The secret life of walter mitty วอลเตอร ม ตต

หลายคนคงได้เห็นปฏิทินที่ผมทำไว้ตอนปีใหม่กันแล้วนะครับ ในนั้นจะมีหนังอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมยกให้เป็นภาพปกของปฎิทิน นั่นคือเรื่อง

" The Secret Life of Walter Mitty "

ผมไม่ได้สักแต่ว่าเอาภาพหนังมาใส่คำคมเท่ๆ

ทุกเรื่องที่อยู่ในปฏิทินผ่านการคิดและคัดเลือกจากหนังมากมายที่ผมเคยดู โดยผมตั้งโจทย์เอาไว้ว่า ในหนึ่งปีถ้าเราเลือกดูหนังได้เดือนละ 1 เรื่อง หนังเรื่องนั้นควรเป็นเรื่องอะไร ?

.

.

ข้อสำคัญที่อยู่ในเกณฑ์การคัดเลือก คือ หนังเรื่องนั้นต้องตอบโจทย์และให้ข้อคิดที่เหมาะสมกับช่วงเวลาของเดือนนั้นๆ

นี่จึงเป็นที่มาของซีรีส์ " ดูหนังตามปฏิทิน " ที่เพจหนังหลายมิติทำขึ้น

จะเป็นหนังที่ผมคัดเลือกมาแนะนำและทำการสกัดสาระที่ได้จากหนังเพื่อเขียนบทความให้ตรงตามเดือนในปฏิทิน ซึ่งเดือนมกรา จะพิเศษหน่อยเพราะต้องเขียนถึงหนัง 2 เรื่อง

เรื่องหนึ่งคือหนังบนภาพปกปฏิทิน อีกเรื่องหนึ่งคือหนังที่อยู่ในเดือนมกรา ซึ่งจะเขียนถึงในบทความต่อไป (อาจจะไม่ได้เขียนต่อกัน...แต่อยู่ภายในเดือนที่ตรงกับภาพที่หนังเรื่องนั้นอยู่บนปฏิทิน)

แล้วทำไม The Secret Life of Walter Mitty จึงถูกคัดเลือกให้เป็นภาพปก ?

คำตอบคือ เพราะหนังเรื่องนี้พูดถึงประเด็นสำคัญของการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ การเคารพและทำตามความฝันของตัวเอง

ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นแรงบันดาลใจที่ดีสำหรับการเริ่มต้นปีใหม่

เรื่องย่อ : The Secret Life of Walter Mitty เป็นเรื่องของวอลเตอร์ มิตตี้ ผู้จัดการแผนกฟิล์ม เนกาทีฟ ผู้ทำหน้าที่จัดการรูปที่จะใช้เป็นภาพปกของนิตยสารไลฟ์ แม็กกาซีน ( Life Magazine)เล่มสุดท้าย

เนื่องจากความซบเซาของธุรกิจสิ่งพิมพ์ ทำให้นิตยสารไลฟ์มีการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อเตรียมเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์

นิตยสารฉบับสุดท้ายจึงมีความสำคัญในฐานะคำกล่าวลาของนิตยสารในรูปแบบเล่ม

ปัญหาคือ....รูปในม้วนฟิล์มที่ ฌอน โอ'คอนเนล ช่างภาพสายติสท์ส่งมานั้นดันหายไปหนึ่งรูป

มันคือรูปหมายเลข 25 ที่จะใช้เป็นภาพปก ฌอนบอกว่าสิ่งที่อยู่ในภาพนั้นแสดงให้เห็นถึง "แก่นสารสำคัญของชีวิต "

วอลเตอร์ มิตตี้ จึงต้องออกตามหาฌอน โอ'คอนเนล ซึ่งไม่ง่ายเลยเพราะเขาเป็นคนที่ต้องเดินทางถ่ายภาพทั่วโลก อยู่ไม่ติดที่แถมไม่มีโทรศัพท์มือถือให้ติดต่อด้วย

ด้วยเหตุนี้ มิตตี้ จึงต้องออกเดินทางทั้งๆที่ชีวิตประจำวันของเขาไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนมานานแล้ว

วันๆเขาหมกมุ่นอยู่กับงานและรูปอันมากมายก่ายกอง ใช้ชีวิตไปวันๆ ความตื่นเต้นของมิตตี้มีเพียงเรื่องเดียว คือความเพ้อฝันส่วนตัว

เขามีโลกอีกใบที่เพ้อฝันถึงชีวิตในจินตนาการ...แต่ตรงหน้าในชีวิตจริง เขาทำทุกอย่างแบบเดิมซ้ำๆทุกวัน

เขาเป็นคนที่ตอบไม่ได้แม้กระทั่งว่าตัวเอง " มีงานอดิเรกอะไร ? "

การเดินทางตามหาฌอน โอ'คอนเนล จึงเป็นการออกนอกกรอบครั้งแรกในรอบหลายปี โดยที่ไม่รู้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขามากมาย

ว่ากันว่า...การเดินทางทำให้เราได้เรียนรู้

เรียนรู้ ผู้คน สถานที่ และสภาพแวดล้อมใหม่ๆ นี่คือการเรียนรู้จากภายนอก

ส่วนภายใน การเดินทางทำให้เรามองเห็นตัวเอง เห็นวิธีคิดในการตอบสนองสิ่งเร้าภายนอก

ชีวิตประจำวันของเราก็ตอบสนองปัจจัยภายนอกอยู่แล้ว

เพียงแต่เป็นการตอบสนองที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย หรือ " Comfort Zone"

แต่เมื่อเริ่มต้นเดินทางทุกสิ่งรอบตัวจะเปลี่ยนไป การตอบสนองของเราก็เปลี่ยนตาม บางครั้งเราอาจได้พิจารณาความสวยงามของสองข้างทาง...ได้ผิดแผนที่วางเอาไว้เพราะเจอสถานที่ที่สวยงามเกินกว่าจะหยุดดูเพียงชั่วคราว

การเดินทางครั้งนี้ก็เช่นกัน มิตตี้ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย

เขาเดินทางไปในสถานที่ที่ไม่เคยไป ทะเล ภูเขา ภูเขาไฟ ดินแดนที่หนาวเหน็บบนยอดเขาสูง

การดูหนังเรื่องนี้ เหมือนมิตตี้พาเราออกไปเที่ยวด้วยกัน

หลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทางทำให้มิตตี้พบบางสิ่งที่หายไปจากชีวิตเขา

" ความเป็นเด็ก " " ความฝันที่หลงลืม " "ความสัมพันธ์ของครอบครัว "

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มกลับมาทำให้มิตตี้ได้ตะหนักอีกครั้งว่าชีวิตคืออะไร ?

เขาทำนิตยสาร " Life " ที่แปลว่าชีวิต

แต่มิตตี้ไม่อาจรู้จักชีวิตที่แท้จริงได้เพียงเพราะนั่งดูจากรูปที่ฌอนถ่ายมา เพียงเพราะอยู่ในห้องทำงาน หรือเพียงเพราะอ่านนิตยสารไลฟ์

เขาจะรู้จักชีวิตได้อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อ " ได้ออกไปใช้ชีวิต "

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้

ส่วนที่เหลืออีกมากมาย...แอบซ่อนอยู่ในทุกช่วงของหนัง ซึ่งรอให้ผู้อ่านไปค้นพบ และนี่คือ The Secret Life of Walter Mitty