โทรศัพท์ทำงานช้าแก้อย่างไร

เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยพบเจอปัญหาน่าเบื่อของสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมที่ทำงานได้ช้าลง ซื้อมาช่วงแรกก็ยังดีๆ แต่ทำไมเวลาผ่านไปถึงไม่ไวเหมือนเดิม?

อาจเป็นเพราะหลายแอปพลิเคชันแอบกินทรัพยากรเครื่องโดยที่คุณไม่รู้ตัว หรือไม่เคยเอะใจมาก่อน โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่มีการรับ-ส่งภาพและวิดีโอ เพราะแอปเหล่านี้เป็นแอปที่คนส่วนใหญ่ใช้งานเป็นประจำ และจำนวนข้อมูลก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้งานนั่นเอง

วันนี้ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะมาแนะนำ 3 เคล็ดลับ...สำหรับเช็กพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนมือถือและลบแคชเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างให้กับสมาร์ทโฟนของคุณ

1. ไม่ว่าสมาร์ทโฟนที่คุณใช้อยู่จะเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์หรือ iOS ก็ขอให้คุณอัพเดตให้เป็นเวอร์ชั่นปัจจุบันที่สุด เพราะเวอร์ชั่นใหม่มักจะมากจากการแก้ไข้จุดบกพร่องของเวอร์ชั่นเก่า อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมาร์ทโฟนของคุณด้วย

2. จัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ตัวว่าแชตแอปพลิเคชันทั้งหลายคือปัจจัยหลักที่กินพื้นที่โทรศัพท์ของคุณ และยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้สมาร์ทโฟนของคุณช้าลงเท่านั้น โดยคุณสามารถตรวจได้เองดังนี้ 

ผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS สามารถทำได้โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) จากนั้นไปที่ ทั่วไป (General) การใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูล & iCloud (Storage & iCloud Usage) และจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Manage Storage)

ผู้ที่ใช้อุปกรณ์แอนดรอยด์ สามารถเข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) แล้วไปที่ แอปพลิเคชัน (Applications) หรือบางรุ่นจะต้องกดเข้าไปที่ พื้นที่จัดเก็บแอปพลิเคชัน (Application Manager)

เพื่อดูว่าอุปกรณ์ของคุณมีพื้นที่ว่างเท่าไร หรือใช้งานไปแล้วเท่าไร และแอปพลิเคชันทั้งหมดในเครื่องมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้จัดการกับแอปพลิเคชันเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม

3. สำหรับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ให้ลบข้อมูลแคชเก่าๆ ที่ไม่ถูกเรียกใช้งานแล้วทิ้งไปบ้าง โดยเข้าไปที่ Settings -> Storage จากนั้นแตะเลือกในส่วนของ Cached data และลบข้อมูลแคชทั้งหมด

ส่วนผู้ใช้ไอโฟน ให้ปิดหน้าจอที่ไม่ใช้งานทิ้งเสียบ้าง อีกทั้งการตั้งค่าภาพแบ็กกราวด์แบบเคลื่อนไหวก็อาจทำให้มือถือของคุณช้าลงด้วย

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ หวังว่าเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้มือถือคู่ใจของคุณผู้อ่านกลับมาทำงานได้เร็วและแรงขึ้นโดยที่ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่เลยจ้า

Android ทำงานช้า ต้องทำอย่างไร? ผู้ใช้งานหลายคนอาจสังเกตเห็นว่าเมื่อใช้งานไปสักระยะจะพบว่าตัวเครื่องเริ่มทำงานช้า อืด หรืออาจค้างบ้าง ต่างจากตอนซื้อมาใหม่ ๆ วันนี้จะพามาดูวิธีเพิ่มความเร็วให้กับมือถือ Android ทำเองได้ง่าย ๆ ไม่กี่คลิก ดูคลิปที่นี่

วิธีเพิ่มความเร็ว Android

1. ลบแอปพลิเคชั่นที่ไม่ได้ใช้ออกจากเครื่อง

โทรศัพท์ทำงานช้าแก้อย่างไร

หลายครั้งที่เรามักจะดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชั่นไว้บนตัวเครื่องเยอะแยะมากมาย แต่จริง ๆ กลับใช้งานเพียงไม่กี่แอพฯเท่านั้น ซึ่งหากมีแอปอยู่บนเครื่องมากเท่าไหร่ ก็จะกินพื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องมากเท่านั้น และส่งผลต่อการทำงานของเครื่องอีกด้วย ดังนั้นหากไม่ได้ใช้งานก็ควรลบออกจากเครื่องไปเลย

2. ลบไฟล์ในเครื่องที่ไม่จำเป็น

โทรศัพท์ทำงานช้าแก้อย่างไร

เมื่อใช้งานมือถือไปได้สักระยะก็จะมีไฟล์ที่เคยเก็บไว้ในเครื่องเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะรูปภาพที่ถ่ายจากกล้องถ่ายรูปของมือถือเอง และไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาจากแหล่งต่าง ๆ ด้วย ซึ่งไฟล์เหล่านี้เองที่กินพื้นที่ตัวเครื่อง ทำให้พื้นที่จัดเก็บตัวเครื่องลดลงโดยไม่จำเป็น และส่งผลต่อการทำงานของตัวเครื่องเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากไม่ได้ใช้งานแล้วก็ควรลบออกจากเครื่อง หรือถ่ายโอนไปเก็บไว้บนที่จัดเก็บภายนอกก็ได้

3. เคลียร์แคช

โทรศัพท์ทำงานช้าแก้อย่างไร

รู้หรือไม่ว่าแอปพลิเคชั่นที่เราใช้งานอยู่นั้นจะมีการเก็บไฟล์แคชเอาไว้ในตัวเครื่อง เพื่อให้การเรียกใช้งานแอปพลิเคชั่นในครั้งต่อไปทำงานได้เร็วขึ้น แต่เมื่อผ่านไปนาน ๆ ก็จะมีปริมาณขนาดไฟล์ที่เพิ่มขึ้นจนบางครั้งขนาดใหญ่เป็น GB ดังนั้นควรจะเคลียร์แคชเหล่านี้ออกไปบ้าง

เข้าไปดูขนาดไฟล์แคชได้ที่เมนูการตั้งค่า >> ที่จัดเก็บ >> แตะที่ข้อมูลแคชเพื่อทำการเคลียร์แคช

ปัจจุบันสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ได้เพิ่มแอปพลิเคชั่นระบบที่สามารถวิเคราะห์และแก้ไขทุกอย่างในตัวเครื่องได้ในคลิกเดียว ซึ่งก็จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป แต่สามารถช่วยให้ตัวเครื่องกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผู้ใช้งานสามารถจัดการได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง

4. อัปเดทตัวเครื่องเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

หลายครั้งที่ปัญหาการใช้งานตัวเครื่องเกิดจากระบบปฏิบัติการหรือความผิดพลาดของซอฟต์แวร์บางอย่างที่ทำให้ตัวเครื่องทำงานผิดพลาดหรือบกพร่องได้ ดังนั้นอย่าลืมเช็คเวอร์ชั่นที่ใช้งานอยู่และถ้ามีรายการอัปเดทซอฟต์แวร์รุ่นใหม่มา ระบบก็จะมีรายละเอียดบอกว่ามีอะไรใหม่และมีการแก้ไขอะไรหรือไม่ ซึ่งก็แนะนำให้กดอัปเดทกันได้เลย

5. เลือก microSD card ให้เหมาะกับรุ่นมือถือ

โทรศัพท์ทำงานช้าแก้อย่างไร

microSD card เป็นหน่วยความจำแบบแฟลซสำหรับเพิ่มพื่นที่จัดเก็บให้กับมือถือ แต่หากเลือกใช้รุ่นที่ไม่เหมาะกับมือถือก็จะส่งผลต่อการทำงานได้ ทั้งขนาดความจุ และความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลที่แตกต่างกันนี้เองที่สำคัญในการเลือกใช้

มือถือในปัจจุบันจะรองรับ microSD card อย่างน้อยก็ได้ 64GB และสูงสุด 2TB ซึ่งในรายละเอียดข้างกล่องมือถือจะมีบอกไว้อยู่แล้วว่ารองรับได้สูงสุดเท่าไหร่ แล้วเราสามารถใส่ขนาดความจุมากกว่าที่บอกไว้ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ แต่อาจส่งผลต่อการทำงานของมือถือ

Classความเร็วต่ำสุดความเร็วสูงสุดไฟล์ข้อมูลไฟล์เพลงรูปภาพทั่วไปวิดีโอ SDวิดีโอ HD(720p)วิดีโอ HD(1080p)
2 2 MB/s 8 MB/s  √  √  √    
4 4 MB/s 15 MB/s  √  √  √  √  
6 6 MB/s 20 MB/s  √  √  √  √  √  √
10  10 MB/s 30 MB/s  √  √  √  √  √  √

หากเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในปัจจุบันจะใช้ Class 10 เป็นอย่างต่ำ ด้วยขนาดกล้องที่มีความละเอียดสูงขึ้น จึงเหมาะกับการเก็บภาพ รวมถึงไฟล์วิดีโอที่มีความละเอียดสูง ซึ่ง Class ที่สูงขึ้นก็ย่อมมีราคาที่แพงขึ้นด้วยตามลำดับ

นอกจากนี้แล้วยังมี Class 10 และมีเลข 1 หรือเลข 3 ในตัว U ด้วยเรียกว่า UHS-1 หรือ UHS-3 โดยย่อมาจาก Ultra-High Speed Bus มีอัตราความเร็วอ่านเขียนข้อมูลสูงมาก โดย UHS-1 มีความเร็วสูงถึง104MB/s และ 300MB/s ซึ่งเร็วเร็วกว่า Class 10 ธรรมดา เหมาะกับการจัดเก็บไฟล์มีเดียที่มีคุณภาพสูงโดยเฉพาะมือถือเรือธงลำใหม่ที่ต้องการบันทึกวิดีโอ 2K หรือ 4K

6. หากทำงานช้าจนทนไม่ไหวแล้ว รีเซ็ตคืนค่าโรงงาน

โทรศัพท์ทำงานช้าแก้อย่างไร

Android ทำงานช้า จนทนไม่ไหว เริ่มไม่ตอบสนอง หรือทำงานผิดปกติไปจากเดิม และลองแก้ปัญหาด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วก็ยังไม่หาย วิธีสุดท้ายที่จะแก้ปัญหาคือทำการรีเซ็ตเป็นค่าจากโรงงาน (Factory reset) โดยวิธีการนี้ใช้ได้กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ทุกรุ่น แต่อาจแตกต่างกันไปบ้างตามเมนูของแต่ละรุ่น

ก่อนการทำ Factory reset อย่าลืมสำรองข้อมูลไว้ด้วยนะครับ เพราะข้อมูลบนเครื่องจะหายหมด เหมือนเครื่องที่เพิ่งซื้อมาใหม่ !!!

อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ