On which at which ม ความหมายเหม อนก บคำว า when

ถ้าพูดถึงประโยคที่ใช้ทักทายเป็นภาษาอังกฤษเพื่อถามว่า เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย หลาย ๆ คนน่าจะนึกถึง Hi, how are you? เป็นอันดับแรกใช่มั้ยล่ะคะ แต่จริง ๆ แล้วเรามีคำทักทายภาษาอังกฤษคำอื่น ๆ ที่เราสามารถใช้แทนประโยคนี้ได้ ความหมายก็เหมือนกันเป๊ะ ๆ และเป็นคำที่เจ้าของภาษาเค้าใช้กันบ่อย ๆ ด้วยค่ะ

วันนี้ Hotcourses Thailand แวะเอาคำทักทายภาษาอังกฤษหลาย ๆ แบบมาฝากกัน จะได้นำไปใช้กันได้นะคะ

คำทักทายที่ใช้แทนคำว่า How are you? แบบไม่เป็นทางการ

  • How’s everything?
    • คำทักทายที่ได้ยินกันบ่อย ส่วนใหญ่เป็นการถามไถ่จากเพื่อนหรือคนที่ทำงานที่ไม่ได้เป็นทางการมากค่ะ
  • How’s it going?
    • อีกหนึ่งคำที่ความหมายเช่นเดียวกับ How are you? ได้ยินแล้วไม่ต้องงงค่ะว่าเค้าถามว่าอะไร เอ๊ะ นี่เค้าถามว่าเราจะไปไหนรึเปล่า เปล่าเลยค่า อันนี้ก็คือถามว่าเป็นยังไงบ้างนั่นแหละค่ะ
  • How are things?
    • อันนี้ตรงๆตัว เป็นยังไงบ้าง ทุกอย่างโอเคมั๊ย
  • What’s up?
    • คำนี้ เพิ่งมาฮิตเมื่อปี 2001 นี่เองค่ะ แต่เรียกได้ว่าใช้กันอย่างแพร่หลายเลยล่ะค่ะ
  • How are you doing?
    • คำนี้หลายๆคนได้ยินแล้วอาจจะสับสน เอ๊ะ เค้าถามว่าชั้นกำลังทำอะไรอยู่รึเปล่านะ และจะต้องตอบว่ายังไง ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ คำนี้ก็คือเหมือน How are you? นั่นเอง ประมาณว่า เธอเป็นไงมั่งช่วงนี้
  • What’s new?
    • คำนี้ใช้กันบ่อยในอเมริกามากกว่าฝั่งอังกฤษค่ะ แต่บางทีก็เคยได้ยินคนอังกฤษพูดเหมือนกันนะคะ
  • You all right?
    • คำนี้เจอบ่อยม๊ากกกในประเทศอังกฤษค่ะ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นคำทักทายติดปากของคนที่นี่กันเลย บางคนเวลาพูดอาจจะย่อให้สั้นลงไปอีก เป็น All right? เวลาได้ยินแรกๆ อาจจะไม่คุ้นหูและงงๆว่าเค้าถามอะไรกันแน่ จริงๆก็คือถามว่าเป็นไงมั่ง ทุกอย่างโอเคมะ ซึ่งเวลาเราตอบ ก็ตอบปกติเลยค่ะว่า I’m good, thanks.

คำทักทายที่ใช้แทนคำว่า How are you? แบบเป็นทางการ

  • How have you been?
    • คำนี้เห็นกันบ่อยๆเวลาเขียนอีเมล์ที่ทำงาน หรือส่งอีเมล์หาอาจารย์ค่ะ ส่วนใหญ่ใช้ในเวลาที่ไม่ได้เจอกันมานาน
  • How are things going?
    • คำนี้อาจจะใช้กับคนที่เราพูดคุยบ่อยขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังถือว่าออกแนวทางการได้อยู่ค่ะ

การตอบว่าสบายดี นอกจาก I'm fine, thank you and you? สามรถตอบยังไงได้บ้าง

ปกติเราก็จะท่องคำตอบกันว่า I’m fine, thank you and you? ใช่มั๊ยคะ แต่จริงๆแล้ว ยังมีอีกหลายคำที่ใช้ได้เลยค่ะ เช่น

ในแกรมม่าภาษาอังกฤษ เรื่องที่หลาย ๆ คนชอบสับสนและใช้ผิดอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ Adverb ค่ะ ซึ่งปัญหาใหญ่ ๆ เลย คือ ไม่รู้จะวางไว้ตำแหน่งไหนของประโยค หรือแยกไม่ออกว่าคำศัพท์ตัวไหนเป็น Adverb วันนี้ Globish จะพาไปหาคำตอบเองค่ะ ว่า Adverb คืออะไร? มีกี่ประเภท? ต่างจาก Adjective อย่างไร? วางไว้ตรงไหนของประโยคดี?

Adverb คือ คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยาย Verb, Adjective, Adverb และประโยค เพื่อให้รู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไร จุดเด่นของ Adverb ที่ใครเห็นก็ต้องรู้ว่าเป็น Adverb นั่นก็คือ การลงท้ายด้วย -ly ค่ะ ซึ่งคำศัพท์ประเภท Adverb เกิดจาก Adjective + -ly นั่นเอง เช่น quick + ly = quickly

ถ้าอยากเก่งอังกฤษยิ่งขึ้นไปอีก สามารถดูวิธีการพัฒนาภาษาได้ที่ คลิก

5 ข้อต้อง "ข้าม" เมื่อเริ่มฝึกภาษาอังกฤษ

ฝึกจับใจความภาษาอังกฤษ ด้วยทฤษฎี GTM

Adverb ใช้ยังไง? ขยายอะไรได้บ้าง?

On which at which ม ความหมายเหม อนก บคำว า when

1. ใช้ขยายคำกริยา เพื่อให้รู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไร เช่น บอกความบ่อย ความเร็ว

เช่น

He run quickly.

เขาวิ่งอย่างรวดเร็ว

The gardener slowly began to water the garden.

คนสวนค่อย ๆ เริ่มรดน้ำต้นไม้

2. Adverb ใช้ขยาย Adjective ในขณะที่ Adjective ใช้ขยายคำนาม

เช่น

She is truly beautiful.

เธอสวยจริง ๆ

The surprisingly young violinist plays well.

นักไวโอลินที่เด็กจนน่าตกใจเล่นได้ดีมาก

3. ใช้ขยาย Adverb หรือคำกริยาวิเศษณ์

เช่น

I love cooking very much. (very เป็น Adv. ขยาย much ที่เป็น Adv.)

ฉันรักการทำอาหารมาก ๆ

The young musician plays rather well

นักดนตรีหนุ่มเล่นค่อนข้างดี

4. ใช้ขยายประโยค

เช่น

Apparently they are getting married soon.

เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขากำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้

Thankfully, he wasn’t injured in the accident.

โชคดีมากที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ระวัง! 28 คำศัพท์ที่มีรูป Adjective และ Adverb เหมือนกัน

On which at which ม ความหมายเหม อนก บคำว า when

5 ตำแหน่งหลักของ Adverb

1. ถ้าในประโยคที่ Verb เพียงตัวเดียว สามารถใส่ Adverb ไว้ข้างหน้าประโยค (เพื่อเน้น Adverb) หรือข้างหลังประโยคก็ได้

เช่น

Finally, he decided what to do.

ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไร

I’m sure that we’ll succeed eventually.

ฉันแน่ใจว่าเราจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด

2. ถ้าในประโยคที่ Verb เพียงตัวเดียว สามารถวาง Adverb ไว้หน้าหรือหลังคำกริยาที่ Adverb ตัวนั้นขยาย

เช่น

He lifted the baby gently out of its cot.

เขาอุ้มทารกขึ้นมาจากเปลอย่านุ่มนวล

He finally decided what to do.

ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไร

3. Hard, Fast, Well และ Badly วางหลังคำกริยาเท่านั้น

เช่น

I thought he was treated very badly.

ฉันรู้สึกว่าเขาได้รับการปฏิบัติแบบไม่เป็นธรรม

I think I know you well, but it’s not.

ฉันคิดว่าฉันรู้จักคุณดี แต่ไม่เลย

4. วาง Adverb หลัง Verb to be และ Verb to have

เช่น

The house was totally destroyed by the volcano.

I have already shipped the parcel.

ผมได้ส่งพัสดุไปแล้ว

She was extremely sad because of her grandfather’s death.

เธอเศร้ามากเพราะการจากไปของคุณปู่ของเธอ

He is very highly thought of within the company.

เขาถูกชมเชยเป็นอย่างมากภายในบริษัท

This argument has been repeatedly rejected by the manager.

ข้อโต้แย้งครั้งนี้ถูกปฏิเสธอีกครั้งโดยผู้จัดการ

5. ถ้าในประโยคมี Verb ช่วยหลายตัว ให้วาง Adverb หลังกริยาช่วยตัวแรก

เช่น

He would desperately have wanted to win the competition.

เขาคงอยากจะชนะการแข่งขันนั้นมากแน่ ๆ

I will probably go to London next year.

ฉันอาจจะไปลอนดอนปีหน้า

Adverb แบ่งออกเป็น 8 ประเภท

On which at which ม ความหมายเหม อนก บคำว า when

  1. Adverb of time (คำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา)

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เช่น

When เมื่อ

Before ก่อน

After หลัง

Afterward ในภายหลัง

Formerly แต่ก่อน

Soon เร็ว ๆ นี้

Today วันนี้

Lately เมื่อเร็ว ๆ นี้

Late สาย

Since ตั้งแต่

Ago ผ่านมาแล้ว

Already แล้ว, เรียบร้อย

Immediately ทันที

Yet ยัง

Once ครึ่งหนึ่ง

Still ยังคง

Shortly

Tonight

Yesterday

Tips: already, just, still, eventually, finally, last, soon วางไว้หน้ากริยาแท้

ตัวอย่างประโยค

I have already eaten breakfast.

ฉันกินข้าวเช้าแล้ว (eaten เป็นกริยาแท้ have เป็นกริยาช่วย)

My birthday party will be held at 6 o'clock in the evening on Saturday.

งานปาร์ตี้วันเกิดของฉันจะจัดวันเสาร์ตอน 6 โมงเย็น
  1. Adverb of Duration (กริยาวิเศษณ์บอกระยะเวลา)

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้แสดงช่วงเวลาว่าเหตุการณ์เกิดนานแค่ไหน หรือเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้แก่

For เป็นเวลา (ตามด้วย + ระยะเวลา เช่น for 2 months)

Since ตั้งแต่ (ตามด้วย + จุดเริ่มต้นของเวลา เช่น since 1998)

From...to ตั้งแต่...ถึง

From...till ตั้งแต่...ถึง

From...until ตั้งแต่...ถึง

Till ถึง

Untill ถึง

Tips: Since และ For มักใช้ใน Present Perfect Tense อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Present Perfect Tense ได้ที่นี่ คลิก

ตัวอย่างประโยค

I have taught English for 8 years.

ฉันสอนภาษาอังกฤษมา 8 ปีแล้ว

They have worked in this company since 2011.

พวกเขาทำงานในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2021

My working hours are from nine to five.

เวลาทำงานของฉันคือ 9 โมงถึง 5 โมง

I will wait for you until 2 o’clock tomorrow.

ฉันจะรอคุณถึงบ่าย 2 พรุ่งนี้
  1. Adverb of Place (กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่)

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นที่ไหน เช่น

Where ที่ซึ่ง

Above บน

Across ข้าม

Along ตามทาง

Around รอบ ๆ

Back หลัง

Below ข้างใต้

Nowhere ไม่มีที่ไหน

Somewhere ที่ใดที่หนึ่ง

There ที่นั่น

Here ที่นี่

Downstairs ชั้นล่าง

In ใน

On บน

At ใน

Under ข้างใต้

ตัวอย่างประโยค

Your coat is hung there.

เสื้อโค้ทของคุณแขวนอยู่ตรงนั้น

There is a bin under the desk.

มีถังขยะอยู่ใต้โต๊ะ

These young people have nowhere to go.

เด็ก ๆ เหล่านี้ไม่มีที่ไป

Where does he live?

เขาอาศัยอยู่ที่ไหน

She lived in Rome for a couple of years, where she taught English.

เธอเคยอาศัยอยู่ที่โรม 2 ปี ที่ซึ่งเธอสอนภาษาอังกฤษ

4. Adverb of Frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่)

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน เช่น

Every day ทุกวัน

Generally เป็นประจำ

Always ตลอด

Frequently, Often บ่อย ๆ

Usually, Normally เป็นปกติ

Occasionally, Sometomes บางครั้ง

Never ไม่เคย

Rarely, Seldom ไม่ค่อยจะ

Again อีกครั้ง

ตัวอย่างประโยค

It’s always cold in this room.

ห้องนี้หนาวตลอดเลย

I see him quite frequently.

ฉันเจอเขาบ่อย ๆ

We seldom receive any apology when mistakes are made.

เราแทบไม่เคยได้รับคำขอโทษเมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น

Could you please spell your name again?

รบกวนคุณสะกดชื่ออีกครั้งได้ไหม

Wars never solve anything.

สงครามไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้

5. Adverb of Manner (กริยาวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ)

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้แสดงว่าผู้กระทำหรือประธานทำกริยานั้นด้วยความรู้สึกหรืออารมณ์แบบไหน อย่างไร เช่น

Angrily อย่างโมโห

Badly อย่างแย่มาก, อย่างมาก

Carefully อย่างรอบคอบ

Easily อย่างง่ายดาย

Calmly อย่างสงบ

Intentionally อย่างตั้งใจ

Terribly อย่างร้ายกาจ

Together ด้วยกัน

Sincerely อย่างจริงใจ

Willingly อย่างเต็มใจ

ตัวอย่างประโยค

“Don’t do that!” she shouted angrily.

“อย่าทำอย่างนั้น” เธอตะโกนอย่างโมโห

He needs the money really badly.

เขาต้องการเงินอย่างมาก

The event was very badly organized.

งานอีเว้นท์นี้จัดได้อย่างแย่มาก

What we do willingly is easy.

อะไรที่เราทำอย่างเต็มใจมันก็ง่ายทั้งนั้น

6. Adverb of Degree (กริยาวิเศษณ์บอกระดับ)

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าปริมาณว่ามากน้อยแค่ไหน หรืออยู่ในระดับไหน เช่น

Almost เกือบจะ

Nearly เกือบ

Quite ค่อนข้าง

Entirely ทั้งหมด

Extremely อย่างที่สุด

Greatly อย่างยิ่งใหญ่

Very มาก

Too เกินไป

Enough เพียงพอ

ตัวอย่างประโยค

She is almost 20.

เธอเกือบจะ 20 แล้ว

It’s been nearly 3 months since my last haircut.

นี่ก็ 3 เดือนแล้วตั้งแต่ตัดผมครั้งล่าสุด

It was quite a difficult job.

นี่เป็นงานที่ค่อนข้างยากนะ

My mother hasn’t been too well recently.

แม่ของฉันสุขภาพไม่ค่อยดีมากช่วงนี้

Is the water hot enough yet?

น้ำร้อนพอรึยัง

7. Adverb of Affirmation or Negation (กริยาวิเศษณ์บอกการรับปละการปฏิเสธ)

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ยืนยันว่าใช่ (Affirmation) หรือ ไม่ใช่ (Negation) เช่น

Yes ใช่

Absolutely อย่างแน่นอน

Certainly อย่างแน่นอน

Surely อย่างแน่นอน

Indeed แน่นอน

Of course แน่นอน

Preciously อย่างชัดเจน

Absolutely อย่างแน่นอนที่สุด

Entirely อย่างสิ้นเชิง

No, Not, Never ไม่

ตัวอย่างประโยค

I absolutely believed him.

ฉันเชื่อเขาแบบสุดใจ

I admit it was entirely my fault.

ฉันยอมรับว่ามันเป็นความผิดฉันทั้งหมด

I told you not to do that.

ฉันบอกคุณว่าอย่างทำอย่างนั้น

It’s never too late to start a healthy diet.

มันไม่เคยสายถ้าจะเริ่มกินอาหารสุขภาพ

8. Conjunctive Adverb (กริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค)

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้เป็นคำเชื่อม 2 ประโยค หรือ เชื่อมประโยคกับวลีหรือคำ เข้าด้วยกัน เช่น

Hence, Therefore ดังนั้น

Consequently ด้วยเหตุนี้

Then หลังจากนั้น

Firstly อันดับแรก

Secondly อันดับสอง

Furthermore, In addition, Moreover มากไปกว่านั้น

Before ก่อน

Meanwhile ในขณะที่

However อย่างไรก็ตาม

Instead แทนที่

Inspite of ทั้ง ๆ ที่

But แต่

Briefly อย่างย่อ

In conclusion สรุป

For example เช่น

For instance เช่น

Namely กล่าวคือ

ตัวอย่างประโยค

We were unable to get funding and therefore had to abandon the project,

เราไม่สามารถหาเงินสนับสนุนได้เพียงพอ ดังนั้น เราจึงต้องล้มเลิกงานนี้

There may, however, be other reasons that we don’t know about.

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีเหตุผลอื่น ๆ อีกที่เราไม่รู้

Briefly, the company needs to cut its expenditure.

สรุปย่อ ๆ นะ บริษัทจำเป็นต้องตัดรายจ่าย

We need to get more teachers into the classrooms where they’re most needed, namely in high poverty areas.

เราจำเป็นต้องหาครูมาสอนเพิ่มในที่ ๆ มีคนต้องการพวกเขามากที่สุด หรือพูดอีกอย่างก็คือพื้นที่กันดาร

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

Which หมายถึงอะไร

(วิชฺ) pron. อันไหน, อันซึ่ง, ส่วนไหน, ที่ซึ่ง, adj. อันไหน, ส่วนไหน, ที่กล่าวถึงมาก่อน whichever. (วิช'เอฟ'เวอะ) pron. อันไหนก็ตาม, ไม่ว่าอันไหนก็ตาม, adj. ไม่ว่าอันไหนก็ตาม

Which ใช้ถามเกี่ยวกับอะไร

Which /วิช/ แปลว่า อันไหน / คนไหน ใช้ถามเมื่อต้องเลือก “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง” หรือ “ใครคนใดคนหนึ่ง”

When ใช้กับอะไรได้บ้าง

  1. When. คำนี้มีความหมายว่า “เมื่อ” หรือ “ตอนที่” ซึ่งใช้พูดเชื่อมในสถานการณ์ที่กำลังมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ โดยส่วนใหญ่มักจะใช้กับเรื่องในอดีต ตัวอย่างเช่น I was surfing the internet when he sent me a message.

How are you ตอบแบบไหนได้บ้าง

I'm good. ฉันสบายดี.

I'm great. ฉันสบายดี.

I'm happy. ฉันมีความสุข.

Couldn't be better. ดีสุดๆไปเลย.

I'm alright. ฉันก็โอเคดีนะ.

So far so good ก็ดีเรื่อยๆ.

I'm sick. ฉันไม่สบาย.

I feel under the weather. ฉันรูู้สึกไม่ค่อยสบาย.