ความผิดเกี่ยวกับทำร้ายร่างกายระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 10 หมวด 2 ความผิดต่อร่างกาย มาตรา 295 ถึง 300 สำหรับการทำร้ายร่างกายธรรมดา มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ <================ ================> แต่ถ้าหลักการทำร้ายร่างกายแบบมีเหตุฉกรรจ์ มาตรา 296 ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ถ้าความผิดนั้น
มีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเหตุฉกรรจ์จะต้องไปดูตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 ได้แก่ฆ่าบุพการี ฆ่าเจ้าพนักงาน ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ฆ่าผู้อื่นเพื่อเตรียมการ ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่ตน ต่างๆเหล่านี้ เป็นเหตุฉกรรจ์ ซึ่งต้องนำมาพิจารณาประกอบเพื่อให้เข้าฐานความผิดตามมาตรา 296 สำหรับบางกรณีมีการทำร้ายร่างกายจนหนักมือจนผู้เสียหายมีอาการบาดเจ็บสาหัสซึ่งอาการบาดเจ็บสาหัสก็จะต้องมีอาการใดอาการหนึ่งดังต่อไปนี้คือ สำหรับการทำร้ายร่างกายที่ไม่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายหรือจิตใจอยู่ในหมวดหมู่ความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา มาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ท่านใด้ต้องการช้บริการ ทวงหนี้ tpa.or.th ข้อหาทำร้ายร่างกายมีโทษยังไงตามกฎหมายที่ยกให้ดูเบื้องต้นจะเห็นว่าโทษไม่เท่ากัน คือมาตรา 295 ทำร้ายร่างกายธรรมดาระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี แต่หากเป็นทำร้ายร่างกาย มีเหตุฉกรรจ์ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แต่หากทำร้ายร่างกาย จนถึงบาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 10 ปี หรือ หากทำร้ายร่างกาย ขั้นเบาไม่เกิดให้เก็บเกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนเท่านั้น ดังนั้นทำร้ายร่างกายมีโทษเท่าไหร่ต้องดูแต่ละข้อหาแตกต่างกันไป อายุความ คดีทําร้ายร่างกายความผิดทำร้ายร่างกาย เป็นอาญาแผ่นดินอันไม่อาจยอมความได้ ดังนั้นเรื่องอายุความจึงต้องดูตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 ซึ่งวิเคราะห์มาจากโทษของแต่ละมาตรา ทำให้ทำร้ายร่างกายแต่ละแบบมีอายุความแตกต่างกันออกไป สำหรับทำร้ายร่างกายไม่ถึงแก่ บาดเจ็บ ตามมาตรา 391 มีอายุความ 1 ปี แต่ทำร้ายร่างกาย ตามมาตรา 295 ถือเป็นการเจตนาทำร้าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ดังนั้นมีอายุความ 10 ปี ส่วนการทำร้ายร่างกาย ที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี อายุความ 15 ปี หวังว่าคงได้คำตอบเป็นที่ชัดเจนว่า คดีวิวาทและทําร้ายร่างกาย มีโทษจำคุกกี่ปี มีอายุความกี่ปี กันแล้วนะ >>> ปรึกษากฎหมายฟรี https://sites.google.com/site/siambail62/tanay การด่าผู้อื่นจะมี 2 ลักษณะที่มีรูปแบบและบทลงโทษทที่ต่างกันคือ #ดูหมิ่น คือ เป็นการด่ากันหยาบคาย คำด่าที่ทำให้ผู้ถูกด่ารู้สึกด้อยค่า อับอาย เสียหาย เช่น ไอ้สัตว์ ไอ้เหี้ย ไอ้หน้าโง่ ไอ้เฮงซวย ซึ่งเป็นความผิดดูหมิ่นผู้อื่นตามมาตรา 393 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ #หมิ่นประมาท คือ การใส่ความ ใส่ร้ายผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือความเสียหายในประการอื่น เช่นใส่ความผู้อื่นว่า มึงมันไอ้ขี้โกง มึงคือเมียน้อย ไอ้พวกติดหนี้แล้วไม่ยอมชดใช้เงินคืน ซึ่งถ้าเป็นการหมิ่นประมาทกันซึ่งหน้าแล้วมีบุคคลที่สามได้รับฟังอยู่ด้วย หรือนินทาผู้อื่นโดยส่วนตัว ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท แต่หากเป็นการด่าหรือใส่ความผู้อื่นโดยการโฆษณา
ก็จะมีความผิดตามมาตรา 328 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ส่วนการทำร้ายร่างกายกันนั้น จะมีรูปแบบและบทลงโทษดังนี้ #กรณีการทะเลาะวิวาท ถ้าเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาททั้ง 2 ฝ่าย จะมีความผิดตามมาตรา 372 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท เท่านั้น #กรณีทำร้ายผู้อื่นเพียงฝ่ายเดียว เป็นกรณีที่ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จะมีความผิดตาม มาตรา 295 โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีการทำร้ายผู้อื่นที่จะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นั้นจะต้องเป็นการทำร้ายผู้อื่นที่ไม่เป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เท่านั้น และหากไปทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตก็จะได้รับโทษที่สูงขึ้น ดังนั้นการที่บทลงโทษของการตบผู้อื่นจะน้อยกว่าการด่ากันได้ จะต้องเป็นกรณีการด่าเป็นการหมิ่นประมาท และการทะเลาะวิวาทกันหรือทำร้ายผู้อื่น ที่ไม่เป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เท่านั้น (ซึ่งส่วนใหญ่การทำร้ายร่างกายผู้อื่น ผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายก็จะได้รับอันตรายแก่กายอยู่แล้ว) ทนายนิธิพล สำนักงานกฎหมายนิธิลอว์แอนด์วิน |