วิธีการสั่งซื้อสินค้า facebook

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายออนไลน์ ช่องทางนึงที่เรียกได้ว่าปิดการขายได้มากที่สุดคือ Facebook Messenger และทุกรายจะพบปัญหาเมื่อมีการจ่ายเงินเราจะรู้ได้อย่างไรว่าในวันนั้นขายของได้เท่าไหร่ ดังนั้นวันนี้จะมาสอนการกดยืนยันคำสั่งซื้อ ซึ่งสุดท้ายเราจะสามารถนับยอดขายได้ทั้งในเครื่องมือยิงโฆษณาบน Facebook และใน Facebook แฟนเพจ

เริ่มเลยละกัน

  1. เมื่อลูกค้าโอนเงินและแนบสลิปแล้ว จะพบปุ่ม ฿ ตามรูปที่วงสีแดงไว้
วิธีการสั่งซื้อสินค้า facebook

2. เมื่อกดแล้วจะสามารถกรอกตัวเลข โดยเราจะกรอกยอดที่ลูกค้าจ่ายมานะครับ

วิธีการสั่งซื้อสินค้า facebook

3. เมื่อกดยืนยันการรับชำระ เราจะกลับมาหน้า Chat และจะมีข้อความมายืนยันตามรูป

วิธีการสั่งซื้อสินค้า facebook

4. กดดูรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบจะสรุปให้นะครับ หมายเลขคำสั่งซื้อ และวันที่สั่งซื้อและเรากดอัปเดทสถานะการส่งได้

วิธีการสั่งซื้อสินค้า facebook

5. การดูผลลัพธ์จะสามารถดูผ่านหน้า Insight ของ Facebook Page ได้ครับ จะอยู่ด้านขวาในกรอบสีแดงครับ

วิธีการสั่งซื้อสินค้า facebook

ยังมีฟีเจอร์อื่นอีกนะครับ จะมาทยอยแชร์ในบทความหน้า สามารถติดตามทุกบทความได้ในเพจเลยครับและสามารถทักมาพูดคุยกันได้อีก ขอบคุณผู้ติดตามที่ทักเข้ามาด้วยนะครับ ยินดีตอบคำถามต่าง ๆ ครับ

เชื่อว่าสาวๆหลายคนคงเคยได้ยินหรือเคยสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์หรือหน้าเพจออนไลน์ตาม social media ต่างๆ อย่าง Facebook, Instagram, Pantip Market หรือแม้กระทั่งผ่านโปรแกรมแชทสุดฮิตอย่าง LINE กันมานะคะ บางคนก็ได้รับประสบการณ์ที่ดี ได้ทั้งของราคาไม่แพง และบริการส่งไปรษณีย์ก็รวดเร็วทันใจ แต่ก็มีสาวๆจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สั่งของแล้ว จ่ายเงินแล้ว แต่ไม่ได้รับสินค้า แถมยังตามตัวผู้ขายไม่ได้อีกต่างหาก แล้วทีนี้เราจะมีวิธีตรวจสอบอย่างไร ให้แน่ใจว่าร้านที่เรากำลังจะซื้อของด้วยปลอดภัยไม่โกงเราจริงๆ ChicMinistry มีเคล็ด(ไม่)ลับมาแชร์ให้สาวๆทราบกันค่ะ

วิธีการสั่งซื้อสินค้า facebook

1. เสิร์ชข้อมูลเว็บไซต์และชื่อผู้ขายผ่าน Google
แน่นอนว่าถ้าเป็นร้านค้าหรือผู้ขายที่มีประวัติไม่ดี โกงเงินลูกค้า จะต้องมีการแฉกันผ่าน Facebook หรือตามเว็บบอร์ดดังๆอย่าง Pantip แน่นอน สาวๆอาจจะจะลองเสิร์ชด้วยชื่อร้าน ชื่อคนขาย ตามด้วยคำว่า Pantip หากเจอกรณีการโกงลูกค้าแม้แต่รายเดียว เราก็อย่าเสี่ยงเลยค่ะ เลือกร้านอื่นดีกว่า แต่ถ้าไม่มีข้อมูลเสียๆหายๆล่ะก็ ตามมาที่ข้อสองเลย

2. ตรวจสอบทุกช่องทางการติดต่อกับผู้ขาย
ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram, LINE หรือเบอร์โทรศัพท์ ก่อนสั่งซื้อต้องแน่ใจว่าสามารถติดต่อกับผู้ขายได้จริงๆ อัพเดตสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยทิ้งร้าง มีเพื่อนหรือ followers อยู่จริง ใช้รูป profile และ cover photo ที่โอเค โพสอะไรก็มีคนกดไลค์บ้าง มีคอมเมนท์บ้าง (อย่าสนใจแต่ยอด Like ของเพจอย่างเดียวนะคะ เพราะของแบบนี้ปั่นหลอกกันได้) นอกจากนี้เช็ควันที่ก่อตั้งร้าน/เพจด้วย ถ้าเพิ่งตั้งใหม่ๆก็เช็คดูดีๆว่าเป็นการย้ายร้านหนีหรือเปล่า หรือเพิ่งเปิดร้านใหม่จริงๆ ยิ่งเปิดมานานๆยิ่งน่าเชื่อถือกว่านะคะ

3. เปรียบเทียบราคาสินค้ากับราคาตลาด
อย่าคิดว่าของที่ขายกันในโลกออนไลน์ต้องราคาถูกมากกก เสมอไป เพราะสาวๆอาจจะเจอของปลอมได้ โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่นและเครื่องสำอาง หาข้อมูลราคาตลาดมาเทียบดูก่อนว่าราคาควรจะอยู่ในระดับไหน ถ้าเป็นสินค้า pre-order ก็ต้องเช็คดูราคาที่ประเทศนั้นๆด้วย ยิ่งไปกว่านั้นหาข้อมูลวิธีเช็คดูของแท้ของปลอมเอาไว้ก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะบางครั้งดูแค่รูปเราก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าของปลอมหรือเปล่า

4. อย่าลืมขอหมายเลขพัสดุ (Tracking Number)
หมายเลขพัสดุ (Tracking number) ก็คือหมายเลขของที่ผู้ขายจะได้รับจากไปรษณีย์เมื่อส่งสินค้าลงทะเบียน หรือแบบ EMS โดยเราสามารถนำหมายเลขพัสดุมากรอกลงในเว็บของ ไปรษณีย์ไทย เพื่อเช็คสถานะของสินค้าว่าตอนนี้ดำเนินการส่งไปถึงไหนแล้ว หากผู้ขายผลัดผ่อน หรือไม่ยอมให้หมายเลขพัสดุกับเราตามเวลาที่บอก ให้สันนิษฐานไว้เลยว่ากำลังโดนเบี้ยวค่ะ

5. เก็บหลักฐานเอาไว้ให้หมด
ข้อนี้สำคัญที่สุด ถ้าตกลงซื้อสินค้าแล้ว โอนเงินแล้ว อย่าลืมเก็บสลิปโอนเงิน capture หน้าจอที่โอนเงิน (หากใช้บริการ online banking) หรือแม้กระทั่งบทสนทนาที่คุยกับผู้ขายเอาไว้ว่าสั่งซื้ออะไร เท่าไร ส่งเมื่อไร จะได้รับสินค้าเมื่อไร เอาไว้ด้วย เผื่อมีปัญหาภายในอนาคตนะคะ นอกจากนี้ หากใครใช้บริการ online banking อย่าลืมสังเกตที่ url ด้านบนว่าขึ้นต้นด้วย https:// พร้อมสัญลักษณ์แม่กุญแจสีเขียวหรือเปล่า เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริงๆค่ะ

เห็นไหมคะว่า ที่จริงแล้วช้อปปิ้งออนไลน์ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแต่เราต้องหาข้อมูลให้ดี เลือกร้านที่เชื่อถือได้ และเก็บหลักฐานเอาไว้ให้หมด เท่านี้สาวชิคก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลอกแล้วล่ะค่ะ แต่ที่ต้องกังวลก็คือ จำนวนเงินในบัญชีที่จะร่อยหลอลงไปเรี่อยๆนี่สิ ทางที่ดีก่อนช้อปปิ้ง วางแผนการใช้เงินให้ดีด้วยแล้วกันนะคะ ไม่งั้นอย่าหาว่า ChicMinistry ไม่เตือนนะ :)