การเคลื่อนไหวร่างกาย เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เพราะคนเราต้องเดิน วิ่ง ปรับเปลี่ยนลักษณะท่าทางของร่างกาย ไปจนถึงการยกและดึงสิ่งของต่าง ๆ ล้วนต้องอาศัยทักษะในการเคลื่อนไหวของร่างกายเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ การเคลื่อนไหวร่างกายประเภทต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการเคลื่อนไหวร่างกายตอนออกกำลังกายอย่างถูกวิธี โดยไม่เสียเวลาเปล่า Show
การเคลื่อนไหวของร่างกาย คือ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่ต่อเนื่องกัน โดยส่วนที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว ได้แก่ กลไกการทำงานของข้อต่อ กล้ามเนื้อและระบบประสาท ซึ่งการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของร่างกายโดยทั่วไปแล้วจะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ 1. การเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนที่การเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนที่ เป็นการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนลักษณะท่าทางของร่างกายเพื่อปฏิบัติกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายเคลื่อนที่ไปยังทิศทางต่าง ๆ อย่างถูกต้อง เช่น การเดิน (walk) , การวิ่ง (Run) , การกระโดดเขย่ง (Hop) , การกระโดด (Jump) , การกระโจน (Leap) , กระโดดสลับเท้า (Skip) , การสไลด์ (Slide) และ การควบม้า (Gallop) 2. การเคลื่อนไหวแบบไม่เคลื่อนที่การเคลื่อนไหวแบบไม่เคลื่อนที่ เป็นการใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเคลื่อนไหวโดยที่ร่างกายอยู่กับที่ เช่น การอ้าปาก หุบปาก การยกไหล่ขึ้นลง และการกระพริบตา ส่วนท่าทางในการปฏิบัติภารกิจประจำวัน และท่าทางที่ใช้ในการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาโดยทั่วไป ดังนี้ การก้ม คือ การงอพับตัวให้ร่างกายส่วนบนลงมาใกล้กับส่วนล่าง การยืดเหยียด คือ การเคลื่อนไหวในทางตรงข้ามกับการก้ม โดยพยายามยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การบิด คือการทำส่วนต่าง ๆ ของร่างกายบิดไปจากแกนตั้ง เช่น การบิดลำตัว การดึง คือ การพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้ามาหาร่างกายหรือทิศทางใดทิศทางหนึ่ง การดัน คือ การพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ห่างออกจากร่างกาย เช่น การดันโต๊ะ การเหวี่ยง คือ การเคลื่อนไหวสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยหมุนรอบจุดให้เป็นเส้นโค้งหรือรูปวงกลม เช่น การเหวี่ยงแขน การหมุน คือ การกระทำที่มากกว่าการบิด โดยกระทำรอบ ๆ แกน เช่น การหมุนตัว การโยก คือ การถ่ายน้ำหนักตัวจากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายไปยังอีกส่วนหนึ่ง โดยเท้าทั้งสองแตะพื้นสลับกัน การเอียง คือ การทิ้งน้ำหนักไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งโดยไม่ถ่ายน้ำหนัก เช่น ยืนเอียงคอ การสั่นหรือเขย่า คือ การเคลื่อนไหวสั่นสะเทือนส่วนต่าง ๆ ของร่างกายซ้ำ ๆ ต่อเนื่องกัน เช่น การสั่นหน้า เขย่ามือ สั่นแขนขา การส่าย คือ การบิดไปกลับติดต่อกันหลาย ๆ ครั้ง เช่น การส่ายสะโพก ส่ายศีรษะ 3. การเคลื่อนไหวร่างกายแบบใช้อุปกรณ์ประกอบการเคลื่อนไหวร่างกายแบบใช้อุปกรณ์ประกอบ เป็นกิจกรรมทางกาย ที่ผู้ปฏิบัติต้องมีทักษะในการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน และยังต้องมีทักษะการใช้อุปกรณ์ควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การขว้างลูกบอล , การเตะฟุตบอล และการโยนลูกบอล 4. การเคลื่อนไหวแบบผสมผสานการเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน หมายถึงการนำทักษะการเคลื่อนไหวร่างกายขั้นพื้นฐาน ทั้งแบบ อยู่กับที่ แบบเคลื่อนที่ และใช้อุปกรณ์ประกอบ ผสมผสานให้มีการเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องสัมพันธ์กัน เพื่อปฏิบัติกิจกรรมทางกาย เช่น การทำงาน , การออกกำลังกาย , การเล่นเกม และการพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาประเภทต่าง ๆ การใช้ชีวิตประจำวันของคนเราในทุกวันนี้ ตั้งแต่ตื่นเช้าลืมตาขึ้นมาไปตลอดจนถึงเวลาเข้านอน ไม่่ว่าจะต้องทำกิจกรรมใด ๆ แน่นอนว่าต้องอาศัยการเคลื่อนไหวในแบบต่าง ๆ อยู่แล้ว ดังนั้น การเรียนรู้หลักการเคลื่อนไหวร่างกายประเภทต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะทำให้เราเคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยกับร่างกายเป็นที่สุด สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และกระดูก เราขอแนะนำคอร์ส PRACTICAL ANATOMY MOVEMENT TUTOR คอร์สที่จะทำให้คุณเข้าใจชัดเจนมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องจําคําศัพท์ยาก ๆ เน้นการปรับใช้ และเข้าใจการทํางานของท่าออกกําลังกายต่าง ๆ ทำให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ คลิกชมคอร์สกิจกรรมทางกาย กิจกรรมดีดี เพื่อสุขภาพที่ดีกิจกรรมทางกาย กิจกรรมดีดี เพื่อสุขภาพที่ดี ปัจจุบันการวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนได้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นทำให้ประชาชนขาดการเคลื่อนไหวออกแรงในชีวิตประจำวันและขาดการออกกำลังกาย ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ไม่ติดต่อ
ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ การป้องกันที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งคือการสร้างสุขภาพดี ด้วยการออกกำลังกายหรือการทำกิจกรรมทางกายหรือการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ ซึ่งต้องเลือกปฏิบัติให้เหมาะสมวัยด้วย
กิจกรรมทางกายหรือการเคลื่อนไหวร่างกาย (Physical activity) คืออะไร? 1. การทำงานประกอบอาชีพ (Occupational activity ) เช่น หาบขนมขาย ขนของขึ้นลง ถีบสามล้อ เกี่ยวข้าว ฯลฯ ข้อแนะนำในการออกกำลังกายในแต่ละช่วงอายุ 1. อายุ 5-17 ปี สำหรับเด็กและเยาวชนที่มีอายุอยู่ในกลุ่มวัยนี้ กิจกรรมที่เหมาะสมคือ การเล่นกีฬา กิจกรรมนันทนาการ วิชาพละศึกษา หรือการออกกำลังกายที่มีแบบแผน สำหรับครอบครัว โรงเรียน และชุมชน การทำกิจกรรมดังกล่าวช่วยเสริมสร้างให้ระบบการหายใจและการไหลเวียนเลือด กระดูกและกล้ามเนื้อ การเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีขึ้น ลดภาวะความเครียด
ควรปฏิบัติตาม 2.อายุ 18-64 ปี
การออกกำลังกายสำหรับผู้ใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มนี้ จะรวมถึง กิจกรรมสันทนาการ วิ่งเดิน ปั่นจักรยาน ทำงาน ที่มา
|