รว มกนั จำหนา ย เสนอจำหนา ย และมไี วเ พอ่ื จำหนา ยสนิ คา ทม่ี เี ครอ่ื งหมายการคา ปลอม แมจ ำเลยทง้ั สองใหก ารรบั สารภาพ ก็ไมอาจลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานนี้ได และไมอาจลงโทษจำเลยทั้งสอง ฐานจำหนาย เสนอจำหนาย และมีไวเพื่อจำหนายสินคาที่มีเครื่องหมายการคาเลียน เครอ่ื งหมายการคา ของผอู น่ื ตาม พ.ร.บ. เครอ่ื งหมายการคา พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑๐ (๑) ประกอบมาตรา ๑๐๙ ไดเชนกัน เพราะโจทกก็มิไดบรรยายฟองใหครบองคประกอบ ความผดิ และไมไ ดม คี ำขอทา ยฟอ งขอใหล งโทษตามมาตราดงั กลา ว ถอื วา โจทกไ มป ระสงค ใหลงโทษความผดิ ฐานนแี้ กจ ำเลยท้งั สอง ๑๔๒ ปญ หาวา การกระทำของจำเลยทง้ั สองเปน ความผดิ หรอื ไม เปน ปญ หาขอ กฎหมาย ที่เกี่ยวกับความสงบเรียบรอย แมจำเลยทั้งสองไมอุทธรณและไมไดยกขึ้นตอสูในศาล ทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศกลาง ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษสามารถ หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวาง ประเทศและวธิ พี จิ ารณาคดที รพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๙ ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา ๑๘๕ วรรคหนึ่ง และ ๑๙๕ วรรคสอง ศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศกลางพพิ ากษาในสว นคำขอ ใหริบของกลางวา คำขออื่นนอกจากนี้ใหยก โดยไมไดใหเหตุผลแหงคำวินิจฉัยเกี่ยวกับ การรบิ ของกลาง จงึ ไมช อบดว ย พ.ร.บ. จดั ตง้ั ศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา ง ประเทศและวธิ พี จิ ารณาคดที รพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๒๖ ประกอบ ป.ว.ิ อ. มาตรา ๑๘๖ (๖) (๙) เมอ่ื คดนี จ้ี ำเลยทง้ั สองใหก ารรบั สารภาพ ตามฟอง ขอเท็จจริงจึงรับฟงไดวาจำเลยทั้งสองมีสินคาผาหมจำนวน ๕ ผืน ของกลาง อันเปนสิ่งที่ไดทำขึ้นหรือไดใชในการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๕ และมไี วเ พอ่ื จำหนา ย ตาม พ.ร.บ. เครอ่ื งหมายการคา พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑๕ ซง่ึ บทบญั ญตั ทิ ง้ั สองมาตราบญั ญตั ใิ หร บิ เสยี ทง้ั สน้ิ ดงั นน้ั ทศ่ี าลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและ การคา ระหวา งประเทศกลางไมร บิ ของกลางจึงไมช อบดวยกฎหมาย _____________________________ โจทกฟ อ ง ขอใหล งโทษตามพระราชบญั ญตั ลิ ขิ สทิ ธ์ิ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๔, ๖, ๘, ๑๕, ๓๑, ๖๑, ๗๐, ๗๕, ๗๖, ๗๘ พระราชบัญญัตเิ คร่ืองหมายการคา พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔, ๑๐๘, ๑๑๐, ๑๑๕, ๑๑๗ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๘๓ รบิ ของกลางทง้ั หมด และสง่ั จา ยเงนิ คา ปรบั ฐานละเมดิ ลิขสทิ ธ์กิ ่ึงหน่งึ ใหแกผ เู สยี หายที่ ๑ ซึ่งเปน เจาของลขิ สทิ ธ์ิ จำเลยท้งั สองใหการรบั สารภาพ ศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศกลางพิพากษาจำเลยทั้งสองมี ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผูอื่นเพื่อการคา ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๐ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๓๑ (๑) และพระราชบญั ญตั เิ ครอ่ื งหมายการคา พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๑๑๐ (๑) ประกอบมาตรา ๑๐๘ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓ การกระทำของจำเลย ทง้ั สองเปน การกระทำกรรมเดยี วผดิ ตอ กฎหมายหลายบท ใหล งโทษฐานละเมดิ ลขิ สทิ ธข์ิ องผอู น่ื เพอ่ื การคา ซง่ึ เปน บททม่ี โี ทษหนกั ทส่ี ดุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ใหร อการกำหนด โทษไวคนละ ๑ ป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ คำขออืน่ นอกจากนใี้ หยก ๑๔๓ โจทกอุทธรณ ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศ วินิจฉัยวา มีปญหาที่ควรยกขึ้นพิจารณากอนวา การกระทำของจำเลยทั้งสองเปนความผิดฐาน รว มกนั จำหนา ย เสนอจำหนา ย และมไี วเ พอ่ื จำหนา ยสนิ คา ทม่ี เี ครอ่ื งหมายการคา เลยี นเครอ่ื งหมายการคา ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบกฎหมายแบบลายลักษณ์อักษร(Civil Law) กฎหมายส่วนใหญ่ถูกจัดเป็นหมวดหมู่ ซึ่งแตกต่างจากเขตอำนาจศาลระบบกฎหมายจารีตประเพณี(Common Law) ศาลไทยไม่ได้ถูกผูกพันโดยการตัดสินคดีตามคดีครั้งก่อน หลักที่ว่าศาลในคดีหลังต้องผูกพันตามหลักกฎหมายที่ศาลในคดีก่อนได้ตัดสินไว้แล้วหรือการปฏิบัติตามคำตัดสินเดิมของศาลฎีกาไม่ได้บังคับให้กระทำการ แต่ในทางปฏิบัติ การตัดสินใจของศาลฎีกาโดยทั่วไปมีผลต่อการโน้มน้าวใจในการตัดสินคดีหรือข้อพิพาท ศาลไทยไม่มีระบบคณะลูกขุน คดีต่าง ๆ ถูกตัดสินด้วยคุณความดีของเหตุผลและหลักฐานที่ยื่นโดยคู่ความ เพื่อสนับสนุนให้มีการระงับข้อพิพาททางเลือกและมีการทำข้อตกลงกันระหว่างคู่ความซึ่งได้ถูกพิจารณาโดยศาล ขั้นตอนการค้นพบ (หรือ การเปิดเผยข้อมูล) ยังคงเป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยในระบบและเป็นการยากที่จะบังคับใช้ ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่จะไม่ได้รับค่าเสียหายเชิงลงโทษ มักจะเป็นปัญหาที่สำคัญในข้อเรียกร้องความเสียหายส่วนบุคคล ซึ่งการคำนวณหาค่าสินไหมทดแทน 'ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน' ศาลไทยไม่สามารถกำหนดค่าความเสียหายในประเภทนี้ได้โดยตรง บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลของไทย รวมถึงผู้ที่มีภูมิลำเนาในประเทศไทยสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีกับจำเลยได้ ศาลไทยถือสิทธิ์เขตอำนาจตามกฎหมาย บุคคลและนิติบุคคลที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทยและไม่มีภูมิลำเนอยู่ในประเทศไทยสามารถฟ้องจำเลยที่ถือว่ามีภูมิลำเนาตามกฎหมายอยู่ในประเทศไทยได้ บุคคลหรือนิติบุคคลต่างชาติที่ดำเนินการฟ้องร้องในประเทศไทยไม่จำเป็นต้องอยู่ในประเทศในช่วงกระบวนการทั้งหมดของการฟ้องร้องดำเนินคดี ทนายความในประเทศไทยอาจยื่นฟ้องในนามของชาวต่างชาติและคู่ความต่างชาติสามารถสงวนสิทธิได้เฉพาะเมื่อศาลร้องขอเพื่อให้คำเบิกความต่อคู่กรณีที่โต้แย้งสิทธิ เขตอำนาจศาลถูกกำหนดโดยกฎหมายเพียงอย่างเดียว สถานที่อาจถูกยกเลิกหรืออาจเป็นไปตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายที่ยื่นคำฟ้อง/คำร้องมีหน้าที่ร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกจำเลย จะต้องยื่นคำร้องแยกต่างหากเพื่อขอให้ศาลทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนและออกหมายเรียกจำเลย อนุญาตให้ใช้ระยะเวลาตามสมควรสำหรับการส่งหมาย หากจำเลยไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย การส่งหมายเรียกจะต้องดำเนินการผ่านช่องทางสถานทูต คำพิพากษาต่างประเทศนั้นไม่สามารถบังคับใช้ได้ในประเทศไทย จะต้องยื่นคำฟ้อง/คำร้องแยกต่างหากและคำพิพากษาจากต่างประเทศสามารถนำเสนอเป็นหลักฐานในคดีใหม่ ในกรณีเช่นนี้ ศาลจำเป็นจะต้องตรวจสอบว่าศาลต่างประเทศที่ตัดสินคดีขอบเขตอำนาจที่ศาลและกฎหมายควบคุมไปถึงหรือไม่ และคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วหรือไม่ เช่นเดียวกับในประเทศส่วนใหญ่ หน้าที่นำสืบในคดีอาญา เช่น การฆาตกรรมหรือการข่มขืน เป็นการพิสูจน์โดยปราศจากข้อสงสัยอันมีเหตุผล ในทางตรงกันข้าม ข้อพิพาททางแพ่ง เช่น การผิดสัญญาหรือการเพิกถอนต้องมีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักยิ่งกว่าเท่านั้น (หรือที่เรียกว่า 'การชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ของพยานหลักฐานคู่ความทั้งสองฝ่าย') การดำเนินคดีในประเทศไทยวัฒนธรรมไทยโดยทั่วไปมีอคติที่รุนแรงต่อการแก้ไขอย่างสงบของข้อพิพาท ศาลไทยมักจะเสนอให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายดำเนินการในลักษณะที่เป็นการประนีประนอมและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในการแก้ไขข้อพิพาทใด ๆ ก่อนที่จะนำคดีเข้าสู้กระบวนการดำเนินการพิจารณา สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในการปฏิบัติทั่วไปของการไกล่เกลี่ย:โดยทั่วไปแล้ว ศาลชั้นต้นจะสั่งให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายพยายามแก้ไขข้อพิพาทระหว่างกันก่อนการพิจารณาคดีในชั้นศาล แน่นอนว่าข้อพิพาททั้งหมดไม่สามารถแก้ไขได้ในขั้นตอนนี้และจะต้องมีการดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นศาล จึงจำเป็นต้องมีทนายความชาวไทยที่มีประสบการณ์ เชี่ยวชาญในวิธีการดำเนินคดีทางกฎหมายและคำให้การทั้งหมดในศาลไทยดำเนินการเป็นภาษาไทยและมีเพียงทนายความชาวไทยที่มีคุณสมบัติเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีในศาลไทยได้ ทีมงานที่ดำเนินเรื่องคดีของเรามีประสบการณ์สูงในการเจรจา และในด้านขอบเขตของข้อพิพาททางศาลไทยตั้งแต่ศาลชั้นต้น ตลอดจนศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา ทนายความด้านคดีความทั้งหมดของเราเป็นคนที่สามารถพูดหรือเขียนได้สองภาษาและสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับสูงซึ่งเป็นทักษะที่ให้ความชัดเจนในระดับที่แม่นยำตลอดกระบวนการทั้งหมด เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายไทยและให้คำแนะนำเป็นประจำแก่ลูกค้าและทนายความในเขตอำนาจศาลอื่น ๆ ในเรื่องกฎหมายไทย โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย รวมถึงการให้คำแนะนำแก่รัฐบาลต่างประเทศ นอกจากนี้ทีมงานของเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและทนายความของเรายังมีคุณสมบัติจากเขตอำนาจศาลต่างประเทศที่เข้าใจความท้าทายและเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินการข้อพิพาทข้ามพรมแดน ทีมงานของเราได้ดำเนินการฟ้องร้องคดีข้ามพรมแดนที่สำคัญและมีมูลค่าสูงที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาระหว่างประเทศไทยและเขตอำนาจศาลต่างประเทศและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปัญหาเฉพาะด้านที่มีอยู่ในเขตอำนาจต่าง ด้วยความร่วมมือกับคนไทย ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายต่างประเทศจากอเมริกา ยุโรปและเอเชียมุ่งมั่นที่จะให้บริการอย่างสมบูรณ์แบบแก่ลูกค้าชาวต่างชาติและชาวไทยทั้งหมดของเราในด้านการปฏิบัติดังต่อไปนี้:
หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการดำเนินคดี โปรดตรวจสอบหน้าคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดำเนินคดีในประเทศไทยหรือติดต่อเรา |