รีวิว คอนโด Maestro 19 รัชดา 19-วิภา ใกล้ MRT รัชดาภิเษก  รีวิวพาไปชมโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา คอนโด Low Rise 8 ชั้น จาก Major Development โครงการใหม่ล่าสุด ทำเลใจกลางเมือง ในซอยรัชดาภิเษก 19 เชื่อมต่อรัชดา – วิภาวดี – ลาดพร้าว ใกล้รถไฟฟ้า MRT รัชดาภิเษกประมาณ 650 เมตร,ใกล้ทางด่วนศรีรัช และ ทางยกระดับอุตราภิมุข มีทางเข้าออกได้หลายทาง เดินทางสะดวกทั้งคนใช้รถและไม่ใช้รถ ใกล้โครงการรายล้อมไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งและสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็น Central ลาดพร้าว,Union Mall , Esplanade, Big C, ตลาดนัดรถไฟ, Fortune Town, Central พระราม 9 และยังใกล้ศูนย์รวมอาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงมากมาย ความน่าสนใจอีกอย่างของโครงการนี้คือ มีราคาขายโครงการเฉลี่ยต่ำกว่าคอนโดย่านอโศกมากกว่า 40 – 50% จึงเป็นอีกทางเลือกของคนที่ต้องการทั้งซื้อเพื่ออยู่เองและลงทุนระยะยาวที่น่าสนใจไม่แพ้ย่านอโศกค่ะ เพราะถนนรัชดาภิเษกเชื่อมต่อกับแยกพระราม9 (New CBD) และถนนอโศกมนตรี (CBD) เลยนั่นเอง ปัจจัยนี้ รวมกับโครงการสถานีรถไฟฟ้าทั้งสายสีเขียว แดง เหลือง และส้ม ที่ผุดขึ้นรอบด้าน ส่งผลให้ราคาที่ดินโซนรัชดา-พระราม 9 – ลาดพร้าวปรับขึ้นต่อเนื่อง เรียกได้ว่าปรับขึ้นเท่าตัวจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และมีแนวโน้มปรับขึ้นไปอีกเยอะค่ะ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภาเป็นโครงการคอนโด Low Rise 4 อาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน 1 อาคารส่วนกลาง (คลับเฮาส์)สูง 3 ชั้น พื้นที่โครงการขนาด 5 ไร่ 1 งาน 3.4 ตร.ว. ห้องพักอาศัยรวม 560 ยูนิต ห้องพักอาศัยเป็นแบบ 1Bedroom, 1Bedroom Plus และ 2 Bedrooms โดยมีขนาดเริ่มต้นที่ 29 – 59 ตรม. ขายแบบ Fully Fitted คาดว่าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ไตรมาส 3/2562 สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ อาทิ Lobby, swimming pool, พื้นที่สีเขียวและลานพักผ่อนข้างสระ, ห้องฟิตเนส, Steam&Sauna, Library, Co-Working Space, Rooftop BBQ, Gardenของทั้ง 4 อาคารพักอาศัย, Jogging track รอบโครงการ ที่จอดรถรวมซ้อนคันประมาณ 63% ของจำนวนยูนิตโครงการ พร้อมระบบการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และจุดเด่นอีกอย่างคือเป็นโครงการแบบ Pet Friendly หรือคอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสัตว์ได้ด้วยพร้อมพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง ราคาเริ่มต้นที่ 2.8 ล้านบาท ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะเป็นอย่างไร อ่านต่อด้านล่างได้เลยค่ะ
ที่ตั้งโครงการ ซอย รัชดาภิเษก19 / ซอยวิภาวดี 16 (ซอยโชคชัยร่วมมิตร) แขวงดินแดง เขต ดินแดง กรุงเทพมหานคร พิกัด google map : 13.796959, 100.569808 ที่ตั้งโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภาตั้งอยู่ในซ.โชคชัยร่วมมิตร หรือซ.รัชดาภิเษก 19 ห่างจากถนนใหญ่รัชดาภิเษกประมาณ 650 เมตร สำหรับคนไม่ใช้รถถือว่าเป็นทำเลที่ไปไหนมาไหนสะดวก มีทางเลือกในการเดินทางหลายทางค่ะ รวมถึงจุดเด่นของโครงการที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีรัชดาภิเษก ในระยะประมาณ 650 ม. เป็นระยะที่เดินประมาณ 8 – 10 นาที หรือต่อมอเตอร์ไซค์มาเพียง 2 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้พอออกมาถนนใหญ่รัชดาภิเษกก็มีแท็กซี่และรถเมล์ผ่านตลอด แถมในซอยจะมีรถกะป๊อวิ่งผ่านตลอดทั้งวัน และตัวโครงการเองก็มีบริการรถรับส่งให้ด้วย ใครไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศบ่อยๆ จาก MRT รัชดาภิเษก นั่งไป 5 สถานีถึง MRT เพชรบุรี ที่เชื่อมกับแอร์พอร์ตลิงก์มักกะสัน นั่งไปสุวรรณภูมิได้เลย หรือจะนั่งไป 3 สถานีถึง MRT สวนจตุจักร สถานี Interchange กับ BTS หมอชิตไปรถไฟฟ้าบนดินสายสีเขียวได้สบายๆ แถมในอนาคต จาก MRT รัชดาภิเษก นั่งไปเพียงสถานีเดียวถึง MRT ลาดพร้าว Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว -สำโรง สถานีรัชดา – ลาดพร้าว ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จคนในโครงการก็จะมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้นเยอะค่ะ สำหรับคนใช้รถ เป็นทำเลที่คนใช้รถมีความสะดวกสบายสูง เนื่องจากที่ตั้งโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา อยู่ในซ.โชคชัยร่วมมิตร สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนใหญ่รัชดาภิเษก (ซอยรัชดาภิเษก 19) โดยจากโครงการออกมาถนนใหญ่รัชดาภิเษกเพียง 600 ม. และจากโครงการออกมาถนนวิภาวดีรังสิต (ซอยวิภาวดีรังสิต 16) เพียง 950 ม. และยังสามารถวิ่งไปออกถนนใหญ่ลาดพร้าวในระยะประมาณ 1.6 กม. ได้ทางซอยลาดพร้าว 18 จากโครงการออกมาถนนใหญ่รัชดาภิเษกจะอยู่ฝั่งออกเมืองมุ่งหน้าแยกรัชดา – ลาดพร้าว เข้าสู่ถนนลาดพร้าว กลับรถไปอีกฝั่งไปทางพระราม 9, อโศก, สุขุมวิท จุดกลับรถก็อยู่ไม่ไกล แต่เพราะเป็นทำเลในเมืองที่มีปริมาณรถมาก เวลาเข้าออกมีรถติดบ้างเป็นธรรมดา ก็ต้องหาทางลัดเลาะกันไปดีๆ ข้อดีคือโซนนี้ถนนย่อยและทางลัดเลาะเยอะค่ะใครอยากเลี่ยงรถติดที่รัชดาภิเษกจากแยกพระราม 9 เราก็สามารถไปไปออกวิภาวดีหรือลาดพร้าวแทนได้ นอกจากนี้โครงการยังอยู่ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัชแถวแยกพระราม 9 ซึ่งเชื่อมต่อไปทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์และทางด่วนมหานครได้ ใช้เข้าเมืองออกเมืองได้สะดวก โดยมีแผนที่เส้นทางการเดินทางไปจุดขึ้น-ลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุดดังนี้ค่ะ จากโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา ไปยังจุดขึ้นทางด่วนศรีรัชเป็นระยะทาง 6.1 กม. หรือระยะขับรถประมาณ 11 นาทีเท่านั้นโดยออกทางซอยวิภาวดีรังสิต 16 มาออกถนนใหญ่วิภาวดีรังสิต วิ่งมาขึ้นทางด่วนศรีรัชได้ จากทางด่วนศรีรัชนี้เชื่อมต่อทั้งทางด่วนเฉลิมมหานครและทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ทำให้คนใช้รถไปไหนมาไหนสะดวกเลยค่ะ แนะนำว่า ถ้าจะออกเมืองไปทางรังสิต นครนายก ในช่วงที่พระราม 9 มีการจราจรหนาแน่น เราสามารถเลี่ยงไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์โดยออกไปลาดพร้าวไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ได้ เช่นเดียวกับทางด่วนเฉลิมมหานครที่สามารถลัดไปขึ้นทางวิภาวดีรังสิตได้นั่นเอง จากจุดลงทางด่วนศรีรัชไปโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา เป็นระยะทาง 5.9 กม. หรือระยะขับรถประมาณ 14 นาทีเท่านั้น โดยผ่านไปทางถนนวัฒนธรรม มาถนนใหญ่รัชดาภิเษกและเข้าซอยรัชดาภิเษก 19 แยกและถนนใกล้เคียง
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆโครงการจาก map จะเห็นว่าบรรดาห้างใหญ่ ตลาด และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆจะมาเกาะตัวกันอยู่บนเส้นถนนรัชดาภิเษกและพหลโยธินเป็นหลักนะคะ รอบๆโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา จะมี 7-11 อยู่ใกล้ๆ ในระยะเดินถึงสบายๆประมาณ 120 ม. ออกมาถนนรัชดาภิเษกใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT รัชดาภิเษก ขึ้นมาสถานีเดียวลงสถานีสุทธิสาร มีตลาดนัดติดรถไฟ(ตลาดเมืองไทยภัทร) ภายในมีร้านอาหาร แผงอาหาร โรงอาหาร ร้านขายยา คลินิก ร้านเสริมสวย เสื้อผ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย จาก MRT รัชดาภิเษก นั่ง 2 สถานีไปลงสถานีพหลโยธิน ก็ถึงห้างใหญ่ยอดนิยมของคนย่านนี้อย่าง Central ลาดพร้าวและยูเนี่ยนมอลล์ 5 สถานีไปสวนจตุจักร ที่มีทั้งตลาดนัดจตุจักร สวนรถไฟ และห้องสมุดพุทธทาส ให้ไปเดินกันได้สบายๆ จาก MRT รัชดาภิเษก นั่งรถไฟฟ้าไป 3 สถานีถึงห้าง Esplanade และตลาดนัดรถไฟตอนกลางคืนหลังห้าง Esplanade หรือนั่งไป 4 สถานีถึงสถานีพระราม 9 ที่มีห้างขนาบ 2 ฝั่งเลยคือเซ็นทรัลพระราม 9 และฟอร์จูนทาวน์ นอกจากนี้จากโครงการนั่งไป 6 สถานีถึง MRT สุขุมวิท ก็ถึงอโศกแล้วค่ะ มีห้าง terminal 21 และโรบินสัน หรือจะเปลี่ยนไปขึ้น BTS ไปสยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ ก็เชื่อมต่อกับ BTS ทั้งหมด และสามารถไปถึงจุดต่างๆได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จัดเป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์และสะดวกสบายทีเดียว สถานที่สำคัญใกล้โครงการ
การเดินทาง วันนี้เรามีภาพการเดินทางโดยรถมาให้ชมกันค่ะเส้นทางการเดินทางตามลูกศรแดง โดยเริ่มเดินทางจาก แยกพระราม 9 → ถนนรัชดาภิเษก → เลี้ยวขวาเข้าซอยรัชดาภิเษก 19 → เข้าไปประมาณ 650 ม.จะเจอโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภาอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ เริ่มเดินทางกันจากแยกพระราม 9 มุ่งหน้าไปทางถนนรัชดาภิเษกค่ะ จุดสังเกตคือข้างหน้าเราจะเจอสะพานข้ามแยกพระราม 9 ฟอร์จูนทาวน์ โรงแรม Grand Mercure ทางฝั่งซ้ายมือ และที่เด่นๆเลยคือตึก G ทางขวามือ เป็นตึกรูปตัว G ที่ตอนนี้สร้างเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว The Grand Rama 9 นี่เป็นโปรเจคใหญ่มาก ความสำคัญคือเป็นโปรเจคที่จะทำให้ย่านพระราม 9 นี้กลายเป็น New CBD ของกทม.นั่นเองค่ะ โดยจะมีตึกที่สูงที่สุดในประเทศหรือซุปเปอร์ ทาวเวอร์ อยู่ที่นี่ด้วยนะคะ อธิบายแบบคร่าวๆคือ จะเป็นหมู่อาคารที่มีทั้งอาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม และคอนโดมิเนียมสำหรับพักอาศัย ซึ่งตอนนี้ก็กำลังก่อสร้างอยู่ ส่วนโครงการที่ก่อสร้างเสร็จไปแล้วจะมีโครงการ Belle Grand Rama9 ที่ด้านล่างตรงส่วน Podium นี่ร้านอาหารเยอะมาก ส่วนตัวเราเองก็ไปกินที่โซนนี้ค่อนข้างบ่อยค่ะ เพราะมีร้านที่ชอบให้เลือกหลายร้าน อย่างใครชอบกินซูชิฮิโระ สามารถเดินผ่านเซ็นทรัล พระราม 9 เข้าไปกินกันได้โดยสาขานี้เป็นสาขาแรกและเปิดต่อเนื่องทั้งวันไม่มีรอบแบบซูชิฮิโระสาขาทั่วไปด้วย เราตรงต่อไปนะคะ ถนนใหญ่รัชดาภิเษกเป็นถนน 8 เลน มีเกาะกั้นกลาง ซ้ายมือก็มีห้างใหญ่ที่เด่นเรื่องอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์อย่าง ฟอร์จูน ทาวน์ ที่มี tesco Lotus อยู่ในตัว ส่วนขวามือก็มีห้างเซ็นทรัลพระราม 9 อยู่ หน้าฟอร์จูนทาวน์และเซ็นทรัลพระราม 9 จะมี MRT พระราม 9 อยู่ ซึ่งห่างจาก MRT รัชดาภิเษก ที่อยู่ใกล้โครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา เพียง 4 สถานีเท่านั้น ตรงต่อไปผ่านกำแพงรั้วสถานฑูตจีน อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รอบๆนี่เราจะเห็นอาคารสำนักงานบริษัทใหญ่ๆเยอะเลย เช่น True, AIA เป็นต้น ตรงต่อมาซ้ายมือจะเป็นห้าง Esplanade รัชดาภิเษก ที่ด้านหลังห้างนี้จะมีตลาดนัดรถไฟ ที่เป็นจุดช้อปปิ้งแฮงก์เอาต์ยามค่ำคืนที่มีชื่อเสียงของย่านนี้นะคะ โดยติดห้าง Esplanade จะมี MRT ศูนย์วัฒนธรรม อยู่ซึ่งห่างจาก MRT รัชดาภิเษก ที่อยู่ใกล้โครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา เพียง 3 สถานีเท่านั้น ถัดมาจะเป็นห้าง Big C เราตรงไปเรื่อยๆ ผ่านแยกห้วยขวางไปค่ะ แยกห้วยขวางเป็นแยกที่มีร้านอาหารและแหล่งบริการยามค่ำคืนเยอะนะคะ พวกร้านคาราโอเกะ ร้านเหล้า อะไรแบบนี้ จากแยกห้วยขวางถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นถนนประชาสงเคราะห์ ตรงไปเป็นมหาวิทยาลัยหอการค้า จากแยกถ้าเลี้ยวขวาเป็นถนนประชาราษฏร์บำเพ็ญใช้ลัดไปออกลาดพร้าวหรือขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ได้ ตรงผ่านแยกสุทธิสารไป จะเห็นป้ายโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา อยู่ทางขวามือด้วย ตรงมาทางซ้ายมือเราจะเห็น MRT รัชดาภิเษกประตู 1 MRT รัชดาภิเษกประตู 1 เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด ในระยะเดินเพียง 650 เมตรเท่านั้น จากถนนรัชดาภิเษก เราเลี้ยวซ้ายเข้าซ.รัชดาภิเษก 19 จากปากซอยรัชดาภิเษก 19 เข้ามาแล้วเลี้ยวซ้าย ตรงตามทางเข้าไปในซอยประมาณ 650 ม. ก็จะเจอโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภาอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ เข้ามาในซอยรัชดาภิเษก 19 จะเห็นแถวรถกะป๊อรับจ้างจอดอยู่ทางซ้ายมือ ใครไม่ใช้รถ วันไหนหิ้วของมาหนักๆก็นั่งรถกะป๊อเข้าไปโครงการได้ เข้ามาในซอยแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ จุดสังเกตคือจะมี 7-11 ใหญ่อยู่ที่สามแยก แล้วเราเลี้ยวขวาตามทาง ที่ทางเลี้ยวจะเห็นโรงเรียนปัญจทรัพย์และร้านขายยาอยู่ทางซ้ายมือ ตรงไปหน่อยก็จะเริ่มเห็นสำนักงานขายโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภาอยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ ขวามือเราเป็น 7-11 ที่อยู่ใกล้โครงการที่สุดนะ โดยจากโครงการเดินมาซื้อของได้ในระยะประมาณ 120 ม. ตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา อยู่ทางฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้เลย เราไปดูรอบๆโครงการกันดีกว่าค่ะ ว่าจะเป็นอย่างไร รอบโครงการ รอบๆที่ดินโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา เป็นที่พักอาศัยแนวราบแทบทั้งหมดค่ะ โดยที่ดินจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซอยวิภาวดี 16/25 รอบๆเป็นอาคารพาณิชย์ ห่างออกไปประมาณ 120 เมตรทางทิศตะวันออกมี 7-11 อยู่ เป็นระยะที่เดินไปซื้อของได้สบายๆค่ะ โครงการมีลักษณะที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดประมาณ 5 ไร่กว่าๆ ผังโครงการจะเป็นอย่างไรเรามารอดูกันอีกทีนะคะ โครงการหันด้านหน้าไปทางทิศเหนือติดถนนซ.โชคชัยร่วมมิตร (ซ.รัชดาภิเษก 19 หรือ ซ.วิภาวดี 16 แล้วแต่จะเรียก) ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถว 5 ชั้น ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอพาร์ทเม้นท์สูง 7 ชั้น ทิศใต้ของโครงการอยู่ติดกลุ่มบ้านพักอาศัย 1 – 2 ชั้น ทิศตะวันออกติดถนนเป็นตึกแถว 5 ชั้น ด้านในเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น รอบๆมีพื้นที่สวน 2 – 3 หลัง และทิศตะวันตกเป็นตึกแถวสูง 2 ชั้น และกลุ่มอาคารสูง 1 – 2 ชั้น ไปดูภาพรอบๆโครงการกันต่อเลยค่ะ โครงการตอนนี้ล้อมรั้วเอาไว้เรียบร้อย ทางเข้าออกโครงการอยู่ทางทิศเหนือติดถนนซ.โชคชัยร่วมมิตร สำนักงานขายโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา ตอนนี้สร้างเสร็จและเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างและสอบถามข้อมูลโครงการกันได้แล้วค่ะ ติดที่ดินโครงการทางทิศตะวันตกจะมีซอยแคบๆพอคนเดินได้คั่นตึกแถวสูง 2 ชั้น มองกลับไปทางทิศตะวันออก จะเห็นด้านหน้าโครงการอยู่ติดถนนโชคชัยร่วมมิตร ฝั่งตรงข้ามโครงการทางฝั่งทิศเหนือเป็นตึกแถวสูง 5 ชั้น ด้านล่างเป็นอาคารพาณิชย์ ขาย แอร์ ไดนาโม แบตเตอรี่ เป็นต้น ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นอพาร์ทเม้นท์สูง 7 ชั้น ทิศตะวันออกติดโครงการเป็นตึกแถว 5 ชั้น เข้าไปดูภายในที่ดินโครงการกันต่อค่ะ ภายในที่ดินโครงการ มองไปทางฝั่งทิศใต้ เพราะมีรั้วกั้นขึ้นมาเลยมองไม่เห็นนะคะ โดยทิศใต้ของโครงการอยู่ติดกลุ่มบ้านพักอาศัย 1 – 2 ชั้น มองไปทางทิศตะวันตกเป็นตึกแถวสูง 2 ชั้น และกลุ่มอาคารสูง 1 – 2 ชั้น มองไปทางทิศตะวันออกติดถนนเป็นตึกแถว 5 ชั้น ด้านในเป็นอาคาร 2 ชั้น บ้านเดี่ยว 2 ชั้นรอบๆมีพื้นที่สวน 2 – 3 หลัง ตัวโครงการ เข้าไปดูในสำนักงานขายโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภากันต่อค่ะ สำนักงานขายโครงการเปิดทุกวันตั้งแต่ 9.30 – 18.30 ภายในสำนักงานขายโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภามีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการข้อมูลโครงการและพาชมห้องตัวอย่าง ภายในสำนักงานขายมีที่นั่งรับรองลูกค้ามาให้หลายจุด มีชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งคุย มีโซฟามาให้นั่งพักผ่อนได้ โดยลุคที่ใช้ตกแต่งภายในสำนักงานขายนี้จะเป็นแบบเดียวกันกับล็อบบี้ของตัวโครงการ โดยใช้คอนเซ็ป “INDUSTRIAL ELEGANCE” ภาพจำลองส่วนล็อบบี้เพดานสูงของโครงการค่ะ ตกแต่งมาอย่างหรูหราในสไตล์ “INDUSTRIAL ELEGANCE” คือเป็นวัสดุอย่างเช่นพื้นหินอ่อนลายก้างปลา โครงเหล็กเป็นเฟรมตกแต่งที่ผนัง เฟรมหน้าต่างที่ให้ลุคที่ดูคลาสสิค พร้อมเฟอร์นิเจอร์หุ้มหนังโชว์โครงเหล็กสไตล์ INDUSTRIAL ที่ดูหรูหรา ภายในสำนักงานขายมีโมเดลโครงการและห้องตัวอย่างมาให้ดูกันสองห้อง รายละเอียดโครงการจะเป็นอย่างไรมาดูกันต่อเลยค่ะ ภาพจำลองบรรยากาศภายนอกโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise 8 ชั้น 4 อาคารพักอาศัย/ 8 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน(ชั้นใต้ดินมีเฉพาะ B และ C), 1 อาคารส่วนกลาง (คลับเฮาส์)/ 3 ชั้น จำนวนยูนิต 560 ยูนิต ตัวโครงการออกแบบมาในสไตล์ CLASSIC INSPIRED MODERN TWIST โดยใช้ธีมสีเทาอ่อนและเข้มในการตกแต่งตัวอาคาร จะเห็นว่าทั้งกำแพงและผนังของอาคาร มีการติดวัสดุที่หลากหลาย ทั้งแผ่นหินและปูนทาสี และมีการแต่งองค์ประกอบอย่างเช่นขอบปูนรอบระเบียง เฟรมหน้าต่าง ที่ให้บรรยากาศแบบคลาสสิค แต่ในขณะเดียวกันก็ทันสมัย และยังทำให้อาคารดูมิติมากขึ้นอีกด้วย มาดูผังโครงการกันต่อค่ะ ด้านบนเป็นภาพ Master Plan หรือผังชั้น 1 ของโครงการ ซึ่งเป็นอาคารทั้ง 4 อาคารที่เป็นรูปตัว L หันด้านหน้าโครงการและจัดส่วนกลางไว้ทางทิศเหนือ เนื่องจากแสงอาทิตย์ในประเทศไทยวิ่งอ้อมใต้เป็นหลัก การจัดผังคิดเรื่องแสงเงาที่จะตกกระทบตัวอาคารมาเป็นอย่างดี ทำให้อาคารและพื้นที่ส่วนกลาง และได้รับแสงแดดไม่มากไม่น้อยเกินไปตลอดทั้งปี นอกจากนี้การวางตึกทำให้เกิด ventilation flow หรือการถ่ายเทอากาศที่ดี มีลมพัดหมุนเวียนเข้ามาในอาคารดีตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะหน้าหนาวหรือหน้าร้อน มาดูผังโครงการกันต่อนะคะ ผังชั้น 1 ของโครงการ ใต้อาคารที่พักอาศัยจะเป็นที่จอดรถล้วนๆเลย โดยถนนในโครงการจะเป็นแบบ Two Way หรือถนนสองเลน รถสวนกันเข้าออกได้ โดยซุ้มทางเข้าออกรถเป็นไม้กระดกและ Access Card อยู่ทางฝั่งซ้ายมือของซุ้มทางเข้าโครงการด้านหน้า ที่จอดรถรวมซ้อนคันคิดเป็นประมาณ 63% ของจำนวนยูนิตโครงการ ที่ลานจอดรถจะมีโถงลิฟต์ที่ใช้ Access Card แตะผ่านเข้าไปเพื่อขึ้นไปส่วนยูนิตที่พักอาศัยในชั้นอื่นๆ รอบลานจอดรถจะเป็นสวนหย่อมที่ปลูกต้นไม้ไว้โดยรอบ สร้างบรรยากาศที่ร่มรื่น โมเดลส่วนด้านหน้าโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา ตัวโครงการใช้ธีมสีเทาอ่อนและเข้มในการตกแต่งตัวอาคาร จะเห็นว่าทั้งกำแพงและผนังของอาคาร มีการติดวัสดุที่หลากหลาย ทั้งแผ่นหินและปูนทาสี และมีการแต่งองค์ประกอบอย่างเช่นขอบปูนรอบระเบียง เฟรมหน้าต่าง ที่ให้บรรยากาศแบบคลาสสิค แต่ในขณะเดียวกันก็ทันสมัย และยังทำให้อาคารดูมิติมากขึ้น รั้วโครงการมีการปลูกรั้วพุ่มไม้ สลับกับกำแพงหินเพื่อความเขียวชอุ่มร่มรื่น ตัวอาคารจะมี Set Back หรือระยะถอยร่นจากถนนในซอยประมาณ 10 เมตร และมีการปลูกต้นไม้เป็น Filter ที่ช่วยกันฝุ่นและลดทอนเสียงรถจากถนนให้เข้าสู่ภายในโครงการน้อยลงด้วย โดยติดกำแพงรั้วด้านหน้าจะมีจุดจอดจักรยาน ใช้ปั่นไปซื้อนู่นนี่ หรือไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ส่วนศาลาพักผ่อนหน้าโครงการที่ลูกศรชี้ (Pavilion)ก็คือตำแหน่งสำนักงานขายในปัจจุบันค่ะ จากประตูถัดเข้ามาด้านในจะเป็นสวนและทางเดินเข้าสู่ Main Lobby และพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการ
จัดสวนในสไตล์คลาสสิคที่ให้ความรู้สึกสงบร่มรื่น พร้อมไฟกลางคืนติดตามข้างทาง และมีม้านั่งให้นั่งพักเป็นระยะๆ
สระว่ายน้ำโครงการเป็นสระกลางแจ้งขนาด 25 x 6 m. ระบบเกลือ ตั้งอยู่ที่อาคารส่วนกลางซึ่งอยู่ตรงกลางโครงการเลย ข้อดีคือ ทุกอาคารสามารถเดินมาพื้นที่ส่วนกลางหลักได้ในระยะพอๆกันนั่นเอง
ภาพจำลองส่วนสระว่ายนำ้ค่ะ รอบๆสระจัดที่นั่งแบบ Sunken Seat ข้างสระมาให้ พร้อมปลูกพุ่มไม้ และต้นไม้โดยรอบให้บรรยากาศที่ร่มรื่น
ภาพจำลองสระว่ายน้ำ ข้างสระจะมีส่วนที่เป็นในร่มที่อยู่ใต้ห้องฟิตเนสชั้นบน พร้อมชุดเก้าอี้โซฟาไว้ให้นั่งพักผ่อนหลบแดดหลบฝนกันได้
ภาพจำลองส่วน Co Working Space และห้องสมุด ของโครงการ แผนผังห้องชั้น 2 – 8 เป็น Typical Floor Plan คือแปลนเหมือนกันทุกชั้นนะคะ ทุกอาคารมีจำนวนยูนิตเท่ากัน และจัดผังแบบเดียวกัน อาคาร A และ D กลับด้านกันและอยู่ด้านหน้าโครงการ อาคาร B และ C กลับด้านกันและอยู่ด้านหลังโครงการ ความหนาแน่น 20 ยูนิตต่อชั้น ทิศทางและวิวด้านนอกด้านในก็ต้องพิจารณาโดยชั่งน้ำหนักความต้องการของเราและราคากันตามความพอใจอีกทีค่ะ ส่วนตัวเราแนะนำวิวยูนิตฝั่งด้านในมากกว่าด้านนอกนะคะ เพราะเห็นวิวสระกับสวนสวยๆ ถ้าให้ดูเรื่องลมและแดดเพิ่มมาเราว่าวิวฝั่งด้านในของอาคาร A นี่ได้ลมดีแน่นอน แดดก็ไม่ร้อนด้วยค่ะ หรือจะอาคาร D กับ C ฝั่งวิวนอกที่หันไปทางทิศตะวันออก ซึ่งแดดอ่อนกว่าอาคาร A กับ B วิวนอกจะเจอแดดบ่ายที่แรงกว่าเพราะหันหน้าเข้าหาทิศตะวันตกนั่นเอง ผังชั้นดาดฟ้าของอาคารทั้ง 4 อาคาร มีสวนชั้นดาดฟ้ามาให้ทั้ง 4 อาคารเลยค่ะ บนดาดฟ้าก็จะมีสวน ที่นั่งพักผ่อน และลานบาร์บีคิวมาให้ ภาพจากโมเดลโครงการค่ะ จะเห็นว่าทุกอาคารมีสวนชั้นดาดฟ้าของตัวเอง ถ่ายให้ดูโมเดลสวนชั้นดาดฟ้าใกล้ๆค่ะ มีส่วนที่เป็นลานบาร์บีคิวและที่นั่งพักผ่อนมาให้ แบบห้อง ห้องแทบทั้งหมดในโครงการเป็นแบบ 1 ห้องนอนแทบทั้งหมดนะคะ โดยแบบ 2 ห้องนอนจะเป็นห้องมุมของแต่ละชั้น โดย 1 Bedroom ขนาด 29.00-38.00 ตร.ม. 1Bedroom Plus ขนาด 42.00 ตร.ม และ 2 Bedrooms ขนาด 59.00 ตร.ม. ก่อนไปดูห้องตัวอย่าง เรามีแบบห้องมาให้ดูกัน ผังห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาด 38 ตารางเมตร ผังห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาด 42 ตารางเมตร ผังห้องแบบ 2 ห้องนอนขนาด 59 ตารางเมตร ห้องหน้ากว้างกว่า 12 เมตร เป็นห้องตำแหน่งมุมของโครงการที่ให้วิว panorama เป็นวิวสวนและมีความเป็นส่วนตัว ห้องตัวอย่าง ห้องตัวอย่างห้องแรกเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 29 ตร.ม.หน้ากว้าง 5 เมตร ตัวห้องแบ่งส่วน Private และ Public โดยจัดส่วนส่วนไพรเวทอย่างห้องนอนและห้องน้ำอยู่ฝั่งนึง และส่วนพับลิคอย่างครัวอยู่ส่วนแรกเปิดมาแล้วเจอเลย ห้องนั่งเล่นริมระเบียง ประตูกั้นส่วนครัวและห้องนั่งเล่นเป็นประตู Hybrid sliding door ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานจริง ห้องขายแบบ Fully Fittedให้สุขภัณฑ์/ Hob/ Hood/ แอร์/ ตู้เสื้อผ้า จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ ประตูที่ได้จะเป็นบานไม้สีอ่อนบานใหญ่ พร้อม Digital Door Lock Digital Door Lock ของ Hafele ติดมาให้เรียบร้อยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ วิธีการเข้าห้องคือแตะการ์ดเข้าไปหรือกดรหัสผ่าน ซึ่งสะดวกดีค่ะ ภาพขวามือคือภาพจากด้านในห้อง เวลาจะออกจากห้องก็กดปลดล็อกออกไป พอเราปิดประตูห้อง Digital Door Lock นี้ก็จะล็อกห้องให้เราอัตโนมัตค่ะ เข้าห้องมาจะเจอส่วนของห้องครัว ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนั่งเล่นติดระเบียงและส่วนห้องนอน เข้ามาที่ห้องนั่งเล่น มองกลับไปที่ห้องครัวและประตูทางเข้าห้อง พื้นห้องเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. ไฟติดเพดานเป็นไฟดาวน์ไลท์ เพดานห้องสูง 2.45 เมตร แต่ส่วนห้องครัวและห้องน้ำฝ้าเพดานจะดรอปลงมาเป็น 2.2 เมตร ระยะใช้งานส่วนครัวกำลังดีค่ะ คือกว้างประมาณ 90 cm. เป็นระยะที่สามารถเปิดปิดหน้าบานตู้เคาน์เตอร์ครัวและยังมีระยะถอยให้เดินไปมาได้อยู่ เราพาไล่ดูชุดครัวกันต่อนะคะ ชุดครัวด้านบนทำ Built in ชั้นลอยมาให้วางของเพิ่ม ของจริงได้ตามที่เห็นทั้งบนและล่าง เปิดให้ดูช่องเก็บของด้านในมีที่เก็บของมาให้พอสมควร เหมาะสำหรับใช้อุ่นอาหาร ล้างจาน หรืออาหารที่ประกอบง่ายๆไม่ซับซ้อน หน้าบานตู้เป็นเมลามีนลายไม้สีอ่อน เปิดปิดแบบเซาะร่อง และมี Soft Closed ที่บานพับประตูสำหรับกันกระแทก และมีถังขยะพร้อมฝาปิดที่เปิดให้อัตโนมัตเวลาเปิดตู้ติดมาให้เรียบร้อย มีลิ้นชักพร้อมช่องแบ่งสำหรับวางช้อนส้อมมาให้เรียบร้อย Top ครัวเป็นหินแกรนิตสีดำ ติดตั้งเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันพร้อมอ่างล้างจานมาให้เรียบร้อย ผนังหลังเคาน์เตอร์ครัวมี Backsplash มาให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควันของ Hafele ซึ่งเป็นแบรนด์ของเยอรมนี และมีประกันให้ 3 ปีเลย อ่างล้างจานสแตนเลสฝังมาให้แบบหลุมเดียว เทียบกับขนาดฝ่ามือให้ดูระยะใช้งาน ก็อกน้ำเป็นโค้ง หมุนไปมาซ้ายขวาได้ สวิตช์ไฟเป็นแผงสีดำเทาของ Siemens ซึ่งมีความทนทานสูง ไม่ลามไฟ และมีเคลือบกันฝุ่นและแสง UV ด้วย ฝั่งตรงข้ามชุดครัวมีชั้น Built in มาให้วางของ ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้งานในห้องได้ดีค่ะ เปิดตู้ให้ดูค่ะ ภาพซ้ายมองไปชั้นด้านบน ภาพขวามองไปชั้นด้านล่าง นอกจากทำชั้นมาให้เยอะแล้ว ชอบที่มีเคาน์เตอร์วางของ Top หินแกรนิตมาให้อีกจุดแบบนี้ค่ะ ใช้วางของได้มุมสวยดี ผนังฝั่งนี้ติดตั้งเต้าเสียบปลั๊กไฟฟ้ามาให้พร้อม ประตูกั้นส่วนครัวและห้องนั่งเล่นเป็นประตู Hybrid sliding door ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานจริง ชอบที่โครงการใส่ดีเทลเฟรมสีดำที่ดูเท่ไม่เหมือนใคร และใช้กระจกฝ้าที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่องแสงธรรมชาติให้ห้องครัวไปด้วยในตัว ถัดจากส่วนครัวเรามาดูส่วนห้องนั่งเล่นกันต่อค่ะ ระยะดูทีวีจากโซฟาเหมาะจะวางทีวีขนาดประมาณ 40 นิ้ว และสามารถวางโต๊ะกาแฟและยังเหลือระยะเดินไปมาได้อยู่ โดยห้องตัวอย่างจัดเฟอร์นิเจอร์มาให้ดูเป็นไอเดีย โซฟาวางมาเป็นโซฟา 2 ที่นั่ง ส่วนที่วางแขนด้านนึงเป็นชั้นไม้ที่ใช้วางของได้ และเก็บของได้ไปในตัว ชั้นวางทีวีจะเห็นว่าวางได้กว้างเลยค่ะ คือใครชอบนอนดูทีวีก่อนนอนนี่จัดจอ 60 – 70 นิ้วได้เลยนะ จากเตียงนอนหลังโซฟานี่นอนดูได้แบบกำลังเหมาะ แถมจะเห็นว่ามีที่ผนังด้านข้างเหลือให้วางชั้นวางของเพิ่มพื้นที่ใช้งานในห้องได้อีกด้วย ด้านบนผนังส่วนชั้นวางทีวีติดเครื่องปรับอากาศมาให้ได้ตามนี้ ถัดจากห้องนั่งเล่นจะมีประตูเปิดออกไประเบียงได้ ธรณีประตูยกพื้นขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร พร้อมวางรางประตูด้านบนอีกที เพื่อกันฝุ่นและความชื้นจากระเบียง มือจับประตูเป็นแบบเซาะร่องมาตรฐาน และเป็นบานกระจกกรอบอลูมิเนียมสีดำแบบ 2 ตอน พื้นระเบียงปูกระเบื้องเซรามิกผิวด้านสีเทา ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งทาสีดำ เฟรมของราวกันตกจะเจาะช่องมาได้แบบนี้เลยค่ะ แต่ของจริงจะไม่มีกระจกใสมาแบบในห้องตัวอย่างนะ ของจริงจะเป็นเฟรมราวกันตกตามที่เห็นและช่องโล่งเปิดรับลมปกติค่ะ ที่พื้นระเบียงเดินท่อระบายนำ้มาให้ โดยที่ระเบียงเตรียมงานระบบสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วเรียบร้อย ถัดจากห้องนั่งเล่น ด้านหลังเป็นส่วนห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดูระยะใช้งาน ส่วนปลายเตียง พอวางโซฟาไปแล้วเหลือใช้เดินไปเดินมา หรือวางโต๊ะวางของหลังโซฟาเพิ่มพื้นที่เก็บของแทนก็ได้ ส่วนห้องนอนมีหน้าต่างพร้อมเฟรมที่เข้ากันกับราวกันตกระเบียงมา 1 ชุด และด้านข้างระเบียง 1 ชุด คือด้านข้างระเบียงจะเป็นบานฟิกซ์เปิดปิดไม่ได้ เป็นช่องแสงเฉยๆ ส่วนด้านข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งตรงกลางใช้เปิดรับลมเข้าห้องได้ รอบๆเป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ให้มีช่องแสงที่กว้างขึ้น ข้างเตียงฝั่งติดหน้าต่างวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียงได้สบายๆ มองไปอีกฝั่งจะเป็นทางเข้าห้องน้ำและตู้เสื้อผ้า ซึ่งบานปิดตู้เสื้อผ้าและประตูห้องน้ำเป็นฉากกั้นแบบ Hybrid sliding door ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานจริง เดี๋ยวเราพาไล่ดูกันไปทีละอย่างนะคะ ข้างเตียงสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ และเตรียมเต้าเสียบปลั๊กไฟมาให้เรียบร้อย เลื่อนเปิดหน้าบานตู้เสื้อผ้าให้ดูค่ะ หน้าบานประตูจะใช้ร่วมกันกับประตูเลื่อนปิดครัวนั่นเอง ตู้ Built in มาให้ ของจริงได้ตามนี้ มีราวแขวนบนล่าง มีลิ้นชักเก็บของ และช่องเก็บของมาให้กว้างและลึกดี อันนี้ตอบโจทย์ความต้องการคนส่วนใหญ่ได้ดี คือช่องสูงๆด้านข้างนี่ใช้เก็บผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า หรือใช้วางกระเป๋าทำงาน กระเป๋าเป้ก็วางได้สะดวก ชั้นด้านบนก็กว้างและลึกพอวางกระเป๋าเดินทางได้ด้วย ถัดมาเป็นส่วนห้องน้ำค่ะ ประตูเป็นบานเลื่อนแบบเดียวกัน โดยเลื่อนออกมาปิดส่วนตู้เสื้อผ้านั่นเอง เข้าไปดูส่วนห้องน้ำกันต่อค่ะ ห้องน้ำทำขนาดมากำลังดีค่ะ แยกส่วนแห้งและส่วนเปียกมาให้ ระยะใช้งานกำลังสบายๆไม่อึดอัด พื้นกระเบื้องสีครีมแบบผิวด้าน สเป็คกระเบื้องผนังตกแต่งมาสวยดี ของจริงได้ตามนี้ค่ะ คือจะมีส่วนที่เป็นแกรนิตโต้สีครีมอ่อนเรียบๆเข้ากันกับพื้น และกระเบื้องลายอิฐสีดำและขาวมาให้ ผนังห้องน้ำปูกระเบื้องมาให้จนจรดเพดาน ที่เพดานติดไฟดาวน์ไลท์มาให้ แต่ของจริงไม่มีไฟซ่อนข้างผนังแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างนะ พร้อมพัดลมดูดอากาศช่วยระบายอากาศ โถสุขภัณฑ์ใช้ของ Hafele เช่นกัน ที่ใส่กระดาษทิชชู่ผิวสแตนเลส สายฉีดชำระสแตนเลสเข้าชุดกัน อ่างล้างมือมีที่เก็บของใต้อ่างพร้อมหน้าบานปิดผิวลายไม้มาให้ กระจกเงาได้ตามนี้ค่ะ โดยจะเป็นชุดอ่างล้างมือของ Lavenz ซึ่งมีความพิเศษหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าบานไม้ที่มีความทนทานกว่า เนื่องจากมีค่าอุ้มน้ำเพียง 4% ขณะที่หน้าบานทั่วไปมีค่าอุ้มน้ำถึง 50% เลยทีเดียว เทียบขนาดฝ่ามือกับอ่างให้ดูระยะใช้งาน เป็นอ่างทรงสีเหลี่ยมแบบมีที่ให้วางของได้พอสมควรด้านบน โดยอ่างล้างมือของ Lavenz เป็นอ่างไฟเบอร์ที่มี Solid Coated ซึ่งขึ้นรูปมาแบบพิเศษและเคลือบผิวมาให้มีความเงางามและทนทานสูง ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มมาให้ เป็นแบบบานเลื่อนสามตอน ทำให้ได้ช่องเปิดที่กว้างกว่าแบบสองตอน โดยพื้นที่ส่วนอาบนำ้หรือส่วนเปียกจะมีขอบธรณีขึ้นมาแบ่งระหว่างส่วนเปียกส่วนแห้ง กั้นขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร และมีท่อระบายน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้เรียบร้อย ชอบที่คุมธีมดีไซน์ฉากกั้นห้องน้ำให้เข้ากันกับประตูห้องน้ำ แสดงให้เห็นถึงการวางสเป็คที่ใส่ใจรายละเอียด ชุดฝักบัวเป็นของ Hafele เราเทียบขนาดฝักบัวกับฝ่ามือให้ดูค่ะ ฝักบัวเป็นสแตนเลสขนาดกำลังเหมาะมือ สามารถเลื่อนปรับขนาดหยดน้ำได้ มีเจาะช่องผนังเป็นที่วางแชมพู ครีมอาบน้ำมาให้ วางได้เยอะเลยทีเดียว ห้องตัวอย่างห้องที่สองเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 33 ตร.ม. ตัวห้องแบ่งส่วน Private และ Public มาชัดเจนนะคะ ส่วนไพรเวทอย่างห้องนอนและห้องน้ำจัดอยู่ฝั่งนึง และส่วนพับลิคหน่อยอย่างห้องนั่งเล่นริมระเบียงและครัวอยู่อีกฝั่งนึง แต่ข้อดีคือมีห้องน้ำที่มี 2 ประตู จากใกล้ประตูทางเข้าและในห้องนอน ทำให้เวลาแขกมาก็ไม่ต้องเข้าไปในห้องนอนเราเพื่อเข้าห้องน้ำ ส่วนเราเองก็ไม่ต้องเดินอ้อมออกมาด้านนอกเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่สามารถเดินเข้าจากภายในห้องนอนได้เลยนั่นเอง ห้องขายแบบ Fully Fittedให้สุขภัณฑ์/ Hob/ Hood/ แอร์/ ตู้เสื้อผ้า จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยค่ะ เข้าห้องมาจะเจอส่วนของห้องครัวฝั่งนึง และประตูห้องน้ำอีกฝั่งค่ะ พื้นห้องเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. ไฟติดเพดานเป็นไฟดาวน์ไลท์ เพดานห้องสูง 2.45 เมตร แต่ส่วนห้องครัวและห้องน้ำฝ้าเพดานจะดรอปลงมาเป็น 2.2 เมตร ชุดครัวจะมีเคาน์เตอร์กว้างกว่าแบบในห้องแรกที่ไปดูกันมานะคะ แต่วัสดุแบบเดียวกันเลย คือด้านบนทำ Built in ชั้นลอยมาให้วางของเพิ่ม ของจริงได้ตามที่เห็นทั้งบนและล่าง เปิดให้ดูช่องเก็บของด้านในมีที่เก็บของมาให้พอสมควร เหมาะสำหรับใช้อุ่นอาหาร ล้างจาน หรืออาหารที่ประกอบง่ายๆไม่ซับซ้อน หน้าบานตู้เป็นเมลามีนลายไม้สีอ่อน เปิดปิดแบบเซาะร่อง และมี Soft Closed ที่บานพับประตูสำหรับกันกระแทก และมีถังขยะพร้อมฝาปิดที่เปิดให้อัตโนมัตเวลาเปิดตู้ติดมาให้เรียบร้อย มีลิ้นชักพร้อมช่องแบ่งสำหรับวางช้อนส้อมมาให้เรียบร้อย Top ครัวเป็นหินแกรนิตสีดำ ติดตั้งเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันพร้อมอ่างล้างจานมาให้เรียบร้อย สเป็คเดียวกันกับห้องแรกเลยค่ะ แต่เคาน์เตอร์จะกว้างกว่า มีที่วางของด้านข้างเพิ่มมาอีกช่อง ผนังหลังเคาน์เตอร์ครัวมี Backsplash มาให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย โต๊ะอาหารเป็นแบบพับเก็บได้นะคะ เวลาไม่ใช้งานก็ไม่เปลืองพื้นที่ในห้องดี ห้องตัวอย่างวางเก้าอี้มาให้ดูระยะใช้งาน แต่ต่อให้ไม่พับโต๊ะอาหารเก็บ ก็ยังมีระยะให้เดินผ่านไปมาได้สบายๆ ฝั่งตรงข้ามชุดครัวมีชั้น Built in มาให้วางของ ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้งานในห้องได้ดีค่ะ แต่ของจริงจะมีเฉพาะตู้เก็บของด้านล่างนะ ด้านบนห้องตัวอย่างทำ Built in มาให้ดูเป็นไอเดีย เข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อค่ะ ห้องน้ำทำขนาดมากำลังดีค่ะ แยกส่วนแห้งและส่วนเปียกมาให้ ระยะใช้งานกำลังสบายๆไม่อึดอัด พื้นกระเบื้องสีครีมแบบผิวด้าน ผนังห้องน้ำปูกระเบื้องมาให้จนจรดเพดาน ที่เพดานติดไฟดาวน์ไลท์มาให้ แต่ของจริงไม่มีไฟซ่อนข้างผนังแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างนะ พร้อมพัดลมดูดอากาศช่วยระบายอากาศ ข้อดีคือห้องน้ำมี 2 ประตู ขวามือเป็นประตูที่ใกล้ประตูทางเข้าและซ้ายเป็นประตูที่เปิดไปในห้องนอน ทำให้เวลาแขกมาก็ไม่ต้องเข้าไปในห้องนอนเราเพื่อเข้าห้องน้ำ ส่วนเราเองก็ไม่ต้องเดินอ้อมออกมาด้านนอกเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่สามารถเดินเข้าจากภายในห้องนอนได้เลยนั่นเอง อ่างล้างมือเป็นแบบเดียวกันกับห้องแรกเลย คือมีที่เก็บของใต้อ่างพร้อมหน้าบานปิดผิวลายไม้มาให้ กระจกเงาได้ตามนี้ค่ะ โดยจะเป็นชุดอ่างล้างมือของ Lavenz ซึ่งมีความพิเศษหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าบานไม้ที่มีความทนทานกว่า เนื่องจากมีค่าอุ้มน้ำเพียง 4% ขณะที่หน้าบานทั่วไปมีค่าอุ้มน้ำถึง 50% เลยทีเดียว ส่วนอ่างล้างมือของ Lavenz เป็นอ่างไฟเบอร์ที่มี Solid Coated ซึ่งขึ้นรูปมาแบบพิเศษและเคลือบผิวมาให้มีความเงางามและทนทานสูง โถสุขภัณฑ์ใช้ของ Hafele เช่นกัน ที่ใส่กระดาษทิชชู่ผิวสแตนเลส สายฉีดชำระสแตนเลสเข้าชุดกัน ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มมาให้ เป็นแบบบานเลื่อนสามตอน ทำให้ได้ช่องเปิดที่กว้างกว่าแบบสองตอน โดยพื้นที่ส่วนอาบนำ้หรือส่วนเปียกจะมีขอบธรณีขึ้นมาแบ่งระหว่างส่วนเปียกส่วนแห้ง กั้นขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร และมีท่อระบายน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้เรียบร้อย ชุดฝักบัวเป็นของ Hafele เราเทียบขนาดฝักบัวกับฝ่ามือให้ดูค่ะ ฝักบัวเป็นสแตนเลสขนาดกำลังเหมาะมือ สามารถเลื่อนปรับขนาดหยดน้ำได้ มีเจาะช่องผนังเป็นที่วางแชมพู ครีมอาบน้ำมาให้ วางได้เยอะเลยทีเดียว เรามาดูส่วนห้องนั่งเล่นกันต่อค่ะ ระยะดูทีวีจากโซฟาเหมาะจะวางทีวีขนาดประมาณ 40 นิ้ว และสามารถวางโต๊ะกาแฟและยังเหลือระยะเดินไปมาได้อยู่ โดยห้องตัวอย่างจัดเฟอร์นิเจอร์มาให้ดูเป็นไอเดีย ชั้นวางทีวีจะเห็นว่าวางได้กว้างเลยค่ะ คือใครชอบนอนดูทีวีก่อนนอนนี่จัดจอ 60 – 70 นิ้วได้เลยนะ จากเตียงนอนหลังโซฟานี่นอนดูได้แบบกำลังเหมาะ แถมจะเห็นว่ามีที่ผนังด้านข้างเหลือให้วางชั้นวางของเพิ่มพื้นที่ใช้งานในห้องได้อีกด้วย ด้านบนผนังส่วนชั้นวางทีวีติดเครื่องปรับอากาศมาให้ได้ตามนี้ โซฟาวางมาเป็นโซฟา 2 ที่นั่ง ส่วนที่วางแขนด้านนึงเป็นชั้นไม้ที่ใช้วางของได้ และเก็บของได้ไปในตัว ถัดจากห้องนั่งเล่นจะมีประตูเปิดออกไประเบียงได้ ธรณีประตูยกพื้นขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร พร้อมวางรางประตูด้านบนอีกที เพื่อกันฝุ่นและความชื้นจากระเบียง มือจับประตูเป็นแบบเซาะร่องมาตรฐาน และเป็นบานกระจกกรอบอลูมิเนียมสีดำแบบ 2 ตอน พื้นระเบียงปูกระเบื้องเซรามิกผิวด้านสีเทา ที่พื้นระเบียงเดินท่อระบายนำ้มาให้ โดยที่ระเบียงเตรียมงานระบบสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วเรียบร้อย ราวกันตกเป็นเหล็กโปร่งทาสีดำ เฟรมของราวกันตกจะเจาะช่องมาได้แบบนี้เลยค่ะ แต่ของจริงจะไม่มีกระจกใสมาแบบในห้องตัวอย่างนะ ของจริงจะเป็นเฟรมราวกันตกตามที่เห็นและช่องโล่งเปิดรับลมปกติค่ะ ระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นจะมีฉากกั้นห้องบานทึบมาให้เพื่อความเป็นส่วนตัว โดยของจริงจะเป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน แต่ในห้องตัวอย่างจะเป็นบานเลื่อนแบบ 2 ตอนนะ ตัวรางของฉากกั้นห้องฝังพื้นมาให้ เวลาเดินไปมาไม่สะดุดค่ะ และแขวนรางกับเพดานด้านบนเพื่อช่วยรับน้ำหนักฉากกั้นห้องอีกแรง ทำให้เลื่อนเปิดปิดสบายขึ้น ถัดจากห้องนั่งเล่น ด้านหลังเป็นส่วนห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดูระยะใช้งาน ส่วนห้องนอนมีหน้าต่างพร้อมเฟรมที่เข้ากันกับราวกันตกระเบียงมา 1 ชุด และด้านข้างระเบียง 1 ชุด คือด้านข้างระเบียงจะเป็นบานฟิกซ์เปิดปิดไม่ได้ เป็นช่องแสงเฉยๆ ส่วนด้านข้างเตียงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งตรงกลางใช้เปิดรับลมเข้าห้องได้ รอบๆเป็นหน้าต่างบานฟิกซ์ให้มีช่องแสงที่กว้างขึ้น ข้างเตียงฝั่งติดหน้าต่างวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียงได้สบายๆ มองไปอีกฝั่งจะเป็นทางเข้าห้องน้ำและตู้เสื้อผ้า เดี๋ยวเราพาไล่ดูกันไปทีละอย่างนะคะ ข้างเตียงสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ และเตรียมเต้าเสียบปลั๊กไฟมาให้เรียบร้อย ถัดมาเป็นตู้เสื้อผ้าค่ะ ทำ Built in มาให้ทั้งสองฝั่ง แต่ของจริงหน้าบานจะเป็นบานไม้ทั้งคู่นะคะ ห้องตัวอย่างทำหน้าบานกระจกใสมาให้ดูเป็นไอเดียฝั่งนึง แต่ของจริงจะได้เป็นแบบตู้เสื้อผ้าฝั่งขวามือนี้ทั้งสองฝั่งนะคะ เราเปิดตู้ให้ดูที่แขวนเสื้อผ้าและลิ้นชักด้านใน ถัดมาเป็นประตูเข้าห้องน้ำจากในห้องนอน ซึ่งภายในห้องน้ำเราพาเข้าไปดูกันมาแล้วในช่วงต้นนะคะ ด้านบนประตูห้องน้ำติดเครื่องปรับอากาศมาให้ได้ตามนี้ ราคา (มิ.ย.60) – 1 Bedroom 29 sq.m. ราคาเริ่มต้นที่ 2.8 ล้านบาท หรือ 96,552 บาท/sq.m. จอง 20,000บาท / ทำสัญญา 50,000บาท / register ผ่านทาง website รับส่วนลด 10,000บาท ห้องขายแบบ Fully Fittedให้สุขภัณฑ์/ Hob/ Hood/ แอร์/ ตู้เสื้อผ้า ค่าส่วนกลาง : 65 บาท/ตร.ม./เดือน (เก็บล่วงหน้า 1 ปี) สอบถามราคาเพิ่มเติมกรุณาติดต่อสำนักงานขายเพื่อข้อมูลที่อัพเดตที่สุดค่ะ* ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษคลิก : https://goo.gl/HhbdEF สรุป ทำเลที่ตั้งโครงการ– MAESTRO 19 รัชดา19 – วิภา เป็นโครงการที่พูดได้ว่าสะดวกทั้งคนใช้รถและไม่ใช้รถค่ะ เพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีรัชดาภิเษก เชื่อมต่อถนนใหญ่รัชดา – วิภาวดี – ลาดพร้าวใกล้ Air Port Link สถานีมักกะสัน นอกจากนี้ยังใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนพิเศษศรีรัชที่ทำให้คนขับรถมีความสะดวกสบายขึ้นเยอะ ไปไหนมาไหนก็จัดว่าสะดวกมาก เพราะอยู่ใจกลางเมืองอย่างรัชดาภิเษก พระราม 9 ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น New CBD อยู่แล้ว ใกล้อโศก สุขุมวิท ใกล้ห้าง ใกล้ทางด่วน ใกล้โรงเรียน มหาวิทยาลัย ใกล้โรงพยาบาล สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอยู่ในระยะที่พอเดินไปได้แทบทั้งหมด หรือนั่งรถไฟฟ้าก็ไม่กี่สถานีเท่านั้น ความอุดมสมบูรณ์ – อุดมสมบูรณ์มากค่ะย่านนี้ นอกจากร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ใกล้ๆที่ดินโครงการเองและร้านขายยา ขายแว่น ร้านทำผม ร้านอาหาร ร้านอำนวยความสะดวกต่างๆที่มีให้เลือกเยอะมากในรัชดาซอย 19 แล้ว ออกมาถนนรัชดาภิเษกใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT รัชดาภิเษก ขึ้นมาสถานีเดียวลงสถานีสุทธิสาร มีตลาดนัดติดรถไฟ(ตลาดเมืองไทยภัทร) ภายในมีร้านอาหาร แผงอาหาร โรงอาหาร ร้านขายยา คลินิก ร้านเสริมสวย เสื้อผ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย จาก MRT รัชดาภิเษก นั่ง 2 สถานีไปลงสถานีพหลโยธิน ก็ถึงห้างใหญ่ยอดนิยมของคนย่านนี้อย่าง Central ลาดพร้าวและยูเนี่ยนมอลล์ 5 สถานีไปสวนจตุจักร ที่มีทั้งตลาดนัดจตุจักร สวนรถไฟ และห้องสมุดพุทธทาส ให้ไปเดินกันได้สบายๆ จาก MRT รัชดาภิเษก นั่งรถไฟฟ้าไป 3 สถานีถึงห้าง Esplanade และตลาดนัดรถไฟตอนกลางคืนหลังห้าง Esplanade หรือนั่งไป 4 สถานีถึงสถานีพระราม 9 ที่มีห้างขนาบ 2 ฝั่งเลยคือเซ็นทรัลพระราม 9 และฟอร์จูนทาวน์ นอกจากนี้จากโครงการนั่งไป 6 สถานีถึง MRT สุขุมวิท ก็ถึงอโศกแล้วค่ะ มีห้าง terminal 21 และโรบินสัน หรือจะเปลี่ยนไปขึ้น BTS ไปสยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์ ก็เชื่อมต่อกับ BTS ทั้งหมด และสามารถไปถึงจุดต่างๆได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จัดเป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์และสะดวกสบายทีเดียว การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว – สำหรับคนขับรถ ใครอยู่แถวนี้ก็มีความได้เปรียบพอตัว เพราะมีทางให้เลือกใช้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งถนนอโศก – ดินแดง ที่เชื่อมต่อระหว่างย่าน CBD ที่อโศก กับ New CBD อย่างรัชดา – พระราม 9 ของโครงการเองจากที่ตั้งโครงการในซอยรัชดาภิเษก 19 เพราะสามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งรัชดา – วิภาวดี – ลาดพร้าวก็สามารถขับออกไปได้หมด ข้อดีอีกอย่างคือห่างจากจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรีชประมาณ 6.1 กม.เท่านั้นค่ะ จะไปพญาไท หรือต่อมอเตอร์เวย์ไปสุวรรณภูมิก็ง่าย จากถนนรัชดาภิเษกจะออกมาโครงการมาเอสโตรจะอยู่ฝั่งถนนมุ่งหน้าไปลาดพร้าวนะคะ ถ้าจะเข้าเมืองไปอโศก สุขุมวิท จุดกลับรถก็อยู่ไม่ไกล แต่เพราะเป็นทำเลในเมืองที่มีปริมาณรถมาก เวลาเข้าออกมีรถติดบ้างเป็นธรรมดานะคะ ก็ต้องหาทางลัดเลาะกันไปดีๆ สมมติใครอยากเลี่ยงรถติดที่แยกพระราม 9 เราก็สามารถเลี้ยวเข้าถนนถนนวัฒนธรรมไปออกแยกอสมท. ที่ถนนพระราม 9 แต่เลยเส้นแยกพระราม 9 ไปหน่อยได้ค่ะ เรื่องทางลัดเลาะนี่ต้องดูไว้เยอะๆค่ะ ประหยัดเวลาเดินทางให้เราได้มากจริงๆ การเดินทางด้วยรถสาธารณะ–แถวนี้คนไม่ขับรถไปไหนมาไหนง่ายมากค่ะ มีทางเลือกในการเดินทางหลายทางค่ะ รวมถึงจุดเด่นของโครงการที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีรัชดาภิเษก ในระยะประมาณ 650 ม. เป็นระยะที่เดินประมาณ 8 – 10 นาที หรือต่อมอเตอร์ไซค์มาเพียง 2 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้พอออกมาถนนใหญ่รัชดาภิเษกก็มีแท็กซี่และรถเมล์ผ่านตลอด แถมในซอยจะมีรถกะป๊อวิ่งผ่านตลอดทั้งวันด้วย ใครไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศบ่อยๆ จาก MRT รัชดาภิเษก นั่งไป 5 สถานีถึง MRT เพชรบุรี ที่เชื่อมกับแอร์พอร์ตลิงก์มักกะสัน นั่งไปสุวรรณภูมิได้เลย หรือจะนั่งไป 3 สถานีถึง MRT สวนจตุจักร สถานี Interchange กับ BTS หมอชิตไปรถไฟฟ้าบนดินสายสีเขียวได้สบายๆ แถมในอนาคต จาก MRT รัชดาภิเษก นั่งไปเพียงสถานีเดียวถึง MRT ลาดพร้าว Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว -สำโรง สถานีรัชดา – ลาดพร้าว ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จคนในโครงการก็จะมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้นเยอะค่ะ การออกแบบโครงการและวัสดุ– ตัวห้องขายแบบ Fully Fitted คือมีชุดครัวและชุดเฟอร์นิเจอร์ Built in มาให้ ซึ่งสเป็คมาสวยทั้งคู่และถ้าเทียบกับราคาและทำเลกับคอนโดอื่นๆในโซนเดียวกันก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีและมีความใส่ใจในรายละเอียด ชุดครัวเป็นหน้าบานเมลามีนลายไม้ สุขภัณฑ์ Hafele มีฉากกั้นห้องน้ำเป็นกระจกเทมเปอร์แต่ฝักบัวเป็นแบบธรรมดาไม่มี Rain Shower นะคะ ออกแบบและเลือกวัสดุมาเป็นอย่างดี และเตรียมงานระบบสำหรับเครื่องทำน้ำร้อนมาให้เรียบร้อย และฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร ดรอปฝ้าลงมาบางส่วนสูง 2.2 m. พื้นเป็นลามิเนต 8 มม.กับแกรนิตโต้ 60 x 60 cm. สิ่งอำนวยความสะดวก –เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise 8 ชั้น 4 อาคารพักอาศัย/ 8 ชั้น + 1 ชั้นใต้ดิน (ชั้นใต้ดินมีเฉพาะ B และ C), 1 อาคารส่วนกลาง (คลับเฮาส์)/ 3 ชั้น จำนวนยูนิต 560 ยูนิต โดยพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้นล่างที่คอร์ตตรงกลางโดยมีอาคารทั้งสามล้อมรอบ มีข้อดีคือเรื่องของความเป็นส่วนตัวคนภายนอกไม่สามารถมองเห็น การใช้งานมีความต่อเนื่อง และการออกแบบมีคอนเซ็ปแบบแนว CLASSIC INSPIRED MODERN TWIST ที่เห็นได้ค่อนข้างชัด ตั้งแต่เปลือกอาคาร การตกแต่งผนัง ประตู หน้าต่าง Lobby ไล่ไปจนถึงสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส และรั้วพุ่มต้นไม้ที่เป็นลู่วิ่งรอบโครงการ พื้นที่ส่วนกลางมี Lobby, swimming pool, พื้นที่สีเขียวและลานพักผ่อนข้างสระ, ห้องฟิตเนส, Steam&Sauna, Library, Co-Working Space, Barbecue Party & Wine Bar, Chill Out Area, สวนหย่อมรอบโครงการ ที่จอดรถรวมซ้อนคันประมาณ 63% ของจำนวนยูนิตโครงการ พร้อมระบบการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ซึ่งก็นับว่าจัดมาให้เยอะทีเดียวค่ะ ก็ต้องรอดูตอนโครงการเสร็จค่ะว่าจะทำออกมาได้สวยน่าใช้งานขนาดไหน และจุดเด่นอีกอย่างคือเป็นโครงการแบบ Pet Friendly หรือคอนโดมิเนียมที่เลี้ยงสัตว์ได้ด้วย คะแนน
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Tel : 02-116-1111 Website : http://www.mde.co.th/ หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ |
คอน โด มา เอ ส โต ร 19
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
ลิขสิทธิ์ © 2024 th.ketajaman Inc.
