ในการทำธุรกิจ ขั้นตอนการศึกษาและวิจัยตลาดเป็นเรื่องสำคัญ และเครื่องมือในการวิเคราะห์มีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น TOWS Matrix SWOT Analysis , Five forces analysis แต่มีหนึ่งเครื่องมือที่น่าสนใจและได้รับความนิยมสำหรับนักการตลาดสมัยใหม่นั่นก็คือ STP : Segmentation Targeting Positioning คือ หนึ่งในกลยุทธ์การวิเคราะห์ตลาดที่มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องให้กับคนที่ถูกต้อง หลายครั้งก็เกิดคำถามถึงความแตกต่าง หลักการใช้งาน และโยชน์ที่ได้รับจากการนำ STP Marketing ไปใช้งาน ในบทความนี้ Good Material จะมาเล่าให้ฟังครับ Show
Segmentation Targeting Positioning คือSegmentation Targeting Positioning คือ กลยุทธ์การตลาดที่เรียกสั้นๆว่า STP หรือ STP Marketing หมายถึง การแบ่งส่วนการตลาด การกำหนดเป้าหมาย และการวางตำแหน่งของสินค้าหรือบริการ เมื่อเราทำการวิเคราะห์ STP จะทำให้กระบวนการทำการตลาดเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น เป้าหมายของ STP Marketing คือ การดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าและบริการของคุณ และไม่เพียงแต่ดึงดูดลูกค้าเท่านั้น แต่ยังดึงดูดลูกค้าที่ถูกต้องเหมาะสมตามที่คุณวางแผนไว้ โดยใช้ต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
Segmentation : การแบ่งกลุ่มการตลาดในขั้นตอนแรกของ STP Marketing คือ การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามลักษณะที่โดดเด่นของกลุ่มคนในตลาดที่คุณกำลังพิจารณา ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาแคมเปญการตลาดที่เกี่ยวข้อง และเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น หากคุณสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกของผู้ชมหรือผู้สนใจ เพื่อระบุความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของกลุ่มคนในตลาดของคุณ คุณจะสามารถมุ่งเน้นข้อความ รูปแบบการสื่อสาร และส่งข้อความในลักษณะที่มีผลกระทบที่รุนแรงกว่าแคมเปญการตลาดแบบกว้าง ในปัจจุบันเราอาจคิดว่าตลาดนั้นอิ่มตัวและเติบโตเต็มที่แล้ว แต่การวิเคราะห์ STP จะช่วยให้คุณค้นพบโอกาสใหม่ๆ โดยคุณสามารถสร้างสินค้าหรือบริการที่ไม่เหมือนใครให้กับกลุ่มคนที่ไม่มีใครรองรับ ตัวแปร การแบ่งกลุ่ม ที่พบได้บ่อยสุดได้แก่ : 1. Demographics Segmentation : การแบ่งกลุ่มตามข้อมูลประชากรการแบ่งกลุ่มตามข้อมูลประชากรประกอบด้วย
2.Psychographic Segmentation : การแบ่งกลุ่มตามหลักจิตวิทยาPsychographics เป็นคำที่ใช้เพื่ออ้างถึงข้อมูลที่รวบรวมเกี่ยวกับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก การกระทำและความเชื่อของคนเหล่านั้น อาจเป็นข้อมูลทางวัฒนธรรม ในเชิงการตลาดหมายถึง พฤติกรรมซึ่งเชื่อมโยงกับการเลือกซื้อสินค้า ได้แก่ ทัศนคติ ไลฟ์สไตล์ งานอดิเรก รวมถึงลักษณะความเป็นผู้นำ ในที่นี้อาจนิยามได้ว่าเป็นโปรไฟล์ทางจิตวิทยา ปัจจัยการแบ่งกลุ่มทางจิตวิทยามีความยากที่จะระบุเมื่อเทียบกับข้อมูลประเภทอื่น เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็มีหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณได้ข้อมูลสำหรับการทำโปรไฟล์ทางจิตวิทยา ได้แก่ :
3.Geographic Segmentation : การแบ่งกลุ่มตามหลักภูมิศาสตร์การแบ่งกลุ่มทางภูมิศาสตร์เป็นการแบ่งกลุ่มการตลาดที่ง่ายที่สุด เพราะเป็นการแบ่งประเภทลูกค้าตามถิ่นฐานทางภูมิศาสตร์ ตัวอย่างการแบ่งกลุ่มตลาดทางภูมิศาสตร์
4.Behavioral Segmentation : การแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมสำหรับการแบ่งกลุ่มการตลาดใน 3 แบบแรกจะเน้นไปที่การค้นหาว่า “ลูกค้าคือใคร” แต่การแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมจะมุ่งเน้นไปที่การกระทำของลูกค้า การแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมมีจุดประสงค์คือ เพื่อให้คุณทราบเกี่ยวกับการกระทำของลูกค้า กิจกรรมเหล่านี้อาจจะเกี่ยวข้องกับวิธีที่ลูกค้าโต้ตอบกับแบรนด์ หรือ กิจกรรมที่เกิดคุณจากแบรนด์ของคุณ ตัวอย่างการแบ่งส่วนการตลาดตามพฤติกรรม
Targeting : การกำหนดลูกค้าเป้าหมายขั้นตอนที่สองของกระบวนการ STP Marketing คือ การตัดสินใจว่าจะกำหนดเป้าหมายแบบใด จากการแบ่งกลุ่มที่คุณได้ทำไว้ในหัวข้อ Segmentation คุณต้องระบุผู้ที่มีโอกาสซื้อสินค้าหรือบริการของคุณตามความต้องการของพวกเขา เพราะคุณไม่สามารถขายสินค้าให้กับทุกคนได้
เป้าหมายหลักของการกำหนดลูกค้าเป้าหมายคือ การพิจารณาว่าลูกค้ากลุ่มใดที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงมาเป็นลูกค้า (Conversion) ที่คุณต้องการมากที่สุด อีกหนึ่งหัวข้อที่ควรนำมาพิจารณาคือ กลยุทธ์การกำหนดเป้าหมายทางการตลาด หรือ Market Targeting Strategies Market Targeting StrategiesMarket Targeting Strategies คือ กลยุทธ์ในการกำหนดเป้าหมายทางการตลาด จะเกี่ยวข้องกับการประเมินความสนใจของคนแต่ละกลุ่ม และเลือกกลุ่มคนที่สนใจจะเข้าทำการตลาด ทางเลือกของแบรนด์มักขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายที่คิดว่าจะทำให้ บริษัท มีมูลค่ามากที่สุด การเลือกว่าคุณต้องการที่จะทำการตลาดกับผู้บริโภคที่คาดหวังในวงกว้างหรือแคบเพียงใดนั้น ถือเป็นหนึ่งกุญแจสำคัญของความสำเร็จ เพื่อให้เห็นภาพ เราจะเปรียบเทียบกลุ่มลูกค้าเป้าหมายกับพิซซ่า
1.การตลาดแบบไม่แตกต่าง : Undifferentiated Marketingการตลาดแบบไม่แตกต่าง หรือมักถูกเรียกอีกแบบว่าการตลาดมวลชน (Mass Market) กลยุทธ์การตลาดแบบนี้จะไม่สนต่อการแบ่งกลุ่มและการกำหนดเป้าหมาย โดยถือว่าตลาดทั้งหมดเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียว ทุกคนเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพ วิธีการเลือกกลุ่มเป้าหมายแบบมวลชน (Mass) เหมาะสมที่สุดสำหรับสินค้าที่บริโภคกันอย่างแพร่หลาย เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำอัดลม ผลิตภัณฑ์สุขอนามัยส่วนบุคคล จุดสำคัญของการตลาดแบบมวลชน (Mass) คือ การเข้าถึงผู้คนให้มากที่สุดโดยหวังว่าพวกเขาจะเข้ามาเป็นลูกค้าของคุณ ข้อดีของการตลาดแบบมวลชนนี้คือ ประหยัดต้นทุนต่อหน่วย (Economy of scale) คุณจะสามารถผลิตสินค้าชนิดเดียวหรือสื่อโฆษณาชิ้นเดียวแล้วใช้กับทุกคน ข้อดีของการตลาดแบบไม่แตกต่าง
จุดด้อยของการตลาดแบบไม่แตกต่าง
ตัวอย่าง :
2.การตลาดแบบแตกต่าง : Differentiated Marketingการกำหนดเป้าหมายทางการตลาดที่แตกต่างกัน ทำให้กลุ่มลูกค้าและมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น การตลาดรูปแบบนี้มีชื่อเรียกว่า “การตลาดแบบแบ่งกลุ่ม” โดยจะพิจารณากลุ่มลูกค้าแยกเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักจำนวนหนึ่ง และอาจจะมีกลุ่มย่อยอีกจำนวนหนึ่ง (อาจจะ 2 กลุ่มขึ้นไป) ที่ผ่านการพิจารณาว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้บริษัทได้มากที่สุด การตลาดแบบแตกต่างเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันได้ เมื่อใช้กลยุทธ์นี้บริษัทของคุณต้องพึ่งช่องทางการส่งเสริมการขายที่หลากหลาย โดยให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอาจจะช่องทางเดียวหรือหลากหลายช่องทาง การทำเช่นนี้ทำให้แบรนด์สามารถส่งข้อความที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นและสามารถมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ ในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างมีวิธีการพิจารณาดังนี้ :
บทความที่เกี่ยวข้อง : IMC : Integrated Marketing Communication คือ แนะนำวิธี การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ ข้อดีของการตลาดแบบแตกต่าง
จุดด้อยของการตลาดแบบแตกต่าง
ตัวอย่าง :
3.การตลาดแบบเฉพาะส่วน : Concentrated Marketingการตลาดเฉพาะส่วนหรือศัพท์ที่เราคุ้นหูว่า “Niche Market” เป็นการตลาดที่มีความเข้มข้นในการทำการตลาด โดยแบรนด์จะใช้ความพยายามและทรัพยากรทั้งหมดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการทำการตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะ กลยุทธ์นี้มีประสิทธิภาพและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เนื่องจากช่วยให้บริษัทโฟกัสไปที่ตลาดเดียวและสร้างกลุ่มลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ขึ้นมา สำหรับ STP Marketing การตลาดแบบเฉพาะส่วนนี้สามารถเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะตามมาของคุณ ซึ่งหลังจากที่มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นแล้วค่อยขยายไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น บทความที่เกี่ยวข้อง : Niche market คือ แนะนำหลัการทำ niche marketing ให้เจริญเติบโต การตลาดแบบเฉพาะส่วนนี้จุดประสงค์หลักคือ การสร้างข้อเสนอสำหรับกลุ่มลูกค้าขึ้นมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์หลายประการ สำหรับบริษัทขนาดเล็กกลยุทธ์นี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเริ่มต้นได้แม้ว่าจะมีทรัพยกรจำกัด โดยมีข้อดี ข้อด้อยอื่นๆ ดังนี้ : ข้อดีของการตลาดแบบเฉพาะส่วน
จุดด้อยของการตลาดแบบเฉพาะส่วน
คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ : Niche market คือ แนะนำหลักการทำ niche marketing ให้เจริญเติบโต ตัวอย่าง :
จากตัวอย่างการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คุณต้องพิจารณาเลือกกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับตัวเอง ดังตัวอย่างที่ผมได้นำมาเปรียบเทียบให้เห็นกับแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ Market Positioning : ตำแหน่งทางการตลาดMarket Positioning คือ ความสามารถที่มีอิทธิพลต่อ การรับรู้ของผู้บริโภค เกี่ยวกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ที่สัมพันธ์กับคู่แข่ง วัตถุประสงค์ของการวางตำแหน่งทางการตลาด คือการสร้างภาพลักษณ์หรือเอกลักษณ์ของแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ในลักษณะที่เราต้องการ ในการวางตำแหน่งทางการตลาด คุณควรพิจารณา การแบ่งกลุ่มลูกค้า (Segmentation) และจุดที่ลูกค้ามีปัญหา (Pain Point) จากกลุ่มเป้าหมาย (Targeting ) ที่คุณเลือก ทั้งสองปัจจัยนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ หลังจากนั้นให้ย้อนกลับไปและตรวจสอบผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณผ่านมุมมองของกลุ่มลูกค้าที่คุณเลือก คิดในมุมของลูกค้าว่าทำไมเขาต้องเลือกผลิตภัณฑ์ของคุณมากกว่าของคู่แข่ง? พิจารณาถึงคุณลักษณะหรือประโยชน์ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าได้แบบที่ยังไม่มีตลาดรองรับ ประเภทของกลยุทธ์การกำหนดตำแหน่งกลยุทธ์การกำหนดตำแหน่งมีหลายประเภท นี่คือตัวอย่างของกลยุทธ์การกำหนดตำแหน่ง :
ประโยชน์ของ STP Marketingถ้าหากคุณยังไม่แน่ใจว่าการวิเคราะห์การตลาดด้วย Segmentation Targeting Positioning เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนแปลงธุรกิจของคุณให้ดีขึ้นได้อย่างไร ผมกำลังจะชี้แจงถึงประโยชน์หลักๆบางส่วนที่จะได้รับ ว่า STP ช่วยคุณได้มากกว่าแนวทางการทำการตลาดแบบเดิมๆ :
สรุป STP MarketingSTP : Segmentation Targeting Positioning คือ กลยุทธ์ในการวิเคราะห์ลูกค้าเป้าหมาย หลังจากนั้นกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แบรนด์จะทำการตลาดไปถึง และสุดท้ายคือการวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างภาพจำให้กับลูกค้า สุดท้ายอยากจะบอกว่าไม่มีกลุ่มลูกค้าที่ดีที่สุด มีเพียงกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ณ เวลานั้นๆ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพหลักการทำการตลาดด้วย STP Marketing กันนะครับ
Copyright © GoodMaterial.co goodmaterialGood Material คือ แหล่งรวมเรื่องราวที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ทั้งความรู้ สิ่งของ รวมถึงไอเดีย และหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ชีวิตของเพื่อนๆ ดีขึ้นเช่นกันครับ |