เทคนิคพีซีอาร์ (PCR) เทคนิคพีซีอาร์ (PCR) มีชื่อเต็มว่าเทคนิคปฏิกิริยาลูกโซ่โพลิเมอเรส (Polymerase Chain Reaction) เป็นเทคนิคเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมคือดีเอ็นเอ ให้มีปริมาณมากเป็นล้านเท่า ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยอาศัยหลักการจำลองตัวของสายดีเอ็นเอ (DNA Replication) เลียนแบบกระบวนการสังเคราะห์ดีเอ็นเอในสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ
ที่มีการสร้างสายดีเอ็นเอสายใหม่อีกหนึ่งสายจากดีเอ็นเอเดิม หลักการทำงานของเทคนิคพีซีอาร์ เทคนิคนี้ใช้หลักการพื้นฐานในการเพิ่มดีเอ็นเอด้วยการจำลองดีเอ็นเอสายใหม่จากสายดีเอ็นเอที่เป็นต้นแบบหนึ่งสาย ด้วยเอนไซม์ดีเอ็นเอโพลีเมอเรส (DNA polymerase) โดยใช้ดีเอ็นเอเริ่มต้นหรือไพรเมอร์ (Primer) 1 คู่ ทำให้สังเคราะห์ดีเอ็นเอได้คราวละ 2 สายพร้อมกัน ประกอบด้วยปฏิกิริยาสำคัญ 3 ขั้นตอน และหมุนเวียนต่อเนื่องกันไป ภายใต้สภาวะที่เหมาะสมของแต่ละขั้นตอน
จากขั้นตอนที่ 1-3 ซึ่งนับเป็นจำนวน 1 รอบ (One cycle) ให้ผลผลิตเป็นดีเอ็นเอสายคู่ที่มีลำดับเบสเป็นคู่สม (หรือเข้ากัน) กับดีเอ็นเอที่เป็นต้นแบบ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และเมื่อจัดให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่จากขั้นที่ 1 ถึง 3 หมุนเวียนไปอีกหลาย ๆ รอบ จะเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอได้จำนวนมาก ประมาณว่าปฏิกิริยา 30 – 40 รอบ สามารถเพิ่มปริมาณสารดีเอ็นเอได้ไม่น้อยกว่าพันล้านเท่า ดังนั้น แม้ตัวอย่างที่นำมาศึกษามีปริมาณสารพันธุกรรมน้อยมาก เราก็ใช้เทคนิคพีซีอาร์เพิ่มจำนวนได้หลายเท่าทวีคูณ ดีเอ็นเอที่เกิดจากเทคนิคนี้ในหลอดทลอง มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดังนั้นเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอผลผลิต ต้องนำตัวอย่างที่ทำพีซีอาร์มแยกหาดีเอ็นเอโดยใช้เทคนิคที่เรียกว่าอะกาโรสเจลอิเล็กโตรโฟริสิส (Agarose gel electrophoresis) ซึ่งเป็นการแยกดีเอ็นเอด้วยกระแสไฟฟ้าบนแผ่นวุ้น (Agarose gel) โดยระยะทางที่ดีเอ็นเอเคลื่อนที่ไปได้ขึ้นกับขนาดของดีเอ็นเอและกระแสไฟฟ้าที่ใช้ ดีเอ็นเอที่แยกโดยวิธีนี้ มองเห็นได้เมื่อย้อมด้วยสีพิเศษ ซึ่งเรืองแสงภายใต้แสงอุลตร้าไวโอเลต ประโยชน์ของ PCR ในการตรวจวินิจฉัยโรค PCR เป็นเทคนิคสำคัญมากในงานอณูชีวโมเลกุล ทั้งในส่วนที่เป็นงานพื้นฐานในห้องปฏิบัติการ ตลอดจนการประยุกต์ใช้ทางการแพทย์ และการเกษตรสามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคต่าง ๆ ทั้งโรคติดเชื้อและโรคจากพันธุกรรม ศึกษาความผันแปรทางพันธุกรรม ศึกษากลายพันธุ์ของยีน ทำแผนที่ยีน และศึกษาลำดับเบสของยีนของสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด โดยสามารถสรุปได้ตามหัวข้อต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ข้อสอบ
ก.กระบวนการสังเคราะห์แสง ข.กระบวนการสังเคราะห์อาร์เอ็นเอ ค.กระบวนการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ ง.กระบวนการสังเคราะห์โปรตีน 2. ความแตกต่างของเทคนิคโคลนนิ่ง(Cloning) กับ เทคนิคพีซีอาร์ (PCR) คือ ก.โคลนนิ่งเป็นเทคนิคในการสร้างสารพันธุกรรมที่เหมือนกันในหลอดทดลอง แต่พีซีอาร์เป็นการสร้างดีเอ็นเอจำนวนเพิ่มขึ้น ข.โคลนนิ่งเป็นเทคนิคการเพิ่มจำนวนดีเอ็นเอในสิ่งมีชีวิต แต่พีซีอาร์เป็นการเพิ่มจำนวนดีเอ็นเอในหลอดทดลอง ค.โคลนนิ่งไม่ต้องใช้เอนไซม์ในการเพิ่มจำนวน แต่พีซีอาร์ต้องใช้เอนไซม์ DNA polymerase ในการเพิ่มจำนวน ง.ถูกทุกข้อ เฉลย 1.ค 2.ข { cr https://sites.google.com/site/biology2012science/what-is-dna/thekhnikh-pcr-ni-kar-pheim-canwn-dna } องค์ประกอบใดจำเป็นต่อการเกิดปฏิกิริยาในหลอดทดลองของเทคนิค PCRองค์ประกอบที่สำคัญในการทำ PCR ได้แก่
-ดีเอ็นเอแม่แบบ (Template DNA) -ไพรเมอร์ Primer. -เอ็นไซม์DNA Polymerase ชนิดทนความร้อน (Taq DNA polymerase)
องค์ประกอบที่จำเป็นต้องใช้ในการทำเทคนิค PCR คือข้อใดองค์ประกอบที่สำคัญในการทำ PCR ได้แก่ ดีเอ็นเอแม่แบบ (Template DNA) ไพรเมอร์ Primer. เอ็นไซม์DNA Polymerase ชนิดทนความร้อน (Taq DNA polymerase)
Polymerase Chain Reaction ใช้ทําอะไรปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสหรือที่รู้จักกันในชื่อ พีซีอาร์ (PCR : Polymerase chain reaction) เป็นเทคนิคที่ถูก พัฒนาขึ้นโดย แครี มุลลิส (Kary Mullis) ในปี 1983 ปัจจุบันเทคนิค PCR ได้เข้ามามีบทบาทในงานทางด้านเทคนิค การแพทย์ไม่ว่าจะเป็น การใช้ตรวจหาเชื้อก่อโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรีย รา หรือไวรัส ใช้ในการเพิ่มจํานวนของยีนดื้อยา ...
ปฏิกิริยา PCR ประกอบด้วยกี่ขั้นตอน อะไรบ้างทุกๆ รอบ (cycle) ของปฏิกิริยา PCR มี 3 ขั้นตอน โดยปรกติจะให้ปฏิกิริยา PCR เกิดขึ้นซ้ำๆ จำนวน 20-30 รอบ ทำให้ได้ผลิตผล (PCR product) จำพวกที่สังเคราะห์ได้ มากคือ "short product" ที่มีขนาดความยาวกำหนดจากปลาย 5" ของ primers ทั้งสองสาย (รูปที่ 7.1) ถ้าคำนวณตามทฤษฎีแล้วจำนวนสายของ short product นี้ควรจะเพิ่ม 2 เท่า ใน ทุก ...
|