รัชกาลที่ 6 ด้านสังคมและวัฒนธรรม

          ดุสิตธานี เมืองสมมุติประชาธิปไตยขนาดย่อส่วนในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่พระองค์ทรงพระราชดำริเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตย มาครั้งแต่ที่พระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กว่าจะมีดุสิตธานีนั้น พระองค์ทรงเรียนรู้เกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยผ่านการทดลองการปกครองสมมุติหลากหลายรูปแบบโดยเริ่มต้นจากการปกครองแบบ The New Republic หรือ สาธารณรัฐใหม่ เป็นการปกครองสมมุติแรกเริ่ม ไม่มีอาคารสถานที่มีแต่บุคคล ทรงร่วมกลุ่มกับพระสหายเป็นบทบาทสมมุติในการทำกิจกรรมทางการเมืองที่ประกอบด้วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ และมีการออกหนังสือเช่นเดียวกับราชกิจจานุเบกษา มีการแบ่งพรรคการเมืองเป็น 2 พรรค คือพรรคสาธารณรัฐ กับพรรคนิยมกษัตริย์ ทั้งนี้คณะปกครอง The New Republic มีช่วงเวลาเพียงแค่ 41 วันเท่านั้น

รัชกาลที่ 6 ด้านสังคมและวัฒนธรรม

ภาพ : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งพระองค์ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

รัชกาลที่ 6 ด้านสังคมและวัฒนธรรม

ภาพ : แผนผังการนั่งของผู้เข้าประชุมสมาคมครึ

          เมืองมัง เป็นเมืองสมมุติขนาดเล็ก หรือเรียกว่าเมืองตุ๊กตา ทรงริเริ่มสร้างปี พ.ศ.2446 ในช่วงที่ทรงประทับ ณ พระตำหนักอัมพวา เหตุที่ชื่อเมืองมังนั้นคาดว่ามาจากชื่อพระตำหนักอัมพวา ที่แปลว่ามะม่วง และคำว่ามะม่วงในภาษาอังกฤษเรียกว่าแมงโก หรือมังโกนั่นเอง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงสร้างเมืองมังให้เป็นรูปธรรมขึ้น มีแม่น้ำลำคลอง ถนน หมู่บ้าน และสวน มีแบบแผนในการสร้างและการเล่นตามพระราชกระแสของพระองค์ เมืองมังยุติบทบาทลงหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงผนวชตามพระราชประเพณีในปี 2447

          สมาคมครึ เป็นสมาคมมีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงฝึกคนให้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารสมาคม ทรงกำหนดให้มี 2 พรรค คือ พรรคสุภาพบุรุษ และ พรรคแรงงาน ทรงนำแบบแผนผังการนั่งของผู้เข้าประชุมมาจากประเทศอังกฤษที่ประกอบด้วย ประธาน ผู้พูด ผู้รับเชิญ สมาชิกสตรี กรรมการบริหาร และที่นั่งของพรรคทั้ง 2 ที่อยู่ตรงข้ามกัน แต่เนื่องจากการทดลองสมาคมครึนี้มีการเปลี่ยนกรรมการผู้บริหารบ่อยเกินไปจึงทำให้สมาคมครึยุติบทบาทลง 

          นคราภิบาล เป็นการทดลองการปกครองในระบอบเทศบาลเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงลาผนวชแล้ว พระองค์ทรงให้สร้างเรือนแถวขึ้นตลอดแนวกำแพงพระตำหนักจิตรลดาเดิมกับวังปารุสกวัน(เก่า) โดยพระองค์ให้มหาดเล็กชั้นเด็กสมมุติเป็นราษฎรไปอยู่ที่เรือนแถวนั้น ทรงกำหนดหน้าที่ ระเบียบความเป็นอยู่และเขตการปกครอง กำหนดให้มีสภากรรมการ ประกอบด้วยนายกเทศมนตรี เลขาธิการ นายแพทย์สุขาภิบาล และเชษฐบุรุษ (ผู้แทนราษฎรในท้องถิ่น) เรียกว่า คณาภิบาล นอกจากนั้น นคราภิบาลยังมีองค์ประกอบของการปกครอง เช่น หนังสือพิมพ์ประเภทชวนหวว ที่นำเสนอบทพระราชนิพนธ์และข่าวสารในนคราภิบาล กำหนดออกรายสัปดาห์แจกให้ราษฎรอ่าน ด้านเศรษฐกิจ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งธนาคารขึ้น ชื่อว่า แบงก์ลีฟอเทีย เพื่อรับฝากเงินจากราษฎรหรือมหาดเล็ก เป็นต้น

รัชกาลที่ 6 ด้านสังคมและวัฒนธรรม

ภาพปกหนังสือพิมพ์ประเภทชวนหวว


         เมืองทราย เป็นการทดลองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่เกิดขึ้นจากการที่พระองค์ทรงร่วมก่อกองทรายกับมหาดเล็กชั้นเด็กๆ ทรงสอนให้มหาดเล็กเหล่านั้นทราบถึงการสร้างเมืองและป้อมปราการ ในคราวที่เสด็จค่ายหลวงหาดเจ้าสำราญ เพื่อประทับรักษาพระอาการประชวร และเมื่อเสด็จกลับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ก็มีพระราชดำริจัดตั้ง ดุสิตธานี ขึ้นทันที

รัชกาลที่ 6 ด้านสังคมและวัฒนธรรม

ภาพ : พระตำหนัก ณ ค่ายหลวงหาดเจ้าสำราญ

          ดังที่ได้กล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่ากว่าจะมีดุสิตธานีนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงศึกษาและทดลองใช้ระบอบการปกครองหลายรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยมีความรู้และความเข้าใจ มีพื้นฐานและแนวทางในการดำเนินการจัดการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทุกแนวทางล้วนสะท้อนให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพความเป็นนักปราชญ์ของพระองค์ได้เป็นอย่างดียิ่ง

---------------------------------------------------

ดุสิตธานี : เมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.  กรุงเทพฯ: มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์, 2553.  

โดม ลูกแม่จันทร์.  เปิดตำนานดุสิตธานี : เมืองจำลอง...เมืองตุ๊กตา...เมืองประชาธิปไตย.  กรุงเทพฯ: ย้อนรอย, 2555. 

อมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช).  ดุสิตธานีเมืองประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช, 2513.

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น 2 ค่ำ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 29 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสวยราชสมบัติเมื่อวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม ปีจอ พุทธศักราช 2453 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 รวมพระชนมพรรษา 45 พรรษา เสด็จดำรงราชสมบัติรวม 15 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอัจฉริยภาพและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในหลายสาขา ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทร้อยแก้วและร้อยกรองไว้นับพันเรื่อง กระทั่งทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาเมื่อเสด็จสวรรคตแล้วว่า "สมเด็จพระมหาธีราชเจ้า" พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ใน พระราชวงศ์จักรีพระองค์แรกที่ไม่มีวัดประจำรัชกาล แต่ได้ทรงมีการการสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน ขึ้นแทน ด้วยทรงพระราชดำริว่าพระอารามนั้นมีมากแล้ว และการสร้างอารามในสมัยก่อนนั้นก็เพื่อบำรุงการศึกษาของเยาวชนของชาติ จึงทรงพระราชดำริให้สร้างโรงเรียนขึ้นแทน พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างแล้วเสร็จเมื่อพ.ศ. 2485 ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินส่วนพระองค์ ที่พระราชทานไว้เป็นสมบัติของประชาชน เพื่อจัดงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์แสดงสินค้าไทยแก่ชาวโลกเป็นครั้งแรก เพื่อบำรุงเศรษฐกิจและพาณิชยกรรมของประเทศ (แต่มิทันได้จัดก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน) และทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าเมื่อเสร็จงานแล้ว จะพระราชทานเป็นสวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจแห่งแรกในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ในวันคล้ายวันสวรรคตของทุกปี วันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือผู้แทนพระองค์ จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ ณ สวนลุมพินีแห่งนี้ ในวันนั้นมีหน่วยราชการ หน่วยงานเอกชน นิสิตนักศึกษา พ่อค้าประชาชนจำนวนมากไปวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย ณ วชิราวุธวิทยาลัย ใน พ.ศ. 2524 องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ยกย่องพระเกียรติคุณของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ในฐานะที่ทรงเป็นนักปราชญ์ นักประพันธ์ กวี และนักแต่งบทละครไว้เป็นจำนวน


ด้านการศึกษา

ในด้านการศึกษา ทรงริเริ่มสร้างโรงเรียนขึ้นแทนวัดประจำรัชกาล ได้แก่ โรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งในปัจจุบันคือโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ทั้งยังทรงสนับสนุนกิจการของโรงเรียนราชวิทยาลัยซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นในปี พ.ศ. 2440 (ปัจจุบันคือโรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์) และในปี พ.ศ. 2459 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐาน “โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ขึ้นเป็น “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย การเปิดโรงเรียนในเมืองเหนือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศสยามมกุฎราชกุมารได้เสด็จพระราชทานนามโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2449 ซึ่งไม่เป็นเพียงแต่การนำรูปแบบการศึกษาตะวันตกมายังหัวเมืองเหนือเท่านั้น แต่ยังแฝงนัยการเมืองระหว่างประเทศเอาไว้ด้วยเห็นได้จากการเสด็จประพาสมณฑลพายัพทั้งสองครั้งระหว่าง พ.ศ. 2448-2450 พระองค์ได้ทรงสนพระทัยในกิจการโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น โดยพระองค์ทรงบันทึกไว้ในพระราชนิพนธ์ "เที่ยวเมืองพระร่วง" และ "ลิลิตพายัพ" ทั้งนี้ เป้าหมายของการจัดการศึกษายังแฝงประโยชน์ทางการเมืองที่จะให้ชาวท้องถิ่นกลมเกลียวกับไทยอีกด้วย

รัชกาลที่ 6 ทรงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมอะไรบ้าง

รัชกาลที่ 6ได้โปรดให้เปลี่ยนแปลงประเพณี ให้สอดคล้องกับหลักสากล หลายอย่าง ดังนี้.
พระราชประวัติ R61..
การปกครอง.
เศรษฐกิจ R6-510..
ศาสนา R6-511..
การฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี.
กวีและวรรณกรรม.
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ.

รัชกาลที่ 6 สร้างอะไรบ้าง

ทรงตั้งกรมมหรสพ เพื่อฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมไทย และยังได้ทรงสร้างโรงละครหลวงไว้ในพระราชวังทุกแห่ง นอกจากนี้ ยังทรงสนพระราชหฤทัยด้านจิตรกรรมและสถาปัตยกรรมไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกแบบอาคารสมัยใหม่เป็นแบบทรงไทย เช่น ตึกอักษรศาสตร์ ซึ่งเป็นอาคารเรียนหลังแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาคารโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ทรง ...

รัชกาลที่ 6 มีชื่อว่าอะไร

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (.๖) ธ คือปราชญ์ผู้ลือนาม ทั่วเขตคามรำลึกคุณ ทรงก่อตั้งกิจลูกเสือ ด้วยโอบเอื้อเหล่าดรุณ การปกครองก็การุณย์ ธ หนุนสร้างแบบอย่างเมือง

ผลงานของรัชกาลที่ 6 มีอะไรบ้าง

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ไว้หลายด้าน อาทิ ประเภทวรรณคดี - พระนลคำหลวง นารายณ์สิบปาง ศกุนตลา มัทนะพาธา ฯลฯ ประเภทบทละคร - หัวใจนักรบ พระร่วง โรมิโอและจูเลียต ตามใจท่าน เวนิชวาณิช ฯลฯ ประเภทธรรมะ - เทศนาเสือป่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร พระบรมราโชวาทในงานวิสาขบูชา ฯลฯ