รายชื่อภาษา Show อาฟรีกานส์, แอลเบเนีย, อัมฮารา, อาหรับ, อาร์มีเนีย, อัสสัม, อาเซอร์ไบจาน, เบงกอล (บังกลาเทศ), เบงกอล (อินเดีย), บาสก์, เบลารุส, บอสเนีย, บัลแกเรีย, คาตาลัน, เคิร์ดกลาง, เชอโรคี, จีน (ประยุกต์), จีน (ดั้งเดิม), โครเอเชีย, เช็ก, เดนมาร์ก, ดารี - เปอร์เซีย (อัฟกานิสถาน), ดัตช์, เยอรมัน, กรีก, อังกฤษ (สหราชอาณาจักร), อังกฤษ (สหรัฐ), เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฟิลิปีโน, ฝรั่งเศส (แคนาดา), ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส), กาลิเซีย, จอร์เจีย, คุชราต, เฮาซา, ฮีบรู, ฮินดี, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, อิกโบ, อินโดนีเซีย, ไอริช, อิตาลี, ญี่ปุ่น, กันนาดา, คาซัค, เขมร, คีเช, คินยาร์วานดา, กอนกานี, เกาหลี, คีร์กีซ, ลาว, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, มาซิโดเนีย, มลายู, มาลายาลัม, มอลตา, เมารี, มราฐี, มองโกเลีย, เนปาล, โซโทเหนือ, นอร์เวย์ (บ็อกมาล), นอร์เวย์ (ไนนอสก์), โอเดีย, เปอร์เซีย (อิหร่าน), ปัญจาบ (อาหรับ), ปัญจาบ (กูร์มูคี), โปแลนด์, โปรตุเกส (บราซิล), โปรตุเกส (โปรตุเกส), เคชวา, โรมาเนีย, รัสเซีย, เกลิกสกอต, เซอร์เบีย (ซิริลลิก บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา), เซอร์เบีย (ซิริลลิก เซอร์เบีย), เซอร์เบีย (ละติน), สินธิ (อาหรับ), สิงหล, สโลวัก, สโลวีเนีย, สเปน (สเปน), สเปน (เม็กซิโก), สวาฮีลี, สวีเดน, ทาจิก, ทมิฬ, ตาตาร์, เตลูกู, ไทย, ทิกรินยา, เซ็ตสวานา, ตุรกี, เติร์กเมน, ยูเครน, อูรดู, อุยกูร์, อุซเบกิสถาน, วาเลนเซีย, เวียดนาม, เวลส์, โวลอฟ, โคซา, โยรูบา, ซูลู Microsoft เปิดให้ผู้ใช้งานอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งหากนับถึงวันที่เขียนบทความนี้ Windows 11 ก็เพิ่งมีอายุได้ครบปีพอดี และล่าสุดเพิ่งมีการปล่อยอัปเดตครั้งใหญ่เวอร์ชัน 22H2 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ สมการรอคอยเพียบ แถมขุดฟีเจอร์เก่า ๆ ที่เคยหายไปจาก Windows 10 กลับมาด้วยทั้ง drag & drop, พรีวิวหน้าโฟลเดอร์ ทำให้คนใช้อยู่นี่ไม่ต้องลังเลกันเลยว่าจะอัปหรือไม่อัปดี อย่างไรก็ดี ไม่ใช่คอมทุกเครื่องจะมีสิทธิ์ได้อัปใช้เวอร์ชันใหม่นี้ เพราะอย่างที่ทราบกันว่าคอมเครื่องไหนจะใช้งาน Windows 11 ได้ จำเป็นต้องผ่านเงื่อนไขสำคัญ 4 ข้อที่ Microsoft กำหนดไว้ ได้แก่
ปัจจุบันเชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้คอมเก่าสเปคไม่ผ่านขั้นต่ำนี้อยู่ แต่ก็ยังพยายามหาวิธีทำให้เครื่องตัวเองลง Windows 11 ให้ได้ ผ่านการงัดกลยุทธ์ต่าง ๆ มาใช้ เช่น สร้างไฟล์ ISO ติดตั้ง Windows ที่มีการปรับแต่งไฟล์ภายในให้สามารถ bypass รุ่นซีพียูหรือ TPM 2.0 ได้ ซึ่งพอเอามาลงแบบ clean install ก็ปรากฏว่าใช้งานได้จริง ฟีเจอร์ทุกอย่างมาครบ แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือ อัปเกรดเป็นเวอร์ชันใหม่ ๆ ไม่ได้ เรื่องนี้ Microsoft เคยมีการออกมาพูดถึงแล้วว่าจริง ๆ ไม่ได้ปิดกั้นการลง Windows 11 บนฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า (Unsupported Hardware) ยังสามารถลงได้ปกติ เพียงแต่หากเวอร์ชันใหญ่ ๆ มาถึงเครื่องจะไม่มีการขึ้นให้อัปบน Windows Update (ได้เฉพาะแพตช์ความปลอดภัย) พูดง่าย ๆ ว่าอัปเดตใหญ่มันเทียบเท่ากับการข้ามรุ่นจาก Windows 10 มา 11 เลย ถ้าใครอยากอัปก็ต้องไปใช้วิธีลงแบบ clean install ผ่านแฟลชไดรฟ์เหมือนเดิม ซึ่งจะทำให้ไฟล์หาย และพอรุ่นใหญ่ครั้งหน้ามาอีกก็ต้องใช้วิธีนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม หากเราต้องยอมรับชะตากรรมอย่างที่ว่ามาจริง ๆ วันนี้ก็คงไม่เกิดบทความนี้ขึ้นมา เพราะล่าสุดทีมงานได้ค้นพบวิธีที่จะทำให้คอมเก่าที่ลง Windows 11 เวอร์ชันแรกไว้ สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 เวอร์ชันใหม่ 22H2 ได้แล้ว โดยที่ไฟล์ยังอยู่ครบเหมือนเดิม ใช้งานฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าเหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้เท่านั้น เพราะเราไม่มีทางรู้ได้ว่าเครื่องไหนลงไปแล้วจะเจอปัญหาด้านความเสถียรรึเปล่า เอาเป็นว่าใครพร้อมก็ตามมาดูวิธีกันได้เลยครับ ขั้นตอนการอัปเกรด Windows 11 เวอร์ชันใหม่บนคอมเก่า
ปัญหาที่พบเจอบนบางเครื่อง ทำให้ติดตั้งไม่ได้1. กดเลือก Keep personal files and apps ไม่ได้กรณีที่กดเลือก Keep personal files and apps ไม่ได้ในขั้นตอนที่ 8 เกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัย ข้อแรกคือไฟล์ ISO
ที่นำมาใช้ลงนี้ไม่ได้เป็นเวอร์ชันภาษาเดียวกับที่ใช้ติดตั้งในเครื่องครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ไฟล์ ISO อื่นที่หาโหลดมาเอง (ต้องสร้างจากขั้นตอนที่ 3 เท่านั้น) แต่หากทำตามแล้วก็ยังเป็นอยู่ ก็อาจเกิดจากปัจจัยที่ 2 คือภาษาของ Windows ถูกติดตั้งไว้เป็นแบบ Multi-language คือยังไม่ได้เลือกภาษาประจำเครื่องให้ชัดเจน ฉะนั้นเราต้องไปตั้งค่าเลือกให้ก่อน โดยเริ่มจากเข้าไปเช็คว่าใช่กรณีนี้จริง ผ่าน Command Prompt ให้คลิกขวาเปิด cmd ขึ้นมาแบบ Run as Administrator จากนั้นพิมพ์คำสั่ง DISM /online /get-intl และกด Enter เครื่องที่เจอกรณีนี้จะแสดงออกมาว่ามีภาษาติดตั้งไว้พร้อมกันมากกว่า 1 ภาษาขึ้นไป ฉะนั้นเราต้องเลือกให้เหลือ 1 (แนะนำให้ใช้เป็น en-US เพื่อความง่าย) โดยเข้าไปเปลี่ยนที่หน้า Windows Recovery Environment ข้างนอก วิธีเปิดให้คอมบูตเข้าโหมด Windows Recovery Environment ก็คือ กดปุ่ม Shift ค้างก่อนกดปุ่ม Restart เครื่อง เมื่อเปิดกลับมาอีกครั้งก็จะเป็นเมนูหน้าสีฟ้า กดเลือก Troubleshoot > Advanced options > Command Prompt (ต่อด้วยกด Skip this drive หากมี) เมื่อหน้า Command Prompt โชว์ขึ้นมา ให้พิมพ์คำสั่ง DISM /image:C: /set-uilang:en-US แล้วกด Enter เครื่องก็จะเลือกภาษาเดียวให้เรียบร้อย เสร็จแล้วกาออกจาก Command Prompt ย้อนกลับมาหน้าแรกแล้วกด Continue เพื่อเข้าหน้า Desktop ปกติ จากนั้นก็ลองทำตามขั้นตอนที่ 8 ดูอีกรอบว่าหายมั้ย 2. Setup ขึ้นฟ้องว่าพื้นที่อาจไม่พอ ทั้ง ๆ ที่เหลือเยอะอยู่กรณีนี้เกิดขึ้นในขั้นตอนที่ 8 เหมือนกันแต่เป็นช่วงท้าย คือมีหลายคนโดนขึ้นฟ้องว่าตรวจสอบไม่ได้ว่ามีพื้นที่เพียงพอรึเปล่า ทั้ง ๆ ที่เหลือเผื่อไว้แล้วถึง 40-50 GB (พอต่อการลง Windows แน่ ๆ) ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุอะไร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คนส่วนมากที่เจออาการนี้มีร่วมกันคือ ใช้ SSD ความจุ 128 GB ในการลง Windows อยู่ ซึ่งเดาว่าอาจไปมีผลกับการตรวจสอบของตัว Setup ที่อยากให้เหลือเผื่อเยอะกว่านี้ไว้ก่อน (กันเหนียว) ไม่ก็เป็นบั๊กตรวจสอบที่ Microsoft ยังไม่ได้แก้ไข กรณีแบบนี้จึงแนะนำให้ใช้ SSD ความจุ 256 GB ขึ้นไปในการลง Windows 11 ดีกว่าถึงจะเหมาะสมที่สุดครับ โอเค ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับกับขั้นตอนการอัปเกรด Windows 11 เวอร์ชัน 22H2 บนคอมรุ่นเก่าที่ไม่ฮาร์ดแวร์รองรับแล้ว เชื่อว่าถ้าเวอร์ชันปีหน้ามาอีก หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะยังใช้วิธีนี้อัปได้อยู่ (แต่ถ้าไม่ได้แล้วจะมาแนะนำอันใหม่ให้นะถ้ามี) ส่วนตัวใช้งานเองตอนนี้รู้สึกว่ายังไม่เจอปัญหาผิดปกติอะไร แต่ถ้าให้แนะนำจริง ๆ ก็ยังไม่อยากให้ทำบนเครื่องหลักที่ใช้งานประจำ เพราะยังไงมันก็ไม่ official มีความเสี่ยงเยอะที่จะเจอบั๊ก การกลับไปใช้ Windows 10 ยังคงเป็นทางเลือกที่อุ่นใจกว่าครับ |