Think ทำเป น verb เต ม ing ได ไหม

Grammar M 2 Submitted by Sitta Burban

  1. 2/6 NO. 30

PRESENT Phatthana Chotikanta

English 2564

Preface This book is part of the Ebglish subject ENG22102 aimed at readers to learn basic English Grammar M. 2 for beginners.

Sitta Burban

Contentems page Chapter Present Simple Tense Present Contiuous Tense Past simple tense Past continuous tense Presen parfect tense Comparision Be going to should /should’t, must / mnstn’t Will Verd to be Verd to have theve is / theae are A/AN some /any Personal and odject pronours Possessive’s possessive pronouns

ลักษณะการใช้ Present Simple Tense Present แปลว่า ปัจจุบนั ดงั น้ัน Present Simple Tense จงึ เปน็ ประโยคท่ีมโี ครงสรา้ งแบบงา่ ย ๆ เพ่อื ใชพ้ ดู ถึงเหตุการณ์ในปัจจบุ ันนนั่ เอง โดยมีลักษณะตา่ ง ๆ ดังน้ี

1. ใช้เพอ่ื พูดถึงความเป็นจรงิ ในชวี ิตประจำวนั หรือความเปน็ จรงิ ตามธรรมชาติ ถึงแม้ว่า เหตกุ ารณน์ ัน้ จะเปน็ อดตี หรืออนาคตกต็ าม เช่น

When the earth moves around itself, it makes Day and Night. (เม่ือโลกหมุนรอบตัวเอง มนั ทำให้เกดิ กลางวนั กลางคืน)

Durian is the king of fruit. (ทุเรียนเปน็ ราชาผลไม้)

2. ใชเ้ พอื่ พดู ถงึ เหตุการณ์ นิสัย หรอื การกระทำท่ีเกดิ ขน้ึ ซ้ำ ๆ บอ่ ย ๆ เปน็ ประจำทกุ วนั เชน่ I walk to school every day. (ฉนั เดินไปโรงเรียนทกุ วนั )

Nuda always help other people so everyone loves her. (นุดาชว่ ยเหลอื คนอนื่ เปน็ ประจำ ดงั นน้ั ทุกคนจงึ รกั หล่อน)

3. ใชเ้ พอ่ื ให้คำแนะนำหรือการบอกทศิ ทาง เชน่ Turn off the television before going to bed. (ปดิ โทรทศั นก์ อ่ นเข้านอน)

You go straight for 300 meters, then the destination is on your left.

(คณุ เดนิ ตรงไป 300 เมตรและจดุ หมายปลายทางจะอย่ทู างซ้ายมือของคณุ ) รปู ประโยคของ Present Simple Tense

ดังท่ไี ดก้ ลา่ วข้างตน้ ว่า Present Simple Tense คือประโยคที่บอกเล่าเร่ืองราวตา่ ง ๆ เชน่ ฉนั ว่ายน้ำ ทุก ๆ วนั โดยรปู ประโยคของ Present Simple Tense มีรปู แบบดงั ต่อไปน้ี 1. ประโยคบอกเล่า

โครงสร้างของประโยคบอกเลา่ : Subject + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา) ท้ังนีค้ ำกริยาช่องที่ 1 นัน้ จะมกี ารเติม s หรอื es ถา้ หากประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It) แตถ่ ้าประธานเปน็ I, You หรือประธานพหูพจน์ (You (หลายคน), We, They) ใหค้ งรปู คำกริยา นั้น ๆ ไว้เช่นเดมิ เชน่

I go to university by bus every morning. (ฉนั ไปมหาวิทยาลยั โดยรถโดยสารประจำทางทุกเชา้ ) **ประโยคนี้ประธานคือ I แม้จะเป็นเอกพจนแ์ ต่เป็นข้อยกเว้น ดงั กริยา go จงึ ไม่ต้องเตมิ s หรอื es

He plays guitar very well. (เขาเล่นกีตาร์เก่งมาก) **ประโยคนี้ประธานคอื He เปน็ เอกพจน์ กริยาคือ play จงึ ต้องเตมิ s

They enjoy playing the football. (พวกเขาสนกุ กับการเลน่ ฟุตบอล) **ประโยคน้ปี ระธานคอื They เป็นพหูพจน์ กริยาคือ enjoy จงึ ไม่ต้องเตมิ s หรอื es

ความรเู้ พ่ิมเติม : หลกั การเติม s,es นน้ั ง่ายนดิ เดยี ว คอื คำกริยาทลี่ งท้ายดว้ ย ch, o, s, ss, sh, x ให้ เตมิ es เมอ่ื ประธานของประโยคเปน็ เอกพจน์ (He, She, It) เชน่

She washes her car. ประธานของประโยคคอื She ซง่ึ เป็นเอกพจน์ คำกริยาคือ wash ท่ีลงทา้ ยด้วย sh จึงตอ้ งเติม es ต่อทา้ ย

สว่ นคำกรยิ าอน่ื ๆ ท่ไี มไ่ ดล้ งทา้ ยดว้ ยพยญั ชนะทง้ั 6 ตัวนั้น ให้เติม s หลังคำกรยิ าในประโยคทม่ี ี ประธานเปน็ เอกพจนไ์ ด้เลย เช่น

My mom cooks some food for me. ประธานของประโยคคือ My mom ซึง่ เปน็ เอกพจน์ เราใช้ She แทน My mom ได้ คำกริยาคอื cook ทไี่ ม่ไดล้ งทา้ ยด้วยพยัญชนะตามกฎ จงึ เติม s ได้ทันที

และถา้ หากคำกรยิ านน้ั ลงท้ายด้วย y ใหเ้ ปล่ยี น y เปน็ i แลว้ เตมิ es ท้ายคำกรยิ าน้นั เชน่ study - studies, fly - flies, carry - carries เป็นตน้ แต่มีขอ้ ยกเวน้ คือ ถ้าหากหนา้ y เป็นสระ (A, E, I, O,

  1. ให้เติม s ไดท้ นั ที เช่น play - plays, buy - buys, stay - stays

2. ประโยคคำถาม โครงสร้างของประโยคคำถามใน Present Simple Tense มสี องรูปแบบคอื

แบบท่ี 1 : Verb to be + Subject + Object/สว่ นขยาย + (คำบอกเวลา) ? ใชเ้ มื่อในประโยคนัน้ มี V. to be (Is, Am, Are) ปรากฎอยู่ เชน่

She is my sister. ---> Is she your sister ? (หล่อนเป็นนอ้ งสาวคณุ หรอื เปล่า?) เม่อื เห็น V. to be ในประโยคใหน้ ำ V. to be ขนึ้ ต้นประโยคนำหนา้ ประธานได้เลย เพียงเทา่ นีก้ ็จะ กลายเปน็ ประโยคคำถาม (และอย่าลมื เปลี่ยนคำสรรพนามดว้ ยนะคะ จาก my เป็น your)

แบบท่ี 2 : Verb to do + Subject + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา)? ใช้เมื่อประโยคนน้ั ไมม่ ี V. to be จงึ ตอ้ งนำ V. to do ได้แก่ do กบั does เข้ามาช่วย โดยข้ึนต้น ประโยคนำหน้าประธาน ซ่ึงมวี ิธกี ารใช้ทแ่ี ตกตา่ งกันคอื Do ใชน้ ำหน้า I, You และประธานทเ่ี ป็น พหพู จน์ (You, We, They) ส่วน Does ใช้นำหน้าประธานท่เี ปน็ เอกพจน์ (He, She, It) และคำกรยิ า คงรปู ช่องที่ 1 เหมือนเดมิ โดยไม่ตอ้ งเตมิ s, es เชน่

They play football every evening. ---> Do they play football every evening? (พวก เขาเลน่ ฟุตบอลทุกเย็นหรือเปลา่ ?) ประโยคนไ้ี มม่ ี V. to be อยใู่ นประโยค จึงนำ V. to do มาใช้ขึ้นตน้ ประโยคนำหน้า they ซง่ึ เปน็ ประธานพหูพจน์

That cat eats fish. ---> Does that cat eat fish ? (แมวตัวน้ันกนิ ปลาหรอื เปล่า?) ประโยคน้ีไมม่ ี V. to be อยูใ่ นประโยค จึงนำ V. to do นน่ั กค็ ือ does มาใช้ขึ้นต้นประโยคนำหนา้ that cat หรอื ก็คอื it ซึ่งเปน็ ประธานเอกพจน์ โดยคำกริยาคือ eat มกี ารตัด s ออกในประโยคคำถาม

3. ประโยคปฏิเสธ

รูปแบบประโยคปฏิเสธใน Present Simple Tense มสี องรูปแบบคล้ายกบั รปู แบบประโยคคำถามคอื

แบบที่ 1 : Subject + Verb to be + not + Object/ส่วนขยาย + (คำบอกเวลา) ใช้เมอ่ื ในประโยคนนั้ มี V. to be (Is, Am, Are) ปรากฎอยู่ เช่น

I am your servant. ---> I am not your servant. (ฉนั ไม่ได้เปน็ คนรับใช้ของคุณ) เม่อื เห็น V. to be ในประโยคให้เตมิ not ไว้หลงั V. to be ได้ทนั ที เพียงเท่าน้ีกจ็ ะกลายเป็นประโยค ปฏิเสธ

แบบท่ี 2 : Subject + Verb to do + not + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา) แบบที่สองใชเ้ ม่อื ประโยคนน้ั ไมม่ ี V. to be จงึ ตอ้ งนำ V. to do ได้แก่ do กับ does เขา้ มาชว่ ยแลว้ ตามหลงั ด้วย not เพื่อบอกความปฏิเสธ ส่วนคำกริยาให้คงรปู ช่องที่ 1 เหมอื นเดมิ โดยไมต่ ้องเติม s,es เช่น

He watches television at home. ---> He does not watch television at home. (เขา ไมไ่ ด้ดโู ทรทัศนอ์ ยูท่ บ่ี ้าน) ประโยคนไี้ มม่ ี V. to be อยู่ในประโยค จงึ นำ V. to do นั่นก็คือ does มาเป็นกรยิ าชว่ ยและตามด้วย not เพ่อื บอกรปู ปฏเิ สธ ส่วนคำกริยาเมื่ออยู่ในรูปปฏิเสธแล้วใหต้ ดั s,es ท้ิงคงเหลือคำกริยาช่องที่ 1 รปู เดิม คำบอกเวลาใน Present Simple Tense

ในประโยค Present Simple Tense มกั จะมีคำบอกเวลาซงึ่ เปน็ Adverbs of Frequency ปรากฎ อย่ใู นประโยคเพอื่ บอกความถ่ีของเหตกุ ารณ์หรอื การกระทำน้ัน ๆ ไดแ้ ก่

Adverbs of Frequency คำบอกเวลา

Always สม่ำเสมอ, เป็นประจำ Frequently บ่อย ๆ Often บ่อย ๆ Usually โดยปกติ Hardly แทบจะไมเ่ คย Never ไมเ่ คย Rarely แทบจะไม่เคย Seldom นาน ๆ ครง้ั Sometimes บางครงั้

และนอกจากตัวอยา่ งคำบอกเวลาทีพ่ บบอ่ ยใน Present Simple Tense แลว้ ยงั อาจพบคำว่า every + ... เช่น every month, every morning, every Saturday เพอ่ื บอกความถข่ี องเหตกุ ารณ์หรือ การกระทำกไ็ ด้ เช่น

My teacher always drinks coffee in the morning. (ครูของฉันดืม่ กาแฟในตอนเชา้ เปน็ ประจำ)

Nadech usually gets up at 7 o'clock. (โดยปกตณิ เดชตนื่ นอนตอนเจด็ โมง)

Narong hardly reads books so he doesn't pass the exam. (ณรงคแ์ ทบจะไมเ่ คยอา่ นหนงั สือ ดังนั้นเขาจึงสอบตก)

It seldom rains in this part of the country. (ฝนตกนาน ๆ ครั้งในพืน้ ที่น้ีของประเทศ)

I feel like she's selfish sometimes.

(ฉนั รสู้ กึ วา่ หล่อนเห็นแกต่ วั ในบางคร้ัง) Kimmy hangs out with her friends every Saturday night. (คิมม่ีออกไปเที่ยวกบั เพ่ือนของเธอทุกคืนวนั เสาร์)

1. ใช้กบั เหตกุ ารณ์ทก่ี าลังเกดิ ขึน้ สามารถมี Adverb of Time หรือคากากบั เวลาใน ประโยค เช่น

Now ตอนน้ี Right now ตอนน้ี At the moment ในตอนน้ี Still ยงั คง Currently ตอนน้ี

เช่น I’m watching a movie with my brother. ฉนั กำลงั ดูหนงั อยกู่ บั พ่ีชำย

She is talking with her teacher now. เธอกำลงั คุยกบั อำจำรยข์ องเธออยตู่ อนน้ี

We’re working on a difficult project at the moment. เรำกำลงั ทำโปรเจคที่ยำกช้ินหน่ึงอยตู่ อนน้ี

She is still sitting there. เธอยงั คงนง่ั อยตู่ รงน้นั

Tips: How are you doing? ไม่ไดแ้ ปลวำ่ คุณกำลงั ทำอะไรอยู่ แต่แปลวำ่ ช่วงน้ีคุณ เป็นอยำ่ งไรบำ้ ง

2. ใช้พูดถงึ เหตกุ ารณ์ท่เี กดิ ขนึ้ เป็ นประจามาอย่างยาวนาน หรือเกดิ ขึน้ บ่อยจนเกนิ ไป (รู้สึกในทาง ลบ) มกั จะใชก้ บั คำเหลำ่ น้ี Constantly อยำ่ งต่อเนื่อง

Always ตลอด This week สปั ดำห์น้ี This month เดือนน้ี This year ปี น้ี

เช่น She is always coming to class late. เธอเขำ้ เรียนสำยเป็นประจำเลย

I don’t like them because they are always complaining. ฉนั ไมช่ อบพวกเขำเลย เพรำะวำ่ พวกเขำข้ีบ่น

My sister is constantly reading comic books. นอ้ งสำวฉนั กำลงั อ่ำนหนงั สือกำร์ตูน (อำ่ นมำนำนสักพกั แลว้ )

She is studying hard this month เธอเรียนหนกั มำกเดือนน้ี

3. ใช้กบั เหตุการณ์ที่จะเกดิ ขนึ้ แน่นอนในอนาคตอนั ใกล้ มักมีคากากบั เวลา Tomorrow พรุ่งน้ี Tonight คืนน้ี Next week สปั ดำหห์ นำ้ Next month เดือนหนำ้ Next year ปี หนำ้ Now ตอนน้ี

เช่น We’re meeting Tom at 10 o’clock tomorrow morning. เรำจะไปเจอทอมตอน 10 โมงเชำ้ วนั พรุ่งน้ี

I’m spending New Year with my friends. ฉนั จะใชเ้ วลำช่วงปี ใหม่กบั เพือ่ น ๆ

She is going to Chiang Mai next week. เธอจะไปเชียงใหมส่ ัปดำห์หนำ้

She is coming to my house tomorrow. เธอจะมำบำ้ นฉนั พรุ่งน้ี

I’m going to bed now. ฉนั จะไปนอนแลว้

I’m leaving now. ฉนั จะไปแลว้

กริยาท่ใี ช้กบั Present Continuous ไม่ได้

1. กริยาทีใ่ ช้แสดงความรู้สึก เช่น

believe เช่ือวำ่ love รัก feel รู้สึก suppose สมมติวำ่ imagine นึกคิด hate เกลียด want อยำก, ตอ้ งกำร remember จำได้ know รู้ see เห็น, เขำ้ ใจ like ชอบ dislike ไมช่ อบ think คิดวำ่ prefer ชอบมำกกวำ่

2. กริยาทีเ่ กยี่ วกบั ประสาทสัมผสั ท้ัง 5 เช่น

appear ปรำกฏ hear ไดย้ นิ look ดูเหมือนวำ่ seem ดูเหมือนวำ่ smell ไดก้ ล่ิน taste รู้รส

3. กริยาที่ใช้แสดงความเป็ นเจ้าของ เช่น

have มี own ของ belong เป็นของ

อำ่ นควำมรู้แกรมมำ่ ดี ๆ ไดท้ ี่: ทำควำมรู้จกั 25 Phrasal verb ท่ีใชบ้ อ่ ยในชีวิตประจำวนั คลิก สรุปวิธีกำรใช้ If-clause #แบบกระชบั #เขำ้ ใจงำ่ ย คลิก หลกั กำรใช้ Passive Voice แบบไม่งงและไมต่ อ้ งท่องจำ คลิก

ขอบคุณขอ้ มูลจำก: เวป็ ไซต์ Englishpage เวป็ ไซต์ BBC หนงั สือเก่ง Grammar ก่อนเขำ้ สอบ

หลกั การใช้และโครงสร้างของ Past Simple Tense

1. ใชก้ บั เรื่องท่ีเกิดข้ึนในอดีตและจบส้ินลงไปเรียบร้อยแลว้ สงั เกตงำ่ ย ๆ ว่ำมกั จะมีกำรระบุ ช่วงเวลำไวด้ ว้ ยวำ่ เกิดข้ึนเม่ือไหร่ และใชก้ ริยำช่อง 2 ลองมำดูโครงสร้ำงและตวั อยำ่ งประโยคกนั ก่อนคะ่

ประโยคบอกเล่า S. + V.2 I went to the theme park ประโยคปฎิเสธ yesterday.

  1. + did not + V.1 She didn’t come to Thailand last year.

ประโยคคาถาม Did + S + V.1 Did you see Jane at the bank last hour?

จำง่ำย ๆ วำ่ ประโยคบอกเลำ่ ใชก้ ริยำช่อง 2 ส่วนประโยคปฏิเสธและประโยคคำถำม ใช้ did ร่วมกบั กริยำช่อง 1

นอกจำกน้ีแลว้ Key word บอกเวลำซ่ึงจบไปแลว้ ท่ีพบบอ่ ย ๆ ในประโยค Past Simple Tense ไดแ้ ก่ Yesterday, Last , Ago โดยใชร้ ่วมกบั คำบอกเวลำอ่ืน ๆ มำดูตวั อยำ่ ง กนั เลยคะ่

last hour, last

last + เวลำ/ วนั / night, last Monday, Last สัปดำห/์ เดือน/ฤดู/ ปี last week, last Did they study Science la month, last

summer, last

winter, last year

Ago วนิ ำที / นำที/ ชว่ั โมง/ 5 minutes ago, 3 The bus arrived thirty mi วนั / สปั ดำห์/ เดือน/ ปี + day ago, 2 weeks ago ago, 1 month ago, 4 years ago

เม่ือกริยำช่อง 2 เป็นองคป์ ระกอบสำคญั เรำจึงตอ้ งทอ่ งคำกริยำที่อยใู่ นช่อง 2 ใหด้ ีวำ่ เติม –ed หรือ -d หรือไม่ อยำ่ งไร ดูตวั อยำ่ งกริยำช่อง 2 กนั คะ่

ช่องท่ี 1 ช่องท่ี 2 ช่องท่ี 3 ความหมาย

be was, were been เป็น,อย,ู่ คือ become became become กลำยเป็ น break broke broken แตก, หกั brought brought bring นำมำ build built built สร้ำง buy bought bought ซ้ือ come came come มำ done ทำ do did driven ขบั รถ drive drove eaten กิน eat รู้สึก feel ate felt ได้ get felt gotten ให้ give got given ออกจำก leave gave วิง่ run left left ขำย sell ran run นงั่ sold sold นอน sit sat sat sleep slept slept

Ex. They came here yesterday. (พวกเขำมำที่น่ีเม่ือวำนน้ี)

Ex. He left home ten minutes ago. (เขำออกจำกบำ้ นเม่ือ 50 นำทีท่ีแลว้ )

Ex. I bought a new phone two days ago. (ฉนั ซ้ือโทรศพั ทใ์ หมม่ ำเมื่อ 2 วนั ก่อน)

2. ใชพ้ ดู ถึงนิสยั หรือกิจวตั รที่เคยทำในอดีต หรือกำรบอกวำ่ ใครเคยทำอะไร เคยไปไหนในอดีต มำแลว้ และเหตุกำรณ์น้นั จบลงแลว้ Ex. We cooked every day last year. (พวกเรำทำอำหำรกนั ทกุ วนั เม่ือปี ท่ีแลว้ )

Ex. He always went to office late last month. (เขำไปสำนกั งำนสำยเสมอเมื่อเดือนท่ีแลว้ )

Ex. I was in London in 2017. (ฉนั อยทู่ ี่ลอนดอนในปี 2017)

โครงสร้างประโยค Past continuous tense

ประโยคบอกเลำ่ S + was/were + V.ing He was playing football yes am. ประโยคปฏิเสธ S + was/were + not + V.ing He was not playing footbal 10 am. ประโยคคำถำม Was/Were+ S + V.ing Was he playing football yes am?

ก่อนจะไปกนั ต่อ ขอจอดแวะทบทวนเพม่ิ เตมิ หลักการใช้ Was / Were

Subject ประธานประโยค Verb to be ที่ใช้ (กริยาช่อง 2 ของ is และ are

I, He, She, It, A cat (ประธำนเอกพจน์) was

You, We, They, Cats (ประธำนพหูพจน์) were

Past continuous tenseใช้เล่าถึงเหตุการณ์ในอดตี ซ่ึงมดี ้วยกนั 3 แบบ คือ

1. เหตุการณ์ทก่ี าลงั เกดิ ในอดตี เช่น It was raining yesterday at noon. (ฝนตกลงมำเมื่อวำนตอนเท่ียง)

2. เหตกุ ารณ์ที่กาลงั เกดิ ต่อเนื่องอย่ใู นอดตี ซึ่งเกดิ ขึน้ อยู่ก่อน แล้วกม็ อี กี เหตุการณ์หน่งึ เข้ามาแทรก เช่น I was having a beautiful dream when the alarm clock rang.

(ฉนั กำลงั ฝันดีอยเู่ ชียว นำฬิกำปลกุ ก็ดนั ดงั ข้ึน)

3. เหตุการณ์กาลงั เกดิ ไปพร้อม ๆ กนั ในอดตี ไม่มอี นั ไหนเกดิ ก่อนเกดิ หลงั เช่น While my mom was cooking, my dad was washing his car. (ขณะที่แม่กำลงั ทำอำหำร พอ่ ก็กำลงั ลำ้ งรถ)

การใช้ While, When, As While, When, as ถือวำ่ เป็น Key word สำคญั ท่ีบง่ บอกวำ่ ประโยคน้ีเป็นประโยค Past continuous tense เลยก็วำ่ ได้ เช่น When the police arrived, we were sleeping. (ตอนที่ตำรวจมำถึง พวกเรำกำลงั นอนหลบั กนั อย)ู่

While she was drawing a picture, I came in the room. (ขณะที่เธอกำลงั วำดภำพ ผมกเ็ ขำ้ มำในหอ้ ง )

เทคนคิ การจา - ประโยคทอ่ี ยู่หลงั while และ as ใช้ past continuous (Subject + was/were +V.ing) เพรำะเป็นเหตกุ ำรณ์ท่ียงั จะเกิดต่อเน่ืองไปอีกระยะหน่ึง เช่น We were sleeping, The car was running, She was drawing a picture

- ประโยคทอี่ ยู่หลงั when ใช้ past simple (Subject + V.2) เพรำะเป็น เหตุกำรณ์ที่แทรกเขำ้ มำส้ัน ๆ และจบไปแลว้ พดู งำ่ ย ๆ วำ่ เกิดข้ึนแป๊ บเดียว เช่น the police arrived, the phone rang, I came in the room, it started to rain

1. ใช้เล่าถงึ เหตกุ ารณ์ทเี่ กดิ ขนึ้ ในอดีต และดาเนินต่อเนื่องมาจนถึงถึงปัจจุบนั มกั ใชก้ บั คำเหล่ำน้ี since ต้งั แต่ (+ จุดเริ่มตน้ ของเวลำ เช่น 2021, January, Tuesday) for เป็นเวลำ (+ ระยะเวลำ เช่น 2 months, 5 days, 1 year) ever since ต้งั แตน่ ้นั เป็นตน้ มำ so far จนกระทง่ั ตอนน้ี up to now จนกระทงั่ ตอนน้ี up to the present จนถึงปัจจุบนั

เช่น I have lived in Bangkok since 1991. ฉนั อำศยั อยใู่ นกรุงเทพฯ ต้งั แต่ปี 1991

I have worked in this company for 3 months. ผมทำงำนในบริษทั น้ีมำ 3 เดือนแลว้

A: What have you done so far with your project? ตอนน้ีคุณทำโปรเจคน้ีถึงไหนแลว้ B: So far, I’ve completed writing the report and making a list of customers. ตอนน้ีผมเขียนรำยงำนและทำรำยช่ือลกู คำ้ เสร็จแลว้

He was elected in 2000 and has been president ever since. เขำไดร้ ับเลือกในปี 2000 และดำรงตำแหน่งประธำนำธิบดีต้งั แตน่ ้นั

I started smoking last year, and have coughed ever since.

ฉนั เริ่มสูบบหุ ร่ีปี ที่แลว้ และมีอำกำรไอต้งั แตน่ ้นั

2. ใช้บอกว่าเคยหรือไม่เคยทา ต้งั แต่อดตี จนถงึ ปัจจบุ ัน มกั ใชก้ บั คำเหล่ำน้ี never ไมเ่ คย ever เคย once คร้ังหน่ึง twice สองคร้ัง

เช่น A: Have you ever been to Tokyo? คุณเคยไปโตเกียวไหม B: No, I haven’t been to Tokyo. ไมน่ ะ ฉนั ไมเ่ คยไปโตเกียว

I have never been to Thailand. ฉนั ไม่เคยไปเมืองไทย

Tips: เคยไปหรือไม่เคยไปท่ีไหน ใหใ้ ช้ been แทน gone เพรำะ been หมำยถึง ไปแลว้ กลบั มำแลว้ gone หมำยถึง ไปแลว้ แต่ยงั ไมก่ ลบั มำ เช่น She has just gone to the bank. She’ll back in about 10 minutes เธอเพ่ิงออกไปแบงค์ จะกลบั มำในอกั ประมำณ 10 นำที

3. ใช้กบั เหตกุ ารณ์ทีเ่ พงิ่ จบลงใหม่ๆ มกั ใชก้ บั คำเหล่ำน้ี already เพง่ิ จะ recently เม่ือไม่นำนมำน้ี just เรียบร้อยแลว้ yet ยงั (มกั ใชใ้ นประโยคคำถำมและปฏิเสธ)

เช่น I have just come back to Japan. ฉนั เพ่ิงกลบั มำจำกญ่ีป่ นุ

The bus has already arrived. รถเมลม์ ำถึงแลว้

A: Has he finished the work yet? เขำทำงำนเสร็จรึยงั B: Not yet ยงั เลย

4. ใช้กบั เหตกุ ารณ์ทจ่ี บไปแล้ว แต่ผ้พู ดู ยงั คงรู้สึกถงึ ผลของเหตกุ ารณ์น้ันอยู่

เช่น He has finished that work. เขำทำงำนน้นั เสร็จแลว้ (เพ่ิงทำเสร็จ ยงั ไม่ไดส้ ่ง)

We have just cleaned our classroom. (เพง่ิ ทำเสร็จใหมๆ่ หอ้ งยงั สะอำดกิ้งอยเู่ ลย)

5. ใช้กบั เหตุการณ์ท่ีกาลังเกดิ ขนึ้ และอาจเกดิ ขนึ้ ต่อเน่ือง มกั ใชก้ บั คำกำกบั เวลำเหลำ่ น้ี today วนั น้ี this week อำทิตยน์ ้ี this month เดือนน้ี this year ปี น้ี

เช่น The teacher has drunk two cups of coffee today. วนั น้ีครูคนน้นั ไดด้ ่ืมกำแฟไปแลว้ 2 แกว้ (นกั เรียนจะเห็นครูของเขำทกุ คร้ังที่ด่ืมกำแฟในแตล่ ะวนั และตอนที่นกั เรียนเห็นครูกำลงั ด่ืมกำแฟ แกว้ ที่ 2 อยแู่ ลว้ แต่ครูอำจจะดื่มแกว้ ท่ี 3 หรือ 4 อีก หลงั จำกน้นั )

My father has washed his car three times this month. พอ่ ของฉนั ลำ้ งรถไปแลว้ 3 คร้ังแลว้ เดือนน้ี (อำจจะลำ้ งรถคร้ังที่ 4-5 อีกในเดือนน้ี)

The teacher has not seen Ananda this week. คุณครูยงั ไม่เจออนนั ดำเลยในสปั ดำห์น้ี (สปั ดำหน์ ้ีครูอำจจะไม่เจออนนั ดำเลย)

Present Perfect กบั Past Simple ต่างกนั อย่างไร

1. Past Simple ใช้พดู ถึงเหตกุ ารณ์ท่เี กดิ และจบลงในอดตี แต่ Present Perfect ใช้พดู ถึงเหตกุ ารณ์ทีเ่ กดิ ในอดตี แต่ยังทาต่อเนื่องหรือส่งผลมาถงึ ปัจจบุ ัน

เช่น Present Perfect: She hasn’t called me. เธอยงั ไมไ่ ดโ้ ทรหำฉนั (แต่ตอนน้ียงั รอใหโ้ ทรมำอย)ู่

Past Simple: She didn’t call me. เธอไม่ไดโ้ ทรหำ (แค่เลำ่ เฉย ๆ วำ่ ไมไ่ ดโ้ ทรมำ แต่ไม่ไดร้ อแลว้ )

2. Present Perfect จะเน้นผลของการกระทามากกว่า Past Simple

เช่น What have you done? (Present Perfect) คุณทำอะไรลงไป

What did you do? (Past Simple) คุณทำอะไรไปแลว้

อ่ำนควำมรู้แกรมมำ่ ดี ๆ ไดท้ ี่: ทำควำมรู้จกั 25 Phrasal verb ท่ีใชบ้ อ่ ยในชีวิตประจำวนั คลิก สรุปวธิ ีกำรใช้ If-clause #แบบกระชบั #เขำ้ ใจง่ำย คลิก

หลกั กำรใช้ Passive Voice แบบไมง่ งและไมต่ อ้ งทอ่ งจำ คลิก

Modal Verbs คืออะไร?

Modal Verbs คือ กริยำช่วย ท่ีมีควำมพเิ ศษตรงน้ีมีควำมหมำยในตวั มนั เอง (ปกติกริยำช่วยมีหนำ้ ท่ีทำใหป้ ระโยค สมบูรณ์แต่ไมม่ ีควำมหมำย)

Modal Verbs ท่ีต้องรู้

1. Can/Could = สำมำรถ 2. Will/Would = จะ 3. Shall/Should = ควรจะ 4. May/Might = อำจจะ 5. Must = ตอ้ ง 6. Ought to = ควรจะ

Modal Verbs ต่างจาก verb ปกตอิ ย่างไร?

1. Modal Verbs ไมต่ อ้ งเติม s ไมว่ ำ่ ประธำนจะเป็นตวั ไหน Ex 1. I will visit Japan next year. Ex 2. She can speak Italian.

2. สำมำรถทำเป็นประโยคปฏเิ สธหรือประโยคคำถำมไดเ้ ลยโดยไมต่ อ้ งใชก้ ริยำช่วยตวั อื่น เช่น do, does Ex 1. Students can’t enter this room. Ex 2. Can you pass me the sugar?

3. หลงั Modal Verbs ตอ้ งตำมดว้ ย infinitive verbs (verb รูปธรรมดำที่ไมเ่ ติม -ing, -ed, to, s หรือ es)

Ex 1. I should arrive by lunch time. Ex 2. You must study hard.

คราวนมี้ าดูหลกั การใช้ Modal Verbs แต่ละตวั กนั เลย

Can/Could

รูปปฏิเสธของ Can คอื Can not (Can’t) รูปปฏิเสธของ Could คอื Could not (Couldn’t)

- ใชบ้ อกควำมสำมำรถ โดย Can บอกควำมสำมำรถในปัจจุบนั Could บอกควำมสำมำรถในอดีต Ex 1. He can fix computers. (เขำสำมำรถซ่อมคอมพิวเตอร์ได)้ Ex 2. When I was younger, I could run marathons without a problem.

(ตอนฉนั เด็ก ๆ ฉนั สำมำรถวิง่ มำรำธอนไดโ้ ดยไมม่ ีปัญหำ)

- ใชถ้ ำมเพ่ือขออนุญำต, ใหก้ ำรอนุญำตหรือไม่อนุญำต, ร้องขอบำงสิ่งบำงอยำ่ ง, เสนอกำรช่วยเหลือ โดย Could มี ควำมสุภำพมำกกวำ่ Can

Ex 1. Can I use this restroom please? (ฉนั สำมำรถใชห้ อ้ งน้ำน้ีไดไ้ หม?) Ex 2. Could you fill in these blanks please? (รบกวนช่วยกรอกขอ้ มลู ตรงช่องวำ่ งน้ีได้ ไหมคะ?) Ex 3. Can you help me please? (คุณสำมำรถช่วยฉนั ไดไ้ หม?) Ex 4. Can I carry your bags for you? (ฉนั ช่วยถือกระเป๋ ำใหไ้ หม?) Ex 5. You can’t smoke in this room. (คุณสูบบุหร่ีในหอ้ งน้ีไมไ่ ด)้

- ใชบ้ อกส่ิงที่เป็นไปไดห้ รือเกิดข้นึ โดย Could บอกส่ิงท่ีเกิดข้นึ ในอดีต มีโครงสร้ำง Could + have + past participle (V.3)

Ex 1. It can get very hot there at night. (ตอนกลำงคนื มนั จะร้อนมำก ๆ) Ex 2. I could have done it by myself. (ฉนั สำมำรถทำมนั ไดด้ ว้ ยตวั ฉนั เอง)

Will/Would

รูปปฏิเสธของ Will คอื Will not (Won’t) รูปปฏเิ สธของ Would คือ Would not (Wouldn’t)

- Will ใชบ้ อกสิ่งท่ีคำดกำรณ์วำ่ จะเกิดข้นึ ในอนำคต, บอกควำมต้งั ใจ Ex 1. I will visit Japan next year. (ฉนั จะไปญี่ป่ นุ ปี หนำ้ )

Ex 2. We will give you this book. (พวกเรำจะใหห้ นงั สือเลม่ น้ีแก่คุณ)

- Would ใชพ้ ูดถึงเหตุกำรณ์ที่จะเกิดข้ึนในอดีต, ใชข้ อร้องอยำ่ งสุภำพ, บอกควำมตอ้ งกำร และใชใ้ นประโยค เงื่อนไข

Ex 1. I knew that Nid would be successful. (ฉนั รู้วำ่ นิดจะประสบควำมสำเร็จ) Ex 2. Would you mind if I asked you to work today? (คณุ รังเกียจไหมถำ้ ฉนั จะถำม คณุ เร่ืองงำนวนั น้ี) Ex 3. Would you like some milk? (คณุ ตอ้ งกำรนมไหม?) Ex 4. If she came, I would go. (ถำ้ เธอมำฉนั จะไป)

Shall/Should

รูปปฏเิ สธของ Shall คือ Shall not (Shan’t) รูปปฏเิ สธของ Should คือ Should not (Shouldn’t)

- Shall ใชใ้ นกำรเสนอแนะ ช้ีแนะ เสนอควำมช่วยเหลือ Ex. Shall I carry your bags for you? (ฉนั ถือกระเป๋ ำใหค้ ณุ ไหม?)

หมายเหต:ุ ในปัจจุบนั ไมค่ ่อยใช้ Shall กนั แลว้ แตบ่ ำงคร้ังอำจเจอไดใ้ นกำรพูดอยำ่ งเป็นทำงกำร และบำงเอกสำร ทำงกฎหมำย สำหรับภำษำองั กฤษในชีวิตประจำวนั จะเจอ Shall มำกที่สุดในประโยคคำถำมยนื่ ขอ้ เสนอ หรือ เสนอแนะ ชกั ชวน วำ่ Shall I…? / Shall we…?

- Should แปลวำ่ ควรจะ... ใชใ้ นกำรแนะนำ Ex 1. Should we take a taxi? (พวกเรำควรจะข้ึนแทก็ ซี่นะ?) Ex 2. I think you should stop smoking. (ฉนั คิดวำ่ คุณควรเลิกสูบบุหรี่นะ)

May/Might

May และ Might แปลวำ่ อำจจะ สำมำรถใชแ้ ทนกนั ได้ แต่ Might จะสื่อวำ่ มีโอกำสเกิดข้นึ ไดน้ อ้ ยกวำ่ รูปปฏิเสธของ May คอื May not

รูปปฏิเสธของ Might คอื Might not (Mightn’t)

- ใชบ้ อกควำมเป็นไปได้ หรือสิ่งที่อำจจะเกิดข้ึน Ex. She may be in danger. (เธออำจจะตกอยใู่ นอนั ตรำย)

- ใชใ้ นกำรใหอ้ นุญำต, ขออนุญำต Ex 1. May I borrow your phone? (ฉนั ขอยมื โทรศพั ทค์ ุณไดไ้ หม?) Ex 2. You may call me anytime. (คณุ โทรหำฉนั ไดท้ ุกเวลำนะ)

Must

- แปลวำ่ ตอ้ ง ใชพ้ ดู ถึงสิ่งท่ีตอ้ งทำ ส่ิงจำเป็นท่ีขำดไมไ่ ด้ Ex 1. I must finish my work. (ฉนั ตอ้ งทำงำนใหเ้ สร็จ) Ex 2. Plants must have light and water to grow. (พชื ตอ้ งมีแสงและน้ำเพ่ือกำร

เจริญเติบโต) Ex 3. The show must go on. (ชีวิตตอ้ งดำเนินต่อไป)

- เมื่อเป็นรูปปฏิเสธ Must not (Mustn’t) จะหมำยถึง ขอ้ หำ้ ม, ไมอ่ นุญำตใหท้ ำ Ex. You mustn’t drink that. (คณุ หำ้ มด่ืมส่ิงน้นั นะ)

Ought to

Ought to แปลวำ่ ควรจะ เป็นคำท่ีคนสมยั ก่อนใชก้ นั ปัจจุบนั น้ีไมค่ ่อยใชก้ นั แลว้ จะใช้ Should มำกกวำ่ Ex. We ought to help the poor. = We should help the poor. (เรำควรจะ

ช่วยเหลือคนจน)

พอพดู ถึง will เรำมกั จะคิดถึงเหตุกำรณ์ที่เป็นอนำคต และก็ควำมหมำยมนั ็แปลวำ่ "จะ" ช้นั จะทำโน่น ทำน่ี จะไปท่ีนน่ั ที่น่ี แต่รู้หรือไม่? เรำตอ้ งแยกประเดน็ วำ่ ภำยใตค้ ำวำ่ "จะ" น้นั มนั เป็นเหตุกำรณ์ท่ีเรำไดว้ ำงแผนเอำไวแ้ ลว้ หรือมนั เป็นเหตุกำรณ์ท่ีเรำคิดแบบ ปัจจุบนั ทนั ด่วน ไมไ่ ดเ้ ตรียมตวั เตรียมใจไวล้ ่วงหนำ้ เพรำะเรำจะใช้ will ในกรณีที่เรำคิด ตดั สินใจเดี๋ยวน้นั เลย ไม่มีกำรวำงแผนอะไรท้งั น้นั ซ่ึงถำ้ เป็นเหตุกำรณ์ที่ต้งั ใจ หรือมีกำร วำงแผนเอำไวแ้ ลว้ เรำมกั จะใช้ to be going to

1. ตดั สินใจแบบทันทที ันใด

ตำมหลกั แลว้ เรำจะไม่ใช้ will กบั ส่ิงท่ีเตรียมกำรไวแ้ ลว้ เช่น

เรำแพลนจะไปเที่ยวหวั หิน จองที่พกั ล่วงหนำ้ เรียบร้อย เรำกจ็ ะไมใ่ ชว้ ำ่ I will go to

Hua Hin next week.

ฉนั กำลงั จะไปหวั หินอำทิตยห์ นำ้ เพรำะเรำวำงแผนไวล้ ว่ งหนำ้ แลว้ นน่ั เอง (ท่ี

ถูกตอ้ งคือ I'm going to Hua Hin next week.)

แลว้ will ใชจ้ ะกเ็ ม่อื เพอ่ื นชวนไปเท่ียวหวั หิน แลว้ เรำตดั สินใจเดี๋ยวน้นั เลยวำ่ I'll

go! ฉนั จะไป! คือเป็นกำรตดั สินใจแบบทนั ทีทนั ใดนน่ั เอง

2. ทานาย เรำใช้ will เมอื่ จะ 'ทำนำย' หรือ 'ทำย' อะไรบำงอยำ่ ง เช่น I think Som will arrive

in Paris at 6 pm. ฉนั คิดวำ่ สม้ น่ำจะถึงปำรีสตอน 6 โมงเยน็ หรือ It will rain tomorrow. พรุ่งน้ีฝนน่ำจะตกนะ คือเป็นกำรทำนำยวำ่ สิ่งน้นั น่ำจะ

เกิดข้ึน

3. ให้สัญญา เวลำที่เรำสัญญำกบั ใครวำ่ จะทำอะไร ใหใ้ ช้ will เสมอ ยกตวั อยำ่ งง่ำยๆ ก่็เช่น วลีตดิ

หูในภำพยนตร์เร่ือง The Terminator หรือ คนเหลก็ ที่วำ่ I'll be back. ฉนั จะกลบั มำ

4. เสนอตวั ทาบางสิ่ง เช่น That bag looks heavy. I will help you with it. กระเป๋ ำนน่ั ดูหนกั นะ ฉนั ช่วย

เธอถือดีกวำ่ ถำ้ เสนอตวั ช่วยเหลือแบบน้ี ใหใ้ ช้ I will help ไม่ใช่ I help

5. ใช้เพ่ือขอร้อง (เป็ นประโยคคาถาม แต่ไม่ใช่คาถาม) Will you open the door, please. ช่วยเปิ ดหนำ้ ตำ่ งใหห้ น่อย Will you sit here, please. ช่วยนงั่ ตรงน้ีดว้ ยครับ แตโ่ ดยมำกนิยมใชค้ ำวำ่ Would,

Could แทน will เพรำะสุภำพกวำ่

กำรใช้ “บำงส่วน”

ดว้ ยคำนำมนบั ไดพ้ หูพจน์ เรำสำมำรถใหป้ ริมำณ ("ห้ำคน") หรือใช้ "บำงส่วน" หำกเรำไมท่ รำบปริมำณที่แน่นอน “ มหี ้าคนในสำนกั งำน” (เรำสำมำรถเห็นคนหำ้ คนอยำ่ งแน่นอน) “ มีคนอยใู่ นออฟฟิศ” (เรำไม่รู้แน่ชดั ว่ำกี่คน) คำนำมนบั ไม่ได้ เรำยงั ใช้ “some” ดว้ ย “ มนี มอยใู่ นตเู้ ยน็ ” (ฉนั ไมร่ ู้ปริมำณท่ีแน่นอน) “ มีเงินอยใู่ นกระเป๋ ำของฉนั ” (ไมร่ ู้เงินเท่ำไหร่) โปรดจำไวว้ ำ่ : ดว้ ยคำนำมนบั ไดเ้ อกพจน์ เรำใช้ a/an, the หรือ ตวั กำหนดหรือคำสรรพนำมอน่ื – ไม่ใช่ “บำง” “ มผี หู้ ญงิ อยใู่ นร้ำน” “ มผี ูห้ ญงิ คนน้นั ทำงำนในโรงพยำบำล” “ มนี อ้ งสำวฉันอยใู่ นรูปถำ่ ย”

รูปแบบเชิงลบและใช้ "ใดๆ"

มสี องวิธีในกำรสร้ำงเชิงลบ 1. เติม not or n ตอ่ ทำ้ ยกริยำ ดหู นำ้ คำกริยำของเรำเพ่ือดขู อ้ มลู เพม่ิ เติมเกี่ยวกบั กำรสร้ำงเชิงลบและคำถำม “ ไม่มีตู้เย็นในครัว” (นำมเอกพจนน์ ับได)้ “ ไม่มเี งนิ ในกระเป๋ ำเงินของฉนั ” (คำนำมท่ีนบั ไมไ่ ด)้ “ ไม่มีนักเรียนเลย ” ในห้องเรียน (นำมพหูพจน)์ สำหรับคำนำมที่นบั ไม่ได้ ใหใ้ ช้ “any” หลงั คำนำมเชิงลบ “isn't” และสำหรับคำนำมท่ีนบั ไดพ้ หูพจนใ์ หใ้ ช้ “any” หลงั “aren't” ขอ้ ควรจำ: อย่ำใช้ "any" กบั คำนำมนบั ไดเ้ อกพจน์ “ไม่มีบิสกิตเหลอื อยใู่ นห่อ” (ไมใ่ ช่ “ไม่มีบิสกิตเหลืออยใู่ นห่อ”) 2. ใช้ “no” ตอ่ จำก “there is” หรือ “there are” “ ไม่มตี ู้เย็นในครัว” (นำมนบั ไดเ้ อกพจน)์ “ ไม่มนี กั เรียนในห้องเรียน” (นำมพหูพจน์) “ ไม่มีกาแฟเหลอื แลว้ ” (คำนำมท่ีนบั ไม่ได)้ อยำ่ งไรก็ตำม เป็นเรื่องปกติท่ีจะใช้ “isn't + a” สำหรับคำนำมนบั ไดเ้ อกพจน์ “isnt + any” สำหรับคำนำมท่ีนบั ไมไ่ ด้ และ “aren't + any” สำหรับคำนำมพหูพจน์ หำกคณุ ตอ้ งกำรควำมช่วยเหลอื เพมิ่ เติมเก่ียวกบั ไวยำกรณ์ภำษำองั กฤษดทู ่ีหนำ้ ของเรำในบำงใด ๆสำหรับขอ้ มูลเพิ่มเติม

แบบฟอร์มคำถำมและกำรใช้ “ใดๆ”

1. ในกำรต้งั คำถำม ให้เปลีย่ นลำดบั คำจำกประธำนกริยำเป็นกริยำประธำน: มี + คำนำมเอกพจน์ = มี + คำนำมเอกพจนห์ รือไม่? “มหี ้องน้าบนรถไฟขบวนน้ีหรือไม่” 2. จำกน้นั เปลยี่ นคำถำม "บำง" เป็น "ใดๆ" มบี ำง + คำนำมนบั ไม่ได้ = มีคำนำมใด ๆ + ที่นบั ไมไ่ ดห้ รือไม่? “มเี วลาไปซ้ือของไหม” มบี ำง + คำนำมพหูพจน์ = มี + คำนำมพหูพจนห์ รือไม่? “เชำ้ น้ีมีรถไฟไปลอนดอนไหม”

แบบฟอร์มคาตอบส้ัน ๆ ใช่ม.ี /ไม่มไี ม่มี. ใช่แลว้ ละ่ . /ไม่มไี ม่มี.

คำสรรพนำม ไดแ้ ก่ คำสรรพนำมเร่ืองคำสรรพนำมวตั ถุ และคำสรรพนำมแสดงควำมเป็นเจำ้ ของ ใชแ้ ทนคำนำมในประโยค สิ่งสำคญั คอื ตอ้ งเรียนรู้คำคณุ ศพั ทแ์ สดงควำมเป็นเจำ้ ของเมื่อเรียนรู้แบบฟอร์มเหล่ำน้ี ใชแ้ ผนภมู ิดำ้ นลำ่ งแลว้ ศกึ ษำตวั อยำ่ งแผนภมู ิประโยค สุดทำ้ ย คุณสำมำรถฝึกฝนส่ิงที่คณุ ไดเ้ รียนรู้โดยทำแบบทดสอบดำ้ นลำ่ ง

คาสรรพนามและรูปแบบความเป็ นเจ้าของ

เร่ืองสรรพนามคาสรรพนามวตั ถุคาคุณศัพท์แสดงความเป็ นเจ้าของคาสรรพนามแสดงความเป็ นเจ้าของ

ผม ฉนั ของฉนั ของฉนั

คุณ คุณ ของคณุ ของคณุ

เขำ เขำ ของเขำ ของเขำ

เธอ ของเธอ ของเธอ ของเธอ

มนั มนั ของมนั

เรำ เรำ ของเรำ ของเรำเอง

คุณ คุณ ของคณุ ของคุณ

พวกเขำ พวกเขำ ของพวกเขำ ของพวกเขำ

ตัวอย่างประโยค: หวั เรื่องและสรรพนามของวัตถุ

เร่ืองสรรพนามตัวอย่าง คาสรรพนามวัตถุตวั อย่าง

ผม ฉันทางานในพอร์ตแลนด์ ฉนั เธอมอบหนังสื อให้ ฉัน

คุณ คุณชอบฟังเพลง คุณ ปี เตอร์ซื้อของขวัญให้คุณ

เขำ เขาอาศัยอย่ใู นซีแอตเทิล เขำ เธอบอกความลับแก่เขา

เธอ เธอไปเที่ยวพักผ่อนเมื่อสัปดาห์ ที่แล้ ว ของเธอ ฉันขอให้เธอมากบั ฉัน

มนั วนั นเี้ หมือนจะร้อน! มนั แจค็ มอบมันให้อลิซ

เรำ เราสนกุ กับการเล่นกอล์ฟ เรำ ครูสอนภาษาฝร่ั งเศสให้ เรา

คุณ คุณสามารถมางานปาร์ตี้ คุณ ฉันส่งหนงั สือให้คุณเมื่อสัปดาห์ท่ีแล้ว

พวกเขำ พวกเขาเป็นนักเรียนท่ีโรงเรียนนี้ พวกเขำ รั ฐให้ ประกันแก่พวกเขา

ตวั อย่างประโยค: คาคุณศัพท์และคาสรรพนามทเ่ี ป็ นเจ้าของ

คาคณุ ศัพท์แสดงความเป็ น ตวั อย่าง คาสรรพนามแสดงความเป็ น ตวั อย่าง เจ้าของ ของฉนั นั่นคือบ้านของฉัน เจ้าของ ของคณุ วิชาของคณุ เป็นภาษาอังกฤษ ของเขำ ภรรยาของเขามาจากอิตาลี ของฉนั รถคันนัน้ เป็นของฉัน ของเธอ เธอช่ือคริสต้า ของคุณ หนงั สือเล่มนนั้ เป็นของคุณ

ของเขำ สุนขั ตวั นั้นท่ีนั่นเป็นของเขา

ของเธอ บ้านน้ันเป็ นของเธอ

ของมนั สีของมนั คือสีดา ของเรำเอง โปสเตอร์บนฝาผนงั นน้ั เป็น ของเรำ รถเราเก่ามาก ของเรา ความรับผิดชอบเป็ นของคุณ ของคุณ ฉันมกี ารทดสอบของคุณแก้ไขสาหรับคณุ ของคณุ ท้ังหมด ของพวกเขำ ในวนั นี้ บ้านหัวมมุ เป็นของพวกเขา เป็นการยากท่ีจะเข้าใจความหมายของพวก ของพวกเขำ เขา

แบบทดสอบ เลือกตวั เลือกที่ดีที่สุดเพอ่ื เติมในช่องว่ำงดำ้ นล่ำง โดยใชแ้ บบฟอร์มท่ีถกู ตอ้ งแทนคำในวงเลบ็

1. __________ ทางานที่ธนาคารแห่งชาติ (แมรี่)

• นาง • ของเธอ • เขา

2.กรุณาให้ __________ หนังสือ (ปี เตอร์)

• ของเธอ • มัน • เขา

3.นน่ั คือ __________ หนังสือบนโต๊ะ (ผม)

• ของฉัน • ของฉัน • ของเรา

4.หนังสือคือ __________ (จอห์น)

• ของเธอ • ของมัน • ของเขา

5. __________ เพลดิ เพลินกบั การชมภาพยนตร์ในเย็นวันศุกร์ (พีช่ ายและฉัน)

• พวกเขา • เรา • เรา

6.ฉันสนุกกบั การฟัง __________ เม่ือสัปดาห์ทแ่ี ล้ว (เพลง)

• มัน • เขา • พวกเขา

7.อลิสันถามคาถาม __________ เพราะพวกเขามาไม่ได้ (แมรี่และแฟรงค์)

• พวกเขา • เรา • เขา

8.ฉันคดิ ว่า __________ ไอเดียมันบ้า! (คณุ )

• ของพวกเขา • คณุ • ของคุณ

9.ฉันแน่ใจว่ามนั คือ __________ (คอมพิวเตอร์ท่เี ป็ นของพี่สาวและฉัน)

• ของพวกเขา • ของคณุ • ของเราเอง

10.สุนขั ตวั น้ันอยู่ที่นั่น __________ (เฮนรี่)

• เขา • ของมนั • ของเขา

11. __________ สีแดง (รถยนต์)

• มนั คือ

• ของเธอ • ของพวกเขา

12.ทอมให้คาแนะนาแก่ __________ (ลูกๆ ภรรยา และฉัน)

• พวกเขา • เรา • ของเรา

13. __________ เรียนภาษาฝร่ังเศสในวทิ ยาลยั (ปี เตอร์ แอนน์ และแฟรงค์)

• เรา • พวกเขา • พวกเขา

14.เธอกิน __________ อย่างรวดเร็วและออกไปทางาน (อาหารเช้า)

• พวกเขา • มัน • เรา

15.ฉันต้องการฟังความคดิ เหน็ __________ (ซูซาน)

• ของพวกเขา • ของเธอ • ของเขา

16.ไม่ใช่ คนน้นั คือ __________ (คุณ)

• ของคณุ • ของเขา • ของเธอ

17.คณุ ได้ยนิ เสียงโทรศัพท์ไหม? ฉันคิดว่ามนั __________. (โทรศัพท์ของฉัน)

• ฉัน • ของฉัน

• ของฉัน

18.คณุ ต้องการซื้อคุกกี้ __________ หรือไม่? (เพ่ือนฉันและฉัน)

• เรา • ของเรา • ของคุณ

19.ไม่ใช่ คนน้นั คือ __________ (คุณ)

• ของคุณ • ของคุณ • ของเขา

20.เธอทางานให้กบั บริษทั __________ (จอห์น)

• เขา • ของเรา