ความคดิ เห็นผอู้ านวยการโรงเรยี นอนุราชประสทิ ธ์ิ รกั ษาการในตาแหน่งผู้อานวยการโรงเรยี นอนรุ าชประสทิ ธิ์ ..................................................................................................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................................ ครูโรงเรียนอนุราชประสทิ ธ์ิ รักษาการในตาแหน่ง แบบบนั ทกึ การมีส่วนร่วมในชมุ ชนการเรยี นรทู้ างวิชาชีพ (PLC) ชือ่ กล่มุ กิจกรรม กลุ่มสาระการเรยี นร้ศู ิลปะ ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษา ปกี ารศกึ ษา 2562 รายชื่อสมาชิกกล่มุ PLC ดังน้ี ตาแหนง่ ครชู านาญการพิเศษ ลงช่อื ..................................................................... ประเด็นปัญหาการพัฒนา สาเหตขุ องปัญหา ครูผู้สอนไมส่ ามารถที่จะหากิจกรรมการเรียนการสอนที่ทาใหผ้ ้เู รยี นไม่สนใจในการเรียน ความรู้/หลักการท่ีนามาประยุกต์ใช/้ แนวทางการแก้ปัญหา การใช้สอ่ื การเรียนการสอนนั้นอาจจะใชเ้ ฉพาะข้ันตอนใดขั้นตอนหนึ่งของการสอน หรือจะใช้ใน - ขน้ั นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น เพื่อกระต้นุ ใหผ้ ู้เรียนเกิดความสนใจในเนื้อหาทีก่ าลงั จะเรยี นหรอื เนื้อหา - ขน้ั ดาเนินการสอนหรือประกอบกจิ กรรมการเรยี น เป็นขั้นสาคัญในการเรยี นเพราะเปน็ ข้ันท่ี - ขั้นวิเคราะห์และฝึกปฏิบัติ ส่ือในขั้นนจี้ ึงเป็นส่อื ท่ีเปน็ ประเด็นปัญหาให้ผ้เู รยี นไดข้ บคดิ โดย - ขน้ั สรุปบทเรยี น เป็นข้ันของการเรยี นการสอนเพอื่ การยา้ เนื้อหาบทเรียนใหผ้ เู้ รยี นมีความ - ขั้นประเมนิ ผู้เรียน เปน็ การทดสอบความสามารถของผู้เรียนวา่ ผูเ้ รยี นเขา้ ใจในส่งิ ท่เี รยี น 2. ประเภทของสอื่ การเรยี นการสอน รปู แบบตา่ ง ๆ ท่ีผู้เรียนสามารถใช้เป็นแหล่งหาประสบการณ์ หรือศึกษาไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริงและ 1.1 วสั ดทุ เ่ี สนอความรไู้ ด้จากตวั มนั เอง ได้แกห่ นงั สือเรียนหรอื ตาราของจรงิ หุ่นจาลอง 1.2วสั ดทุ ต่ี อ้ งอาศัยสอ่ื ประเภทเครื่องกลไก เปน็ ตวั นาเสนอความรู้ไดแ้ ก่ฟลิ ม์ ภาพยนตร์ 3. สื่อการเรยี นการสอนจาแนกตามประสบการณ์ ทั้งปวง เป็นประสบการณ์ท่ีผู้เรียนไดร้ ับมาจากความเป็นจรงิ และดว้ ยตวั เองโดยตรง ผ้รู ับ 3.2. ประสบการณ์จาลอง เปน็ ท่ียอมรบั กันวา่ ศาสตร์ตา่ งๆ ในโลก มมี ากเกนิ กวา่ ทจี่ ะเรยี นรไู้ ด้ 3.3. ประสบการณ์นาฏการ ประสบการณต์ ่าง ๆ ของคนเรานน้ั มีหลายสงิ่ หลายอย่างทีเ่ ราไม่ 3.4. การสาธติ การสาธติ คอื การอธิบายถึงข้อเทจ็ จรงิ หรอื แบง่ ความคดิ หรือกระบวนการตา่ ง ๆ 3.5 การศกึ ษานอกสถานท่ี การพานกั เรยี นไปศึกษานอกสถานท่ี เปน็ การสร้างเสริม 3.6. นิทรรศการ นทิ รรศการมีความหมายท่กี วา้ งขวาง เพราะหมายถงึ การจดั แสดงสิ่งตา่ งๆ 3.7. โทรทัศน์และภาพยนตร์ โทรทศั นเ์ ปน็ ส่ือการสอนท่มี บี ทบาทมากในปจั จบุ ัน เพราะไดเ้ ห็น 3.8. ภาพนง่ิ การบันทึกเสียง และวิทยุ ภาพน่ิง ไดแ้ ก่ ภาพถ่าย ภาพวาดซึง่ มที ัง้ ภาพทบึ แสงและ บนั ทึกเสียง และเคร่อื งขยายเสียงตลอดจนอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ท่เี ก่ยี วกับเสยี งซงึ่ นอกจากจะสามารถ 3.9. ทศั นสญั ลกั ษณ์ สอ่ื การสอนประเภททัศนสญั ลกั ษณน์ ้ี มมี ากมายหลายชนดิ เช่น แผนภมู ิ 3.10.วจนสัญลักษณ์ สอื่ ขน้ั น้ีเปน็ สอ่ื ท่ีจดั วา่ เปน็ ขนั้ ที่เปน็ นามธรรมมากท่สี ดุ ซ่งึ ได้แก่ตวั หนงั สอื 4. ความรูพ้ ืน้ ฐานเก่ียวกบั ดนตรไี ทย ไพเราะก่อใหเ้ กิดความรสู้ ึกรน่ื เรงิ สนกุ สนาน รัก อ่อนหวาน ให้ความสขุ เศรา้ โศก ปลกุ จติ ใจใหฮ้ ึกเหิมเปน็ ตน้ ร่วมบรรเลงดว้ ย เช่นงานข้นึ บ้านใหม่ งานทาบุญ งานบวชนาค งานมงคลสมรส งานเฉลิมฉลอง งานในเทศกาล 1.2 ประวตั คิ วามเปน็ มาของดนตรไี ทย 1.3.1 เสยี งดนตรี เป็นเสยี งท่ีมนษุ ยป์ ระดิษฐ์ขึน้ มา โดยทวั่ ไปแลว้ เสียงดนตรีเกิดจากเสยี ง 1.3.2 ทานอง หมายถงึ เสยี งตา่ เสยี งสงู เสียงสน้ั เสียงยาว เสียงทมุ้ เสยี งแหลมของ 1.3.3 จงั หวะ หมายถงึ การเคล่อื นไหวทส่ี มา่ เสมอ จงั หวะจะเป็นตัวกากบั เพ่ือใหก้ ารรอ้ ง 1.3.4 การประสานเสยี ง เสียงของเคร่อื งดนตรแี ละเสียงรอ้ งเพลงของมนุษยท์ ่ีมรี ะดับเสียง 2.1 เพลงท่ีให้ความรสู้ ึกขลัง น่าเคารพ เช่น เพลงสาธกุ าร เพลงมหาฤกษ์ เพลงมหาชยั เปน็ ตน้ ประเภทวงดนตรไี ทย 1. ประเภทของเคร่อื งดนตรตี ามลักษณะของกริ ยิ าอาการทท่ี าให้เกดิ เป็นเสยี งดนตรีแบ่งได้เป็น 4 2. การจดั วงดนตรไี ทย วงดนตรีไทยที่เปน็ แบบแผนบรรเลงกนั อยใู่ นปัจจุบัน มี 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ บางสมยั เรยี กพิณพาทย์ ตามตานานทพ่ี ณิ เป็นต้นกาเนิด หรือมพี ณิ เปน็ ประธาน สมยั ตอ่ มาเรยี ก “ป่พี าทย์” ทัง้ น้นั วงปพ่ี าทย์ มชี อ่ื เรียกตามปริมาณของเคร่อื งผสมที่อยใู่ นวงได้ 3 ขนาด คือ ป่ี วงป่ีพาทยเ์ ครอื่ งห้ามี “ฉง่ิ ” เปน็ เครอื่ งดนตรปี ระกอบจงั หวะเพมิ่ เป็นพเิ ศษอกี ส่ิงหนงึ่ - ป่พี าทย์เครอื่ งคู่ มเี ครอื่ งดนตรีบรรเลงทุกอย่างที่เหมอื นวงป่พี าทยเ์ ครอื่ งห้า แตเ่ พมิ่ เครอื่ ง เคร่อื งประกอบจังหวะ คอื ฉ่งิ ฉาบเลก็ ฉาบใหญ่ ส่วนกรับนน้ั ใชข้ ณะบรรเลงขับรอ้ ง หรือ - ปีพ่ าทยเ์ คร่ืองใหญ่ มีเครอ่ื งบรรเลงอยา่ งเดยี วกบั ปี่พาทยเ์ ครอื่ งคู่ แตเ่ พิม่ เครื่องบรรเลง วงป่ีพาทย์เครื่องใหญ่ ฉะนั้น วงปี่พาทย์ทีเ่ ปน็ หลกั ของไทยจึงมีอยู่ 3 ขนาด แต่ยังแยก ด้านดนตรี ปพ่ี าทยน์ างหงส์ คาวา่ “นางหงส”์ เป็นชื่อเพลงเพลงหนง่ึ และเพลงนางหงส์นี้ ปพ่ี าทยด์ กึ คาบรรพ์ เปน็ วงปพ่ี าทยท์ ีส่ มเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานวุ ดั ติวงศ์ ได้ทรง 2.2 วงเครื่องสาย คอื วงดนตรที ี่ประกอบดว้ ยเครอ่ื งดนตรีจาพวกมสี ายเปน็ ประธาน มี ฉาบเล็กและโหม่งก็ได้ เคร่ืองสายวงเล็ก ให้เปน็ อย่างละ 2 เคร่อื งแตข่ ลุ่ยท่จี ะเพมิ่ ต้องเปน็ “ขล่ยุ หลิบ” (ซงึ่ เลก็ และเสยี งสูงกวา่ ขลุย่ 2.3 วงมโหรี เป็นวงดนตรีไทยทผ่ี สมระหวา่ งวงป่ีพาทยก์ บั วงเครอื่ งสาย โดยยอ่ ขนาด - มโหรเี ครือ่ งเลก็ ประกอบดว้ ยเคร่ืองดนตรี ดังน้ี ซอด้วง ซออู้ ซอสามสาย จะเข้ - มโหรเี ครือ่ งคู่ ประกอบดว้ ยเครอื่ งดนตรีดงั น้ี ซอดว้ ง 2 คนั ซออู้ 2 คนั ซอสาม - มโหรีเครือ่ งใหญ่ ประกอบดว้ ยเครือ่ งดนตรีดังนี้ ซอด้วง 2 คัน ซออู้ 2 คนั ซอ นอกจากน้ี ไทยเรายังมีดนตรพี นื้ เมอื งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอสี าน ตลอดจนดนตรี 3. ความสาคัญของดนตรี ดนตรมี คี วามสาคัญตอ่ มนษุ ย์และสงั คม สรปุ ไดด้ งั น้ี ขน้ึ อย่างเป็นระบบทาให้เกดิ ความไพเราะ มคี ุณคา่ และกระตุ้นผ้ฟู ังใหเ้ กดิ อารมณต์ ่างๆ เชน่ รัก 3.2 เป็นแหลง่ ความรู้และภมู ิปญั ญาของมนุษย์ นอกจากจะใหเ้ สียงทไี่ พเราะแลว้ ดนตรี 3.3 เปน็ มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ดนตรเี ปน็ ศลิ ปะแขนงหน่ึง แตล่ ะท้องถิน่ ในแต่ 5. ภาษาท่านาฏศิลป์ เป็นการนาท่าทางตา่ งๆ และสหี นา้ ทีม่ ีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น คาพดู กรยิ าอาการ ทมี่ าของภาษาทา่ ทใี่ ช้ในการแสดงนาฏศิลป์ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ปรบั ปรงุ ให้ดูสวยงามออ่ นชอ้ ยมากยงิ่ ขึ้น โดยใชล้ กั ษณะการ รา่ ยราเบอ้ื งต้นมาผสมผสาน เชน่ ทา่ ย้ิม ท่าเรียก 5.๒ ภาษาทา่ ทมี่ าจากการประดิษฐ์โดยตรง เป็นทา่ ทางที่ประดษิ ฐ์ ข้นึ เพอ่ื ให้เพยี งพอใช้กบั คาร้อง ภาษาท่าเป็นสง่ิ สาคัญท่ใี ชค้ วามหมายระหวา่ งผแู้ สดงและผู้ชม ในการแสดงนาฏศลิ ป์ เพราะทาใหผ้ ชู้ ม ภาษาทา่ สามารถแบง่ ได้เป็น ๓ ลกั ษณะ คือ ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ ในชีวิตประจาวันทุกวันนม้ี นุษย์เราใชท้ ่าทางประกอบการพดู หรอื บางครัง้ มกี าร 1. ภาษาทา่ ทางนาฏศิลปท์ ่ใี ชแ้ ทนคาพดู เช่น ฉนั เธอ ท่าน ปฏิเสธ ทา่ เรยี ก ทา่ ไป การอธิบายภาษาทา่ ของนาฏศิลป์ นิ้วหัวแม่มืออยู่ตรงระดับปาก กล่าวถึงและคาวา่ เธอ จะใชล้ ักษณะของการชมี้ อื ได้ ขอ้ ควรระวัง การใชก้ ริ ิยาชม้ี อื ควรจะเป็นลกั ษณะของ 5. ไป จะชมี้ ือใดกเ็ ริ่มจากการจบี หงาย ยกจีบระดับหนา้ อกแล้วมว้ นมือออกไปเป็นวงหนา้ หรือ 6. รกั ใช้ลกั ษณะของการประสานมอื ใหป้ ลายน้วิ ทงั้ สองมอื ทาบแตะทฐ่ี านไหล่ กริ ยิ านมี้ ีความ 7. เปน็ ทุกข์ หว่ งใย คอย ใช้ประสานลาแขนระดับทอ้ งปลายมอื ทง้ั สองแตะใกล้กระดกู เชงิ กราน 6. ทัศนธาตุ ทัศนะ หมายถงึ การเห็น ส่ิงทีม่ องเหน็ ธาตุ หมายถึง สิ่งทถี่ อื ว่าเป็นส่วนสาคัญท่ีรวมกัน เป็นรปู ร่างของสง่ิ ทัง้ หลาย ทศั นธาตุ หมายถงึ ส่วนสาคญั ทีร่ วมกนั เป็นรปู รา่ งของส่ิงทัง้ หลายตามท่ตี ามองเหน็ ทัศนธาตุ ไดแ้ ก่ 1) จดุ (Dot) 2) เส้น (Line) 3) สี (Color) 4) รูปร่างและรูปทรง (Shape and Form) 1.1. เสน้ ดงิ่ คือ เสน้ ตรงทีต่ งั้ ฉากกับพ้นื ระดับใหค้ วามรู้สกึ มัน่ คง แข็งแรง สงา่ รงุ่ เรอื ง 1.2. เสน้ นอน คือ เสน้ ตรงทีน่ อนราบไปกับพนื้ ระดบั ให้ความรสู้ ึกกวา้ งขวาง สงบเงียบ 1.3.เสน้ เฉยี ง คอื เส้นตรงเอนไม่ต้ังฉากกบั พนื้ ระดับใหค้ วามรู้สกึ ไมม่ ่ันคง เคล่อื นไหว 1.4. เส้นฟนั ปลา คือ เส้นตรงหลายเสน้ ต่อกนั สลบั ข้นึ ลงระยะเทา่ กัน ให้ความรสู้ กึ 1.5. เสน้ ประ คอื เส้นตรงทข่ี าดเป็นช่วง ๆ มรี ะยะเท่ากัน ให้ความรูส้ กึ ตอ่ เนื่องขาด 2.1. เส้นโค้งลง คือ เส้นทเ่ี ปน็ ทอ้ งกระทะคลา้ ยเชอื กหยอ่ น ให้ความรสู้ ึกอ่อนโยน 2.2. เสน้ โคง้ ขึ้น คือ เสน้ ทโ่ี คง้ เปน็ หลงั เตา่ คลา้ ยคนั ธนใู หค้ วามรู้สกึ แขง็ แรง เชอื่ ม่ัน 3) สี (Colour) สี หมายถงึ ลกั ษณะของแสงสวา่ ง ปรากฏแกต่ าใหเ้ หน็ เปน็ สี 1. สีทเี่ ปน็ วตั ถุ (Pigment) สีทเี่ ปน็ วัตถสุ ีผงหรอื ธาตใุ นรา่ งกายทท่ี าใหค้ นมสี ีตา่ ง ๆ สที ่ีเกิดจาก 2. สีท่ีเป็นแสง (Spectrum) สีที่เกิดจากการหักเหของแสง แสงสอ่ งผา่ นแท่งแก้ว แสงแดด วงจรสธี รรมชาติ วงจรสี เกดิ จากการนาเอาแม่สที เ่ี ปน็ วัตถมุ าผสมกนั เป็นสี 3 ขน้ั มี 12 สี คือ สี 1. สีขน้ั ที่ 1 คือ สีทไ่ี มม่ สี ใี ดสามารถผสมใหไ้ ด้สีนนั้ ไดแ้ ก่ สแี ดง สเี หลอื ง สีนา้ เงิน ความหมายของสี 4) รูปรา่ งและรปู ทรง (Shape and Form) รปู รา่ ง (Shape) หมายถงึ เส้นรอบนอกของวตั ถุ คน 5) นา้ หนัก (Value) น้าหนัก หมายถึง ความออ่ นแกข่ องสี หรอื แสงเงาท่นี ามาใชใ้ นการเขียนภาพ นา้ หนกั ทาใหร้ ปู ทรงมี ปรมิ าตร และให้ระยะแก่ภาพ แสงและเงา (Light & Shade) แสงและเงา เป็นองค์ประกอบ ทีอ่ ยู่คกู่ นั แสง เมื่อส่องกระทบกับวัตถุ จะทาใหเ้ กดิ เงา แสงและเงา เปน็ ตัวกาหนดระดบั ของค่านา้ หนัก ความเข้ม ของเงาจะขน้ึ อยู่กบั ความเขม้ ของแสง ในท่ีที่มแี สงสวา่ งมาก 6) บรเิ วณวา่ ง (Space) บรเิ วณว่าง หรือ ชอ่ งไฟ คือ 1. อากาศท่โี อบลอ้ มรูปทรง 2. ระยะหา่ งระหว่างรูปทรง 3. บรเิ วณภายในรปู ทรงท่มี ีลักษณะกลวงหรือทะลุเป็นช่องที่มีอากาศผา่ นเขา้ ไปได้ 4. บริเวณว่างของภาพเขียนหรือภาพวาด ท่ีมองดูเปน็ ช่องลึกเขา้ ไปในภาพ เรียกว่า บรเิ วณว่าง ลวงตา 7) ลกั ษณะผิว (Texture) ลักษณะผิว หมายถึง ลกั ษณะภายนอกของวตั ถุที่มองเหน็ และสมั ผัสพนื้ ผวิ ได้ แสดงความรู้สกึ หยาบ ละเอียด ขรุขระ มัน ด้านเปน็ เสน้ เป็นจุด จับดูแลว้ สะดดุ มือ หรอื สัมผสั ไดจ้ ากความรู้สึกผวิ เปน็ ทศั นธาตทุ นี่ ามาประกอบใน การสร้างงานศลิ ปะ ลกั ษณะผิวทีแ่ ตกตา่ งกนั จะทาใหเ้ กิดความรู้สึกแตกตา่ งกนั 7. พัฒนาการวยั รุ่น (Adolescence) พรมแดน สง่ ผลตอ่ การเปลีย่ นแปลงพฤติกรรม ความรู้สกึ นึกคิดของวัยรนุ่ มากขน้ึ ดว้ ย ในระยะวัยรนุ่ เป็นระยะหวั วยั รุ่น (Adolescence) เป็นวัยทีม่ พี ฒั นาการปรับเปล่ยี นจากวัยเดก็ เขา้ สู่วยั ผู้ใหญ่ เร่มิ ต้งั แต่ชว่ งอายุ วยั รุน่ ตอนต้น (early adolescence) เดก็ หญิงมอี ายุระหว่าง 13 – 15 ปี เด็กชายมีอายรุ ะหว่าง วัยรนุ่ ตอนกลาง (middle adolescence) เดก็ หญงิ มีอายรุ ะหว่าง 15 – 18 ปี เด็กชายมอี ายรุ ะหวา่ ง วยั รุน่ ตอนปลาย (late adolescence) เดก็ หญงิ มอี ายุระหวา่ ง 18 – 21 ปี เด็กชายมีอายรุ ะหวา่ ง พฒั นาการทางด้านร่างกาย ความเปน็ ชายหน่มุ ความเปน็ หญิงสาวท่ีเพง่ิ เริม่ เจริญเตบิ โตเต็มทีใ่ นวัยแรกรนุ่ การเจริญเติบโตของลักษณะทาง Pre–pubescence เป็นระยะลักษณะทางเพศสว่ นตา่ ง ๆ เรม่ิ พัฒนา เช่น สะโพกเร่ิมขยาย เตา้ นมของ Pubescence เป็นระยะท่ลี ักษณะทางเพศสว่ นตา่ ง ๆ ยงั คงมกี ารเจริญตอ่ ไป อวยั วะสืบพนั ธุ์เรมิ่ ทาหนา้ ที่ Post-pubescence หรอื Puberty เป็นระยะท่ีลกั ษณะทางเพศทกุ สว่ นเจรญิ เติบโตเต็มท่ี อวัยวะสืบพันธ์ุ การเริ่มเข้าสรู่ ะยะตา่ ง ๆ ขา้ งตน้ อายุของเด็กแตล่ ะคนจะไมเ่ ท่ากนั ในบางคนอาจเรม่ิ เขา้ สู่วยั รุ่นในระยะ Follical stimulating hormone หนา้ ท่ี Estrogen และกระตุน้ ใหเ้ กิดการตกไข่ (Seminiferous tube) luteum สรา้ งและหล่ัง Estrogen และ Progesterone หลัง่ Testosterone Progesterone ทาหนา้ ท่รี ่วมกับ Estrogen เพอื่ ชว่ ยสรา้ งเน้อื เยื่อชน้ั ในของมดลูกใหห้ นาขึ้นสาหรบั พัฒนาการทางอารมณ์ จึงมีความคดิ เห็นขัดแยง้ กับผูใ้ หญไ่ ด้ง่าย ทาให้วยั รนุ่ จึงคดิ วา่ ผ้ทู ่ีเขา้ ใจตนเองดที ่สี ดุ คือเพือ่ นในวัยเดียวกนั ปัญหาทางอารมณ์ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางดา้ นรา่ งกายมีผลกระทบต่ออารมณ์ของเด็กวยั รนุ่ อยา่ ง พฒั นาการทางความคิดสตปิ ญั ญา พัฒนาการดา้ นเหตุผลเรื่องศลี ธรรมจรรยา ( Moral reasoning ) ระดับท่ี 1 กอ่ นมศี ลี ธรรมจรรยา (Preconventional) ระดบั ที่ 2 มีศลี ธรรมจรรยา (Conventional) ระดบั ท่ี 3 หลังมีศีลธรรมจรรยา (Postconventional) วัยรนุ่ ถกู จดั อยใู่ นพฒั นาการระดบั ที่ 2 ขน้ั ตอนท่ี 3 ถึงข้นั ตอนที่ 4 คอื มศี ีลธรรมจรรยาซ่งึ พฒั นา ปญั หาดา้ นความคดิ สตปิ ญั ญาในวยั รุ่นชว่ งอายุประมาณ 12 – 13 ปี เด็กอาจต้องมกี ารเปลย่ี นย้าย พัฒนาการของชว่ งวยั ร่นุ ถือไดว้ า่ เปน็ ชว่ งหัวเลีย้ วหวั ตอ่ และเป็นชว่ งทเี่ รยี กได้อกี อย่างวา่ เปน็ ช่วงวิกฤต กล่าวโดยสรปุ สมาชิกในกลมุ่ PLC กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ (นาฏศลิ ป)์ พบว่า ปญั หาท่ีเกิดข้นึ กบั นกั เรยี นไม่เข้าใจเรือ่ งความหมายของท่าคา (ภาษาท่า) ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โดยใชแ้ บบชุดฝกึ ทักษะ กิจกรรมทท่ี า (อธบิ ายลกั ษณะหรือขัน้ ตอนการทา PLC) ข้นั ที่ 1 ค้นหาปญั หา สมาชิกในกลุ่ม PLC รว่ มกนั สืบค้นหรือเสาะหาปญั หาท่ีเกิดจากการเรียนการสอน 1. นักเรียนไมส่ ามารถอธบิ ายความร้ทู างด้านศลิ ปะไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง สรปุ ปัญหา สมาชิกในกลุ่ม PLC รว่ มกนั สรุปปญั หาเรอื่ งการเรยี นการสอนทีเ่ กิดข้นึ ในปีการศึกษา 2561 ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั เสนอแนะวิธีแก้ปัญหา สมาชกิ ในกลมุ่ PLC ร่วมกันระดมความคิดที่จะหาวธิ ีการแกไ้ ขปญั หา 1. การใช้บทเรยี นสาเร็จรูป 6. การใช้เกมเพื่อพัฒนาการเรยี นการสอน ในแต่ละหัวขอ้ ทีส่ มาชิกในกลุ่ม รว่ มกนั เสนอแนะ กม็ ีข้อจากดั หลาย ๆ อยา่ ง เชน่ เร่ืองอุปกรณ์ทีจ่ ะให้ สรุปรูปแบบวิธีการแกไ้ ขปญั หา เมื่อสมาชิกภายในกลุ่มรว่ มกันคิดวธิ ีการแก้ไขปญั หา ก็ไดข้ ้อสรุป ในการ ขนั้ ที่ 3 ข้ันวางแผนการสร้างนวตั กรรมสอ่ื สมาชิกในกลมุ่ รว่ มกันวางแผนการสรา้ งนวตั กรรมสื่อ โดย 1. เกมวงลอ้ มหาสนุก สมาชกิ ในกลุ่ม PLC ร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ถึงเกมแต่งละชนดิ วา่ สามารถนาเนอ้ื หาสาระการเรียนรู้ใน ขอบเขตเน้ือหาสาระ สมาชิกในกลุ่ม PLC นาเน้ือหาสาระท่ีจะทาเกมมาปรึกษากันเพ่ือการข้อสรุปว่า ทศั นศลิ ป์ - เรอ่ื ง การใช้สี ดนตรี - เรื่อง การเขียนโน้ต นาฏศลิ ป์ - เร่ือง การแสดงส่ีภาค สมาชิกในกลุ่ม PLC รว่ มกันเลือกเรอ่ื งของแตล่ ะรายวิชา ที่จะนามาสร้างนวัตกรรมสื่อ ที่จะใช่ในการแก้ไขปัญหาท่ี ทศั นศิลป์ เรือ่ ง ทศั นธาตุ ดนตรี เร่ือง ชนิดของเครือ่ งดนตรี นาฏศลิ ป์ เรอ่ื ง ภาษาทา่ โดยทุกรายวิชา จะสามารถสร้างนวัตกรรมสื่อการเรียนการสอนเพ่ือแก้ไขปัญหานักเรียนขาดสมาธิในการ ขั้นตอนและวิธีการสร้างนวัตกรรมส่ือ สมาชิกในกลุ่ม PLC ร่วมกันคิดวิธีการสร้างนวัตกรรมสื่อ ในรูปแบบ 1. คัดสรรข้อมูลแต่ละรายวชิ า ที่ใช้ในการสรา้ งนวัตกรรมสื่อ โดยครผู สู้ อนแตล่ ะรายวิชาเปน็ ผ้นู าเสนอขอ้ มูล 2. สมาชิกในกลุ่ม PLC ร่วมกันคัดสรรข้อมูลแต่ละรายวิชา เพื่อหาข้อมูลท่ีเหมาะสมที่สุดในการที่จะสร้าง 3. สมาชิกในกลุม่ PLC สรุปเนื้อหาสาระของแต่ละรายวิชา สมาชิกรว่ มกันคดั สรรข้อมูลแตล่ ะรายวชิ า สรุปได้ดังนี้ ดนตรี 1. ประเภทดดี จะเข้ ซงึ กระจบั ป่ี นาฏศิลป์ 1. ภาษาทา่ ท่ีมาจากธรรมชาติ เชน่ รัก อาย โกรธ ทน่ี นั่ ท่นี ่ี ไป มา ฉนั ท่าน เธอ นอน เดิน กนิ 2. ภาษาท่าที่มาจากการประดิษฐ์ เช่น สอดสร้อยมาลา พรหมสี่หน้า บัวชูฝัก นภาพร พิสมัย ทศั นศิลป์ 1. จุด (รอย แต้ม การจิม้ การกด เปน็ ต้น) สรุปข้ันตอนวางแผนการสร้างนวตั กรรมสื่อ สมาชิกในกลมุ่ PLC ร่วมกันเสนอแนะเรื่องการสรา้ งนวัตกรรม ขน้ั ท่ี 4 การสรา้ งนวตั กรรมสอื่ การเรยี นการสอน สมาชิกในกลุ่ม PLC รว่ มกันสรา้ งนวตั กรรมสือ่ การเรยี น 1. สมาชกิ หาอุปกรณ์การสร้างนวตั กรรมส่อื มาเพ่อื ทานวตั กรรมสอ่ื รว่ มกัน ขนาด A5 หรือ คร่ึงกระดาษ A4 นวตั กรรมสอ่ื และเพอ่ื ไมใ่ หน้ วัตกรรมชารดุ ง่าย สรุปการสร้างนวตั กรรมสอื่ การเรียนการสอน การสรา้ งนวตั กรรมสอื่ การเรยี นการสอน สมาชกิ ในกลุ่ม ขั้นที่ 5 การนานวัตกรรมสื่อการเรียนการสอนไปทดลองใช้ การนานวัตกรรมสื่อ “เกมบิงโก” ไปใช้ โดย รายวิชานาฏศิลป์ นายวสะ ภูวงศ์ เป็นผู้นานวัตกรรมสื่อไปทดลองใช้กับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1/1 รายวชิ าดนตรี นายภราดร สะโดอยู่ เป็นผนู้ านวัตกรรมส่ือไปทดลองใช้กับนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/4 การนานวตั กรรมส่อื ไปทดลองใชใ้ นครั้งนี้ มสี มาชิกในกลุ่ม PLC ร่วมสังเกตการณ์ในการใช้นวัตกรรมสอื่ ด้วย ข้นั การทดลองการใชน้ วัตกรรมส่ือการเรยี นการสอน สรุปการนานวตั กรรมสอ่ื การเรยี นการสอนไปทดลองใช้ ในการทดลองใช้นวตั กรรมสือ่ การเรียนการ อภิปรายผลการทดลองนวตั กรรมสื่อการเรยี นการสอน สมาชิกในกลมุ่ ทร่ี ว่ มสังเกตการณก์ ารทดลองการ ขอ้ สรุปการอภปิ รายการทดลองการใชน้ วัตกรรมสือ่ การเรียนการสอน 1. กิจกรรมการเล่นเกมบิงโกทาให้นักเรียนมีความสนใจในการร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนของ 2. การเล่นเกมบิงโกโดยครูสุ่มนักเรียนจากเลขท่ี เพ่ือให้มาจับสลากเกมบิงโก น้ัน ทาให้เสียเวลาใน 3. สลากบิงโกมขี นาดเล็กไปทาให้นักเรยี นไม่เห็นภาพ และ นักเรียนไม่สามารถทจ่ี ะบอกได้วา่ สลาก 4. การ์ด “เกมบิงโก” มีขนาดเล็กเกินไปทาให้นักเรียนมองเห็นภาพไม่ชัดเจน และไม่มีคาอธิบาย 5. การ์ด “เกมบิงโก” ท่ีเคลือบร้อนเมื่อถึงมือนักเรียน ก็พับหัก เนื่องจากตอนท่ีนักเรียนแจกกันก็ ขน้ั ที่ 6 การสร้างนวัตกรรมสื่อการเรยี นการสอน (ปรับปรุงนวัตกรรมสอื่ ) สมาชกิ ในกลุม่ PLC ร่วมกัน ขัน้ ตอนปรับปรงุ นวัตกรรมสอ่ื 1. สร้างฟอร์มนวัตกรรมสอื่ การ์ด “เกมบิงโก” ของแตล่ ะรายวิชา โดยใหม้ ขี นาด A4 คืออะไร นวัตกรรมส่ือการด์ “เกมบิงโก” สรปุ การสรา้ งนวตั กรรมส่ือการเรยี นการสอน (ปรบั ปรุงนวตั กรรมสอ่ื ) การปรบั ปรงุ นวัตกรรมสอ่ื “เกม ขั้นท่ี 7 การนานวัตกรรมสื่อทป่ี รับปรงุ ไปใช้ การนานวตั กรรมสือ่ ทป่ี รบั ปรุงนาไปใช้ กับการเรียนการ - วันที่ 19 สงิ หาคม 2562 ใชก้ บั นกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1/2 ในการนานวัตกรรมส่ือไปใช้ในทกุ ครัง้ มสี มาชกิ PLC รว่ มสงั เกตการณ์ ในการใชน้ วตั กรรมส่อื ด้วย ขัน้ ตอนการนานวัตกรรมสอื่ ท่ปี รบั ปรงุ ไปใช้ การนานวัตกรรมสื่อท่ีปรบั ปรงุ นาไปใช้ กับการเรียนการ 1. ครูอธิบายกติกาของการเลน่ “เกมบิงโก” ในการที่จะเป็นผู้ชนะ ว่าต้องวางเบีย้ ในตาแหนง่ ใดบ้าง 2. ครูแจกการด์ “เกมบิงโก” ให้กบั นกั เรียนคนละแผน่ นักเรียนคนท่ีจับสลาก พูดข้อความท่ีอยู่ในสลากบิงโกให้เพ่ือนฟัง ครูทาแบบน้ีไปเร่ือยๆ จนมี ข้อสรปุ การใช้นวตั กรรมสื่อที่ปรบั ปรงุ แล้ว โดยการนานวตั กรรมสอื่ ไปใชใ้ นชว่ั โมงนกั เรยี นชั้น 1. รูปแบบการใช้นวัตกรรม “เกมบิงโก” น้ันทาให้นักเรียนมีสมาธิในการเรียนมากข้ึน เนื่องจาก 2. นอกจากจะใช้เกมในการแกไ้ ขปัญหานักเรยี นไม่มีสมาธิในการเรียนแลว้ ยงั เปน็ การทาให้นกั เรียน 3. ระยะเวลา ขั้นตอนการใช้นวัตกรรมสื่อและกระบวนการเรียนรู้ เหมาะสม ใช้เวลาไม่มาก ข้อเสนอแนะ ของสมาชกิ ในกล่มุ PLC ร่วมกันเสนอแนะในเรอ่ื งของนวตั กรรมสือ่ เกมบิงโก เพอ่ื ให้เปน็ 1. เม่อื นานวัตกรรมสือ่ เกมบิงโก มาใช้กับนกั เรยี นเพ่ือใชใ้ นการแกไ้ ขปญั หานกั เรยี นไม่มีสมาธใิ นการ 2. ถา้ สามารถสรา้ งนวตั กรรมสอื่ ใหเ้ ปน็ ในรูปแบบนวัตกรรมสอ่ื และเทคโนโลยี ดว้ ย นา่ จะทาให้ ข้นั ท่ี 8 สรปุ ผลการใชน้ วตั กรรมส่อื สมาชิกในกลุม่ ร่วมกันสรปุ ผลของการนานวัตกรรมสอื่ การสอน เกม ข้อสรปุ ผลการใชน้ วัตกรรมสอื่ “เกมบิงโก” ผลทีไ่ ดร้ บั จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน จากการจดั กจิ กรรม PLC ของกลุม่ สาระศิลปะ ครั้งน้ี แนวทางการนาความรูไ้ ปใช้ นาความรเู้ รือ่ งในเรอ่ื งทนี่ ักเรียนไดใ้ ชเ้ กมบงิ โก ในแต่ละรายวชิ า เพอื่ ใช้ใน ลงช่ือ............................................................ผู้บันทึกข้อมูล วนั ที่ 20 ธนั วาคม พ.ศ. 2562 ความคดิ เห็นหวั หนา้ งานวชิ าการระดับมธั ยมศึกษา ..................................................................................................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ............................................................ หวั หนา้ งานวิชาการระดับมัธยมศึกษา ความคดิ เหน็ ผ้ชู ว่ ยผู้อานวยการระดับมัธยมศกึ ษา ..................................................................................................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ............................................................ ผู้ชว่ ยผ้อู านวยการระดับมัธยมศกึ ษา ความคดิ เหน็ ผู้อานวยการโรงเรยี นอนรุ าชประสทิ ธ์ิ รกั ษาการในตาแหนง่ ผู้อานวยการโรงเรยี นอนรุ าชประสทิ ธ์ิ |