ยา คุม ฉุกเฉิน 1 เม็ด กัน ได้ ไหม

ยา คุม ฉุกเฉิน 1 เม็ด กัน ได้ ไหม

ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในประเทศไทยมักพบบ่อยในชื่อการค้าว่าโพสตินอร์, มาดอนน่า, แมรี่พิงก์ มีจำนวน 2 เม็ด แต่ละเม็ดมียาลีโวนอร์เจสเตรล 0.75 มิลลิกรัม และแบบใหม่ 1 เม็ด ซึ่งจะมีลีโวนอร์เจสเตรล 1.5 มิลลิกรัม มีประสิทธิภาพดีไม่แตกต่างจากแบบ 2 เม็ด แต่ให้ความสะดวกกว่าไม่ต้องแบ่งเวลากิน เป็นการวิธีการคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ในกรณีฉุกเฉินเพื่อลดโอกาสท้อง เช่น ไม่ได้คุมด้วยวิธีใดๆ เลย คุมแล้วพลาด ไม่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น

วิธีการกินที่ถูกต้อง คือ กินยาให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยกินพร้อมกันทั้งสองเม็ด หรือกินทีละเม็ดห่างกัน 12 ชม. หรือภายใน 120 ชม.

5 เหตุผลที่ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนวิธีการคุมกำเนิดปกติ

1) ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เมื่อเทียบกับวิธีคุมกำเนิดอื่นๆ ถือเป็นการคุมกำเนิดที่ประสิทธิภาพต่ำมาก และไม่ควรใช้ติดต่อกัน

2) ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีปริมาณฮอร์โมนที่สูงมาก สูงกว่ายาคุมปกติ อาจมีอาการข้างเคียง และอาการผิดปกติต่างๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ประจำเดือนคลาดเคลื่อน เลือดออกกะปริดกะปรอย

3) ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ยิ่งใช้บ่อย ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดจะต่ำลงไปเรื่อยๆ นั่นหมายถึงโอกาสท้องก็เพิ่มมากขึ้น

4) ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มีหน้าที่การป้องกันท้องโดยการยับยั้งไข่ตก ทำให้การเคลื่อนตัวของอสุจิช้าลง ขัดขวางการฝังตัวอ่อน นั่นหมายความว่า ถ้ากินยาฉุกเฉินหลังไข่ตก ก็แทบจะไม่มีผลอะไรเลยที่จะป้องกัน

5) ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ และทางเลือกที่ดีกว่าในการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ ถุงยางอนามัย ยาเม็ดคุมกำเนิดรายเดือน ยาฝังคุมกำเนิด ห่วงอนามัย เป็นต้น

รู้หรือไม่ว่า… สิทธิประโยชน์อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเลือกในการคุมกำเนิด คือการใช้ยาฝังคุมกำเนิดและห่วงอนามัย โดยประชาชนไทยเพศหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ทุกสิทธิ ที่อยู่ในภาวะหลังคลอด หรือต้องการคุมกำเนิด และผู้หญิงทุกช่วงวัยหลังยุติการตั้งครรภ์ สามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ รพ.รัฐและ รพ.เอกชนที่เข้าร่วมระบบ 30 บาท หรือสอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วน สปสช. โทร.1330 ดูรายละเอียดสถานบริการสุขภาพที่มีบริการคุมกำเนิด ยาฝัง ห่วงอนามัย ได้ที่ : https://rsathai.org/healthservice

2 คำถามยอดฮิตที่พบบ่อย โดยลุงหมอเรืองกิตติ์

1. เพิ่งกินยาคุมฉุกเฉินเมื่อ 2 วันก่อน แล้ววันนี้มีเพศสัมพันธ์อีกควรกินอีกไหม?

คำตอบ ความจริงคือ ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน 1 ชุด เมื่อกินแล้วจะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ครอบคลุมการร่วมเพศเกิน 1 ครั้ง พูดง่ายๆ คือจะป้องกันจากการมีเพศสัมพันธ์ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้น ต้องกินยาคุมฉุกเฉินอีกครั้ง แต่หมอขอแนะนำว่าครั้งต่อไปถ้าวางแผนจะมีเพศสัมพันธ์กัน ควรใช้ถุงยางอนามัย หรืองดเพศสัมพันธ์รอจนกว่าผู้หญิงจะกินยาเม็ดคุมกำเนิดแบบ 21 หรือ 28 เม็ด หรือได้ฉีดยาคุมกำเนิดแล้ว เหตุผลก็เป็นเพราะวิธีดังกล่าวมีประสิทธิภาพป้องกันได้ดีกว่านั่นเอง

ทั้งนี้ ยาคุมฉุกเฉินจะมีฤทธิ์ยับยั้ง หรือชะลอการเจริญของถุงรังไข่หรือการแตกของถุงรังไข่ หากกินช่วงตกไข่พอดีจะป้องกันไม่ได้ หรืออาจโชคดีไม่ท้องเนื่องจากร่วมเพศหลังการตกไข่ไปแล้วมากกว่า 24 ชั่วโมง ถ้ามีเพศสัมพันธ์ 2 ครั้งภายในหนึ่งวันสามารถ จะกินยาคุมฉุกเฉิน 1 ครั้งหลังจากนั้น กรณีที่ไม่มีประจำเดือนมาตามปกติภายในสามสัปดาห์หลังกินยา ควรตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ตั้งครรภ์

2. มีอะไรกับแฟนเมื่ออาทิตย์ก่อน แบบไม่ใส่ถุงยาง พอมีอะไรกันเสร็จแล้วเราก็ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินแบบใหม่ที่มีเม็ดเดียวมา กินหลังจากนั้น 30 นาที แต่ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วประจำเดือนยังไม่มา จะท้องไหม ?

คำตอบ ผู้หญิงหนึ่งร้อยคนที่มีเพศสัมพันธ์หนึ่งครั้ง (แบบที่ว่าไม่ได้ป้องกันอะไรเลย) ก็จะพบการตั้งครรภ์ 8 คน แต่ถ้าใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีการตั้งครรภ์ลดเหลือ 1-3 คน แต่ควรใช้เฉพาะฉุกเฉินเท่านั้น อย่าใช้คุมกำเนิดระยะยาว เป็นประจำ หรือซ้ำๆ บ่อยๆ อันนี้ลุงหมอขอเน้นนะครับ เพราะยาจะช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ให้น้อยลงเท่านั้น ยิ่งใช้เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้ผล เหมือนผู้ที่ถามมารายนี้กินเร็วหลังมีเพศสัมพันธ์ 30 นาที สามารถใช้ได้ภายใน 5 วันหรือ 120 ชั่วโมงหลังเพศสัมพันธ์ได้ผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 52-94%

คำถามที่พบบ่อยโดย นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล

โฆษณา

ยา คุม ฉุกเฉิน 1 เม็ด กัน ได้ ไหม

ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน  ( emergency contraceptive pills, morning-after pills ) เป็นยาเม็ดฮอร์โมนที่มีขนาดสูง ใช้สำหรับรับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ การคุมกำเนิดวิธีนี้จะให้ประสิทธิภาพภายใน 2 – 3 วัน โดยจะไปรบกวนการตกไข่ หรือรบกวนการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิแต่หากได้รับการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนแล้ว จะไม่สามารถป้องกันได้    

ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน  ( emergency contraceptive pills, morning-after pills ) เป็นยาเม็ดฮอร์โมนที่มีขนาดสูง ใช้สำหรับรับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ การคุมกำเนิดวิธีนี้จะให้ประสิทธิภาพภายใน 2 – 3 วัน โดยจะไปรบกวนการตกไข่ หรือรบกวนการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิแต่หากได้รับการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนแล้ว จะไม่สามารถป้องกันได้

ข้อบ่งชี้ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน

  1. หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
  2. ถูกข่มขืน (Sexual assault)
  3. ใช้การคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งมีโอกาสล้มเหลว เช่น ถุงยางแตก หลุด หรือ ใส่ไม่ถูกต้อง
  4. ลืมกินยาคุมกำเนิด
    • ชนิดฮอร์โมนรวมตั้งแต่ 3 เม็ด
    • ชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินชนิดเดี่ยวลืมทานเกินเวลา 3 ชั่วโมง จากเวลาเดิมที่ทานประจำ หรือเกิน 27 ชั่วโมง จากเม็ดก่อนหน้า
    • ชนิด desogestrel-containing pill (0.75 mg) มากกว่า 12 ชั่วโมง จากเวลาทานปกติ หรือเกิน 36 ช่วงโมง จากเม็ดที่ทานก่อนหน้า
  5. เลยกำหนดฉีดยาคุมกำเนิด
    • มากกว่า 2 อาทิตย์ ชนิด norethisterone enanthate (NET-EN)
    • มากกว่า 4 อาทิตย์ ชนิด depot-medroxyprogesterone acetate (DMPA)
    • มากกว่า 7 วัน ชนิด combined injectable contraceptive (CIC)
  6. diaphragm or cervical cap หลุด ขาด หรือแตก ก่อนเอาออก
  7. ล้มเหลวในวิธีการหลั่งข้างนอก เช่น หลั่งในช่องคลอด หรือ อวัยวะเพศด้านนอก
  8. คำนวณวันเว้นมีเพศสัมพันธ์พลาด
  9. ห่วงคุมกำเนิดหลุด หรือยาฝังหลุด

ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน

  • ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อได้ ไม่สามารถป้องกันโรคจากเพศสัมพันธ์ได้ หากต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรสวมถุงยางอนามัย
  • ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง ยาคุมฉุกเฉินเป็นเพียงการป้องกันการตั้งครรภ์  และต้องได้ยาเข้าไปในร่างกายก่อนที่จะมีการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก เแต่หากไข่ที่ผสมกับอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกไปแล้ว ยานี้จะไม่มีผลอะไรกับการตั้งครรภ์
  • ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลข้างเคียงสูงมาก ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะออกฤทธิ์ต่อสภาพแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก จึงมีผลต่อฮอร์โมนและทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวผู้ใช้ เช่น มีประจำเดือนผิดปกติ คลื่นไส้อาเจียน และหากกินบ่อยๆ อาจมีผลกับร่างกาย เช่น เสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูกได้
  • มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องว่ายาคุมฉุกเฉินอาจทำให้ทารกพิการได้หากรับประทานไปโดยไม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ทั้งนี้ ไม่มีรายงานว่าพบทารกพิการจากมารดาที่รับประทานยาโดยที่ไม่ทราบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์
  • การรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้น จึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด
  • มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องว่าใช้ยาคุมฉุกเฉินเพื่อคุมกำเนิดระยะยาวได้ ดังนั้นหากสามีภรรยาที่ยังไม่พร้อมมีบุตรแต่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว มีวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่าเช่น การรับประทานยาคุมกำเนิดแบบปกติชนิดเม็ด โดยรับประทานทุกวันวันละ 1 เม็ด  นอกจากนี้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นประจำจะพบอาการข้างเคียงสูง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออกกะปริดกะปรอย รวมทั้งพบความเสี่ยงในการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกเพิ่มขึ้น
  • ยาคุมฉุกเฉินไม่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ครั้งใหม่ และไม่มีผลทำให้การตั้งครรภ์ครั้งถัดไปช้าลง
  • ถ้ามีอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง ควรทานยาซ้ำ ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยวชนิดโปรเจสตินนิยมมากกว่าชนิดฮอร์โมนรวม เนื่องจากมีคลื่นไส้อาเจียนน้อยกว่า ยังไม่แนะนำให้ทานยาแก้อาเจียนทุกครั้งที่ทานยาคุมฉุกเฉิน

วิธีคุมกำเนิดฉุกเฉิน

  1. Ulipristal acetate (UPA) ทาน 1 เม็ดครั้งเดียว (30 mg) มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดฉุกเฉินสูงกว่า Levonorgestrel ถึงแม้จะรับประทานยาล่าช้าออกไปจนถึง 120 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ UPA ยังสามารถต้านการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้วได้โดยออกฤทธิ์รบกวนการเตรียมความพร้อมของเยื่อบุมดลูก ในขณะที่ levonorgestrel ไม่มีผลดังกล่าว ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย
  2. ยาเม็ดฮอร์โมนเดียวโพรเจสโตเจน (75 mg) 2 เม็ด ทานห่างกัน 12 ชั่วโมง เม็ดแรกทันทีหรือไม่เกิน 72 ชั่วโมง ยี่ห้อที่มีขายในประเทศไทย เช่น Madonna, Postinor, Mary Pink หรือรับประทาน levonorgestrel 1.5 mg ครั้งเดียวมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์และอาการข้างเคียงไม่แตกต่างกัน
  3. ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (100 μg of ethinyl estradiol + 0.50 mg of LNG) 2 เม็ด ทานห่างกัน 12 ชั่วโมง (Yuzpe method) เช่น ใช้ยาคุมกำเนิดยี่ห้อYasmin ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน 30 ไมโครกรัม ต่อ 1 เม็ด เพราะฉะนั้นให้กินครั้งละ 4 เม็ด อีก 12 ชั่วโมง
  4. การใส่ห่วงคุมกำเนิดทองแดงไม่เกิน 5 วัน หลังมีเพศสัมพันธ์ วันหลังการร่วมเพศซึ่งช่วยการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 99 มีการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการป้องกันการตั้งครรภ์ของการทานฮอร์โมนlevonorgestrel 0.75 mg (LNG) กับวิธี Yuzpe โดยให้รับประทาน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง เช่นกัน พบว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีตัวยา LNG เดี่ยวๆ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ร้อยละ 85 (74 – 93) ในขณะที่ยาคุมกำเนิดที่มีตัวยาผสมระหว่าง estrogen กับ progestin (Yuzpe method) ป้องกันได้เพียงร้อยละ 57 (39 – 71) ดังนั้นการใช้ฮอร์โมน LNG จึงเป็นที่นิยมมากกว่าในปัจจุบัน แต่มีการศึกษาพบว่าน้ำหนักและค่า body mass index (BMI) มีผลต่อประสิทธิภาพยาคุมกำเนิดฉุกเฉินชนิด LNG เดี่ยวๆ โดยในหญิงที่มีน้ำหนักมากกว่า 75 กิโลกรัมมีความเสี่ยงที่จะคุมกำเนิดฉุกเฉินล้มเหลวสูงกว่าคนที่น้ำหนักน้อยกว่าประมาณ 5 เท่า และในหญิงที่มีค่า BMI มากกว่า 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า ดังนั้นสตรีที่มีน้ำหนักเกินจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ จึงควรรีบรับประทานให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์

ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน

  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • คลื่นไส้ อาเจียน และรู้สึกพะอืดพะอม
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดท้อง มีอาการปวดท้องคล้ายกับตอนมีประจำเดือนได้
  • เสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูก

ผู้ที่ห้ามใช้ยาคุมกำเนิด

  • มะเร็งของอวัยวะภายในของผู้หญิง และมะเร็งเต้านม
  • โรคตับเฉียบพลันหรือตับแข็ง มะเร็งตับ
  • เคยหรือเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ความดันโลหิตสูง
  • โรคลิ่มเลือดอุดตัน
  • โรคลมชัก ที่รับประทานยากันชัก
  • โรคเบาหวาน ที่มีภาวะไตทำงานผิดปกติ หรือมีภาวะหลอดเลือดผิดปกติ
  • อายุมากกว่า 35 ปีสูบบุหรี่จัด
  • อ้วน มีไขมันในเลือดสูง
  • เป็นไมเกรนชนิดที่มีอาการเตือน (Migraine with aura)

แม้ว่ายาคุมฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะถ้าทานเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ทันที แต่ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนการคุมกำเนิดปกติ แม้ยาจะปลอดภัยก็ตาม เพราะขนาดของฮอร์โมนที่สูง ผลข้างเคียงของยา ตลอดจนความผิดปกติของรอบเดือนที่เกิดขึ้น อาการปวดเกร็งช่องท้องน้อย รวมทั้งไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้น ควรเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และหลังการใช้หากประจำเดือนมาไม่ปกติ ขาดประจำเดือน เลือดออกไม่หยุด หรือปวดท้องไม่ดีขึ้น ควรรีบมาพบแพทย์

ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนการคุมกำเนิดปกติ ควรใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น

  • โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ เสรีรักษ์
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ กาญจนบุรี

 154,081 total views,  46 views today