Tip ห วส ส ม thermage 400shot ส อะไร

ก่อนจะไปดูความแตกต่างเรื่องหลักการทำงานของ ulthera กับ thermage มาทำความเข้าใจในเรื่องชั้นผิวของมนุษย์กันก่อนครับ ปกติผิวหนังของคนเราจะประกอบด้วย 3 ชั้น คือชั้นหนังกำพร้า (Epidermis), ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Subcutis)

• ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นชั้นที่อยู่นอกสุด ทำหน้าที่ปกป้องผิวเราจากมลพิษ,สารพิษ, แบคทีเรีย เชื้อรา และป้องกันการสูญเสียน้ำ
• ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นชั้นที่ความหนาและมีความยืดหยุ่น ประกอบไปด้วยคอลลาเจน และ อิลาสติน, เนื้อเยื่อที่ให้ความแข็งแรง ทำหน้าที่ช่วยให้ผิวมีสุภาพดี ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ดูเต่งตึง
• ชั้นไขมัน (Subcutis) เป็นชั้นที่อยู่ในสุดของชั้นผิวหนัง ประกอบด้วย เซลล์ไขมัน (adipocytes & special collagen fibres) โปรตีนคอลลาเจน และหลอดเลือดต่าง ๆ ทำหน้าที่กักเก็บพลังงาน และเป็นเกราะป้องการกระแทกให้กับอวัยวะภายใน

ถ้าชั้นผิวหนังทั้ง 3 ชั้นนี้ มีประสิทธิภาพเสื่อมลงอันเนื่องมาจากอายุที่มากขึ้น หรือผิวโดนทำร้ายจากแสงแดดและมลภาวะ ก็จะทำให้เส้นใยคอลลาเจนสูญเสียความยืดหยุ่น และปริมาณคอลลาเจนในชั้นผิวลดน้อยลง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยเกิดริ้วรอย หน้าไม่กระชับ

คุณสมบัติพลังความร้อนของเครื่องยกกระชับ Ulthera SPT กับ thermage สามารถยิงพลังงานลงลึกครอบคลุมได้ทั้ง 3 ชั้นผิว หลังยิงผิวจะแน่นและกระชับ มีความยืดหยุ่น เรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ พร้อมทั้งสลายไขมันสะสมส่วนเกินบริเวณใบหน้าได้

ยิ่งไปกว่านั้นการยกกระชับด้วย Ulthera SPT ยังสามารถลงลึกถึงใต้ผิวหนังชั้น smas (Superfical Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า ส่งผลให้เกิดการหดตัว ผลที่ได้จึงครอบคลุมปัญหาได้หลายด้าน ทั้งริ้วรอย ความหย่อนคล้อย จึงทำให้เป็นที่นิยมมากขึ้นครับ

Ulthera SPT กับ Thermage แตกต่างกันอย่างไร?

Ulthera SPT กับ Thermage เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เห็นผลเรื่องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ลดริ้วรอยเหมือนกัน แต่ต่างกันที่หลักการทำงานและค่าพลังงานครับ

การทำงานของ Ulthera SPT

Ulthera SPT ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ชนิด Micro Focused UItrasound with Visualization (MFU-V) ที่เป็นคลื่นเสียงที่มีความถี่สูง สามารถลงไปใต้ชั้นผิว SMAS โดยจะมีความร้อนที่อยู่ในระดับ 60-70°C ลักษณะพลังงานที่ได้จะเป็นจุดพลังงานขนาด 1 mm ที่มีลักษณะเป็นจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นตรงใต้ผิว และมีหน้าจอในการดูระดับความลึกของจุดที่ยิงลงไปแบบ Real time โดยใช้หัวที่มีความลึกถึง 3 ระดับ คือ

• ลึก 1.5 mm สำหรับริ้วรอยผิวชั้นบน ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis)
• ลึก 3 mm สำหรับลดความหย่อนคล้อยของผิว กระชับชั้นไขมัน
• ลึก 4.5 mm สำหรับยิงชั้น smas ที่เป็นผิวหนังชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมผิวหน้า เหมาะสำหรับยกแก้ม เหนียง และลำคอ

การทำงานของ Thermage

Thermage ทำงานโดยใช้ความร้อนจากคลื่นวิทยุ MONOPOLAR RF เป็นคลื่นที่มีความถี่สูง สามารถลงลึกไปถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน อิลาสติน และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยจะมีก้อนความร้อนขนาด 3-4 3-4 cm2 พลังงานจะครอบคลุมพื้นที่ได้ดีกว่าแบบจุด โดยมีค่าพลังงานความร้อนอยู่ที่ 40-50°C กระจายเป็นวงกว้าง และมีการปรับค่าพลังงานถึง 0-4 ระดับ คือ

• Thermage ระดับ 0-1 ขณะทำคนไข้จะรู้สึกสั่นบริเวณผิว แต่จะยังไม่รู้สึกอุ่น เห็นผลการรักษาน้อย
• Thermage ระดับ 2-2.5 มีค่าพลังงานอยู่ที่ 2-2.5 ขณะทำคนไข้จะรู้สึกร้อนขึ้น แต่อยู่ในระดับที่ทนได้ เห็นผลลัพธ์หลังการรักษาเป็นไปตามที่ต้องการ
• Thermage ระดับ 3-4 พลังงานระดับนี้จะร้อน ในบางเคสจะร้อนเกินไป แม้จะให้ผลลัพธ์ชัดเจนกว่าระดับอื่น แต่อาจทำให้บาดเจ็บได้ และไม่เหมาะกับเคสที่ผิวแพ้ง่ายครับ

Ulthera SPT กับ Thermage เลือกแบบไหนดี ?

Ulthera SPT กับ Thermage แบบไหนดีกว่ากัน? หมอขอตอบว่าขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละบุคคลครับ ซึ่งหมอจะประเมินว่าคนไข้เหมาะกับการทำแบบไหนถึงจะเห็นผลมากที่สุด อย่างการทำ Ulthera SPT จะมีจุดโฟกัสเป็นเส้นใหญ่ สามารถส่งผ่านพลังงานไปที่ชั้นผิวหนังชั้น smas ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า เหมาะกับคนที่มีชั้นไขมันน้อย

ส่วน thermage เป็นก้อนพลังงานขนาดใหญ่ เด่นในการลดชั้นไขมันที่ใบหน้า และเพิ่ม Skin Quality (ผิวเด็ก) เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันเยอะ เพื่อให้เข้าใจง่ายหมอขอสรุปจุดเด่นของ Ulthera SPT กับ Thermage ดังนี้ครับ

• เห็นผลหลังทำ 30% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
• ให้ความแม่นยำสูง มีระบบแสดงหน้าจอในการดูระดับความลึกของจุดที่ยิงแบบ Real Time
• ครอบคลุมทุกชั้นผิว ลงลึกถึงผิวหนังชั้น Smas ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า
• ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี
• ยกกระชับ ลดสัดส่วน ได้ทั้งหน้าและตัว
• ไม่ต้องพักฟื้น ทำกิจกรรมได้ตามปกติ
• การันตีเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก U.S. FDA

• เห็นผลหลังทำ 20% เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน
• ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี
• ไม่ต้องพักฟื้น สามารภทำกิจกรรมได้ตามปกติ
• ใช้เวลาทำไม่นาน ประมาณ 40-90 นาที
• ครอบคลุมทุกชั้นผิวและชั้นไขมัน
• สามารถทำได้ทั้งหน้าและลำตัว

Ulthera SPT กับ Thermage ระยะเวลาเห็นผลหลังทำ

Ulthera SPT : หลังทำ Ulthera SPT สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกประมาณ 30% จากนั้นผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามคอลลาเจนใหม่ที่สร้างขึ้น ผิวยกกระชับขึ้นใน 1-2 เดือน และเมื่อผ่านไป 2-3 เดือน จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ

ผลลัพธ์หลังทำ Ulthera SPT ลดเหนียง

Thermage : หลังทำ Thermage สามารถเห็นผลหลังทำ 20 % จากนั้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ เห็นผลชัดเจนในช่วง 2-3 เดือนครับ

ผลลัพธ์หลังทำ Thermage ลดเหนียง

Ulthera SPT กับ Thermage อยู่ได้นานแค่ไหน

Ulthera SPT : หลังทำ Ulthera SPT ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี สามารถทำซ้ำได้ ไม่มีผลข้างเคียง ไม่อันตราย ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับเนื้อเยื่อในบริเวณที่ใกล้เคียงครับ

Thermage : หลังทำ Thermage ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-2 ปี แนะนำให้ทำต่อเนื่องอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อรักษาผลลัพธ์ แต่ถ้าคนไข้ต้องการยกกระชับมากขึ้น สามารถทำได้ทุก 3 เดือนครับ

ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็น Ulthera SPT หรือ Thermage ระยะเวลาของผลลัพธ์หลังทำขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคลร่วมด้วย พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่อาจทำให้ผิวกลับมาหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้อีก เช่น แสงแดด การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ผิวกระชับเรียบเนียนยาวนานขึ้นครับ

ระดับความเจ็บ Ulthera SPT กับ Thermage

Ulthera SPT : เจ็บครับ แต่ก่อนทำมีการแปะยาชาให้ จึงช่วยลดความเจ็บได้มาก คนไข้ส่วนใหญ่จะทนเจ็บไม่ไหว ขณะทำจะรู้สึกจี๊ด ๆ และอุ่นร้อนบริเวณที่ยิง เเต่เป็นระดับความร้อนที่ทุกคนทนได้ครับ ในขั้นตอนการทำหมอสามารถปรับลดพลังงานลงได้ครับ เพื่อลดความเจ็บ แต่หากปรับลดลงมาก ๆ ก็จะทำให้ผลอยู่ได้สั้นลง

Thermage : การทำ Thermage จะเหมาะสำหรับคนที่ทนความเจ็บได้ในระดับสูงจึงจะคุ้มค่า แต่ไม่ได้เจ็บจนทนไม่ไหวครับ เพราะ Thermage FLX จะมีระบบ Cooling effect ที่ช่วยปล่อยความเย็นขณะทำ เพื่อป้องกันผิวไหม้ เพิ่มความผ่อนคลายให้กับผิว และทำให้เจ็บน้อยลง

ราคา Ulthera SPT กับ Thermage

โปรแกรม Thermage รุ่น FLX โปรโมชั่น สำหรับผู้ติดตาม LINE@ และมีสติ๊กเกอร์ น้องดักกี้ V Square

EYE Tip 0.25 cm²

• รอบดวงตา
• 450 shot ราคา 29,999.-

FACE Tip 4.0 cm²

• แก้ม+เหนียง
• 450 shot ราคา 30,000.-
• ทั่วหน้า
• 900 shot ราคา 60,000.-
• รับฟรี Hifu Ultraformer III 200 Line**
• 1,800 shot ราคา 110,000.-
• รับฟรี Hifu Ultraformer III 400 Line**

BODY Tip 16.0 cm²

• Body
• 2,000 shot ราคา 90,000.-

** HIfu Ultraformer III หัวยกกระชับใบหน้า

ราคา Thermage

• 450 shot ราคา 29,000.- (รอบดวงตา)
• 450 shot ราคา 30,000.- (แก้ม + เหนียง)
• 900 shot ราคา 65,000.- (ทั่วหน้า)
• 1,800 shot ราคา 120,000.- (2 หัว)
• 3,600 shot ราคา 230,000.- (4 หัว)

สรุป

Ulthera SPT กับ Thermage จะให้ผลลัพธ์ในเรื่องการยกกระชับคล้ายกัน แต่ต่างกันตรงที่ค่าพลังงาน สำหรับคนไข้ที่ลังเลว่าระหว่าง Ulthera SPT กับ Thermage เลือกทำแบบไหนดี หมอแนะนำว่าควรเข้ามาปรึกษาเพื่อให้หมอวางแผน และเลือกหัตถการที่เหมาะสมให้ครับ

ที่ V Square Clinic ใช้ Ulthera SPT กับ Thermage เครื่องแท้ได้มาตรฐาน ดูแลโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้ามากกว่า 5-10 ปี สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด หมอจะวิเคราะห์ใบหน้าของคนไข้ได้อย่างละเอียด และแนะนำวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสม คุ้มค่า ปลอดภัยครับ

สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Thermage FLX ควรทำกี่ shot

Thermage FLX ควรทำกี่ครั้งถึงจะดี Thermage FLX แนะนำทำต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 1ครั้ง เพื่อผลการรักษาและผลลัพธ์ที่คงคุณภาพผิว โดยทั่วไป Thermage จะอยู่ได้นาน1-2ปี แต่ในกรณีทีต้องการให้ผิวกระชับมากขึ้น อาจทำได้ทุก3 เดือน

Thermage ทั่วหน้ากี่shot

Thermage ราคาเท่าไหร่ ?.

Thermage เหมาะกับใคร

บริเวณที่นิยมใช้ Thermage เพื่อยกกระชับผิวคือใบหน้าและช่วงลำคอครับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง มีแก้มห้อย มีเหนียง คางสองชั้น ผิวใต้คางหย่อนคล้อย หลังทำจะช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น ผิวเต่งตึงขึ้น

Ultraformer III กับ Thermage ต่างกันยังไง

โดยคลื่นวิทยุที่ Thermage นั้นต่างกับคลื่นอัลตราซาวนด์ที่ Ultraformer III ใช้ตรงที่ความร้อนจากคลื่นวิทยุมีเพียง 40-42 องศาเซลเซียส ทำให้กระตุ้นการเรียงตัวและสร้างใหม่ของคอลลาเจน แต่พลังงานไม่สามารถส่งลงไปถึงผิวชั้น SMAS ที่เกาะกันเป็นเส้นใยได้