Subject and verb agreement ว ธ การเต ม s

Agreement of subject and verb หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ Subject – Verb Agreement คืออะไร วันนี้แอดจะมาอธิบาย ให้เข้าใจครับ

Subject – Verb Agreement คืออะไร

Subject – Verb Agreement คืออะไร อธิบายสั้นๆ ง่ายๆ เลยก็คือ การใช้ Verb (คำกริยา) กับ Subject (ประธาน)ให้สอดคล้องกัน

เพื่อให้จำง่ายๆ แอดมิน สรุป มาเป็นกฏสั้นๆ พร้อมตัวอย่าง ทั้งหมด 17 กฏให้เพื่อนๆ ได้ท่อง ครับ

กฎข้อที่ 1

ใน Present Simple ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเป็นเอกพจน์ คือเติม s/es เสมอ ตัวอย่างเช่น

He speaks English very well. (เขาพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก)

The cat looks at the dog. (แมวมองไปที่หมา)

ถ้าประธานพหูพจน์ กริยาต้องเป็นพหูพจน์ด้วย การทำกริยาพหูพจน์ง่ายๆ คือ กริยารูปปกติไม่ต้องเติม s/es เช่น

The cats look at the dog. (พวกแมวมองไปที่หมา)

These men live in London. (ผู้ชาย ๆ เหล่านี้อาศัยอยู่ในลอนดอน)

กฎข้อที่ 2

ประธาน 2 ตัว เชื่อมด้วย and ให้ถือเป็นพหูพจน์ กริยาก็นับเป็นพหูพจน์ด้วย เช่น

Harry and I start working at 8:00 a.m. everday. (แฮรี่และฉันเริ่มทำงานตอนแปดโมงเช้าทุกวัน)

A pencil and Book are needed for students. (ดินสอและหนังสือเป็นสิ่งจำเป็นกับเด็กนักเรียน)

กฎข้อที่ 3

ประธานที่เป็นสิ่งของชิ้นเดียวกัน แต่ถูกแยกเป็นคำนามสองสิ่ง ในประโยคเชื่อมด้วย and เราจะมองว่าคำนามสองอันนั้นเป็นสิ่งเดียกัน และมองว่าเป็นนามเอกพจน์ ดังนั้นเราจึงจะใช้ กริยาเป็นเอกพจน์ เช่น

ในสถานการที่เรากำลังทานเข้า และอาหารของเราคือข้าวผัด และไข่เจียว ที่อยู่ในจานเดียวกัน เราจะบอกว่า ข้าวจานนี้ ที่มีข้าวผัด และไข่เขียว นั้นเป็นอาหารที่จานโปรดของเรา เราจะพูดว่า

Fried Rice and omelet is my favorite food. (ข้าวผัดและไข่เจียวเป็นข้าวจานโปรดของฉันเลย)

กฎข้อที่ 4

ประธานที่มีคำนามมากกว่า 1 เชื่อมด้วย and ถ้านามเหล่านั้นสื่อถึงสิ่งเดียวกัน หรือคนคนเดียวกัน เราจะมองว่า คำนามเหล่านั้นเป็นเอกพจน์(เพราะสื่อถึงคนเดียว สิ่งเดียว) คำกริยาที่ใช้จึงต้องเป็นเอกพจน์เช่นกัน เช่น

The chef and owner of this restaurant is my sister. (เชฟและเจ้าของร้านอาหารนี้เป็นพี่สาวของฉันเอง)

The black and white cat is sitting under the table. (แมวตัวสีขาวดำ กำลังนั่งอยู่ใต้โต้ะ)

ข้อสังเกตุ ถ้าประธานเป็นคนละคน หรือของคนละสิ่ง คำนามทั้งสองนั้นจะต้องมี the นำหน้า เช่น

The chef and the owner of this restaurant are my sister. ประโยคนี้บอกไว้ว่า chef กับ owner เป็นคนละคนกัน เราเลยใช้ verb (ในทีนี้คือ verb to be ) เป็นคำว่า are

กฎข้อที่ 5

ประธานที่มีคำขยายหรือวลีเหล่านี้ต่อท้าย กริยาจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ให้ยึดประธานหรือคำนามที่อยู่ข้างหน้าเป็นหลัก

accompanied by (พร้อมด้วย)

along with (พร้อมด้วย)

as well as (เช่นเดียวกับ, และ)

besides (นอกจาก)

but (ยกเว้น)

except (ยกเว้น)

excluding (ไม่นับ)

in addition to (นอกจาก)

in company with (พร้อมด้วย)

including (รวมทั้ง)

together with (พร้อมด้วย)

Rose as well as her boyfriend is going to China. (โรสและแฟนของเธอกำลังจะไปประเทศจีน)

My friends, in addition to my brother, are university baseball team. (นอกจากพี่ชายของฉันบรรดาเพื่อนๆของฉันก็เป็นนักนักเบสของของมหาวิทยาลัยเช่นกัน)

กฎข้อที่ 6

ส่วนขยายประธาน ไม่มีผลต่อการใช้กริยาของประธาน เช่น

Jay, with all his friends, enrolls in the cooking class. (เจย์กับเพือนของเขาทั้งหมดลงเรียนคลาสทำอาหาร)

Mr. Tony, like other neighbors, is funny. (คุณโทนี่เป็นคนตลกเหมือนเพื่อนบ้านคนอื่น)

กฎข้อที่ 7

คำต่อไปนี้เมื่อเป็นประธานให้ถือเป็นเอกพจน์ กริยาก็เป็นเอกพจน์เสมอ เช่น

anybody

everybody

someone

anyone

everyone

somebody

anything

everything

something

anywhere

everywhere

somewhere

each + singular N.

either + singular N.

neither + singular N.

each of + Plural N.

either of + Plural N.

neither of + plural N.

Everyone is in the building. (ทุกคนอยู่ในอาคาร)

Someone in the office likes you. (บางคนในที่ทำงานชื่นชอบคุณ)

กฎข้อที่ 8

ประธานที่เชื่อมด้วย or, either….or, neither… nor, not only……but also กริยาให้ถือตามประธานตัวหลัง เช่น

Neither Robert nor James likes fishing. (ไม่ว่าจะโรเบิร์ตหรือเจสก็ไม่ชอบการตกปลา)

Neither Larry nor her friends are leaving. (ไม่ว่าจะลารี่หรือเพื่อน ๆ ของเธอไม่ได้กำลังจะออกไป)

Not only Benjamin but also his friends are coming to the soccer game tonight. (ไม่ใช่แค่เบนจามินเท่านั้น แต่เพื่อน ๆ ของเขากำลังจะมาที่การแข่งขันฟุตบอลคืนนี้ด้วยเช่นกัน)

กฎข้อที่ 9

คำต่อไปนี้ถ้าใช้แทนคำนามนับได้ ให้ถือเป็นพหูพจน์เสมอ เช่น

all

both

(a) few

many

several

some

All were ready to leave the club by midnight. (ทุกคนพร้อมออกจากงคลับตอนเที่ยงคืน)

Many were invited to the dinner but only ten showed up. (มีหลายคนถูกเชิญมาทานอาหารเย็นแต่มีคนมาแค่ 10 คนเท่านั้น)

กฎข้อที่ 10

ประโยคที่ขึ้นด้วย There และ Here ต้องจำไว้ว่า There และ Here ไม่ใช่ประธาน

แต่ประธานจะอยู่หลัง verb และ verb จะสอดคล้องกับประธาน

เช่น

There are books on my table. (มีหนังสือหลายเล่มอยู่บนโต๊ะ : are สอดคล้องกับ books ซึ่งเป็นประธานของประโยค)

Here is the new iPhone. (นี่คือ iPhone อันใหม่ : is สอดคล้องกับ iPhone ซึ่งเป็นประธานของประโยค)

กฎข้อที่ 11

คำนามบางคำที่อยู่ในรูปพหูพจน์ให้ถือเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเป็นเอกพจน์

mumps, home economics, social studies economics, measles, calisthenics, statistics, civics, physics, gymnastics, phonics, news, acrobatics, aesthetics, thesis, mathematics

Mathematics is not a difficult subject. (คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ไม่ยาก)

Measles is an acute viral respiratory illness (โรคหัดเป็นโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันจากเชื้อไวรัส)

กฎข้อที่ 12

12.1. วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ถ้าตามด้วยนามเอกพจน์ กริยาต้องใช้เอกพจน์ ถ้าตามด้วยนามพหูพจน์กริยาต้องใช้พหูพจน์ เช่น

a lot of

plenty of

most of

some of

lots of

all of

none of

percent of

Some of my jewelry is new. (เครื่องประดับบางชิ้นของฉันเป็นของใหม่)

A lot of cups were left in the sink. (มีถ้วยถูกวางทิ้งไว้อยู่ในอ่างล้างจาน)

12.2. วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ใช้กับคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ และกริยาก็ต้องเป็นพหูพจน์เช่น

a number of

many

a large number of

a good many

a great number of

a great many

A number of students are still studying even after school. (นักเรียนจำนวนหนึ่งยังคงเรียนอยู่แม้โรงเรียนจะเลิกเรียนแล้ว)

There are still a large number of cars to be washed. (ยังมีรถอีกหลายคันที่จะต้องถูกล้าง)

12.3. วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ เมื่อใช้กับนามนับไม่ได้ กริยาต้องใช้รูปเอกพจน์ตลอดไป เช่น

much

a large number of

a great deal of

a large amount of

a good deal of

a large quantity of

A large amount of sand was moved out from the beach. (ทรายจำนวนมากถูกย้ายออกจากชายหาด)

กฎข้อที่ 13

ประโยคที่มี who, which, that เป็น Relative Pronoun กริยาของ Relative Pronoun จะใช้รูปของเอกพจน์หรือพหูพจน์ให้ถือเอาตามคำนามที่ Relative Pronoun นั้นมาขยาย เช่น

There is a girl who is sitting under the tree. (มีเด็กหญิงคนนึงกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้)

who ในที่นี้คือ relative pronoun ที่มาขยาย a girl ดังนั้น who ในที่นี้จึงสื่อถึง a girl

ดังนั้น กริยาของ ประโยค who is sitting under the tree จึงต้องเป็น เอกพจน์ เพราะประธานประโยคคือ a girl

the cars that park in the building are the new model. (รถที่จอดในอาคารเป็นรถรุ่นใหม่)

that ในที่นี้ เป็น relative pronoun ที่มาขยาย cars ที่เป็น พหูพจน์ ดังนั้นกริยาของประโยคนี้ก็ต้องเป็น พหูพจน์

กฎข้อที่ 14

ประธานที่ขึ้นต้นด้วยวลีที่นำหน้าด้วย to (Infinitive Phrase) หรือ gerund (V.ing) ถือว่าเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเป็นรูปเอกพจน์

To study Physics is fun.

Physics English is fun.

กฎข้อที่ 15

ประธานที่เป็นจำนวนเงิน, มาตราต่าง ๆ และช่วงเวลา ถือเป็นเอกพจน์ กริยาจึงเป็นเอกพจน์ เช่น

one million dollars is too expensive for this car. (หนึ่งล้านบาทมันแพงเกินไปสำหรับรถคันนี้)

Twenty years is a long time for love. (ยี่สิบปีช่างยาวนานสำหรับความรัก)

กฎข้อที่ 16

ชื่อหนังสือ, บทความ, หนัง และเพลง เป็นเอกพจน์เสมอ เช่น

Harry Potter is a series of seven fantasy novels written by British author J. K. Rowling.

แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นชุดนวนิยายแฟนตาซีเจ็ดเล่มที่เขียนโดยนักเขียนชาวอังกฤษ เจ.เค. โรว์ลิ่ง

กฎข้อที่ 17

ประธานที่เป็นเศษส่วนของคำนามพหูพจน์ กริยาจะเป็นพหูพจน์ และประธานที่เป็นเศษส่วนของคำนามเอกพจน์ กริยาจะเป็นเอกพจน์ เช่น

Two-thirds of the girls are playing tennis. (สองในสามของเด็กผู้หญิงกำลังเล่นเทนนิส)

One-third of the cheese is moldy. (หนึ่งส่วนสามของชี้สขึ้นรา)

จบแล้วสำหรับสรุปสั้นๆ 17 กฏของเรื่อง Subject – Verb Agreement

ฝากเพื่อนๆ ติดตามบทความของ Memmoread ด้วยนะครับ

ต้องการฝึกทำข้อสอบ TOEIC พร้อมเฉลยภาษาไทยโหลดแอพนี้ได้เลย

Subject and verb agreement ว ธ การเต ม s

ติดปัญหา มีข้อสงสัย ต้องการคำแนะนำอื่น ทำยังไง

ถ้าเพื่อนๆ ต้องการคำแนะนำ ในการสอบ TOEIC การเตรียมตัว หรือต้องการกำลังใจ เพื่อนๆ สามารถทักหาแอดมินได้ตลอดเลยนะครับ เราให้คำปรึกษา และคำแนะนำ ฟรี ไม่คิดเงิน ตลอด 24 ชั่วโมงครับ