วิตามินซี1เม็ดมีกี่มิลลิกรัม

วิตามินซี กินอย่างไรให้ “พอดี”(2)

  • หน้าหลัก
  • ข้อมูลสุขภาพ

เมื่อครั้งที่แล้ว เราได้ทราบกันไปแล้วนะคะว่า วิตามินซีมีความสำคัญ ประโยชน์ และผลที่จะเกิดขึ้นหากร่างกายขาดวิตามินซีหรือการได้รับวิตามินซีมากเกินไป วันนี้เราจะมาดูกันค่ะว่า เราจะกินวิตามินซีอย่างไรให้เหมาะสมและเพียงพอ

วิตามินซี1เม็ดมีกี่มิลลิกรัม

เป็นที่ทราบกันดีค่ะว่า ว่าวิตามินซีพบในผักและผลไม้ ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม พริกหวาน ผักคะน้า ซึ่งตารางด้านล่างนี้ คือตัวอย่างของวิตามินซีที่พบใน ผัก ผลไม้ 100 กรัม

กินวิตามินซีอย่างไร จึงจะเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน?
องค์การอนามัยโลก ได้แนะนำว่า หากเรากินผักผลไม้ให้ได้ 400 กรัมต่อวัน จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งการกินผักผลไม้ 400 กรัมนั้น ร่างกายจะได้รับวิตามินซีประมาณ 210-280 มิลลิกรัม ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการวิตามินซีของร่างกายต่อวัน นอกจากจะได้รับวิตามินซี ผักผลไม้ ยังเป็นแหล่งสำคัญของใยอาหาร แร่ธาตุ วิตามินชนิดอื่นๆ และ สารพฤกษเคมีต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับร่างกายอีกด้วย 

เราจำเป็นต้องกินวิตามินซีในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือไม่?
ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า วิตามินซีมีประโยชน์หลายด้าน เช่น การเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย การต้านอนุมูลอิสระ   ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง  แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยที่แนะนำปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งหากต้องการกินวิตามินซีที่มากกว่าปริมาณที่แนะนำ สามารถเลือกกินได้ แต่ปริมาณสูงสุดต้องไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน และนอกจากนี้ เมื่อเรากินวิตามินซีเข้าไปในปริมาณที่มากขึ้น ร่างกายจะมีร้อยละของการดูดซึมที่ลดลง หากกินวิตามินซีปริมาณ 30-180 มิลลิกรัมต่อวัน ร่างกายดูดซึมได้ร้อยละ 80-90 แต่ถ้ากินวิตามินซีในปริมาณ 500 มิลลิกรัม ร่างกายดูดซึม ได้ร้อยละ 75 และหากกินในปริมาณที่มากกว่า 500 มิลลิกรัม ร่างกายจะดูดซึมได้น้อยลงเรื่อยๆ ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า วิตามินซีมีประโยชน์หลายด้าน เช่น การเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย การต้านอนุมูลอิสระ   ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง  แต่ยังไม่มีรายงานการศึกษาวิจัยที่แนะนำปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งหากต้องการกินวิตามินซีที่มากกว่าปริมาณที่แนะนำ สามารถเลือกกินได้ แต่ปริมาณสูงสุดต้องไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน และนอกจากนี้ เมื่อเรากินวิตามินซีเข้าไปในปริมาณที่มากขึ้น ร่างกายจะมีร้อยละของการดูดซึมที่ลดลง หากกินวิตามินซีปริมาณ 30-180 มิลลิกรัมต่อวัน ร่างกายดูดซึมได้ร้อยละ 80-90 แต่ถ้ากินวิตามินซีในปริมาณ 500 มิลลิกรัม ร่างกายดูดซึม ได้ร้อยละ 75 และหากกินในปริมาณที่มากกว่า 500 มิลลิกรัม ร่างกายจะดูดซึมได้น้อยลงเรื่อยๆ 

จะเห็นได้ว่าหากเราต้องการวิตามินซีที่เพียงพอกับปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน การกินผักผลไม้ 400 กรัม ช่วยให้เราได้รับวิตามินซีที่เพียงพอ หากต้องการให้เห็นผลโดยการกินวิตามินซีในปริมาณมากก็ควรทราบไว้ว่า ยิ่งปริมาณวิตามินซีมากขึ้น ร้อยละการดูดซึมจะลดลง และควรกินวิตามินซีไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้ 

ที่มา: สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ.2563. [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 1 กันยายน 2563];245-256. เข้าถึงได้จาก: http://nutrition.anamai.moph.go.th/images/dri2563.pdf

โดย ชฎาพร หนองขุ่นสาร 
นักกำหนดอาหารวิชาชีพ (CDT, CDE) 
ศูนย์โภชนาการและการกำหนดอาหาร โรงพยาบาลเทพธารินทร์


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • โดย เมดไทย
  • ปรับปรุงเมื่อ 05 กันยายน 2022 (เวลา 17:04 น.)

วิตามินซี1เม็ดมีกี่มิลลิกรัม

วิตามินซี

  • วิตามินซี (Vitamin C) หรือ กรดแอสคอร์บิก เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง
  • สัตว์ส่วนใหญ่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีเองได้ แต่มนุษย์ต้องอาศัยวิตามินซีจากอาหารเสริมแทนเท่านั้น
  • วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจนเพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย
  • วิตามินชนิดนี้มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (มก. หรือ mg.)
  • วิตามินซีช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
  • วิตามินซีจะถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็วเมื่อคุณตกอยู่ในสภาวะเครียด
  • การขาดวิตามินซีอาจทำให้เกิดโรคเลือดออกตามไรฟันได้
  • ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันอยู่ที่ 60 mg. และสำหรับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรที่ประมาณ 70-96 mg.
  • ผู้ที่สูบบุหรี่และผู้สูงอายุ ควรได้รับวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น
  • ร่างกายจะสูญเสียวิตามินซี 25 – 100 mg. ต่อการสูบบุหรี่หนึ่งมวน
  • ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL)
  • แหล่งที่พบวิตามินซีได้ในธรรมชาติ ได้แก่ ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักใบเขียว แคนตาลูป มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ พริกไทย เป็นต้น
    วิตามินซี1เม็ดมีกี่มิลลิกรัม
  • หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดนิ่ว บางครั้งการรับประทานในปริมาณที่สูงหรือมากกว่า 10,000 mg. ขึ้นไปอาจก่อให้เกิดผลเสีย เช่น อาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย มีผื่นผิวหนัง ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวคุณควรรับประทานในปริมาณที่น้อยลง คนไข้โรคมะเร็งที่กำลังฉายรังสีหรือเคมีบำบัด ไม่ควรรับประทานวิตามินซีเพราะผลตรวจอาจแปรปรวนได้
  • ศัตรูของวิตามินซี ได้แก่ แสง ออกซิเจน น้ำ ความร้อน การสูบบุหรี่ การปรุงอาหาร

วิตามินซีในรูปแบบของอาหารเสริม

  • เป็นวิตามินที่รับประทานกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด มีจำหน่ายหลายรูปแบบ เช่น แบบเม็ด แคปซูล ลูกอม เม็ดแบบแตกตัวช้า แบบผง แบบเคี้ยว น้ำเชื่อม หรือเรียกได้ว่าแทบจะทุกรูปแบบ
    วิตามินซี1เม็ดมีกี่มิลลิกรัม
  • วิตามินซีบริสุทธิ์คือรูปที่แปลงมาจากน้ำตาลเด็กซ์โทรสจากข้าวโพด (แม้จะไม่มีข้าวโพดหรือเด็กซ์โทรสหลงเหลืออยู่เลย)
  • ความแตกต่างระหว่างวิตามินซีจากธรรมชาติหรือแบบอินทรีย์ (ออร์แกนิค) และกรดแอสคอร์บิกสังเคราห์โดยทั่วไป คือความยากง่ายในการย่อยและการดูดซึม ซึ่งต่างกันไปตามความสามารถของแต่ละคน
  • อาหารเสริมวิตามินซีที่ดีที่สุดคือวิตามินซีที่ประกอบไปด้วยไบโอฟลาโวนอยด์ เฮาเพอริดิน และรูติน (บางครั้งอาจเห็นชื่อในฉลากว่า เกลือซิตรัส)
  • วิตามินซีในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูลส่วนมากจะมีขนาดตั้งแต่ 100 – 1,000 mg. ส่วนในรูปแบบผงละลายน้ำจะมีขนาดประมาณ 5,000 mg. ต่อช้อนชา
  • ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับวิตามินซีเสริมอาหารคือ 500 – 4,000 mg.
  • อะซีโรลาซี (Acerola C) คือ วิตามินซีที่สกัดมาจากผลอะซีโรลาเบอร์รี่
  • วิตามินซีจากโรสฮิปหรือผลกุหลาบจะมีไบโอฟลาโวนอยด์และเอนไซม์อื่น ๆ ที่ช่วยให้วิตามินซีแตกตัวได้ดี ถือเป็นแหล่งของวิตามินซีตามธรรมชาติที่ดีที่สุด

ประโยชน์ของวิตามินซี

  1. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  2. การรับประทานเป็นประจำจะช่วยให้ผิวใส เนียน นุ่มลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
  3. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  4. ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัด
  5. ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
  1. ประโยชน์วิตามินซี ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด
  2. ช่วยต่อต้านการสร้างสารไนโตรซามีน (สารก่อมะเร็ง)
  3. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
  4. ประโยชน์ของวิตามินซี ช่วยลดความดันเลือด
  5. ช่วยลดการเกิดเส้นเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
  6. ช่วยต่อชีวิตให้เซลล์โดยช่วยให้โปรตีนในเซลล์เกาะเกี่ยวกันได้ดีขึ้น
  7. ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก
  8. เป็นยาระบายตามธรรมชาติ
  9. เพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  10. ช่วยลดอาการที่เป็นผลมาจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
  11. ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียหลายชนิด
  12. ช่วยเร่งให้แผลหลังผ่าตัดหายเร็วยิ่งขึ้น
  13. ช่วยในการรักษาแผลสด แผลไหม้ให้หายเร็วยิ่งขึ้น

คำแนะนำในการรับประทานวิตามินซี

  • วิตามินซีจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารในกระเพาะ และการรักษาระดับของวิตามินซีในเลือดให้สูงอยู่ตลอดเวลาถือเป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพ จึงขอแนะนำว่าให้รับประทานพร้อมอาหารมื้อเช้าและเย็น
  • วิตามินซีในปริมาณสูงอาจกระทบถึงผลการตรวจเลือดรวมทั้งผลการตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ ดังนั้นหากคุณกำลังไปตรวจอย่าลืมแจ้งแพทย์ว่าคุณกำลังรับประทานวิตามินซีอยู่ เพราะการวินิจฉัยอาจเกิดการผิดพลาดได้
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรทราบว่า ค่าที่ได้จากการตรวจหาน้ำตาลในปัสสาวะอาจไม่ถูกต้อง หากคุณรับประทานวิตามินซีปริมาณสูง
  • ยารักษาโรคเบาหวาน อาจมีประสิทธิภาพด้อยลงหากรับประทานร่วมกับวิตามินซี
  • สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิด 2 หรือผู้ที่มีความดันโลหิตสูง สามารถลดความดันได้เพียงแค่รับประทานวิตามินซีวันละ 500 mg.
  • สำหรับผู้ที่มีโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลให้มีเหล็กสะสมในร่างกายมาก เช่น ธาลัสซีเมียหรือฮีโมโครมาโตซิส ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามินซีในปริมาณที่สูง หากรับประทานวิตามินซีเกินกว่า 750 mg. ต่อวัน ควรรับประทานแมกนีเซียมเสริมด้วย เพราะช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไตได้
  • ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จะทำลายวิตามินซี เพราะฉะนั้นผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองควรรับประทานวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น
  • สำหรับผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด ควรรับประทานวิตามินซีเพิ่มขึ้น
  • เพื่อให้วิตามินซีทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควรให้มันได้ทำงานร่วมกันกับไบโอฟลาโวนอยด์ แคลเซียม แมกนีเซียม
  • หากคุณรับประทานยาแอสไพริน ควรรับประทานวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น เพราะแอสไพรินทำให้วิตามินซีถูกขับเร็วขึ้นถึงสามเท่า
  • หากคุณรับประทานโสม ควรเว้นระยะเวลา 2 ชั่วโมงก่อนหรือหลังรับประทานวิตามินซี
  • เพื่อบรรเทาอาการหวัด ควรรับประทานวิตามินซี 1,000 mg. วันละสองเวลา พบว่าจะช่วยลดระดับฮิสตามีนในเลือดลงถึงร้อยละ 40 (ฮิสตามีนเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการน้ำมูกน้ำตาไหล)

แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

เมดไทย

เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด

วิตามินซี1เม็ดมีกี่มิลลิกรัม

Disclaimer: เนื้อหาในเว็บไซต์มีไว้เพื่อการศึกษาและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หรือใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาแต่อย่างใด ทางเว็บไซต์ไม่มีคำตอบสำหรับปัญหาทั้งหมด คำตอบสำหรับปัญหาที่เฉพาะเจาะจงอาจใช้ไม่ได้กับทุกคน หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบายควรปรึกษาแพทย์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดอ่านเงื่อนไขการใช้งานของเรา

© 2022 Medthai. All rights reserved.