The equalizer 2 ม จจ ราชไร เงา 2 pantip

สวัสดีครับทุกๆคนวันนี้ผมจะมารีวิวหนังใหม่กันเรื่อง The Equalizer 2 มัจจุราชไร้เงา 2 หนังภาคต่อของค่ายหนัง Colmubia Pictures และ ค่าย Sony Pictures หลังจากภาคแรกออกฉายในปี 2014 และบทส่งให้นักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง Denzel Washington หนังประสบความสำเร็จในแง่คำวิจารณ์และรายได้ จนเปิดไฟเขียวสร้างภาคสอง

ผู้กำกับยังคงเป็น Antoie Fuqua จากภาคแรกรับหน้าที่กำกับ และเป็นผลงานที่ทั้งเดนเซลกับอวงตวนร่วมงานกันเป็นครั้งที่สี่ หลังจากผลงานดราม่าอาชญากรรมดุเดือดอย่าง Traning Day (2001) ที่ทำให้เดนเซลคว้ารางวัลออสการ์ได้, The Equalizer (2014), The Magificent Seven (2016) และนี่เป็นครั้งแรกของเดนเซลในรอบ 40 ปีในวงการภาพยนตร์ที่แกยอมรับแสดงหนังภาคต่อ เพราะ ตัวเองชอบบทของ Robert McCall ตัวเอกของเรื่องมาก

เรื่องราวในภาคนี้ เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ภาคแรกได้ไม่นาน Robert McCall แกก็คงยังสวมบทวีรชนยอดมือสังหารเที่ยวไปช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน ถูกคนเลวกดขี่ข่มเหง ไม่ได้รับความยุติธรรม แกยังคงใช้ชีวิตดูเรียบง่าย เหมือนคนปกติทั่วไป ทำงานเป็นอูเบอร์ พอว่างๆแกก็ออกไปช่วนเหลือปกป้องคนดี สู้กับเหล่าอาชญากร (แหม...ยังกะ Bruce Wayne) แต่เมื่อซูซาน พัมเมอร์ (Messisa Leo) เพื่อนรักคนเดียวของแม็คคอล อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอ ถูกฆาตกรรม ทำให้แม็คคอลต้องออกไปมงทวงความยุติธรรมจากพวกคนเลวให้เพื่อนของเขา

หนังดูพล็อตคร่าวๆดูไม่มีอะไร เหมือนหนังบู๊ล้างแค้นทั่วไป แต่สำหรับเรื่องนี้มันไม่ใช่ รายละเอียดของหนังมันซับซ้อนลึกซึ้งและมีอะไรให้จดจำเยอะมากกว่าประเด็นการแก้แค้น ภาคนี้เราจะได้เห็นแม็คคอลในแง่มุมชีวิตที่มีมากขึ้นกว่าภาคแรก รู้จุดประสงค์การกระทำของแกมากขึ้น โชว์สกิลของแม็คคอลในการสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรม ที่ภาคแรกไม่มี เรียกว่า ฉลาด วิเคราะห์เก่ง แบบว่า Jack Reacher ของ Tom Cruise ซิดซ้ายเลยล่ะ ไหนจะผูกความสัมพันธ์ของตัวละครใหม่กับแม็คคอล ไมลล์ เด็กหนุ่มนักศิลป์ที่ดันไปหลงทางผิดเดินเข้าสู่โลกอาชญากรรม แต่แม็คคอลฉุดช่วยไว้ เหมื่อนในเหตุการณ์ภาคแรก ที่ผูกเรื่องของ แม็คคอล กับ ราฟฟี่ เด็กอ้วนร้านโฮมโปร ซึ่งทำให้หนังดูมีมิติมากขึ้น และบทหนังก็ดี สนุก มีดราม่าอยู่ตามสไตล์หนังเดนเซลดราม่านำแอ็คชั่น

ฉากแอ็คชั่นเรียกว่าเจ๋งพอๆกับภาคแรก แกยังคงจับเวลาฆ่าเช่นเคย เจ๋งโคตร เลือดเยอะเหมือนเคย Rate 18+ ตัวร้ายอัพ level จากแกงค์มาเฟียรัสเซีย มาเป็นกลุ่มนักฆ่ามืออาชีพ ภาคนี้ป๋าแกเน้นใช้ปืนมากขึ้นกว่าภาคแรก แต่ก็ไม่ใช่ทิ้งความดิบ โหดจากภาคแรกไป ป๋าเดนเซลแกต้องไปฝึกการต่อสู้มากขึ้นและหนักขึ้นกว่าภาคแรกเพื่อใหัออกมาสมจริง เรียกว่า โหดขึ้น จริงจังขึ้น สไตล์เดียวกับ Liam Neeson ในบท Bryan Mills เรื่อง Taken เลย คนแก่แต่เก๋า ฉลาด สุขุม โหด

โดยรวม ผมว่าหนังภาคนี้คุ้มค่าต่อค่าตั๋วครับ แนะนำให้ไปดูกัน มันสนุกกว่าหนังแอ็คชั่นทั่วๆไป มีอะไรในหนังแทรกมามากกว่าที่คุณคิด อารมณ์หนังยังมาแบบหม่นๆ ดาร์กๆ ปนดราม่าแบบภาคแรก ที่เพิ่มเติมคือ สเกลของหนังที่ดูใหญ่ขึ้น และฉากแอ็คชั่นที่ยังคงดุเด็ดเผ็ดมันเหมือนเคย แต่มีมากขึ้นกว่าภาคแรกเรียกว่า เป็นหนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ในยุคใหม่ที่หยิบเอาความดิบดวลของหนังยุค 90 มาใช้ได้ดี ไม่แพ้ John Wick ของ Keanu Reeves เลย แต่เรื่องนี้ detail มันมีมากกว่าและเจ๋งกว่า John Wick

***หมายเหตุเกณฑ์การให้คะแนนไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เขียนล้วนๆ หากจะถามว่าอะไรเป็นเกณฑ์การให้คะแนนนั่นก็คือตัวผู้เขียนนั่นเองจอบอ.

#เกริ่นนำก่อนเข้าเรื่อง The Equalizer 2 ...อูเบอร์เพชรฆาต เป็นหนังภาคต่อที่ผมมองว่าล้มเหลวมากๆเลยทีเดียวกับหนังภาคต่อ...ไม่รู้ว่าตัวหนังพลาดตรงไหนเหมือนกันแต่ตอนที่ผมดูภาค2จบมันไม่รู้สึกมีอิมแพ็คต่อตัวหนังเลย ไม่เหมือนกับตอนที่ได้ดูภาคแรก ไม่รู้ว่าปมดราม่าที่สร้างไว้หรือความอะไรของหนังซักอย่างที่ถ้าจะให้บอกก็คงเป็น...

อาถรรพ์หนังภาคต่อจริงๆนั่นแหละ เพราะนอกเหนือจากปมดราม่าที่ยังคงเป็นจุดดีของหนังอยู่บ้างแต่ก็ใช้เวลาปูเรื่องยาวเกินไปอีกทั้งความเก่งของพี่ Denzel Washington ในบท Robert McCall ทำให้รู้สึกว่าคงจะไม่มีใครเอาชนะพี่แกได้ และพี่แกก็เก่งซะเทพเหนือเทพจริงๆในเรื่องโดยเฉพาะช่วงท้ายทำให้คนอื่นๆดูอ่อนไปเลยหนังมันเลยไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้น

ไม่เหมือนกับตอนภาคแรก The Equalizer (2014) นักฆ่าโฮมโปรที่ไม่รู้อะไรดลใจดลตัวให้มันลงตัวลงใจ หนังภาคแรกเป็นอะไรที่ผมดูแล้วคลิ๊กมาก ดูปุ๊ปรักปั๊ปไม่ใช่เพราะตัวน้องโคลอี้ ที่แสดงเป็นเด็กสาวมีปมดราม่าหรอก

แต่ภาคแรกเป็นอะไรที่สดใหม่มากในสมัยนั้นไม่เหมือนกับในภาคนี้ที่เหมือนหากินจากชื่อของภาคเดิมไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เน้นขายดราม่า...ซึ่งก็ได้ผลอยู่ กับขายแอ็คชั่นเว่อร์วัง

ตอนที่ผมได้ดูภาคแรกก็รู้สึกเอาเรื่องนี้ไปเทียบ John Wick ได้เลยทั้งความเก่งกาจและประทับใจ แต่กับภาค2ผมกลับรู้สึกผิดหวัง...ปรับตกให้กับบทของความเก่งเวอร์วังไม่ได้สมจริงของพี่ Robert McCall เลย

#เรื่องย่อ The Equalizer 2 มีเรื่องย่อที่เหมือนๆกับภาคแรกนั่นแหละที่พระเอกของเราก็ยังวางมือไม่ลงยังคงเป็นพ่อพระทำดีทำตัวเป็นศาลเตี้ยไล่จัดการเรื่องร้ายๆให้กับเหล่าประชาชนผู้ไม่อาจดิ้นรนทำอะไรได้เหมือนเดิม ต่างกันที่แค่คราวนี้พี่แกมาขับรถโดยสารแทน ก่อนจะมีปมดราม่าเรื่องเพื่อนเก่าและก็ต้องไปต่อสู้กับเพื่อนเก่าๆที่โยงใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งจะบอกว่าตอนที่ผมได้ดูประมาณท้ายๆก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วกับการดูและความคาดหวังกับหนังเรื่องนี้อารมณ์แบบ เนื้อเรื่องจะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะรีบๆจบๆซะที

#ความรู้สึกประทับใจที่ยังมีอยู่บ้าง นอกเหนือจากที่บ่นๆก่นๆด่าๆไปแล้วสิ่งที่ทำได้ดีในภาคนี้ที่ถ้าจะไม่บอกก็คงไม่ได้ อย่างที่บอกไปนั่นแหละ นั่นคือคือปมดราม่าของเรื่องกับตัวเด็กหนุ่มผิวสีในเรื่อง ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้ลุ้นอินขนาดนั้นแต่หนังเสียเวลาปูดราม่าจุดนี้ทั้งเรื่องจนสุดท้ายเราก็ค่อนข้างอิน

และข้อเสียของหนังก็เป็นข้อดีได้เช่นกันนั่นคือความเก่งกาจของพระเอกที่อืม ก็ยอมรับว่าเก่งแต่ไม่ได้ประทับใจแล้วเหมือนในภาคแรก อย่างที่บอกมันเก่งเวอร์วังแบบจับต้องไม่ได้ไม่ได้บู้แอ็คชั่นสมจริงเหมือน John Wick ก็ไม่ได้อยากจะเทียบหรอกนะครับแต่อย่างที่บอกตอนดูภาคแรกผมก็คาดหวังให้หนังไปได้ดีในทางของ John Wick เลยแต่ภาคนี้กลับไม่เป็นอย่างหวัง

ถ้าจะให้สรุปก็ต้องบอกว่า The Equalizer 2 (2018) เป็นหนังที่ดีอีกหนึ่งเรื่องแต่ผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่ถ้าใครเป็นแฟนหนังแอ็คชั่นดราม่าที่ชื่นชอบภาคแรกแล้วละก็ภาคนี้ก็สมควรจะดูภาคต่อนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่ให้ลดความหวังลงซักนิด

ส่วนใครที่ยังไม่เคยดูก็ไปหาภาคแรกมาดูให้ชื่นใจแล้วหยุดไว้แค่ภาคแรกก็ได้...หรือถ้ายังอยากได้รับแอ็คชั่นมันส์ๆอีกละก็ ภาคนี้ก็ทำให้คุณได้ แต่ก็อย่างที่บอกไป ความประทับใจเหมือนภาคแรกมันไม่ค่อยจะมี...ขอบคุณที่อ่านผมบ่นจนจบครับ

ขอจบการบรรยาย #ความรู้สึกหลังดู The Equalizer 2 (2018) ไว้เพียงเท่านี้หากมีคำผิดหรือพิมพ์ผิดพลาดประการณ์ใดขออภัยมาไว้ที่นี้หรือหากใครต้องการแสดงความคิดเห็นก็สามารถทำได้ที่ด้านล่าง หรือหากผมเข้าใจเรื่องราวใดในเรื่องผิดไปก็สามารถติชมได้ด้านล่าง สุดท้ายนี้ขอบอกว่า ใช้ชีวิตให้มีสติและมีสติเมื่ออยู่กับคนที่เรารัก เพราะเวลามีค่า ควรใช้เวลากับคนที่เรารัก ขอบคุณที่สละเวลาในการอ่านมาจนถึงจุดนี้ หากท่านไม่อยากเสียเวลาในการทำสิ่งใดๆก็จงจำไว้ไม่แน่ผมอาจเคยทำมาแล้ว อยากให้ท่านมาเสพข้อมูลจากผมได้ที่นี่ ที่เพจ “โลกแคบ”ขอบคุณครับ


***ฝากแฟนเพจ โลกแคบ ของผมด้วยครับ จะเป็นเพจที่เป็นความรู้สึกของผมกับหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องภาพยตร์ การ์ตูน ซี่รี่ หรือเรื่องต่างๆที่ผมเคยรับชม จะพยายามแสดงออกมาตามที่ผมเข้าใจและซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองที่สุด ขอบคุณครับ