จงยกตัวอย่างคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 1 เช่น

ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเช่นคอมพิวเตอร์เองก็มีประวัติศาสตร์การพัฒนานมาอย่างยาวนานเช่นกัน นับตั้งแต่คอมพิวเตอร์ถูกประดิษย์ขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1940 จนกระทั่งปัจจุบันก็นับเป็นระยะเวลาหลายทศวรรษแล้ว ซึ่งประวัติศาสตร์ยุคสมัยของคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ยุคด้วยกัน ส่วนแต่ละยุคจะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง มาติดตามอ่านสรุปแบบเข้าใจแสนง่ายจากบทความชิ้นนี้กันได้เลย..

 

1940-1956: คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 – หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tubes)

จงยกตัวอย่างคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 1 เช่น

รูปภาพโดย Tom Avril จาก The Philadelphia Inquirer

 

คอมพิวเตอร์เครื่องเล็กรูปร่างสี่เหลี่ยมที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันในสมัยนี้ ในยุคแรก ๆ กลับเป็นเครื่องสี่เหลี่ยมขนาดสูงยิ่งกว่าตัวคนที่กินพื้นที่เกือบทั้งห้อง ตัวเครื่องมีขนาดกว้าง 2.4 เมตรและยาวถึง 15.2 เมตร โดยมีหลอดสุญญากาศจำนวนมากเป็นหัวใจสำคัญของวงจรอิเล็คทรอนิกส์ในเครื่อง เพราะฉะนั้นการใช้งานคอมพิวเตอร์สมัยนั้นจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้คืออุณหภูมิที่สูงมาก ๆ ของเครื่อง ด้วยเหตุนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคแรกจึงจำเป็นต้องตั้งไว้ในห้องปรับอากาศตลอดเวลา คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ประมวลผลโดยใช้เทปแม่เหล็ก มีหน่วยความจำเป็นบัตรเจาะรูและดรัมแม่เหล็ก สั่งการเครื่องด้วยภาษาในระบบตัวเลขฐานสอง เครื่องคอมพิวเตอร์อันเป็นที่รู้จักในยุคนี้คือ UNIVAC เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ถูกซื้อไปใช้งานโดยบริษัทพาณิชย์และ ENIAC

1956 – 1963: คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 – ทรานซิสเตอร์ (Transistor)

จงยกตัวอย่างคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 1 เช่น

รูปภาพจาก Computer History Museum

 

วงจรทรานซิสเตอร์ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง ราคาถูกลง  ใช้ไฟฟ้าน้อยลงกว่าในยุคแรกส่งผลให้ความร้อนจากเครื่องก็ลดลงไปด้วย ถึงแม้ขนาดจะเล็กลงและใช้พลังงานน้อยลงกว่าเดิมแต่ประสิทธิภาพในการประมวลผลกลับสวนทางกัน เพราสามารถประมวลผลได้เร็วกว่า ถูกต้องแม่นยำกว่า แถมราคาก็ถูกลงด้วย คอมพิวเตอร์ยุคนี้มีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ  ภาษาในการสั่งการก็มีการพัฒนาสูงขึ้นจากเลขฐานสองกลายเป็นภาษาที่มนุษย์สามารถอ่านและเข้าใจได้ เช่น ภาษาโคบอล หรือ เฟอร์เทน ซึ่งเป็นภาษาสั่งการคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานมาได้จนถึงปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เป็นคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่มีการเก็บข้อมูลสำรองในรูปแบบของสื่อบันทึกแม่เหล็กอีกด้วย

1964 – 1971: คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 – วงจรรวม (Integrated Circuits)

จงยกตัวอย่างคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 1 เช่น

 

ในยุคนี้วงจรทรานซิสเตอร์ได้ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นซิลิคอนชิพ (silicon chips) ที่มีขนาดเล็กลงมาก ๆ แต่กลับทำให้ความเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผลเพิ่มสูงขึ้น คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นยุคแรกที่มีการแสดงผลผ่านทางหน้าจอและผู้ใช้สามารถสั่งการซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ผ่านคีย์บอร์ดได้ ทำให้สามารถใช้ทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน เพราการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดนี้ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงอย่างมาก และราคาก็ถูกลงด้วย คอมพิวเตอร์จึงเริ่มมีการใช้งานที่แพร่หลายในองค์กรต่าง ๆ มากขึ้นในช่วงยุค 60s

1972 – 2010: คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 – ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessors)

จงยกตัวอย่างคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 1 เช่น

 

วงจรอิเล็กทรอนิกส์ในคอมพิวเตอร์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในยุคที่ 4 ของคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีชื่อเรียกว่า VLSI (Very Large Scale Integrated circuit) ซึ่งเป็นวงจรรวมที่นำเอาวงจรทรานซิสเตอร์จำนวนมหาศาลมาย่อรวมกันบนแผ่นซิลิคอนขนาดเล็ก จากแผงวงจรที่มีขนาดใหญ่เท่าห้องหนึ่งห้อง ตอนนี้กลับมีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ แต่ขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์กลับพัฒนาสูงขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเปิดตัวครั้งแรกในปี 1981 และต่อมาในปี 1984 บริษัท Apple ที่เรารู้จักกันดีได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ MacIntosh ขึ้นเป็นครั้งแรก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคนี้นำมาซึ่งการพัฒนาครั้งใหญ่ของระบบกราฟฟิก อินเตอร์เน็ต แล็บท็อป และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ 

นับตั้งแต่มีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์เครื่องแรกมาจนกระทั่งปัจจุบัน เราสามารถ

แบ่งยุคของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ออกเป็นยุคต่างๆ ได้ 5 ยุค โดยพิจารณาจาก

เทคโนโลยีที่ใช้ในการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในช่วง ค.ศ 1951 - 1958 เป็น

คอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสูญญากาศ (Vacuun Tube) ขนาดใหญ่ ต้องใช้พลังงาน

ไฟมากในการทำงานการใช้งานยาก ราคาแพง

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในช่วง ค.ศ 1959 - 1964 เป็น

คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอรที่พัฒนาโดยเทคโนโลยีสารกึ่งตัวนำ นำมาใช้

แทนหลอดสุญญากาศทำให้คอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในช่วง ค.ศ 1965 - 1971 เป็นคอมพิวเตอร์ที่สร้างจาก

อุปกรณ์ ที่เรียกว่าวงจรรวม (Integrated Circuit) วงจรรวมเป็นวงจรที่นำเอาทรานซิสเตอร์หลายๆ

ตัวมาประดิษฐ์รวามบนชิ้นส่วนเดียวกัน ทำให้ขนาดของคอมพิวเตอร์เล็กลง และราคาก็ถูกลงกว่าเดิม

คอมพิวเตอร์ยุึคที่ 4 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในช่วง ค.ศ 1972 - 1980 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจร

รวมขนาดใหญ่ขึ้นที่รวมการทำงานของทรานซิสเตอร์จำนวนมากขึ้นไว้บนชิ้นส่วนเดียว ทำให้คอมพิวเตอร์

มีขนาดเล็กลงเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่เราเห็นกันทั่้วไป

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานตั้งแต่้ ค.ศ 1981 จนถึงปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ในยุคนี้

ได้พัฒนาจนมีความแตกต่างไปจากคอมพิวเตอร์ในยุคก่อนหน้านี้มาก ทั้งขนาดคุณภาพ ประสิทธิภาพ

ความสะดวกและความหลากหลายในการใช้งาน เช่นคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม

เป็นต้น และความสามารถอีกหลายอย่างที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เช่น การรับรู้คำสั่งด้วยเสีัยงพูดหรือ

ประโยคที่เป็นภาษามนุษย์ คอมพิวเตอร์ที่สามารถเรียนรู้คิดตัดสินใจเช่นเดียวกันมนุษย์

ยุคที่5เรียกว่ายุคอะไร

ยุคที่ห้า (Fifth Generation Computer) พ.ศ. 2533-ปัจจุบัน 5/5. ในยุคนี้ ได้มุ่งเน้นการพัฒนา ความสามารถในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และ ความสะดวกสบายในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ อย่างชัดเจน มีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กขนาดเล็ก (Portable Computer) ขึ้นใช้งานในยุคนี้

เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 1 มีลักษณะอย่างไร

ลักษณะเฉพาะของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1. ใช้อุปกรณ์ หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) เป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก และเกิดความร้อนสูง ทำงานด้วยภาษาเครื่อง (Machine Language) เท่านั้น เริ่มมีการพัฒนาภาษาสัญลักษณ์ (Assembly / Symbolic Language) ขึ้นใช้งาน

ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 มีลักษณะแบบใด

ยุคที่ 1 : ภาษาเครื่อง (Machine Language) ภาษาเครื่อง เป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระดับต่ำที่สุด ซึ่งคอมพิวเตอร์เข้าใจ ได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านตัวแปลภาษาเพราะเขียนคำสั่งและแทนข้อมูลด้วยเลขฐานสอง (Binary.

คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 ชื่อ อะไร

2011 - ปัจจุบัน: คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 – ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI)