่อน อย่าได้วัดใจกับตลาดเด็ดขาด เพราะยิ่งท่านสู้ หรือลังเล ยอดขาดทุนอาจยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะราคามีโมเมนตัมขาลงชัดเจนแล้ว ๔) การบริหารเงินต้น คือหัวใจสำคัญ ๑) อย่าได้เสี่ยง(อย่าปล่อยให้พอร์ตขาดทุน)เกิน 2% ของพอร์ตทั้งหมด ไม่ว่าคุณจะเชื่อว่านั่นเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหนก็ตาม ๒) ความเสี่ยงของการเทรดในแต่ละครั้ง(แต่ละตัว) ต้องอยู่ระหว่าง 1-2% ๓) มือใหม่ควรเสี่ยง(หรือยอมขาดทุน) ไม่เกิน 0.5% ของพอร์ต ต่อการเทรดแต่ละครั้ง ๔) อย่าให้หุ้นแต่ละตัวขาดทุนเกิน 10% ๕) การควบคุมความเสี่ยง คือสิ่งที่นักเทรดควรให้ความสำคัญก่อนทำกำไรเสมอ ๕) เข้าใจจิตวิทยาการเทรด การเคลื่อไหนของราคาในตลาด ถูกขับเคลื่อนด้วย อารมณ์ 3 ตัวนี้ 1. ความโลภ มันเป็นอารมณ์ที่สามารถผลักดันให้ราคาบ้าคลั่ง แพงเกินพื้นฐานอย่างคาดไม่ถึง 2.ความกลัว - มันเป็นอารมณ์ที่สามารถฉุดกระชากให้ราคาร่วงหนักอย่างไร้เหตุผล จนลดต่ำกว่าพื้นฐานจนน่าเกลียด - ความกลัวขาดทุน ทำให้นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก ส่งผลให้ราคาลงแรงแบบไม่คาดคิด 3. ความหวัง(ไม่ยอมรับความจริง) - น่ากลัวที่สุด มากกว่าสองอย่าง ทำให้เกิดการอัมพาต ไม่กล้าลงมือ - ธรรมชาติของมนุษย์ ชอบวิเคราะห์หาเหตุผลว่าทำไมราคาหุ้นไม่ควรลงต่ำกว่านั้นได้อีก พวกเขาไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดพลาดนั่นเอง - เมื่อพวกเขาไม่อยากยอมรับความจริง จึงทำให้เกิดอาการอัมพาต ไม่กล้าลงมือตัดขาดทุน(เพราะกลัวเด้ง-น่าจะเด้ง-น่าจะลงสุดแล้ว) ไม่กล้าขาย(เพราะกลัวราคาไปต่อ-กลัวกำไรหาย-กลัวขายหมู) แม้จะมีสัญยาณที่ชัดเจนแล้วก็ตาม ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้รของความเสียหายขนานใหญ่หลังจากนั้น |