Show
ประเภทวัคซีนตามการผลิตอ่าน 208503 ครั้ง ประเภทวัคซีนตามการผลิต แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
หลายคนที่มักเกิดบาดแผลบริเวณแขน ขา หรือลำตัว มักเกิดอาการกังวลถึงเรื่องโรคบาดทะยักที่อาจเกิดขึ้นบริเวณแผลดังกล่าว ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าปัจจุบันโรคบาดทะยักจะมีวัคซีนป้องกัน แต่ก็คงยังพบผู้ป่วยอยู่เรื่อยๆ และมีแนวโน้มว่าจะพบในผู้สูงอายุมากขึ้น ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่า ในผู้ป่วยบางราย เพียงแค่โดนเข่งบาดมือ ก็เป็นโรคบาดทะยักได้ บาดทะยักเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคลอสตริเดียม เตตานิ ที่มักพบได้ในดิน น้ำลาย ฝุ่น มูลสัตว์อย่างม้าหรือวัว ซึ่งติดเชื้อผ่านบาดแผลตามร่างกาย โดยการติดเชื้ออาจส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อตึงหรือแข็งเกร็ง รวมทั้งอาจทำให้เกิดปัญหาด้านการหายใจ อย่างไรก็ตาม โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก อาการบาดทะยักเป็นอย่างไร ? ผู้ป่วยบาดทะยักอาจมีอาการปรากฏหลังจากที่เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายแล้วเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาก็อาจทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นได้ในภายหลัง แต่สำหรับผู้ป่วยบางรายก็อาจมีอาการบาดทะยักแม้จะไม่มีแผลที่สังเกตเห็นได้เลยก็ตาม อย่างแผลที่เกิดจากเข็มหรือตะปู ดังนั้น ควรสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตนเอง โดยเฉพาะเมื่อมีแผลบาดเจ็บใด ๆ ซึ่งอาการบาดทะยักอาจมีลักษณะดังนี้
ควร พบแพทย์โดยด่วน
บาดทะยัก . .ป้องกันได้ โรคบาดทะยัก แม้จะเป็นโรคอันตราย แต่ก็สามารถป้องกันบาดทะยักได้ โดยวิธีที่ช่วยป้องกันโรคบาดทะยักได้ดีที่สุด คือ เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักให้ครบ ซึ่งควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก คอตีบ และไอกรนชนิด DTaP 4 ครั้ง ก่อนอายุครบ 2 ปี และฉีดอีกครั้งเมื่อมีอายุระหว่าง 4-6 ปี รวมทั้งฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก คอตีบ และไอกรนชนิด Tdap กระตุ้นอีกครั้งเมื่อมีอายุ 11-12 ปี หรืออาจฉีดหลังจากนั้นก็ได้ ทั้งนี้ ควรฉีดวัคซีนกระตุ้นเพื่อป้องกันบาดทะยักและคอตีบทุก ๆ 10 ปีด้วยเช่นกัน ส่วนกรณีที่มีบาดแผลเกิดขึ้น ควรรีบห้ามเลือด ทำความสะอาดแผล แล้วดูแลให้แผลสะอาดอยู่เสมอ โดยอาจใช้ผ้าก๊อซปิดแผลเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ทายาต้านเชื้อแบคทีเรียหรือยาฆ่าเชื้อในบริเวณที่มีแผลภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร และหากมีบาดแผลที่เท้า ให้ใส่รองเท้าที่มีพื้นหนาหรือสวมรองเท้าแตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องออกไปข้างนอก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจนเป็นโรคบาดทะยัก บาดทะยัก หรือ การติดเชื้อจากแบคทีเรียเมื่อเกิดบาดแผล ที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทภายในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกล้ามเนื้อหดเกร็งบริเวณใบหน้า ขากรรไกร หน้าท้อง แขนขา และมีไข้สูงร่วมด้วยแม้ว่าในปัจจุบันโรคดังกล่าวจะมีวัคซีนสำหรับป้องกันแล้ว แต่หากชะล่าใจ หรือปล่อยทิ้งไว้ ก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยบทความนี้ ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส จึงได้รวบรวมข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับบาดทะยัก โรคอันตรายที่ควรระวัง เมื่อเป็นแผลต้องทำอย่างไร ? มาฝากกัน ทำความรู้จักกับ “บาดทะยัก”โรคบาดทะยัก (Tetanus) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Clostridium Tetani ที่สามารถพบได้ในดิน ฝุ่น น้ำลาย และมูลสัตว์ ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดโรคบาดทะยักได้ง่าย โดยการติดเชื้อจะมาจากการสัมผัสสิ่งสกปรกขณะมีแผลเปิด เช่น แผลจากของมีคม แผลถลอก เป็นต้น ที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทโดยตรง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณตามร่างกายเกิดหดเกร็ง และอาการอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น มีไข้สูง เจ็บปวดบริเวณแผล รู้สึกเหงื่อแตก หายใจลำบาก มักพบได้มากในกลุ่มผู้สูงอายุ และคนทั่วไป แผลเปิดแบบไหนสามารถติดเชื้อ บาดทะยัก ได้
ลักษณะอาการแบบไหนบ่งชี้ว่า ร่างกายกำลังติดเชื้อ “บาดทะยัก”สำหรับการติดเชื้อ Clostridium Tetani มักจะมีอาการประมาณ 4 – 21 วันหลังจากการติดเชื้อ หรือโดยทั่วไปเฉลี่ยประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นบาดทะยัก จะมีลักษณะอาการ ดังนี้
อาการเกร็งของ “บาดทะยัก” ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรเมื่อร่างกายติดเชื้อ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกายเป็นระยะ ๆ โดยหลังจากนั้นจะมีอาการเกร็ง คอเกร็ง หลังเกร็ง และอ้าปากไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งหากเกิดการเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อที่ช่วยหายใจ อาจมีโอกาสทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตลงได้ รวมถึงการที่ร่างกายมีภาวะเกร็งมากเกินไป ก็อาจส่งผลทำให้กล้ามเนื้อมีการสลายตัว หรือถึงขั้นกระดูกหัก ดังนั้น หากพบถึงความผิดปกติหลังจากมีบาดแผล ควรรีบเข้าพบแพทย์โดยทันที การรักษาบาดทะยัก เมื่อผู้ป่วยติดเชื้อในการดูแลรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะซักถามประวัติของคนไข้ ว่ามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง มีลักษณะอาการอย่างไร หรือมีบาดแผลมาจากสาเหตุใด เพื่อทำการวินิจฉัย และรักษาตามอาการได้อย่างถูกต้อง โดยวิธีการรักษาอาการติดเชื้อบาดทะยัก มีดังนี้
|