การคำนวณโดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะใช้โปรแกรม Microsoft Excel ในการคำนวณและใช้สูตรต่าง ๆ ในการคำนวณ ซึ่งก่อนที่เราจะมาใช้สูตรในการคำนวณ เราจะต้องมารู้จักกับเครื่องหมายที่นำมาใช้ในการดำเนินการกันก่อน เพื่อให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้สูตรและการใช้เครื่องหมายได้ตามความการของเรา โดยเครื่องหมายต่าง ๆ จะแบ่งออกเป็น 5 ตัวดำเนินการหรือว่า 5 หมวดหมู่นั่นเอง ในแต่ละตัวดำเนินการจะมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในการคำนวณต่าง ๆ จะต้องใส่เครื่องหมาย = หน้าตัวดำเนินการหรือหน้าสูตรการคำนวณทุกครั้ง เรามารู้จักกับตัวดำเนินการต่าง ๆ กันได้เลยค่ะ Show
Related posts:วิธีซ่อน/แสดงเส้นตารางใน Excel (Gridline Excel) การจัดรูปแบบตัวเลขใน Excel วิธีเรียกใช้งานหรือซ่อนไม้บรรทัดใน Word คีย์ลัดใน Excel จำง่ายใช้คล่อง ถ้าคุณไม่คุ้นเคยกับ Excel คุณจะพบว่า Excel มีอะไรมากกว่าตารางที่คุณใช้ใส่ตัวเลขในคอลัมน์หรือแถว แน่นอนว่าคุณสามารถใช้ Excel เพื่อค้นหาผลรวมสำหรับคอลัมน์หรือแถวตัวเลขได้ แต่คุณยังสามารถคำนวณการชำระเงินกู้ หาผลลัพธ์ทางคณิตศาสตร์ หรือแก้ไขปัญหาทางวิศวกรรม หรือค้นหากรณีสมมติที่ดีที่สุดโดยยึดตามตัวแปรที่คุณใส่ไว้ได้ Excel ทำสิ่งเหล่านี้โดยใช้สูตรในเซลล์ สูตรจะดำเนินการการคำนวณหรือการดำเนินการอื่นๆ บนข้อมูลในเวิร์กชีตของคุณ สูตรจะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมายเท่ากับ (=) เสมอ ซึ่งอาจตามด้วยตัวเลข ตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ (เช่น เครื่องหมาย + หรือ - สำหรับการบวกหรือการลบ) และ ฟังก์ชัน Excel ที่มีอยู่ภายใน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสูตร ตัวอย่างเช่น สูตรต่อไปนี้จะคูณ 2 ด้วย 3 แล้วจึงบวก 5 เข้ากับผลลัพธ์ที่ได้ก็จะได้คำตอบเท่ากับ 11 =2*3+5 ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเพิ่มเติมบางตัวอย่างที่คุณสามารถใส่ลงในเวิร์กชีตได้
ส่วนต่างๆ ของสูตร Excelสูตรอาจประกอบด้วยสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือทั้งหมดต่อไปนี้คือ: ฟังก์ชัน, การอ้างอิง, ตัวดำเนินการ และ ค่าคงที่ ส่วนต่างๆ ของสูตร 1. ฟังก์ชัน: ฟังก์ชัน PI() จะส่งกลับค่าพายเป็น: 3.142... 2. การอ้างอิง: A2 ส่งกลับค่าในเซลล์ A2 3. ค่าคงที่: คือ ตัวเลขหรือค่าที่ใส่ลงในสูตรโดยตรง เช่น 2 4. ตัวดำเนินการ: ตัวดำเนินการ ^ (แคเรท) ทำหน้าที่ในการยกกำลังตัวเลข และตัวดำเนินการ * (เครื่องหมายดอกจัน) ทำหน้าที่ในการคูณตัวเลข การใช้ค่าคงที่ในสูตร Excelค่าคงที่เป็นค่าที่จะไม่ถูกคำนวณ ซึ่งจะเป็นค่าเดิมอยู่เสมอ เช่น วันที่ 10/9/2008, เลข 210 และข้อความ “รายได้ประจำไตรมาส” ทั้งหมดนี้เป็นค่าคงที่ นิพจน์ หรือค่าที่เป็นผลลัพธ์จากนิพจน์ไม่ใช่ค่าคงที่ ถ้าคุณใช้ค่าคงที่ในสูตรแทนการอ้างอิงเซลล์ (เช่น =30+70+110) ผลลัพธ์จะเปลี่ยนแปลงเมื่อคุณแก้ไขสูตรเท่านั้น โดยทั่วไปแล้ว ที่ที่ดีที่สุดที่จะใส่ค่าคงที่คือในเซลล์แต่ละเซลล์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนได้อย่างง่ายๆ หากจำเป็น จากนั้นอ้างอิงเซลล์เหล่านั้นลงในสูตร การใช้ตัวดำเนินการการคำนวณในสูตร Excelตัวดำเนินการระบุชนิดของการคำนวณที่คุณต้องการดำเนินการบนองค์ประกอบของสูตร Excel ทำตามกฎการคำนวณทางคณิตศาสตร์ทั่วไป คือ วงเล็บ, เลขชี้กำลัง, การคูณและการหาร และ การบวกและการลบ หรือคำย่อ PEMDAS (Please Excuse My Dear Aunt Sally) การใช้วงเล็บจะอนุญาตให้คุณเปลี่ยนแปลงลำดับการคำนวณดังกล่าว ชนิดของตัวดำเนินการ ตัวดำเนินการการคำนวณมี 4 ชนิด คือ: ทางคณิตศาสตร์, การเปรียบเทียบ, การเรียงข้อความต่อกัน และ การอ้างอิง
ด้านบนของหน้า ลำดับการดำเนินการของ Excel ในสูตรในบางกรณี ลำดับของการทำการคำนวณอาจมีผลต่อค่าที่สูตรจะส่งกลับ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจถึงวิธีที่ลำดับถูกกำหนด และวิธีที่คุณจะสามารถเปลี่ยนลำดับเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุณต้องการ
การใช้ฟังก์ชันและฟังก์ชันที่ซ้อนกันในสูตร Excelฟังก์ชัน คือ สูตรที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ที่ดำเนินการการคำนวณโดยใช้ค่าที่ระบุ หรือที่เรียกว่าอาร์กิวเมนต์ ตามลำดับหรือโครงสร้าง ฟังก์ชันต่างๆ สามารถใช้เพื่อดำเนินการการคำนวณทั่วไปหรือการคำนวณที่ซับซ้อนได้ คุณสามารถค้นหาฟังก์ชันทั้งหมดของ Excel ได้บนแท็บสูตรบน Ribbon
การใช้การอ้างอิงในสูตร Excelการอ้างอิงจะระบุเซลล์หรือช่วงของเซลล์บนเวิร์กชีต และบอก Excel ว่าจะหาค่าหรือข้อมูลที่คุณต้องการใช้ในสูตรได้จากที่ใด คุณสามารถใช้การอ้างอิงเพื่อใช้ข้อมูลที่อยู่ในคนละส่วนของเวิร์กชีตในสูตรเดียว หรือใช้ค่าจากเซลล์เดียวในหลายๆ สูตรได้ คุณยังสามารถอ้างอิงไปยังเซลล์ในเวิร์กชีตอื่นในเวิร์กบุ๊กเดียวกัน และไปยังเวิร์กบุ๊กอื่นได้อีกด้วย การอ้างอิงไปยังเซลล์ในเวิร์กบุ๊กอื่นจะเรียกว่าลิงก์หรือการอ้างอิงภายนอก
การใช้ชื่อในสูตร Excelคุณสามารถสร้างชื่อที่กำหนดเพื่อเป็นตัวแทนเซลล์ ช่วงของเซลล์ สูตร ค่าคงที่ หรือตาราง Excel ได้ ชื่อก็คือการอ้างอิงแบบย่อที่ช่วยให้เข้าใจจุดประสงค์ของการอ้างอิงเซลล์ ค่าคงที่ สูตร หรือตารางได้ง่ายขึ้น ซึ่งแต่ละรายการอาจดูจะเข้าใจได้ยากในตอนแรก ข้อมูลต่อไปนี้จะแสดงตัวอย่างทั่วไปของชื่อ และแสดงให้เห็นว่าการใช้ชื่อเหล่านั้นในสูตรจะสามารถเพิ่มความชัดเจนและทำให้เข้าใจสูตรง่ายขึ้นได้อย่างไร ตัวอย่าง 1 ชนิดตัวอย่าง ตัวอย่าง การใช้ช่วงแทนการใช้ชื่อ ตัวอย่าง การใช้ชื่อ อ้างอิง =SUM(A16:A20) =SUM(ยอดขาย) ค่าคงที่ =PRODUCT(A12,9.5%) =PRODUCT(Price,TaxRate) สูตร =TEXT(VLOOKUP(MAX(A16,A20),A16:B20,2,FALSE),"m/dd/yyyy") =TEXT(VLOOKUP(MAX(ยอดขาย),ข้อมูลการขาย,2,FALSE),"m/dd/yyyy") ตาราง A22:B25 =PRODUCT(ราคา,ตาราง1[@อัตราภาษี]) ตัวอย่าง 2 คัดลอกข้อมูลตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ และวางในเซลล์ A1 ของเวิร์กชีต Excel ใหม่ เพื่อให้สูตรแสดงผลลัพธ์ ให้เลือกสูตร กด F2 แล้วกด Enter ถ้าจำเป็น คุณสามารถปรับความกว้างของคอลัมน์เพื่อดูข้อมูลทั้งหมดได้ หมายเหตุ: ในสูตรในคอลัมน์ C และ D ที่กำหนดชื่อเป็น “Sales” จะแสดงแทนการอ้างอิงไปยัง (ช่วง) A9:A13 และชื่อ “SalesInfo” จะถูกแทนสำหรับช่วง A9:A13 ถ้าคุณไม่สร้างชื่อเหล่านี้ในเวิร์กบุ๊กทดสอบของคุณ จะทำให้สูตรใน D2:D3 คืนค่าเป็นข้อผิดพลาด #NAME? ชนิดตัวอย่าง ตัวอย่างที่ไม่ใช้ชื่อ ตัวอย่างที่ใช้ชื่อ สูตรและผลลัพธ์ที่ใช้ชื่อ อ้างอิง '=SUM(A9:A13) '=SUM(ยอดขาย) =SUM(ยอดขาย) สูตร '=TEXT(VLOOKUP(MAX(A9:13),A9:B13,2,FALSE),"m/dd/yyyy") '=TEXT(VLOOKUP(MAX(ยอดขาย),ข้อมูลการขาย,2,FALSE),"m/dd/yyyy") =TEXT(VLOOKUP(MAX(ยอดขาย),ข้อมูลการขาย,2,FALSE),"m/dd/yyyy") ราคา $995 ยอดขาย วันที่ที่ขาย $249 17/3/2554 $399 2/4/2554 $643 23/4/2554 $275 30/4/2554 $447 5/4/2011
การใช้สูตรอาร์เรย์และค่าคงที่อาร์เรย์ใน Excelสูตรอาร์เรย์สามารถทำการคำนวณหลายการคำนวณ แล้วส่งกลับผลลัพธ์เดียวหรือหลายผลลัพธ์ได้ สูตรอาร์เรย์จะดำเนินการกับชุดของค่าอย่างน้อยสองชุดที่เรียกว่าอาร์กิวเมนต์แบบอาร์เรย์ อาร์กิวเมนต์แบบอาร์เรย์แต่ละอาร์กิวเมนต์จะต้องมีจำนวนแถวและคอลัมน์เท่ากัน โดยคุณสามารถสร้างสูตรอาร์เรย์ได้โดยใช้วิธีการเดียวกับที่คุณสร้างสูตรอื่น เว้นแต่ว่าคุณต้องกด CTRL+SHIFT+ENTER เพื่อป้อนสูตรนั้นๆ ฟังก์ชันที่มีอยู่แล้วภายในบางฟังก์ชันก็เป็นสูตรอาร์เรย์ และต้องใส่เป็นอาร์เรย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง ค่าคงที่อาร์เรย์สามารถใช้เป็นการอ้างอิงเมื่อคุณไม่ต้องการป้อนค่าคงที่แต่ละค่าในเซลล์ที่แยกกันบนเวิร์กชีต การใช้สูตรอาร์เรย์เพื่อคำนวณผลลัพธ์แบบเดี่ยวหรือแบบหลายผลลัพธ์ หมายเหตุ: เมื่อคุณใส่ สูตรอาร์เรย์ Excel จะแทรกสูตรระหว่าง {} (วงเล็บปีกกา) โดยอัตโนมัติ ถ้าคุณพยายามใส่วงเล็บปีกกาด้วยตัวเอง Excel จะแสดงสูตรของคุณเป็นข้อความ
ใช้ค่าคงที่อาร์เรย์ ในสูตรแบบปกติ คุณสามารถใส่การอ้างอิงไปยังเซลล์ที่มีค่า หรือใส่ค่านั้นเลย (ที่เรียกว่าค่าคงที่) ก็ได้ ในทำนองเดียวกัน ในสูตรอาร์เรย์ คุณก็สามารถใส่การอ้างอิงไปยังอาร์เรย์ หรือใส่อาร์เรย์ของค่าที่มีอยู่ภายในเซลล์ (ที่เรียกว่าค่าคงที่อาร์เรย์) ได้เช่นกัน สูตรอาร์เรย์จะยอมรับค่าคงที่ในแบบเดียวกับสูตรที่ไม่ใช่อาร์เรย์ (non-array) ยอมรับ แต่คุณจะต้องป้อนค่าคงที่อาร์เรย์ในรูปแบบเฉพาะตัว ค่าคงที่อาร์เรย์อาจประกอบด้วยตัวเลข ข้อความ ค่าตรรกะ (เช่น TRUE หรือ FALSE) หรือค่าความผิดพลาด (เช่น #N/A) ชนิดของค่าที่แตกต่างกันสามารถอยู่ในค่าคงที่อาร์เรย์เดียวกันได้ ตัวอย่างเช่น {1,3,4;TRUE,FALSE,TRUE} ตัวเลขในค่าคงที่อาร์เรย์อาจเป็นจำนวนเต็ม ทศนิยม หรือรูปแบบเชิงวิทยาศาสตร์ ข้อความจะต้องอยู่ในเครื่องหมายอัญประกาศคู่ ตัวอย่างเช่น "วันอังคาร" ค่าคงที่อาร์เรย์ไม่สามารถมีการอ้างอิงเซลล์ คอลัมน์หรือแถวที่มีความยาวต่างกัน สูตร หรืออักขระพิเศษ $ (เครื่องหมายดอลลาร์) วงเล็บ หรือ % (เครื่องหมายเปอร์เซ็นต์) เมื่อคุณจัดรูปแบบค่าคงที่อาร์เรย์ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณ
ด้านบนของหน้า การลบสูตรเมื่อคุณลบสูตร ค่าผลลัพธ์ของสูตรจะถูกลบด้วย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถลบสูตรแล้วให้เหลือเฉพาะค่าผลลัพธ์ของสูตรในเซลล์ได้
ด้านบนของหน้า หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปเมื่อสร้างสูตรตารางต่อไปนี้จะสรุปข้อผิดพลาดทั่วไปส่วนใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณใส่สูตร และวิธีหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในสูตร ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณ... ข้อมูลเพิ่มเติม จับคู่วงเล็บเปิดและปิดทั้งหมดในสูตร วงเล็บทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของการจับคู่ในสูตร เมื่อคุณสร้างสูตร Excel จะแสดงวงเล็บเป็นสีเมื่อคุณใส่วงเล็บ ใช้เครื่องหมายจุดคู่เพื่อระบุช่วงที่คุณใส่ในสูตร เครื่องหมายจุดคู่ (:) ใช้เพื่อคั่นการอ้างอิงเซลล์แรกและเซลล์สุดท้ายในช่วง เช่น A1:A5. ใส่อาร์กิวเมนต์ที่จำเป็นทั้งหมด ฟังก์ชันต่างๆ สามารถมีอาร์กิวเมนต์ที่จำเป็นและอาร์กิวเมนต์เสริมได้ (ระบุด้วยวงเล็บสี่เหลี่ยมในไวยกรณ์) ต้องใส่อาร์กิวเมนต์ที่จำเป็นทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณไม่ได้ใส่อาร์กิวเมนต์มากเกินไป อย่าซ้อนฟังก์ชันเกินกว่า 64 ฟังก์ชันในสูตร การซ้อนฟังก์ชันภายในสูตรถูกจำกัดไว้ที่ 64 ระดับ ใส่ชื่อเวิร์กบุ๊กหรือเวิร์กชีตในเครื่องหมายอัญประกาศเดี่ยว เมื่ออ้างอิงไปยังค่าหรือเซลล์บนเวิร์กชีตหรือเวิร์กบุ๊กที่มีอักขระที่ไม่ใช่ตัวอักษรในชื่อ คุณต้องใส่เครื่องหมายอัญประกาศเดี่ยว (‘) ลงในชื่อ รวมเส้นทางไปยังเวิร์กบุ๊กภายนอก การอ้างอิงภายนอกจะต้องมีชื่อเวิร์กบุ๊กและเส้นทางไปยังเวิร์กบุ๊ก ใส่ตัวเลขโดยไม่มีการจัดรูปแบบ ตัวเลขที่คุณใส่ในสูตรไม่ควรอยู่ในรูปแบบที่มีจุดคั่น หรือเครื่องหมายดอลลาร์ ($) เนื่องจากมีเครื่องหมายจุลภาคเป็นตัวคั่นระหว่างอาร์กิวเมนต์ในสูตรอยู่แล้ว และเครื่องหมายดอลลาร์ถูกใช้สำหรับการอ้างอิงแบบสัมบูรณ์ เช่น แทนที่จะใส่ $1,000 ให้ใส่ 1000 ในสูตรแทน ด้านบนของหน้า สิ่งสำคัญ: ผลลัพธ์จากการคำนวณของสูตรและฟังก์ชันเวิร์กชีต Excel จำนวนหนึ่งอาจแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างพีซีที่ใช้ Windows ที่มีสถาปัตยกรรมแบบ x86 หรือ x86-64 กับพีซีที่ใช้ Windows RT ที่มีสถาปัตยกรรมแบบ ARM เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่าง คุณมีคำถามที่เกี่ยวกับฟังก์ชันโดยเฉพาะหรือไม่โพสต์คำถามในฟอรั่มชุมชน Excel ช่วยเราปรับปรุง Excelคุณมีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีที่เราสามารถปรับปรุง Excel เวอร์ชันถัดไปหรือไม่ ถ้ามี โปรดดูหัวข้อต่างๆ ที่ Excel User Voice |