คลังสินค้าอัจฉริยะ ตัวอย่าง

คลังสินค้าอัจฉริยะคืออะไร?

คลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouse หรือ Intelligent Warehouse) คือ คลังสินค้าที่ใช้ระบบอัตโนมัติและควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ในการปฏิบัติงานและดำเนินกิจกรรมต่างๆแทนการใช้แรงงานคน เป็นพัฒนาการที่ได้รับอิทธิพลจากโรงงานอัจฉริยะ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่อิงกับข้อมูลแบบ Data-Driven เป็นหลัก โดยนำอุปกรณ์ต่างๆเชื่อมเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้การทำงานต่างๆ ตั้งแต่รับคำสั่งซื้อ รับสินค้า ตรวจนับสินค้า จัดส่งไปยังจุดต่างๆของคลังสินค้า จัดเก็บและเบิกจ่าย จัดเรียง จนไปถึงบรรจุหีบห่อเพื่อเตรียมจัดส่ง เป็นไปอย่างราบรื่นและไร้รอยต่อ หรือถ้าอธิบายง่ายๆคือ คลังสินค้าอัจฉริยะ คือ คลังสินค้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าคงคลังได้ทันที รู้ว่าจะต้องเบิกจ่ายจากตำแหน่งไหน ด้วยวิธีใด ใช้เส้นทางในเบิกจ่ายอย่างไร จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานคลังสินค้า ลดความผิดพลาดจากการทำงาน และลดการใช้พนักงานคลังสินค้า 

คลังสินค้าอัจฉริยะทำงานอย่างไร?

คลังสินค้าอัจฉริยะทำงานโดยการพึ่งพาระบบหุ่นยนต์ (Robotics) ระบบ IoT และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการทำงานต่างๆ ตั้งแต่การบริหารสินค้าคงคลังจนถึงการหาสินค้าต่างๆภายในคลัง ซึ่งเดิมทีต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก และยังมีส่วนประกอบอื่นๆที่สำคัญได้แก่ ระบบ RFID อุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Technology) ระบบเซ็นเซอร์ และระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) ในการทำงานร่วมกัน

ระบบหุ่นยนต์ (Robotics) ที่ใช้งานภายในคลังสินค้าจำนวนไม่น้อยมีความคล้ายคลึงกับหุ่นยนต์ที่เราเห็นกันทั่วไป เช่น Roomba หรือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัตโนมัติ แต่มีการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การทำงานของคลังสินค้า เช่น นำสินค้าจากชั้นวางไปยังพนักงานเบิกจ่ายแทนการเดินซึ่งใช้เวลามากกว่า 

ระบบ IoT ทำหน้าที่ช่วยในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆเข้าสู่ระบบเครือข่าย ทำให้สามารถสื่อสารถึงกันและทำงานร่วมกันได้

ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความผิดพลาดในการทำงาน ช่วยวางแผนเส้นทางภายในคลังสินค้า ทำให้ระบบหุ่นยนต์เข้าถึงสินค้าได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าถึงสินค้าแล้ว ก็จะวิเคราะห์ขนาดและน้ำหนักของสินค้าที่เบิกจ่าย เพื่อพิจารณาวิธีการบรรจุสินค้าให้เหมาะสมและประหยัดบรรจุภัณฑ์มากที่สุด

ระบบ RFID เป็นการกำจัดการใช้กระดาษ จากเดิมที่ต้องแปะสติกเกอร์บาร์โค้ด เปลี่ยนเป็นการใช้ระบบแท็คไร้สายแทน ซึ่งช่วยให้สแกนสินค้าได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการใช้บาร์โค้ดมาก เนื่องจาก RFID ไม่จำเป็นต้องเล็งให้เห็นตัวสติกเกอร์ นอกจากช่วยให้การสแกนสินค้ารวดเร็วแล้ว การนำระบบ RFID ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สวมใส่ และระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ก็ช่วยให้สามารถติดตามสถานะของสินค้าดังกล่าวภายในคลังสินค้าได้แบบ Real-time

อุปกรณ์สวมใส่ยังช่วยให้พนักงานคลังสินค้าเข้าถึงข้อมูลของสินค้าทั้งหมดภายในคลังสินค้าได้ และทำงานที่หน้างานได้โดยไม่จำเป็นต้องวิ่งกลับมาที่สำนักงานหรือสถานีเบิกจ่ายสินค้า การใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวร่วมกับระบบเซ็นเซอร์ช่วยให้รับรู้ถึงหน้างานทั้งหมด ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างลื่นไหลและเหมาะสม

ระบบบริหารจัดการคลังสินค้า (WMS) เป็นหัวใจสำคัญในการติดตามการทำงานของคลังสินค้า สร้างความโปร่งใสในการดูข้อมูล เห็นถึงขั้นตอนและประสิทธิภาพในการทำงานในแต่ละกระบวนการ ทำให้สามารถนำไปต่อยอดในการพัฒนาระบบงานได้ เช่นการเบิกจ่ายสินค้ามีขั้นตอนการทำงานกี่ขั้นตอน สินค้ารายการไหนผ่านขั้นตอนใดไปแล้วบ้าง และสามารถสร้างเป็นรายงานสรุปสถานะแบบ Real-time ให้กับผู้จัดการคลังสินค้า หากมีปัญหาเช่นเบิกจ่ายล่าช้า หรือมีช่องโหว่ในขั้นตอน มีการเบิกจ่ายผิด ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด

คลังสินค้าอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพสูงจะสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆทั้งหมดได้ตั้งแต่ต้นน้ำ (รับสินค้าจากโรงงานผู้ผลิต) ไปจนถึงมือของลูกค้าโดยไม่มีข้อผิดพลาด ทั้งยังสามารถรับคำสั่งซื้อของลูกค้าได้โดยอัตโนมัติ โดยระบบสั่งซื้อจะสื่อสารกับระบบบริหารจัดการคลังสินค้าว่ามีรายการสินค้าดังกล่าวอยู่ในสต๊อกหรือไม่ หากมีครบตามจำนวนและรายการ ระบบก็จะสั่งให้หุ่นยนต์ทำการเบิกจ่ายสินค้าออกมา เพื่อจัดเรียง รวบรวม บรรจุหีบห่อ เพื่อเตรียมส่งต่อไป การทำงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้น คลังสินค้าอัจฉริยะต้องมีระบบที่มีความรวดเร็ว ยืดหยุ่น รองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นได้ และสำคัญที่สุดคือความโปร่งใสในการเข้าดูข้อมูล

*สื่อโฆษณา/ชิ้นงาน ข้อความในบทความนี้ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ บริษัท เจนบรรเจิด จำกัด ผู้ใดละเมิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

The commercial, including articles and artworks shown is an intellectual property of Jenbunjerd Co.,Ltd.
Unauthorized reproduction is prohibited and may subject to criminal prosecution.