ประเภทที่ 1 บ้านอยู่อาศัย Show 1.1 อัตราปกติปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน
1.3 อัตราตามช่วงเวลาของการใช้ (Time of Use Tariff : TOU Tariff )
On Peakเวลา 09.00 - 22.00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์ Off Peak เวลา 22.00 - 09.00 น. วันจันทร์ - วันศุกร์ หมายเหตุผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 1.1 ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ยังคงได้รับสิทธิค่าไฟฟ้าฟรีถึงค่าไฟฟ้าประจำเดือนธันวาคม 2558 และตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท 1.1 ที่ได้รับสิทธิค่าไฟฟ้าฟรีจะต้องไม่เป็นนิติบุคคล และมีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 เดือน นับถึงเดือนปัจจุบัน ข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราค่าไฟฟ้า
** อัตราค่าไฟฟ้าใหม่นี้เริ่มใช้ตั้งแต่ค่าไฟฟ้า ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป** วันนี้จะมาแนะนำค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายกันทุกสิ้นเดือนนั้นก็คือการคำนวณค่าไฟและค่าน้ำ ว่าแต่ละเดือน บ้านเราใช้ไปเท่าไหร่ และเยอะเกินไปไหม ซึ่งก็อาจจะคำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือนได้เลย หรือจะใช้โปรแกรมคำนวณก็ได้ แต่สำหรับผู้ที่อยากลองคำนวณเองก็สามารถเข้ามาดูที่บทความนี้ได้เลยครับ สูตรคำนวณอัตราค่าไฟบ้าน การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คิดอัตราบริการต่อหน่วยเท่ากัน โดยคิดเป็นอัตราก้าวหน้า ยิ่งใช้ไฟฟ้ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งจ่ายค่าไฟเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ในบ้านเรือนส่วนใหญ่จะใช้กำลังไฟไม่เกิน 5 แอมแปร์ 230 โวลต์ 1 เฟส 2 สาย จะมีสูตรคำนวณดังนี้ ค่าไฟฟ้าฐาน = จำนวนยูนิต x อัตราค่ากระแสไฟฟ้าต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าฐาน + ค่าไฟฟ้าผันแปร(ft) + ภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) = ค่าไฟฟ้า ความหมายของคำอธิบาย ค่าไฟฟ้าฐาน ก็คือ อัตราการคิดแบบลำดับขั้น ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก ยิ่งต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ค่าไฟฟ้าผันแปร = จำนวนพลังไฟฟ้า x ค่า Ft (หน่วยละ - 11.60 สตางค์/หน่วย) ภาษีมูลค่าเพิ่ม = (ค่าไฟฟ้าฐาน + ค่า Ft ) x 7/100 เช่น 1-5 หน่วย = 2.34 บาท /หน่วย 16-25 หน่วย = 2.98 บาท/หน่วย 36 - 100 หน่วย = 3.62 บาท / หน่วย 101 - 150 หน่วย = 3.71 บาท / หน่วย 151 - 400 หน่วย = 4.22 บาท / หน่วย การคำนวณค่าน้ำประปา คือ ค่าน้ำประปา ก็จะแบ่งอัตราค่าบริการตามเขตพื้นที่ตั้ง อย่างพื้นที่กรุงเทพ จะขึ้นกับการประปานครหลวง ส่วนต่างจังหวัดจะขึ้นกับการประปาส่วรภูมิภาค และบางพื้นที่อาจจะมีเอกชนรร่วมลงทุนด้วย โดยจะแบ่งประเภทตามที่ลักษณะที่อยู่อาศัยออกเป็น 2 ประเภท ด้วยกันได้แก่ ที่พัก และ ธุรกิจ รายการ รัฐสาหกิจ เป็นต้น สูตรคำนวณค่าน้ำ มีดังนี้ ( ปริมาณน้ำที่ใช้ x ราคาต่อหน่วย ) + ค่าบริการ + ภาษี 7 เปอรเซ็นต์ = ค่าน้ำประปา ค่าบริการที่ระบุไว้ในสูตรข้างต้นตามขนาดของมาตรวัด 1/2 นิ้ว ค่าบริการ 25 บาท * ซึ่งบ้านเรือนส่วนใหญ่ใช้มาตรวัดนี้ ในการคิดค่าบริการ 3/4 นิ้ว ค่าบริการ 40 บาท 1 นิ้ว ค่าบริการ 50 บาท 1.1/2 ค่าบริการ 80 บาท 2 ค่าบริการ 300 บาท เป็นต้น อัตราค่าน้ำประปานครหลวง ซึ่งจะแนะนำเฉพาะส่วนของกรุงเทพมหานครครับ 1 - 30 ลบ.ม = 8.50 บาท / หน่วย 31 - 40 ลบ.ม = 10.03 บาท / หน่วย 41 - 50 ลบ.ม = 10.35 บาท / หน่วย 51 - 60 ลบ.ม = 10.68 บาท / หน่วย สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ การประปานครหลวง และนี้ก็เป็นวิธีการคำนวณของค่าไฟและค่าน้ำ หลังจากนี้ก็คงต้องประหยัดการใช้งานและเพราะยิ่งใช้เยอะก็ยิ่งแพง อีกทั้งยังมี ค่าVAT ที่เพิ่มเข้ามาด้วยและ อ้างอิง - สูตรการคำนวณค่าน้ำค่าไฟ ใน บ้าน [ออนไลน์] นำเข้ามาจาก https://today.line.me/th/v2/article/68Paxn - การคำนวณค่าน้ำค่าไฟ [ออนไลน์]นำเข้ามาจาก https://www.workventure.com ค่าน้ำตอนนี้หน่วยละกี่บาท
ค่าน้ําค้างได้กี่เดือน 2565จากข้อมูลโดยการประปานครหลวง (กปน.) เมื่อมีการใช้น้ำไปแต่มีการค้างชำระเป็นเวลา 2 เดือน กปน.จะระงับการใช้น้ำ โดย กปน. จะปฏิบัติตาม ระเบียบการประปานครหลวง ฉบับที่ 180 ว่าด้วย การระงับการใช้น้ำชั่วคราวและถาวร กรณีค้างชำระค่าน้ำประปา โดยจะปิดประตูน้ำหน้ามาตรวัดน้ำ ผูกลวดล็อกมิเตอร์
น้ำประปา 1 หน่วยมีกี่ลิตรคำว่าน้ำประปา 1 หน่วย หมายถึง น้ำจำนวน 1 คิวบิคเมตร (1 คิวบิคเมตรมีขนาดเท่ากับถังสี่เหลี่ยมขนาด กว้าง x ยาว x สูง ด้านละ 1 เมตร) ซึ่งน้ำจำนวน 1 คิวบิคเมตร จะมีปริมาณน้ำเท่ากับ 1,000 ลิตรนั่นเอง
น้ำประปา 1000 ลิตรเท่ากับกี่บาทสมมติว่าที่บ้านใช้น้ำเดือนละ 10,000 ลิตร เท่ากับ 10 ลบม จะไปอยู่ในขั้น 0-30 ลบม ซึ่งมีอัตราค่าน้ำอยู่ที่ 8.50 บาท/ลบม หรือ 8.50 บาท ต่อการใช้น้ำ 1,000 ลิตรนั่นเอง
|