ระหว่าง ม.รามคำแหง กับ ม.สุโขทัย ที่ไหนเรียนจบ ยาก-ง่ายกว่ากันคะไม่ได้ถามว่าที่ไหน ดี หรือ ไม่ดี นะค่ะ ถามเรื่องความยาก-ง่าย ในการเรียนให้จบนะค่ะ เพราะเราเคยเรื่องที่สุโขทัยมาก่อน เมื่อ 4 ปี ที่แล้ว แต่อาจจะอ่านหนังสือไม่ละเอียด เลยสอบไม่ผ่านซักเท่าไหร่ เรียน 4 ปี สอบผ่านแค่ 3 วิชา รู้สึกแย่กับตัวเองมากๆ เราเรียนสาขาบัญชีค่ะ 3 วิชาที่สอบได้ก็มีซ่อมบ้าง จะมีก็แค่ภาษาอังกฤษ ที่สอบได้ครั้งเดียวเลย หยุดมานาน ณ ตอนนี้ เรี่มมีไฟ อยากจะเรียนต่อแล้ว จะเอาวุฒิ ปวส.ไปเทียบโอนด้วยนะค่ะ จากเมื่อก่อนที่ต้องเรียน 22 วิชา ตอนนี้ก็เหลือแค่ 14 วิชา แต่ก็นะอายุ 31 แล้ว ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ บางคนก็บอกว่าทำมัยไม่เรียนรามละ มีพบกลุ่ม มีติวตลอด จะจบง่ายกว่ามั้ย เพราะเรียนสุโขทัย เราก็ได้แค่อ่านหนังสือแล้วไปสอบอย่างเดียว เลยอยากจะรู้ว่า เราควรจะไปเรียนที่ไหนดี กลัวว่าถ้าเรียนราม เวลาไปสอบ จะไม่ค่อยสะดวก เพราะเราทำงานประจำ กับถ้าเรียนสุโขทัย ก็รู้สึกเหมือนตัวคนเดียว กลัวจะเรียนไปจบ T T เพื่อนๆพี่ๆ มีวิธีไหนแนะนำได้บ้างคะ ขอบคุณค่ะ จะเห็นได้ว่ามีผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายย่อยนั้นเล็งเห็นถึงศักยภาพของทำเลย่านรามคำแหง ได้เข้ามาจับจองเพื่อพัฒนาที่ดินที่มีราคากระโดดสูงขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยหนึ่งในนั้นมาจากโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่จะวิ่งจากศูนย์วัฒนธรรมมาถึงมีนบุรีผ่านบน ถ.รามคำแหง นี้เอง ย่านนี้จึงเป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการค้า, การลงทุน และเหมาะกับการอยู่อาศัย (เห็นได้จากโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวที่อยู่ในย่านนี้ก็มีหลากหลายโครงการ) เพราะตัวทำเลสามารถรองรับได้ทุกกิจกรรมของการอยู่อาศัย และการดำเนินธุรกิจส่วนตัวค่ะ การเดินทางด้วยรถยนต์ ตัวโครงการตั้งอยู่บน ถ.คู่ขนานกาญจนาภิเษก (มอเตอร์เวย์) เข้ามาจาก ถ.รามคำแหงประมาณ 2 กม. เป็นทำเลที่เดินทางได้สะดวกนะคะ เพราะตัวโครงการก็มีข้อได้เปรียบ นั่นก็คือ สามารถเข้า-ออกได้ถึง 2 ทาง ทั้งจาก ถ.คู่ขนานกาญจนาภิเษก และจาก ถ.ราษฎร์พัฒนา โดย ถ.คู่ขนานกาญจนาภิเษก สามารถวิ่งลงต่อไปทางบางนาได้สะดวก และ ถ.ราษฎร์พัฒนา สามารถเชื่อมสู่ ถ.รามคำแหง และ ถ.เคหะร่มเกล้า ได้โดยไม่ต้องไปกลับรถไกล ซึ่งจาก ถ.รามคำแหง จะสามารถวิ่งไปทางแยกลำสาลีผ่านบางกะปิ เชื่อมสู่ ถ.พระราม 9 และ ถ.เพชรบุรี ตรงเข้าสู่ย่านเอกมัย-ทองหล่อได้สะดวก หรือจะวิ่งออกไปทางมีนบุรี เข้า ถ.สุวินทวงศ์ ออกสู่ฉะเชิงเทรา และจาก ถ.เคหะร่มเกล้า จะวิ่งไปเชื่อมกับ ถ.ร่มเกล้า ที่สามารถวิ่งลงไปเชื่อมกับ ถ.เจ้าคุณทหาร, ถ.ลาดกระบัง และเข้าสนามบินสุวรรณภูมิได้อีกด้วย นอกจากนี้ตัวโครงการยังอยู่ใกล้ถนนตัดใหม่ นั่นก็คือ ถ.ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เป็นถนนที่ข้ามวงแหวนกาญจนาฯ ไปยัง ถ.กรุงเทพกรีฑา, ข้าม ถ.ร่มเกล้าไปยังเจ้าคุณทหาร และออกสู่มอเตอร์เวย์ผ่าน ถ.พัฒนาชนบท 3 และ 4 เป็นทำเลที่มีเส้นทางเชื่อมต่อทั้งขาเข้าและขาออกเลยค่ะ (คาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดใช้งาน 100% ทั้งโครงการ ในเดือนธันวาคม 2562) ทางด่วน ตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษก ขาไปทางบางนา-ชลบุรี ให้ออกจากโครงการทาง ถ.ราษฎร์พัฒนา เข้า ถ.รามคำแหง แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นวงแหวนกาญจนาค่ะ ระยะทางประมาณ 7 กม. ใช้เวลาเพียง 15 นาทีถึง ส่วนขึ้นไปทางลำลูกกา ให้ขับลอดใต้วงแหวนกาญจนาไปก่อน แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นทางยกระดับเข้าวงแหวนกาญจนาภิเษกค่ะ ระยะทางและเวลาที่ใช้ก็พอๆ กันเลย ความอุดมสมบูรณ์ ตัวโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ ล้อมรอบด้วยสาธารณูปโภคอย่างครบครัน ที่ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุดก็คือ ถ.รามคำแหง มีคอมมูนิตี้มอลล์, ไฮเปอร์มาร์เก็ต และตลาด อยู่หลายแห่ง อย่างบริเวณหน้าหมู่บ้านสัมมากรก็จะมี Pure Place, ตลาดสัมมากร ฝั่งตรงข้ามก็มี Golden Place, Tops Market, The Paseo Town HomePro, Big C จนไปถึงแยกลำสาลี ตรงนั้นจะมี The Mall บางกะปิ เป็นห้างใหญ่, ตลาดบางกะปิ และ Tesco Lotus ถ้าไปทางฝั่งมีนบุรีก็จะมีทั้ง Big C, Home Pro และ Tesco Lotus อยู่ในละแวกเดียวกัน และมีตลาดน้ำขวัญเรียม เป็นตลาดน้ำที่ได้บรรยากาศของวิถีชีวิตของผู้คนริมคลองแสนแสบ ตรงวัดบางเพ็งเหนือและวัดบางเพ็งใต้ค่ะ สถานศึกษาที่สำคัญๆ ก็ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนไปถึงระดับอุดมศึกษา ทั้งไทยและนานาชาติ อย่าง NIDA, ม.รามคำแหง, ม.เกษมบัณฑิต, รร.เตรียมอุดมฯ น้อมเกล้า, รร.นานาชาติ ASCOT, รร.นานาชาติบรอมส์โกรฟ เป็นต้น โรงพยาบาลดังๆ ก็มีทั้ง รพ.สมิติเวช, รพ.รามคำแหง, รพ.เวชธานร และ รพ.การุญเวช นอกจากนี้ ใน ซ.เคหะร่มเกล้า จะเป็นลักษณะของชุมชนดั้งเดิม ทำให้มีความครึกครื้นเต็มไปด้วยร้านค้า-ร้านอาหารตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ระดับร้านริมถนนไปจนถึงระดับภัตตาคาร ตลาดก็มีอยู่เยอะ ทั้งตลาดบวรร่มเกล้า, ตลาดกลางนครร่มเกล้า, ตลาดเกรียงไกร และ Hyper Market คือ Big C ถ้าเราขึ้นวงแหวนกาญจนาฯ ไปลงที่เส้นรามอินทรา ตรงนั้นก็จะมีห้างใหญ่ทั้ง แฟชั่นไอส์แลนด์ และ เดอะ พรอมานาด อยู่ข้างกัน ตรงนั้นจะใกล้กับ รพ.สินแพทย์อีกด้วย หรือทางฝั่ง ถ.ลาดกระบังก็มีความอุดมสมบูรณ์อยู่พอตัวนะ เพราะเป็นแหล่งสถานศึกษาคือ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังค่ะ โดยรอบจะมีทั้ง รพ.ลาดกระบัง, รพ.จุฬารัตน์ 7, ร้านอาหารขนาดเล็ก-ใหญ่ และตลาดนัดขนาดใหญ่ คือตลาดนัดสุวรรณภูมิ นั่นเอง การเดินทางด้วยรถสาธารณะ หน้าโครงการมีแท็กซีวิ่งผ่านอยู่เป็นระยะๆ สะดวกที่สุดแนะนำให้เรียก Grab Taxi และ Uber ค่ะ อีกทั้งยังมีรถสองแถววิ่งผ่านหน้าโครงการ เป็นรถสองแถวสีเขียวขาว วิ่งจากรถไฟฟ้าหัวหมากถึงมีนบุรี ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้กับตัวโครงการมากที่สุดก็คือ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ทลิงค์ สถานีบ้านทับช้าง อยู่ห่างจากตัวโครงการออกไปประมาณ 10 นาทีค่ะ ในอนาคตบนเส้นรามคำแหงก็จะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี สถานีที่ไปใช้งานสะดวกมากที่สุดก็คือ สถานีราษฎร์พัฒนา ซึ่งตำแหน่งของสถานีจะอยู่ที่แยกทางเข้า ถ.ราษฎร์พัฒนาเลยค่ะ :::: การเดินทางสู่โครงการ :::: การเดินทางไปยัง โครงการ The Eiffel รามคำแหง-มิสทีน นั้นสามารถทำได้อยู่ 2 ทาง คือ จาก ถ.รามคำแหง เลี้ยวเข้า ถ.ราษฎร์พัฒนา แล้วออกที่ทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก หรือ จาก ถ.รามคำแหง เลี้ยวเข้าทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก แล้วตรงสู่ตัวโครงการเลย โดยวันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัว โครงการ The Eiffel รามคำแหง-มิสทีน โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกัน เราเลือกใช้เส้นทางที่ 2 ค่ะ เริ่มต้นจาก ถ.รามคำแหง \> ทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก > โครงการ The Eiffel รามคำแหง-มิสทีน เราเริ่มต้นการเดินทางจาก ถ.รามคำแหง ตรง The Paseo Town นะคะ เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆ ฝั่งซ้ายมือเราจะเห็น Tops Market ตรงไปข้างหน้าเราจะวิ่งลอดใต้วงแหวนกาญจนาภิเษก พอลอดใต้ทางยกระดับไปแล้ว ให้เราวิ่งชิดขวาไปทางบางนา-ชลบุรีนะคะ พอลอดใต้ทางยกระดับมา ข้างหน้าเราจะมีแยกไฟแดง ให้เราเลี้ยวขวาเพื่อเข้าทางคู่ขนานเส้นกาญจนาภิเษกไปค่ะ เลี้ยวขวาเข้ามาแล้วให้เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนไปออกทางคู่ขนาน ให้เราชิดซ้ายเข้าทางคู่ขนานค่ะ ถ้าเราชิดขวาเราจะวิ่งขึ้น ถ.กาญจนาภิเษก ตรงไปทางบางนา-ชลบุรี ซึ่งจะไม่มีทางออกสู่โครงการนะ จากทางคู่ขนานให้เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆ เราจะผ่าน 7-Eleven ทางซ้ายมือ จากตรงนี้จะอยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการแล้ว ฝั่งซ้ายมือจะมี ซ.ราษฎร์พัฒนา 35 เชื่อมสู่ ถ.ราษฎร์พัฒนา สามารถออก ถ.รามคำแหงได้ ให้เราชิดซ้ายเลยนะ เพราะตัวโครงการจะอยู่ด้านหน้านี้เอง (ถ้าเรามาจากทาง ถ.ราษฎร์พัฒนา ที่ได้กล่าวไปเมื่อข้างต้น เราก็จะมาออกที่ตรงนี้เองค่ะ) เราจะเห็นซุ้มทางเข้าโครงการเด่นสง่าอยู่ด้านหน้า เพราะมีหอคอยไอเฟลอยู่ข้างบน เป็นจุดสังเกตที่เห็นได้อย่างชัดเจนค่ะ สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถาน
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
สถานที่สำคัญใกล้เคียง
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ :::: ตัวโครงการตั้งอยู่ติด ถ.คู่ขนานวงแหวนกาญจนาภิเษก และ ถ.ราษฎร์พัฒนา 35 จะเห็นว่าโดยรอบโครงการนั้นเป็นหมู่บ้านทั้งหมด จะมีพื้นที่ฝั่งตรงข้ามที่ยังเป็นที่ดินเปล่า ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับ ลำคลอง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับ ที่ดินบุคคลอื่น ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับ ถ.ราษฎร์พัฒนา 35 ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับ ถ.คู่ขนานวงแหวนกาญจนาภิเษก มาดูสภาพโดยรอบโครงการกันบ้าง ตอนนี้เราอยู่ที่บริเวณด้านหน้าซุ้มทางเข้าโครงการกันแล้วค่ะ มองไปทางฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการ เราจะเห็น ถ.วงแหวนกาญจนาภิเษก อีกฝั่งนึงของถนนจะยังคงเป็นที่ดินเปล่าค่ะ มองไปทางฝั่งขวามือ ตัวโครงการจะอยู่ติดกับ ซ.ราษฎร์พัฒนา 35 ซึ่งสามารถเชื่อมสู่ ถ.รามคำแหงได้ โดยที่ไม่ต้องไปกลับรถบนทางคู่ขนาน มองไปทางฝั่งขวามือ ตัวโครงการติดกับที่ดินบุคคลอื่น ซึ่งยังคงเป็นที่ดินเปล่าค่ะ :::: ตัวโครงการ :::: โครงการ The Eiffel รามคำแหง-มิสทีน เป็นโครงการทาวน์โฮม บนเนื้อที่ 24-3-92 ไร่ จำนวน 204 ยูนิต แบ่งเป็น ทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น 133 ยูนิต และ โฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้น อีก 71 ยูนิต สร้างบรรยากาศให้ดูหรูหราด้วยกลิ่นอายเมืองปารีสในฝรั่งเศส จากศิลปะยุค Art Deco อันสง่างาม เหมาะแก่การประกอบธุรกิจและการอยู่อาศัยของครอบครัว ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปสำรวจบริเวณภายในโครงการจะขออธิบายผังคร่าวๆเพื่อความเข้าใจกันก่อนนะคะ การวางผังของโครงการจะใช้ถนนหลักนำเข้ามาสู่ภายในตัวโครงการ ผ่านซุ้มทางเข้าโครงการหอคอยไอเฟลเข้ามา เจอสำนักงานขายและบ้านตัวอย่างอยู่ทางฝั่งขวามือ ฝั่งที่ติด ถ.กาญจนาภิเษก และ ซ.ราษฎร์พัฒนา 35 (ยูนิตสีเขียว, สีฟ้า และ สีชมพู) จะเป็นอาคารพาณิชย์ทั้งหมด ยูนิตฝั่งด้านในสีเหลืองและสีส้มจะเป็นทาวน์โฮมสูง 3 ชั้นค่ะ ถนนหลักที่ผ่านหน้าอาคารพาณิชย์กว้างถึง 15 เมตร สามารถจอดรถได้กว่า 200 คัน เพื่อแก้ปัญหาที่จอดรถคับแคบให้เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนสวนสาธารณะจะอยู่บริเวณกึ่งกลางของโครงการด้านใน ตกแต่งแบบ Formal Garden มีความสมมาตร เส้นสายที่เป็นระเบียบ มีความสมดุลของพรรณไม้ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย และความงามที่ไร้กาลเวลา ด้วยต้นไม้ใหญ่และต้นปาล์ม เป็นโอโซนให้กับตัวโครงการ จะเห็นว่าหน้าโครงการมีหน้ากว้างถึง 327 เมตรเลยนะคะ อีกทั้งยังติดถนนใหญ่อีกด้วย จึงทำให้ภาพรวมของโครงการดูโปร่งและไม่แออัดค่ะ มาดูทัศนียภาพจำลองของตัวโครงการกันบ้าง นี่คือภาพในมุมสูงของทั้งโครงการ จะเห็นว่าตัวโครงการอยู่ติด ถ.คู่ขนานกาญจนาภิเษก และ ซ.ราษฎร์พัฒนา 35 ซึ่งสามารถเข้า-ออกได้ทั้ง 2 ทางเลย ด้านหลังของโครงการจะติดกับลำคลอง ข้ามฝั่งไปก็จะเป็นหมู่บ้านจัดสรรเหมือนกันค่ะ ภาพซุ้มทางเข้าโครงการบน ถ.คู่ขนานกาญจนาภิเษก เห็นบรรยากาศความคึกคักภายในโครงการ ได้กลิ่นอายแบบฝรั่งเศส ภาพบรรยากาศด้านหน้าอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ถนนด้านหน้าอาคารพาณิชย์กว้างถึง 15 เมตรเลยค่ะ โดยรวมคือจอดรถได้กว่า 200 คัน ภาพบรรยากาศจำลองของบริเวณหน้าอาคารพาณิชย์ ภาพบรรยากาศจำลองการตกแต่งภายในอาคารพาณิชย์ เป็นส่วนของออฟฟิศในชั้นที่ 1 ภาพบรรยากาศจำลองการตกแต่งภายในอาคารพาณิชย์ เป็นส่วนของห้องผู้บริหารในชั้นที่ 2 ภาพบรรยากาศจำลองการตกแต่งภายในทาวน์โฮม ในโถงห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหาร ภาพบรรยากาศจำลองการตกแต่งภายในห้องนอน ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณสวนสาธารณะของโครงการ ตกแต่งให้ได้กลิ่นอายแบบฝรั่งเศสด้วยการจัดสวนแบบ Formal Garden :::: แบบบ้านของโครงการ :::: แบบบ้านของโครงการถูกดีไซน์ออกมาให้เป็นสไตล์ฝรั่งเศสด้วยศิลปะในยุค Art Deco ที่ดูสง่างามและหรูหรา ภายในบ้านใช้วัสดุที่สวยงาม, คงทน และได้มาตรฐาน ออกแบบให้ใช้สอยได้ทุกตารางเมตร และตัวบ้านใช้ระบบ Intelligent Control (Home Automation System) เพื่อควบคุมระบบควบคุมไฟฟ้าภายในบ้าน ผ่านโทรศัพท์มือถือ และใช้ Motion Sensor ในการตรวจจับความเคลื่อนไหวจากความร้อน ป้องกันโจรผู้ร้ายเข้ามาภายในอาคารอีกด้วย แบบบ้านถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ นั่นก็คือ อาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น และทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น ดังนี้ค่ะ ::: โฮมออฟฟิศ ขนาด 226 ตร.ม.:::
::: ทาวน์โฮม ขนาด 196 ตร.ม.:::
:::: บริเวณภายในโครงการ :::: ::: ทางเข้าโครงการ ::: เมื่อสักครู่เราได้ชมบรรยากาศรอบนอกและรายละเอียดของโครงการกันไปแล้ว เดี๋ยวเราไปชมบรรยากาศภายในโครงการกันค่ะ ซุ้มทางเข้าโครงการเด่นสง่าด้วยหอคอยไอเฟล ตัวซุ้มของโครงการถูกตกแต่งด้วยศิลปะในยุค Art Deco ทั้งความชดช้อยแบบ Doric รวมถึงลูกกรงเหล็กสีดำที่ถอดแบบมาจากศิลปะในยุคนี้ การผ่านเข้า-ออกตัวโครงการจะต้องผ่านซุ้มรปภ. ซึ่งจะประกอบด้วย ป้อมยาม, ระบบ Easy Pass ผ่านรั้วไม้กระดก และกล้อง CCTV เฉพาะลูกบ้านที่ถือ Key Card เท่านั้นที่จะสามารถเปิดรั้วไม้กระดกและผ่านเข้าไปภายในตัวโครงการได้อย่างรวดเร็ว ส่วน Visitor พี่รปภ.จะต้องสอบถาม, แลกบัตร และจดบันทึก พร้อมกล้อง CCTV ที่ซุ้มทางเข้า-ออก เพื่อบันทึกภาพหน้าคนขับและป้ายทะเบียนรถค่ะ เครื่องจับสัญญาณ Key Card และกล้อง CCTV ติดตั้งไว้ตรงข้างๆ ป้อมรปภ. ด้านข้างซุ้มทางเข้าทำทางเท้าให้คนสามารถเดินเข้าไปแยกต่างหากเพื่อความปลอดภัย ภาพมุมมองย้อนกลับไปที่ซุ้มทางเข้าโครงการ ::: บริเวณภายในโครงการ ::: ผ่านซุ้มทางเข้าโครงการเข้ามาแล้วจะมีถนนที่สามารถตรงเข้าสู่ส่วนทาวน์โฮมด้านในได้เลย ส่วนพื้นที่โครงการรอบนอกที่ติดกับถนนใหญ่จะเป็นส่วนของโฮมออฟฟิศทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาค่ะ ปัจจุบันฝั่งซ้ายยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง ส่วนฝั่งขวาสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วได้เห็นเป็นตัวอย่าง จะเห็นว่าถนนด้านหน้าอาคารพาณิชย์กว้างถึง 15 เมตรเลยนะคะ สามารถรองรับการจอดรถได้อย่างพอเพียง ยูนิตที่ 3 จากฝั่งซ้ายสุดคือสำนักงานขาย ภายในจะมีพนักงานฝ่ายขายประจำอยู่ คอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวโครงการ และพาไปดูบ้านตัวอย่างที่อยู่ยูนิตถัดไปค่ะ ภาพบรรยากาศอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นด้านหน้าโครงการ ขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง ดูเรียบร้อยสวยงามทีเดียว :::: บ้านตัวอย่าง :::: บ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้จะมีอยู่ 2 หลังด้วยกันนั่นก็คือ ทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 196 ตร.ม. และอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ขนาดพื้นที่ใช้สอย 226 ตร.ม. ตามลำดับ ไปชมกันเลยดีกว่าค่ะ ::: ทาวน์โฮม สูง 3 ชั้น ขนาด 196 ตร.ม. ::: มาดูทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น ขนาด 196 ตร.ม. ที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการกันก่อน รูปแบบหน้าตาของบ้านก็จะเป็นสไตล์ฝรั่งเศสจากศิลปะยุค Art Deco หน้าบ้านนำเสา Doric มาลดทอนรายละเอียดให้ดูทันสมัยมากขึ้น รวมถึงถอดลวดลายของยุคนี้ออกมาเป็นลายของรั้วบ้านและราวกันตกของระเบียงห้อง สร้างความสง่างามให้กับตัวบ้าน ส่วนสีที่ใช้เลือกออกเป็นโทนน้ำตาล-ครีม ดูอบอุ่นและหรูหรา รั้วบ้านใช้เป็นบานเฟี้ยมลูกกรงเหล็กสีดำ แบ่งออกเป็น 6 ตอน สามารถพับเปิด-ปิดได้แบบนี้ ที่รั้วบ้านจะติดกล่องจดหมายพร้อมกับเลขที่บ้านมาให้เลยค่ะ ติดกริ่งออดและไฟหน้าบ้านให้เรียบร้อย เข้ามาในส่วนของลานจอดรถสามารถจอดรถได้ 2 คันพอดี พื้นซีเมนต์ปาดเรียบ ลงเสาเข็มให้หมดเพื่อกันทรุด ที่ฝั่งซ้ายจะมีประตูบานเกล็ด ตรงนี้เป็นห้องเก็บของนะคะ เอาไว้เก็บพวกอุปกรณ์ล้างรถ หรืออุปกรณ์สำหรับทำสวน พื้นเฉลียงหน้าบ้านจะทำยกระดับขึ้นมาเป็นขั้นบันไดให้ ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนขนาด 60 x 60 ตร.ม. ที่ฝ้าเฉลียงหน้าบ้านติดดวงโคมดาวน์ไลท์และไฟกิ่งให้เรียบร้อย เราเข้าไปดูภายในตัวบ้านกันต่อเลยค่ะ ประตูทางเข้าเป็นบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสง เป็นทั้งทางเข้า-ออกและช่องแสงขนาดใหญ่ให้กับตัวบ้าน มือจับบานประตูขนาดใหญ่ จับถนัดมือ เหมือนกันทั้งภายนอกและภายในค่ะ เมื่อเข้ามาในบ้านจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน ถัดเข้าไปจะเป็นห้องทานอาหาร, โถงห้องครัว และห้องน้ำ ทางซ้ายมือจะเป็นโถงบันไดและห้องนอนชั้นล่าง ภายในบ้านปูด้วยกระเบื้องงแกรนิตโต้ลายหินอ่อน ขนาด 60 x 60 ซม. ผนังเป็นผนังก่ออิฐฉาบเรียบทาสีจาก TOA รุ่น 4 Season หรือเทียบเท่า ที่ฝ้าเพดานสูงถึง 2.80 เมตร เป็นฝ้ายิปซั่มฉาบเรียบ ใช้ดวงโคมดาวน์ไลท์ทั้งหมด เรามาดูตัวอย่างการจัดสรรพื้นที่ภายในบ้านกันต่อค่ะ เริ่มต้นที่ห้องนั่งเล่น มีขนาดกว้างขวาง สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง หรือจะวางเป็นโซฟารูปตัว L ก็ได้ค่ะ ฝั่งตรงข้ามสามารถตั้งชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ได้เลย ส่วนประตูใต้บันไดนี้คือห้องเก็บของนะคะ ระยะดูทีวีของห้องนี้ค่อนข้างกว้างทีเดียว กว้างเกือบเท่าหน้าบ้านเลย (หักส่วนโถงบันไดออกไปหน่อย) ใช้ทีวีจอขนาด 70 นิ้วเลยก็ยังไหว กระเถิบจากห้องนั่งเล่นเข้าไปด้านในเป็นส่วนของห้องรับประทานอาหารและห้องนอนชั้นล่างค่ะ มาดูในส่วนของห้องรับประทานอาหารกันก่อน เราจะสามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้แบบนี้ในช่วงเสา จริงๆ แล้วจะวางขนาด 6 ที่นั่งก็ยังพอไหวอยู่นะ เราเข้าไปดูห้องนอนชั้นล่างกันต่อค่ะ ห้องนอนชั้นล่างเป็นห้องที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่เดินขึ้น-ลงบันไดไม่ถนัด หรืออาจจะทำเป็นห้องอเนกประสงค์อย่าง ห้องนั่งเล่นของครอบครัวหรือห้องทำงานก็ได้เช่นกัน ในห้องนี้จะมีขนาดพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ยังสามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัวดี ฝั่งในสุดติดริมหน้าต่างวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างอีก 1 ตัว ถัดออกไปสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าขนาดกลางๆ ได้อย่างลงตัว ในห้องนี้จะได้หน้าต่างบานเลื่อนเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ ได้วิวสวนหลังบ้าน โดยหน้าต่างจะใช้กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสงเหมือนประตูทางเข้าบ้านค่ะ ส่วนมือจับเป็นแบบเซาะร่องมาตรฐานค่ะ มาดูที่โถงด้านหลังห้องรับประทานอาหารกันต่อ จะเป็นโถงทางเดินกว้างประมาณ 1.3 เมตร ที่ผนังฝั่งขวาเราพอจะวางพวกเคาน์เตอร์ครัว หรือพื้นที่เตรียมอาหารได้อยู่บ้าง ฝั่งซ้ายเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำชั่นล่างค่ะ ใช้บานประตู PVC นะ พื้นลดระดับลงไปประมาณ 5 ซม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม. ภายในกรุผนังด้วยกระเบื้องคัมพานาหลายขนาด ใช้สุขภัณฑ์จาก American Standard หรือเทียบเท่าทั้งหมดค่ะ ส่วนฝ้าเพดานใช้ฝ้ายิปซั่มกันชื้น ติดดวงโคมดาวน์ไลท์ให้เหมือนเดิม มาดูที่อ่างล้างมือที่อยู่ตรงกลางห้องกันก่อน เป็นอ่างแบบแขวนผนัง พร้อมติดตั้งกระจกเงามาให้แบบนี้ อ่างขนาดกำลังดีค่ะ ทรงสี่เหลี่ยม ขอบอ่างพอจะวางพวกขวดสบู่ล้างมือได้บ้าง ก๊อกน้ำทรงสูง ใช้งานได้สะดวก ฝั่งซ้ายมือวางโถสุขภัณฑ์แบบแยกชิ้น ระยะการติดตั้งกำลังดีค่ะ ไม่ทำให้รู้สึกว่าอึดอัด ติดตั้งมาพร้อมกับ Accessories ประกอบการใช้งานเรียบร้อย รวมถึงติดก๊อกสนามมาให้ เผื่อการทำความสะอาดต่างๆ พร้อมติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้ภายในส่วนแห้ง คราวนี้มาดูที่ฝั่งขวาซึ่งเป็นส่วนเปียกกันบ้าง ซึ่งฝั่งนี้จะติดหน้าต่างบานเลื่อนกระจกฝ้าเพื่อเป็นช่องแสงและการระบายอากาศ พื้นที่ยืนอาบน้ำกว้างขวางได้มาตรฐานดีค่ะ ไม่อึดอัดแน่นอน ตรงนี้ก่อธรณีขึ้นมาเพื่อกันน้ำไหลย้อนให้แล้ว แนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมอีกอย่างค่ะ ภายในติดตั้งฝักบัวอาบน้ำแบบสายอ่อน พร้อมจานวางสบู่ขนาดวางได้ 1 ก้อนมาให้ ขนาดหัวฝักบัวกำลังดีเลยค่ะ สามารถปรับระดับของสายน้ำได้ด้วย เราออกไปดูพื้นที่หลังบ้านกันต่อค่ะ จริงๆ แล้วพื้นด้านหลังจะลดระดับลงไปจากตัวบ้าน และทำเป็นพื้นซีเมนต์ปาดเรียบให้ พื้นที่หลังบ้านเป็นเหมือนส่วน Service สำหรับการซักผ้าและตากผ้า บางส่วนอาจจัดเป็นพื้นที่สวน และเรายังสามารถแบ่งพื้นที่บางส่วนเพื่อต่อเติมเป็นครัวไทยเพิ่มเติมได้อีกด้วย ภาพมองย้อนกลับเข้ามาภายในโถงบ้าน คราวนี้เราจะขึ้นไปดูที่ชั้น 2 กันต่อค่ะ บันไดบ้านใช้โครงสร้าง คสล. รับรองว่าแข็งแรงทนทาน เดินแล้วไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดแน่นอน ปูพื้นทับด้วยไม้สำเร็จรูป ราวบันไดเป็นโครงเหล็กทาสีดำ ส่วนมือจับใช้เป็นไม้จริงสีเข้ากันกับพื้นบันได ภาพมองขึ้นไปที่โถงชั้น 2 ภาพจากชั้น 2 มองย้อนลงไปที่ชานพักบันได จะไม่มีขั้นบันไดรูปสามเหลี่ยมเลย ทำให้เดินขึ้น-ลงได้สะดวก ภาพมองย้อนกลับไปที่โถงบันได ขึ้นมาที่ชั้น 2 เป็นส่วนของห้องโถงที่โล่งและโปร่ง สามารถจัดเป็นห้องพักผ่อนครอบครัวขนาดใหญ่ได้สบายๆ วัสดุพื้นเป็นไม้ลามิเนต จะเห็นว่าเราได้ช่องแสงขนาดใหญ่มาถึง 3 บาน บานกลางเป็นบานเลื่อนสามารถเปิดระบายอากาศได้ ส่วนบานซ้ายและขวาเป็นบาน Fixed ค่ะ ตรงนี้จะมีระเบียงสามารถใช้วางคอยล์แอร์ได้ด้วย จากส่วนโถงใหญ่เราเข้าไปดูห้องนอนบนชั้น 2 กันต่อค่ะ ประตูห้องนอนเป็นบานไม้ Doric ลายลูกฟัก สวยงาม ภายในห้องนอนมีขนาดใหญ่กำลังดีเลยค่ะ เนื่องจากเป็นบ้านแปลงมุมจึงได้หน้าต่างมาทั้ง 2 ด้าน แต่ถ้าเป็นบ้านแปลงมาตรฐานก็จะได้หน้าต่างมาฝั่งเดียวนะ ภายในห้องจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตให้ดูเป็นตัวอย่าง และวางโต๊ะข้างได้อีกทั้ง 2 ฝั่ง ถ้าใครชอบนอนเตียงใหญ่ๆ จะวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังไหวนะ ฝั่งขวาของห้องยังเหลือพื้นที่อยู่พอสมควรเลยค่ะ สามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้สบายๆ พื้นที่ปลายเตียงก็ยังเหลือนะ เดินผ่านได้สะดวก และสามารถวางชั้นวางทีวีได้อีกตัว ที่ฝั่งซ้ายของชั้นวางทีวีก็คือห้องน้ำในตัวค่ะ ที่พื้นลดระดับลงไปเล็กน้อย ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนห้องน้ำชั้นล่างทุกประการ ต่างกันที่ตำแหน่งประตูและการจัดวางสุขภัณฑ์เล็กน้อยค่ะ คราวนี้เราจะขึ้นไปที่ชั้น 3 กันต่อ วัสดุบันไดยังคงเหมือนเดิมทุกประการ ภาพมองขึ้นไปที่โถงชั้น 3 ภาพมองย้อนกลับไปที่ชานพักบันไดค่ะ ขึ้นมาถึงชั้น 3 จะเจอพื้นที่โถงบันไดเล็กๆ พอจะวางชั้นวางของหรือหิ้งพระได้ ที่พื้นยังปูด้วยลามิเนตเหมือนเดิม ภาพมองย้อนกลับไปที่โถงบันได บนชั้น 3 จะซอยพื้นที่เป็นห้องนอนอีก 2 ห้อง ส่วนปลายโถงบันไดเหลือพื้นที่มุมเล็กๆ สามารถจัดวางเป็นมุมห้องหนังสือได้อีก 1 มุม เราจะเข้าไปดูภายในห้องนอนใหญ่ฝั่งปลายโถงกันก่อนค่ะ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ของห้องนี้เรียกว่าเหมือนห้องนอนที่ชั้น 2 ทุกประการค่ะ เพราะมีรูปร่างและขนาดพื้นที่ห้องที่ใกล้เคียงกันมาก จะวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตก็ยังไหว และยังเหลือพื้นที่โดยรอบให้เดินผ่านหรือเปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้สะดวก ฝั่งขวามือของห้องสามารถจัดวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้พอดี พื้นที่ข้างๆจะวางโต๊ะเครื่องแป้งแทนแจกันดอกไม้ก็ได้ค่ะ พื้นที่ฝั่งปลายเตียงยังสามารถตั้งชั้นวางทีวีได้อีกตัว ข้างชั้นวางทีวีเป็นประตูห้องน้ำในตัวเหมือนเดิมค่ะ ส่วนภายในห้องน้ำเรียกว่าเหมือนกันทุกประการ จะขอข้ามไปเลยนะคะ คราวนี้เรามาดูห้องนอนเล็กกันต่อเป็นห้องสุดท้ายแล้ว ถึงจะเป็นห้องนอนเล็กก็ถือว่าได้พื้นที่อยู่พอสมควรเลยนะ สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์หลักๆ ได้อย่างลงตัวและไม่อึดอัด ถ้าเป็นบ้านแปลงมาตรฐานก็จะได้หน้าต่างมาด้านเดียวค่ะคือบานฝั่งด้านหน้าบ้าน ภายในห้องวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ถ้าอยากวางเตียงขนาด 5 ฟุต จะต้องวางเตียงชิดผนังฝั่งหน้าต่างนะ พื้นที่ปลายเตียงก็เหลือเดินผ่านสบาย แต่ระยะนี้ไม่สามารถวางชั้นวางทีวีได้แล้วนะ ต้องใช้เป็นทีวีแบบแขวนผนังแทนค่ะ หน้าต่างภายในห้องทั้ง 3 บาน มีทั้งบานเปิด, บาน Fixed และบานกระทุ้ง ไล่จากฝั่งซ้ายไปขวา ส่วนฝั่งซ้ายของห้องจะสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาดกลางๆ และโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกตัวพอดี ประตูข้างๆ โต๊ะเครื่องแป้งคือห้องน้ำในตัวค่ะ ภายในห้องน้ำจะไม่ต่างจากห้องที่ผ่านๆ มาเลยค่ะ แต่ห้องนี้จะไม่มีหน้าต่างระบายอากาศมาให้ด้วย จึงต้องอาศัยพัดลมดูดอากาศแทน ::: โฮมออฟฟิศ สูง 4 ชั้น ขนาด 226 ตร.ม. ::: มาดูโฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้น ขนาด 226 ตร.ม. กันต่อค่ะ รูปแบบหน้าตาของบ้านก็จะเป็นสไตล์ฝรั่งเศสจากศิลปะยุค Art Deco เหมือนบ้านหลังที่แล้ว หน้าบ้านนำเสา Doric มาลดทอนรายละเอียดให้ดูทันสมัยมากขึ้น รวมถึงถอดลวดลายของยุคนี้ออกมาเป็นลายของรั้วบ้านและราวกันตกของระเบียงห้อง ส่วนสีก็ใช้เหมือนกันทั้งโครงการ เป็นการช่วยคุมโทนให้ทั้งโครงการดูเรียบร้อยสวยงามด้วย เราเข้าไปดูบ้านตัวอย่างด้วยกันเลยค่ะ จากระดับฟุตบาท เฉลียงหน้าบ้านจะยกระดับขึ้นมาอีกประมาณ 15 ซม. แล้วปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ประตูทางเข้าเป็นบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสงเหมือนเดิม เข้าสู่ตัวบ้านที่พื้นยกระดับขึ้นมาอีก 15 ซม.ค่ะ บริเวณเฉลียงทางเข้าติดตั้งกันสาดผ้าใบกันฝนให้เรียบร้อยทุกยูนิต ภายในบ้าน พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. ผนังก่ออิฐฉาบเรียบทาสี TOA รุ่น 4 Season หรือเทียบเท่าให้ ที่ฝ้าเพดานสูงถึง 2.80 เมตร เป็นฝ้ายิปซั่มฉาบเรียบ ใช้ดวงโคมดาวน์ไลท์ทั้งหมด ที่ชั้น 1 จัดเป็นส่วนของสำนักงานทั้งหมด ในช่วงเสาแรกของห้องจัดเป็นพื้นที่รับรอง ถัดเข้าไปจัดเป็นพื้นที่สำนักงาน, ห้องรับประทานอาหาร และแพนทรี่สำหรับเตรียมอาหารค่ะ เรามาดูตัวอย่างการจัดสรรพื้นที่ภายในบ้านกันต่อ ส่วนแรกเป็นพื้นที่รับรองลูกค้า จัดวางโซฟาสำหรับนั่งพักคอย ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ สำหรับใช้นั่งคุยกับลูกค้า ในช่วงเสาที่ 2 จะเข้าสู่ส่วนสำนักงานค่ะ สามารถจัดโต๊ะเรียงกันได้ประมาณ 3 ตัวต่อ 1 ช่วงเสา ฝั่งตรงข้ามอาจจัดวางเป็นโต๊ะ Reception สำหรับต้อนรับลูกค้า หรือจะจัดวางชั้นวางเอกสารเพิ่มเติมก็ได้ค่ะ ถัดเข้าไปช่วงเสาที่ 3 จัดเป็นพื้นที่รับประทานอาหารรองรับพนักงานเวลาทานอาหารกลางวัน นี่เป็นตัวอย่างการจัดคร่าวๆ ให้เป็นไอเดียนะคะ จริงๆ แล้วในพื้นที่ห้องที่กว้างแบบนี้ เราสามารถออกแบบการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายรูปแบบเลยค่ะ ในส่วนท้ายห้องจัดเป็นพื้นที่แพนทรี่ สำหรับการเตรียมอาหาร, ชงเครื่องดื่ม และการเก็บล้างค่ะ โดยทางโครงการจะทำการเจาะท่อเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ฝั่งซ้ายมือเป็นห้องน้ำของสำนักงานค่ะ ประตูห้องน้ำใช้บาน PVC เหมือนเดิม พื้นห้องน้ำลดระดับลงไปเล็กน้อย ห้องน้ำห้องนี้เป็นแบบ Powder Room คือไม่มีส่วนอาบน้ำมาให้ ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์ที่ใช้จะไม่ต่างจากบ้านหลังที่แล้วเลยค่ะ อ่างล้างมือแบบแขวนผนังทรงสี่เหลี่ยมแบบเดิม ติดตั้งกระจกมาให้พร้อม โถสุขภัณฑ์พร้อม Accessories ประกอบการใช้งาน ระยะนั่งกำลังดีไม่อึดอัด หน้าต่างห้องน้ำเป็นบานเลื่อนกระจกฝ้าเหมือนเดิม จากส่วนแพนทรี่จะมีประตูบานเลื่อน สามารถเชื่อมต่อพื้นที่หลังบ้านได้ค่ะ จริงๆ แล้วพื้นด้านหลังจะลดระดับลงไปจากตัวบ้าน และทำเป็นพื้นซีเมนต์ปาดเรียบให้ พื้นที่หลังบ้านเป็นเหมือนส่วน Service หรือเราอาจจะจัดให้เป็นพื้นที่สวนทั้งหมด เพื่อให้คนในออฟฟิศได้มีพื้นที่ผ่อนคลายกันบ้าง ภาพมองย้อนกลับเข้ามาภายในตัวบ้าน เราจะขึ้นไปดูที่ชั้น 2 ด้วยกันต่อเลย บันไดบ้านใช้โครงสร้าง คสล. ปูพื้นทับด้วยไม้สำเร็จรูป ราวบันไดเป็นโครงเหล็กทาสีดำ ถอดลวดลายจากศิลปะยุค Art Deco มาใช้อย่างสวยงาม ส่วนมือจับใช้เป็นไม้จริงสีเข้ากันกับพื้นบันได ภาพมองขึ้นไปที่โถงชั้น 2 ภาพจากชั้น 2 มองย้อนลงไปที่ชานพักบันได จะไม่มีขั้นบันไดรูปสามเหลี่ยมเลย ทำให้เดินขึ้น-ลงได้สะดวก ภาพมองย้อนกลับไปที่โถงบันได ขึ้นมาที่ชั้น 2 ยังคงเป็นส่วนของสำนักงานค่ะ แต่เปลี่ยนวัสดุพื้นเป็นไม้ลามิเนตทั้งหมด พื้นที่ฝั่งด้านหน้าอาคารช่วงเสาแรกแบ่งเป็นพื้นที่ทำงานของเจ้าของกิจการหรือผู้บริการ พื้นที่ภายในห้องสามารถจัดวางโต๊ะขนาดใหญ่และชั้นวางของได้พอดีๆ ช่วงเสาถัดมาจัดเป็นโต๊ะสำหรับพนักงานเหมือนกับชั้นล่าง ส่วนฝั่งด้านหลังอาคารจัดเป็นแพนทรี่และห้องน้ำเหมือนเดิม พื้นที่เตรียมอาหาร ก็เจาะเตรียมท่อเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนห้องน้ำ Copy ขึ้นมาจากชั้น 1 เหมือนเดิมทุกประการค่ะ ตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปจะเข้าสู่ส่วนพักอาศัยแล้วค่ะ ภาพมองขึ้นไปที่โถงชั้น 3 ภาพมองย้อนกลับลงมาที่ชานพักบันได ภาพมองย้อนกลับไปที่โถงบันได เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 3 เราจะเจอโถงทางเข้าห้องนอนใหญ่แบบนี้ ประตูห้องนอนเป็นบานไม้ Doric ลายลูกฟัก ส่วนพื้นยังคงปูด้วยลามิเนตเหมือนเดิม ภายในห้องนอนจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ Walk-in Closet และส่วนพักผ่อน พอเข้ามาภายในห้องแล้ว ทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นส่วนของ Walk-in Closet เลยค่ะ ภายในสามารถวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ได้อย่างลงตัว และจาก Walk-in Closet จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัว ภายในห้องน้ำจะเหมือนกับบ้านหลังที่แล้วทุกประการทั้งวัสดุและสุขภัณฑ์ รวมถึงรูปแบบการวางห้องน้ำด้วย แต่ห้องน้ำห้องนี้จะไม่มีหน้าต่างระบายอากาศมาให้ จึงต้องพึ่งพัดลมดูดอากาศที่ทางโครงการได้ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ในโซนพักผ่อนก็มีพื้นที่ที่กว้างขวางทีเดียวค่ะ ภายในห้องดูโปร่งมากเพราะได้หน้าต่างบานใหญ่มาถึง 3 บาน ในห้องจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตและโต๊ะข้างมาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่จริงๆ แล้ววางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังไม่อึดอัดนะ ฝั่งปลายเตียงสามารถวางชั้นวางทีวี และชั้นเก็บของได้อีก พื้นที่ยังเหลือมากพอสามารถเดินผ่านได้สบายๆ จริงๆ แล้วจะวางสตูลปลายเตียงเพิ่มอีกสักตัวก็ยังไหวเลยนะคะ จากห้องนอนใหญ่ เราเดินออกไปดูที่อีกฝั่งนึงของบ้านกันต่อ ซึ่งจะเป็นส่วนของ Living Area ทั้งห้องนั่งเล่น และห้องรับประทานอาหาร อีกฝั่งก็ยังสามารถวางชั้นวางทีวีได้อีก 1 ตัว ส่วนที่ตรงกับห้องน้ำชั้นล่างจัดเป็นพื้นที่ครัวแทนค่ะ คราวนี้เราขึ้นไปดูที่ชั้น 4 กันต่อ เป็นชั้นสุดท้ายแล้วค่ะ ภาพมองขึ้นไปที่โถงชั้น 4 ภาพมองย้อนกลับไปที่ชานพักบันไดค่ะ ขึ้นมาถึงชั้น 4 จะเจอพื้นที่โถงบันได หน้าห้องนอนใหญ่ ภาพมองย้อนกลับไปที่โถงบันได จะมีห้องนอนอีกห้องอยู่อีกฝั่ง เราเข้าไปดูภายในห้องนอนใหญ่กันเลยค่ะ แปลนของห้องนอนห้องนี้แทบจะเหมือนกับห้องนอนใหญ่ชั้นล่างทุกประการเลยค่ะ หน้าห้องฝั่งซ้ายมือเป็นส่วนของ Walk-in Closet ซึ่งเชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัว มีการเปลี่ยนที่ทางของสุขภัณฑ์นิดหน่อย แต่ยังคงใช้รุ่นเดิมเหมือนเดิมทุกประการค่ะ เข้ามาในส่วนของโซนพักผ่อน จะมีพื้นที่เพิ่มออกไปเล็กน้อยตรงฝั่งหน้าบ้าน สามารถจัดวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตและโต๊ะข้างอีก 2 ตัว พื้นที่ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาค่ะ สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นได้พอดี ผนังอีกฝั่งจะทำเป็นชั้นวางทีวี, ชั้นวางของ หรือโต๊ะทำงานก็ได้หมด คราวนี้เรามาดูห้องนอนเล็กที่อีกฝั่งนึงกันต่อ พื้นที่หน้าห้องจะยังเหลือๆ สามารถวางชั้นวางของหรือชั้นหนังสือเพิ่มได้ ภายในห้องนอนเล็กก็สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัวค่ะ ภายในก็มีห้องน้ำในตัวให้เหมือนกันนะ ฝั่งทางเข้าห้องสามารถวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตได้ หรือ 3 ฟุตครึ่งก็จะพอดีเป๊ะ ฝั่งปลายเตียงยังเหลือ สามารถวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้พอดีเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำค่ะ ภายในยังคงใช้วัสดุและสุขภัณฑ์แบบเดิม ส่วนการจัดแปลนห้องน้ำจัดได้ลงตัวตามขนาดพื้นที่ใช้สอย ส่วนพื้นที่อาบน้ำถูกจัดสรรไว้เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สวิตช์และปลั๊กไฟจะใช้ของ Bticino ทั้งหมด :::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (มีนาคม 2561) :::: วัสดุโดยรวม
ห้องน้ำ และสุขาภิบาล
งานไฟฟ้า
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ :::: ราคา (มีนาคม 2561) :::: โฮมออฟฟิศ สูง 4 ชั้น – พื้นที่ใช้สอย 226 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ – เริ่ม 6.99 ล้านบาท – ส่วนลด 200,000 บาท + แอร์ทุกห้องนอน ทาวน์โฮม สูง 3 ชั้น – พื้นที่ใช้สอย 196 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ – เริ่ม 3.39 ล้านบาท – ส่วนลด 200,000 บาท
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :::: สรุป :::: ทำเลที่ตั้งโครงการ ตัวโครงการ The Eiffel รามคำแหง-มิสทีน ตั้งอยู่บน ถ.คู่ขนานกาญจนาภิเษก เข้ามาจาก ถ.รามคำแหงประมาณ 2 กม. มีจุดเด่นอยู่ที่ ใกล้แอร์พอร์ทลิงค์สถานีบ้านทับช้าง และทางด่วนมอเตอร์เวย์ ตัวโครงการสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางคือ จากทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก และจาก ถ.ราษฎร์พัฒนา เป็นทำเลที่คมนาคมสะดวก สามารถเชื่อมต่อถนนสายสำคัญได้ง่าย และมีสาธารณูปการครบครัน โดยเฉพาะ ถ.รามคำแหง ที่เป็นถนนใหญ่เส้นหลักของโครงการ มีความครึกครื้นของแหล่งการค้ากระจายอยู่ตลอดเส้นทาง เป็นที่ตั้งของ อาคารพาณิชย์, อาคารสำนักงาน, สถานที่ราชการ, ธนาคาร, ตลาด, คอมมูนิตี้มอลล์, ห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษาที่สำคัญ และโรงพยาบาลอีกหลายแห่ง จึงเหมาะสำหรับการทำการค้าและการอยู่อาศัยค่ะ การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว เป็นทำเลที่เดินทางได้สะดวก เพราะตัวโครงการสามารถเข้า-ออกได้ถึง 2 ทาง โดย ทางคู่ขนานกาญจนาภิเษก จะสามารถวิ่งลงต่อไปทางบางนาได้สะดวก และ ทาง ถ.ราษฎร์พัฒนา สามารถเชื่อมสู่ ถ.รามคำแหง และ ถ.เคหะร่มเกล้า ได้โดยไม่ต้องไปกลับรถไกล จาก ถ.รามคำแหง จะสามารถวิ่งไปเชื่อมสู่ ถ.พระราม 9 และ ถ.เพชรบุรี ตรงเข้าสู่ย่านเอกมัย-ทองหล่อได้สะดวก หรือจะวิ่งออกไปทางมีนบุรี เข้า ถ.สุวินทวงศ์ ออกสู่ฉะเชิงเทรา และจาก ถ.เคหะร่มเกล้า จะวิ่งไปเชื่อมกับ ถ.ร่มเกล้า ที่สามารถวิ่งลงไปเชื่อมกับ ถ.เจ้าคุณทหาร, ถ.ลาดกระบัง และเข้าสนามบินสุวรรณภูมิได้อีกด้วย นอกจากนี้ตัวโครงการยังอยู่ใกล้กับทางด่วน และอยู่ใกล้ถนนตัดใหม่ นั่นก็คือ ถ.ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เป็นถนนที่ข้ามวงแหวนกาญจนาฯ ไปยัง ถ.กรุงเทพกรีฑา, ข้าม ถ.ร่มเกล้าไปยังเจ้าคุณทหาร และออกสู่มอเตอร์เวย์ผ่าน ถ.พัฒนาชนบท 3 และ 4 เป็นทำเลที่มีเส้นทางเชื่อมต่อทั้งขาเข้าและขาออกเลยค่ะ การเดินทางโดยรถสาธารณะ ที่หน้าโครงการมีรถสองแถวสีเขียวขาวผ่าน ซึ่งรถจะวิ่งจากรถไฟฟ้าหัวหมากถึงมีนบุรีมาผ่านที่หน้าโครงการ ทั้งนี้ยังมีรถแท็กซี่ ผ่านหน้าโครงการ และรปภ.จะเป็นผู้ดูแลและอำนวยความสะดวกให้อย่างดี ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้ก็ถือ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ทลิงค์สถานีบ้านทับช้าง จะไปก็ไม่ยากค่ะแต่ต้องอาศัยแท็กซี่ไปเท่านั้น ในอนาคตบนเส้นรามคำแหงก็จะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี สถานีที่ไปใช้งานสะดวกมากที่สุดก็คือ สถานีราษฎร์พัฒนา ซึ่งตำแหน่งของสถานีจะอยู่ที่แยกทางเข้า ถ.ราษฎร์พัฒนาเลยค่ะ การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการนี้ออกแบบภายใต้แนวคิด Smart Home Office สไตล์ Art Deco กลิ่นอายเมืองปารีส ดูสง่างาม ใช้โทนสีครีม-น้ำตาล วัสดุที่ให้มาก็อยู่ในระดับดีสมราคา ได้นวัตกรรม Smart Home System และระบบ Motion Sensor ในบ้านทุกหลัง มีการวางผังโครงการที่ดี ไม่ซับซ้อน และไม่แออัด การออกแบบพื้นที่ใช้สอยในแต่ละส่วนถือว่าทำได้ดีพอสมควรค่ะ ออกแบบมาให้มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ ไม่รู้สึกว่าคับแคบ แถมฝ้าเพดานก็สูงโปร่ง ช่องแสงขนาดใหญ่ก็ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่ง ส่วนวัสดุอย่างอื่นจะคล้ายๆ กันค่ะ ได้มาตรฐานดีและสวยงาม |