หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1% ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกันยายนปรับลดลงมาอยู่ที่ 6.41% จากเดิมที่เงินเฟ้ออยู่เหนือระดับ 7% จากนั้นธนาคารพาณิชย์ปรับดอกเบี้ยทั้งฝั่งเงินฝากและเงินกู้ โดยในฝั่งเงินกู้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่คิดกับรายย่อยน้อยกว่าลูกค้ารายใหญ่ นับเป็นเรื่องดีที่สถาบันการเงินช่วยลดภาระลูกหนี้รายย่อยที่เพิ่งผ่านพ้นทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 และเผชิญกับผลกระทบจากการสู้รบ ราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้นอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งสูง ประเทศไทยอยู่กับสถานการณ์ดอกเบี้ยต่ำมาเป็นเวลานานจากวิกฤตหลายๆ ด้านที่เกิดขึ้นที่มากระทบเศรษฐกิจไทย 10 สิงหาคม 2565 นับเป็นครั้งแรกที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยเริ่มขยับเป็นขาขึ้น ตามมาด้วย 28 กันยายน 2565 ทั้ง 2 ครั้งส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ 0.5% ขยับขึ้นครั้งละ 0.25% จนมาอยู่ที่ 1% ส่วนการประชุม กนง.ครั้งสุดท้ายของปี 2565 ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งหรือไม่ต้องรอติดตาม โดยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคมจะออกมาในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จะเป็นตัวบ่งบอกถึงทิศทางของอัตราดอกเบี้ยว่าควรจะปรับขึ้นหรือเพียงพอเพื่อรอดูสถานการณ์โดยรวมก่อน ธ.ก.ส.เงินฝากเกษียณ 2.5% หลังจากที่ กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งติดต่อกัน ตอนนี้มีเพียงแบงก์รัฐ กับธนาคารขนาดเล็กที่เข้ามาปลุกตลาดเงินฝาก สิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาจะมีระยะเวลาออมเกินกว่า 1 ปี เช่น เงินฝากดอกเบี้ย 1.8% ของธนาคารทิสโก้ และธนาคารเกียรตินาคินภัทร ระยะเวลาฝาก 17-18 เดือน ที่จริงธนาคารรัฐอย่างธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์มีโปรโมชันเงินฝากออกมาก่อนหน้านี้บ้างตั้งแต่ช่วงที่เงินเฟ้อสูงและมีแนวโน้มว่าดอกเบี้ยเงินฝากอาจปรับขึ้น แต่ถ้านับในช่วงนี้ มีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หลังจากที่ส่วนสลาก ธ.ก.ส.ชุดเกษตรมั่งคั่ง 7 ที่เปิดจำหน่ายรอบ 2 ช่วง 19 กันยายน 2565 แม้ไม่ได้ปรับดอกเบี้ยและเงินรางวัลเพิ่มจากเดือนมิถุนายน 2565 หมดลงอย่างรวดเร็ว ล่าสุด ธ.ก.ส. ออกผลิตภัณฑ์ “เงินฝากเกษียณมั่งคั่ง 2565” เงินฝาก 4 ปีที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุด 4.75% ต่อปี บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี รับดอกเบี้ยรายเดือนอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได ลูกค้าเป้าหมายประกอบด้วย ลูกค้ารายเดิมที่มีเงินฝาก “โครงการเงินฝากเกษียณมั่งคั่ง 2561” (4 ปี) รหัสโครงการ 9661 ที่ครบกำหนด และต้องเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ (ท.ร.14) กลุ่มข้าราชการ พนักงานองค์การของรัฐ หรือหน่วยงานอื่นที่มีผู้เกษียณอายุ หรือเกษียณอายุก่อนครบกำหนดในปี 2565 และบุคคลธรรมดาที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป และต้องเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ (ท.ร.14) ระยะเวลาการรับฝาก ลูกค้ารายเดิมที่มีบัญชีเงินฝากโครงการเงินฝากเกษียณมั่งคั่ง 2561 (4 ปี) รหัสโครงการ 9661 ที่ครบกำหนดทุกราย (ลูกค้าต้องมาดำเนินการแสดงความประสงค์ภายในระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด) เริ่มรับฝากตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 หรือธนาคารแจ้งปิดการรับฝาก ลูกค้ารายใหม่ เริ่มรับฝากตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 หรือธนาคารแจ้งปิดการรับฝาก ระยะเวลาโครงการ 4 ปี ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได เฉลี่ยทั้งโครงการร้อยละ 2.50 ต่อปี แยกเป็น - ช่วงปีที่ 1 วันที่ 27 กันยายน 2565-วันที่ 30 กันยายน 2566 ร้อยละ 1.25 ต่อปี พนักงาน ธ.ก.ส.สาขาหนึ่งให้ข้อมูลว่า “เงินฝากตัวนี้เป็นการรับช่วงลูกค้าเดิมของโครงการเงินฝากเกษียณมั่งคั่ง 2561 ครั้งนั้นดอกเบี้ยฝากอยู่ที่ 2.25% และเปิดให้บุคคลทั่วไปที่มีอายุเกิน 55 ปี สามารถฝากเงินในบัญชีนี้ได้เพื่อเป็นการส่งเสริมการออม โดยแต่ละสาขาของ ธ.ก.ส.จะได้รับเป้ามาว่ามีโควตากี่ล้านบาท หากสาขานี้เต็มแล้วผู้ต้องการฝากก็ต้องโยกไปตามสาขาอื่นที่ยังมีวงเงินเหลือ”
ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์เคยออกเงินฝากวันแม่ช่วงระยะเวลาฝาก 6 เดือน ดอกเบี้ย 2% ไม่เสียภาษี จากนั้น ธอส.แจ้งปรับอัตราดอกเบี้ยสลากออมทรัพย์กรณีไม่ถูกรางวัลของสลาก ชุด วิมานเมฆ Plus ที่เปิดจำหน่ายตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นสลากอายุ 2 ปี ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.45% ต่อปี (เมื่อฝากครบกำหนด) ราคาสลากหน่วยละ 1 ล้านบาท - รางวัลที่ 1 รางวัลละ 3,000,000 บาท จำนวน 1 รางวัลเสี่ยงหมวด - รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 รางวัลละ 100,000 บาท จำนวน 2 รางวัล (หมวดเดียวกันกับรางวัลที่ 1) ยกเว้นกรณีรางวัลที่ 1 - ฝากไม่ครบ 3 เดือน และไถ่ถอนหัก 10,000 บาทต่อหน่วย (ถอนคืนได้ 990,000 บาท) - ฝากครบ 3 เดือน แต่ไม่ถึง 2 ปี ไถ่ถอนคืนได้รับเงินต้น 1,000,000 บาทต่อหน่วย ไม่ได้รับดอกเบี้ย - ฝากครบ 2 ปี (1.45%) ไถ่ถอนคืนได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย = 1,029,000 บาทต่อหน่วย (คิดเป็น 1.45% ต่อปี)
ธนาคารออมสินนับว่ามีผลิตภัณฑ์เงินฝากออกมามากกว่าหลายธนาคาร ทั้งเงินฝากระยะสั้นและระยะยาว ล่าสุด 12 ตุลาคม 2565 ธนาคารออมสินได้ปรับเพิ่มเงินรางวัลและผลตอบแทนให้สลากออมสินพิเศษ 2 ปี งวดที่ 225 หน่วยละ 100 บาท มีสิทธิถูกรางวัลทุกเดือนเป็นเวลานานถึง 24 เดือน รางวัลที่ 1 มูลค่ารางวัล 10 ล้านบาท และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย เงินรางวัลและดอกเบี้ยของบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี ฝากครบอายุจะโอนเงินต้นและดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากที่เป็นบัญชีคู่โอนโดยอัตโนมัติ ดอกเบี้ยฝากครบ 2 ปี ได้รับดอกเบี้ย 0.15 บาทต่อหน่วย (0.075% ต่อปี) อัตราดอกเบี้ยกรณีผิดเงื่อนไขการฝาก ฝากไม่ครบ 3 เดือน หักส่วนลด 2.00 บาทต่อหน่วย ฝากไม่ครบ 2 ปี ไม่ได้รับดอกเบี้ย วงเงินในการรับฝาก ฝากขั้นต่ำ 100 บาท (1 หน่วย) ไม่จำกัดวงเงินรับฝากต่อราย เงินรางวัล รางวัลที่ 1 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 10 ล้านบาท รางวัลที่ 2 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 1 ล้านบาท รางวัลที่ 3 จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 1 หมื่นบาท รางวัลที่ 4 จำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 3,000 บาท รางวัลที่ 5 จำนวน 15 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท รางวัลเลขท้าย 4 ตัว จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 200 บาท รางวัลเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 2 บาท * กำหนดงวดและหมวดอักษรเฉพาะรางวัลที่ 1 และรางวัลที่ 2 อย่าดูค่ายเดียว-ต้องเปรียบเทียบ คนที่พอมีเงินก้อนก็พยายามซื้อให้ครบเพื่อให้ถูกรางวัลเลขท้าย (ต่ำสุด) ทุกงวด เช่น ซื้อ 1 แสนบาท ถ้าเป็นของออมสินเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 20 บาท สิ้นปีรับ 240 บาทบวกผล ตอบแทนอีก 0.075% ถือว่าผลตอบแทนน้อย จึงต้องหวังรางวัลอื่นๆ ส่วนใหญ่ตัวอัตราดอกเบี้ยของสลากออมทรัพย์มักจะให้ดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว ผู้ที่ออมเงินผ่านสลากส่วนมากหวังในเรื่องของรางวัลใหญ่เป็นหลัก ส่วนจะถูกหรือไม่แล้วแต่โชคของแต่ละบุคคล เหลียวมองเงินฝากควบคู่ ในช่วงที่ตลาดดอกเบี้ยฝากเริ่มมีผู้ออกผลิตภัณฑ์มากขึ้น คนที่เคยซื้อสลากออมทรัพย์จำนวนไม่น้อยเริ่มปันใจไปให้กับเงินฝากประเภทต่างๆ ที่พอจะมีในตลาดถ้าสามารถเข้าถึงได้และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อย่างสลากออมสินตัวใหม่ที่ปรับเงินรางวัลเลขท้าย 4 ตัวเป็น 200 บาทนั้น หากต้องการถูกรางวัลนี้ทุกงวดท่านต้องลงเงิน 1 ล้านบาท และจะได้รางวัลเลขท้าย 3 ตัวพ่วงมาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง เบ็ดเสร็จจะได้ผลตอบแทนจากรางวัลเลขท้ายราว 2,600 บาท แต่ถ้านำไปฝากที่ให้ผลแทน 2% ต่อปี ท่านจะได้ดอกเบี้ยรับ 2 หมื่นบาทต่อปี ตรงนี้ท่านต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเลือกออมแบบใด คนที่ติดตามโปรโมชันเงินฝากมาย่อมทราบดีว่าในช่วงนี้มีเพียงธนาคารของรัฐเท่านั้นที่พอมีโปรโมชันให้ออมเงิน (ไม่นับสลาก) และโปรโมชันในช่วงนี้ธนาคารผู้ออกมักจะล็อกเงินฝากเป็นแบบระยะยาวเพื่อให้ได้ต้นทุนทางการเงินต่ำที่สุด ไม่มีใครทราบได้ว่าแต่ละแบงก์จะแข่งขันกันที่ดอกเบี้ยอัตราใดดีที่สุดคือการค่อยๆ ออม แบ่งเงินออมออกเป็นชุดๆ กระจายไปตามโปรโมชันต่างๆ เท่าที่มี ส่วนผู้สูงอายุควรคำนึงถึงความปลอดภัยของเงินต้นเป็นสิ่งสำคัญ |