ด้วยฉันมีเวลาว่างในขณะนี้ พึ่งกลับมาจากดินเนอที่แกรนด์ดู๊ก การที่มาที่นี่ฉันไม่ได้มีความประสงค์ที่จะมาโซ๊ดอย่างฝรั่ง ได้คิดตั้งแต่จะกลับจากเบอร์ลิน เพราะได้ฟังคำเอมเปอเรอเยอรมันพูด เห็นว่าซาร์เอาเปนธุระมากจริง และคิดจะพาลูกชายเล็กไปหาเปนข้อใหญ่ใจความ ภายหลังพเอิญได้ข่าวว่าเอมเปอเรอจะมาที่ดามสตัด สบเหมาะกับเวลาที่ต้องการ เลยพาว ๆ กันมาจนถึงเฉลิมพระชนม์พรรษา ฉันจึงได้จดหมายไปถึงเอมเปอเรอ แต่ไม่ทันจะมีไปก็ให้มานัดก่อน การที่ไปหาเอมเปอเรอนี้ ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับดาวเล็ก ๆ เข้าไปใกล้พระจันทร์ ตามที่ฉันว่าอยู่บ่อย ๆ ว่าเจ้าแผ่นดินฝรั่งไปพบกันแล้ว เหมือนสูริย์ฤๅจันทร์อังคาฎ มันโจทกันจ็อบแจ็บไปทั้งนั้น แต่มันคิดไม่เห็นว่าเปนไปจากฝ่ายเราก่อน เขาเห็นเปนเอมเปอเรอคิดเอง แต่อย่างไรก็ดีทำให้เราเปนคนสำคัญขึ้นได้มาก ที่นี่สัพพีกันเรื่อยไปทั้งนั้น Show การที่ไปดามสตัดฉันไปแต่กับเล็กและพระยาเดโช พระรัตนโกษา นายจ่ายวดเท่านั้น ไชยันต์เจ็บกรอบแกรบเต็มที เพราะแกเปนหนุ่มเก๋มากไม่กลัวหนาว ใส่เสื้อบาง ๆ ไปเดินที่บรัสเซลวันเดียวเท่านั้นจับไข้เกือบตาย หนาวเหลือที่จะหนาว ในคืนวันที่จะไปน้ำค้างแข็งตกขาวไปทั้งนั้น เขาว่าหนาวมาเร็วเกินไปถึง ๔ วีก ปรอทเพียง ๔๒ ดีกรี รุ่งขึ้นยิ่งหนักไป วันนี้ค่อยยังชั่วขึ้นมาก แต่ถึงจะลำบากประการใด ก็เปนเรื่องที่สบายใจไข่หมดท้อง เหลืออยู่จะไปกระต๊ากที่ฝรั่งเศสก็ไม่หนักมากเหมือนแต่ก่อน ความที่ฉันเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่ได้จดหมายมานั้น จนนึกไม่ใคร่ออกว่าอะไรบอกไปบ้างแล้ว อะไรยัง กลัวจะชิดดิด เวลานี้ไม่มีใครเขียนหนังสือด้วยจึงค้างต่อมาอีกมาก ฉันได้แต่งตัวเล็กเปนคาเด็ตไทย บอกได้ว่าน่าเอ็นดู ได้ถ่ายรูปเมื่อวานนี้ แล้วเมื่อใดจะส่งไปให้ เขาจะส่งไปถวายเอมเปอเรอ เพราะได้ประทานรูปมาอันหนึ่ง ฉันได้ซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เปนพระราชาเขาซื้อ ทำภูมิเสียเกือบตาย เห็นจะไม่ใคร่เปนเรื่อง ให้พระยานนท์ส่ง บางทีจะไปถึงทีหลังฉันก็ได้ เพราะเรือแน่นเต็มทีบรรทุกไม่ได้ การที่มานี้ตั้งใจจะเปนอินคอกนิโต แต่เพราะเหตุที่ไปดามสตัดกลายเปนยะโสไป กับของที่แกรนด์ดัสเชสส์ให้นั้นตรึกตรองมาหลายวัน ถามแล้วถามเล่าจะหาอะไรที่ให้เปนของที่ทำในนี้ด้วย จึงตกลงเปนนาฬิกา ฉันหมายว่าเปนนกร้องตามธรรมเนียม แต่ของแกดีกว่าเปนอันมาก รักเหมือนจะขาดใจตาย แลอยากได้ของปักฝีมือไทย ฉันรับว่าจะให้แม่เล็กปักให้ ฉันขอตัวอย่างอามจะส่งไป เขามาเร่งให้ไปเดี๋ยวนี้ขอจบ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้ากลาง (24 เมษายน พ.ศ. 2362 - 1 กันยายน พ.ศ. 2429) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประสูติแต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี (พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทองสุก ซึ่งเป็นพระธิดาในพระเจ้าอินทวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์) พระองค์เป็นต้นราชสกุล มาลากุล และเป็นพระโสทรอนุชาใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ (ต้นราชสกุล อาภรณ์กุล) ทั้งสองราชสกุลจึงถือเป็นญาติใกล้ชิดกัน Oops something went wrong: นายพลเอก เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์ (เดิม หม่อมราชวงศ์กลาง; 24 มิถุนายน พ.ศ. 2409 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2483) อดีตเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ และกระทรวงคมนาคม อดีตองคมนตรี เป็นพระอัยกาฝ่ายพระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเป็นพระปัยกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเป็นข้าหลวงใหญ่ปักปันเขตแดนบริเวณตอนเหนือของสยามกับหลวงพระบางในแคว้นอินโดจีนของฝรั่งเศส ระหว่าง พ.ศ. 2447 - พ.ศ. 2450 ภาพล้อเจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ ฝีพระหัตถ์ รัชกาลที่ 6Oops something went wrong: นายพลเอก เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์ (เดิม หม่อมราชวงศ์กลาง; 24 มิถุนายน พ.ศ. 2409 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2483) อดีตเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ และกระทรวงคมนาคม อดีตองคมนตรี เป็นพระอัยกาฝ่ายพระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเป็นพระปัยกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเป็นข้าหลวงใหญ่ปักปันเขตแดนบริเวณตอนเหนือของสยามกับหลวงพระบางในแคว้นอินโดจีนของฝรั่งเศส ระหว่าง พ.ศ. 2447 - พ.ศ. 2450 ประวัติ[แก้]เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) เป็นพระโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ กับหม่อมเขียน สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ศศิสมิต) พระบิดาเรียกท่านว่า "กลาง" หม่อมราชวงศ์สท้าน ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไปศึกษาวิชาทหารบกที่ประเทศเดนมาร์ก เมื่อ พ.ศ. 2425 เป็นเวลา 11 ปี เดินทางกลับประเทศสยามเมื่อ อายุ 27 ปี และเข้ารับราชการจนได้เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยทหารบก กระทั่งวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2440 จึงได้เลื่อนยศทางทหารเป็น ร้อยเอกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2442 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น หม่อมราชินิกุลมีนามว่าร้อยเอก หม่อมชาติเดชอุดม ถือศักดินา 800 จากนั้นในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 24 พฤศจิกายน หม่อมชาติเดชอุดมได้รับพระราชทานยศทางทหารเป็น พันตรี ต่อมาในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2444 ได้เลื่อนยศทางทหารเป็น พันโทกระทั่งวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2446 ได้เลื่อนยศทางทหารเป็น พันเอกและได้รับพระราชทานยศเป็น พลตรี เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2447ต่อมาได้จัดตั้งโรงเรียนเสนาธิการทหาร ต่อมาได้เลื่อนเป็น พระยาวงษานุประพัทธ์ ถือศักดินา ๑๐,๐๐๐ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2452และในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2452 โปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ โดยก่อนหน้านั้นในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2452 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พลโทหม่อมชาติเดชอุดม มารับตำแหน่งรองเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ ปี พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยา มีสมญาจารึกในสุพรรณบัฏว่า เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ รัตนพลเทพ สรรพพลเสพเสนาบดี โรปนวิธีบำรุง ผดุงธัญพืชผลาหาร พานิชการพัฒนกร สโมสรสกลยุทธศาสตร์ มหาอมาตย์ศักดิอดุลย์ พิรุณเทพมุรธาธร สรรพกิจจานุสรสวัสดิ์ วิบุลยปริวัตรเกษตราธิบดี สุนมนตรีพงษ์สนิท เมตจิตรอาชวาธยาไศรย รัตนไตรยสรณธาดา อภัยพิริยบรากรมพาหุ ดำรงศักดินา 10,000 ต่อมาดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ (กระทรวงคมนาคมในปัจจุบัน) และได้รับพระราชทานยศ พลเอก เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2462 ต่อมาภายหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้รวมกระทรวงเกษตราธิการกับกระทรวงพาณิชย์และคมนาคมเป็นกระทรวงเดียวกัน เรียกว่ากระทรวงเกษตรพาณิชยการ แล้วให้เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์เป็นเสนาบดี เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์และท้าววนิดาพิจาริณี (บาง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) เป็นผู้เลี้ยงดูสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในระหว่าง พ.ศ. 2475 - พ.ศ. 2477 เมื่อหม่อมหลวงบัว กิติยากร ต้องติดตามหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ไปปฏิบัติราชการ ตำแหน่งเลขานุการเอก ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนสายปัญญา โดยเมื่อพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ สิ้นพระชนม์ ท่านเป็นต้นคิดในหมู่ทายาท ให้นำวังของบิดา มาก่อตั้งเป็นสถานศึกษาสำหรับสตรี โดยได้รับพระราชทานนามโรงเรียนจาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2459 เจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2483 ด้วยไข้มาลาเรีย เบาหวาน และโรคหัวใจ สิริอายุ 74 ปี บุตร-ธิดา[แก้]เกิดแต่ท่านผู้หญิงวงษานุประพัทธ์ (ตาด สนิทวงศ์ ณ อยุธยา; สกุลเดิม สิงหเสนี) ท่านผู้หญิงวงษานุประพัทธ์ (ตาด สนิทวงศ์ ณ อยุธยา; 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2411 – 11 มิถุนายน พ.ศ. 2479) เป็นธิดาพระยาณรงค์เรืองฤทธิ์ (เอม สิงหเสนี) กับคุณหญิงขลิบ (ธิดาเจ้าพระยาคทาธรธรนินทร์ (เยีย อภัยวงศ์)) มีบุตร-ธิดา 6 คน คือ
ท้าววนิดาพิจาริณี (หม่อมบาง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) มีบุตรธิดา 4 คน ดังนี้
นามเดิม อุบะ เศวตะทัต บุตรี ขุนญาณอักษรนิติ(ผล) เศวตะทัต กับ หวั่น (บุญธร)เศวตะทัต มีบุตรธิดา 2 คน คือ
ยศ[แก้]ยศพลเรือน[แก้]
ยศทหาร[แก้]
ยศเสือป่า[แก้]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]นายพลเอก เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของประเทศไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของต่างประเทศต่างๆ ดังนี้ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย[แก้]เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]ลำดับสาแหรก[แก้]ลำดับสาแหรกของเจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) 16. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 8. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 17. สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี 4. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท 18. นายบุญเกิด 9. ท้าววรจันทร์ (เจ้าจอมมารดาปรางใหญ่) 19. นางทองอิน 2. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ 10. ด้วง ณ บางช้าง 5. หม่อมแย้ม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา 1. เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) 3. หม่อมเขียน สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อ้างอิง[แก้]
|